ตอนที่ 66-4 ญาติชั้นเยี่ยมมาถึง
ลงฮูหยิน โยนเคียวตัดผักทิ้ง ไม่คงไม่ทำมันละแปลงผัก บ้าน เจ้าลูกชายคนรอง เลี้ยงลูกชายประสาอะไรกัน ก็รู้ว่าเป็น ขุนนางงานยุ่ง แต่เมียก็มีมิใช่ เมียที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นแม่ เลี้ยงน่ะ หรือนางไม่ใส่ใจหลานข้าจริงๆ? เรื่องแม่เลี้ยงทำร้าย ลูกเลี้ยง ถงฮูหยินเห็นมาเยอะแล้ว
บ้านไหนที่ลูกไม่มีแม่ผู้ให้กำเนิดหรือผู้สูงอายุคอยดูแล จัดการ วางใจไม่ได้จริงๆ จึงกำชับให้บ่าวกลับไปรายงานนาย ที่จวนสกุลอวิ๋นว่า อีกสองสามวัน ตนจะไปหาที่เมืองหลวง
บ่าวจึงรีบรับคำ เย่! ขอรับ เช่นนั้นบ่าวจะรีบกลับไปบอก
นายท่าน ให้เตรียมรถม้ามารับท่านย่า
พี่ใหญ่สกุลอวิ๋นและพี่สะใภ้มีลูกด้วยกันสี่คน ชายสาม หญิงหนึ่ง พี่ใหญ่ไปด้วยไม่ได้ เพราะต้องเฝ้าบ้านบรรพบุรุษ และที่ดินสิบกว่าไร่กับลูกชายคนโต แต่เขาก็วางใจ เมื่อแม่จะ ไปบ้านน้องชาย จึงเตรียมของล้ำค่าให้แม่เอาไปด้วย
เมื่อปีกลาย พี่สะใภ้เพิ่งคลอดลูกชายชื่ออาชิง ตอนนี้จึง ยังไม่สองขวบดี ถึงฮูหยินเลี้ยงเองกับมือแต่อ้อนแต่ออก เด็ก น้อยจึงติดหนึบมาก ไปทำงานในไร่ยังต้องพาไปด้วย ถึง หยินจึงวางใจไม่ลง อยากจะพาเข้าเมืองไปด้วย
ส่วนพี่สะใภ้แซ่หวง ชื่อน้าสี่ โตมาจากท้องไร่ท้องนา ตั้งแต่รู้ว่าน้องเขยได้เป็นขุนนางในราชสำนัก กินตำแหน่งรอง เจ้ากรมกลาโหมนั้น ก็ใฝ่ฝันที่จะไปเปิดหูเปิดตา เยี่ยมเยียน จวนรองเจ้ากรมที่เมืองหลวงมาโดยตลอด ครั้งนี้พอได้ยินว่า แม่สามีจะไป ก็จงใจลากลูกสาวคนโตกับลูกชายคนรองมาเล่า ให้ฟังว่า ท่านย่ากำลังจะไปบ้านท่านอาในเมืองหลวงที่คึกคัก และน่าสนุกมาก
พอเด็กทั้งสองรู้ว่าสามารถไปเมืองหลวงที่มีของดีๆ กิน และมีที่ให้เที่ยวมากมาย ก็มาเกาะแกะท่านย่าไม่ยอมปล่อย ซึ่งถงฮูหยินที่เอ็นดูหลานอยู่เป็นทุนเดิม ไหนเลยจะปฏิเสธลง หวงน้าสี่จึงถือโอกาสบอกว่า เมื่อเด็กๆ ในบ้านไปกันหมด นางในฐานะแม่รู้สึกไม่ไว้วางใจ ขอไปด้วยคนดีกว่า ซึ่งนางยัง สามารถดูแลท่านย่าได้อีกแรง ถึงฮูหยินอ่านความคิดของลูก สะใภ้ออก จึงรับปาก
ดังนี้ สมาชิกครอบครัวสกุลอวิ๋นห้าคน ซึ่งประกอบด้วย เด็ก สตรีและคนชรา ก็เดินทางออกจากชนบทของไทโจวอย่าง ห้าวหาญ…เร่งรีบไปยังบ้านบุตรชายคนรอง ในเมืองหลวง
อวิ๋นเสวียนนั่งมารับมารดาที่หน้าบ้าน พอเห็นพี่สะใภ้พา หลานๆ มาด้วย ก็ผิดคาด แต่ก็ยังต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ก่อนบอกให้บ่าวไปเตรียมที่นอนเพิ่มในเรือนปีกตะวันตกอย่าง ฉุกละหุก
พอจัดการเสร็จ อวิ๋นเสวียนนั่งก็พูดจากับมารดาไม่กี่คำ จากนั้นก็กำชับให้ไปเสวี่ยฮุยดูแลทุกอย่างให้ดี อย่าผิดพลาดเป็นอันขาด ก่อนขอตัวไปทำงานที่กรมกลาโหมต่อ
ไปเสวี่ยฮุยในฐานะแม่ของลูก จึงต้องทำการต้อนรับญาติ ฝ่ายสามีที่มาเยี่ยมบ้านเป็นครั้งแรก ด้วยการพาลงฮูหยินกับพี่ สะใภ้และครอบครัวไปยังเรือนตะวันตก จากนั้นก็เรียกบ่าว แต่ละคนให้เข้ามาแนะนำตัว สุดท้ายค่อยบอกให้สาวใช้น้ำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วอัลมอนด์ และตังเม มาวางไว้บนโต๊ะ
หวงน้ามีลูกที่โตคลานตามกันมาสองคน ลูกสาวชื่ออาจ อายุเก้าขวบ ผิวค่อนข้างคล้ำ หน้าตาไม่เลว นิสัยเจ้ากี้เจ้าการ คล้ายท่านย่า แก่นแก้วและปากจัด
อีกคนชื่ออาเม่า เพิ่งจะเจ็ดขวบ ชนเหมือนลิงพอกัน หลุกหลิกและอยู่ไม่สุข พอเข้ามาในจวนก็กวาดตามองไปทั่ว วิ่งไปวนมาและร้องเสียงดัง หรือไม่ก็โต้เถียงกับพี่สาว
ถงฮูหยินอุ้มอาชิงไว้ในอ้อมอก เพราะพอเข้าบ้านมา อา ชิงก็ร้องไห้จ้า อาจเป็นเพราะหนทางขรุขระ ทำให้ระหว่างทาง ดูดนมได้ไม่อิ่ม รวมทั้งมาอยู่ในที่ที่แปลกตา แต่ก็ถูกกล่อมจน สงบลงจนได้
ลำพังแค่เด็กไม่กี่คนส่งเสียงดังลั่นบ้าน ทำให้ไปเสวี่ยฮุย หัวโตไม่ว่า แต่ลงฮูหยินกับพี่สะใภ้หวังน้านี่สิ ที่ทำให้นางอด ดูหมิ่นไม่ได้
ถงฮูหยินเป็นหญิงสูงวัยตามบ้านนอกคอกนา ใส่เสื้อผ้า เนื้อหยาบ มือเท้าหยาบใหญ่ เนื้อตัวมีกลิ่นผักดองและหัวไช เท้า เนื่องจากอายุมาก หูไม่ค่อยได้ยิน จึงพูดเสียงดัง เสียงพูดคล้ายเสียงฆ้องกลอง ทุกครั้งที่ฟังนางพูด ไปเสวี่ยฮุยเป็นต้อง ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่กล้าซักช้ารีรอ รับปากไปอย่างนุ่มนวล
ถ้านับว่าลงฮูหยินเป็นคนเจ้าระเบียบอยู่บ้าง เช่นนั้น สะใภ้หวังน้าสี่ก็เป็นคนหยาบคาย ไร้ซึ่งการอบรมบ่มนิสัยดีๆ นี่เอง
หวังน้าสี่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ เนื่องจากทำงานในท้องไร่ท้อง นามานานหลายปี จึงเอวหนาร่างใหญ่ ผิวพรรณหยาบกร้าน ท่าทางเจ๋อๆ ดำๆ เห็นว่าเมืองหลวงมีคุณหญิงคุณนาย มากมาย กลัวว่าตนจะดูไม่ดี จึงใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ แต่ก็ยังเป็น แบบเชยๆ ที่ตกรุ่นแล้ว พอยืนเทียบกับไปเสวี่ยฮุย จึงต่างกัน ราวฟ้ากับเหว
พอสาวใช้ยกลูกกวาดและขนมเข้ามา พี่กับน้องเม่าก็ ตาลุกวาวทันที กระโดดเข้าหา แล้วกินกันอย่างมูมมาม กาย เปลือกและเม็ดทิ้งเกลื่อนกลาด
ถงฮูหยินวางอาชิงไว้บนเตียง ให้เด็กคลานไปคลานมา แต่คลานไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ปัสสาวะ ทำให้ที่นอนและ ผ้าปูที่นอนชั้นดีราคาแพงเปียกแฉะ
หวังน้าสี่เข้าเมืองเป็นครั้งแรก จึงตื่นตาตื่นใจจนเหนื่อย ล้า ไหนเลยจะมีแรงมาสนใจเด็กๆ ตนเองหาที่นั่งเหมาะๆ แล้ว หยิบเมล็ดทานตะวันไปหนึ่งกำมือ นั่งแทะอย่างสบายอารมณ์
ภาพตรงหน้า สุดๆ จริงๆ เล่นเอาไปเสงี่ยฮุยไม่สบ อารมณ์อยู่บ้าง เดิมทีคิดว่าก็แค่ดูแลแม่เฒ่าจากบ้านนอกคนเดียว ไม่คิดว่า ต้องดูแลคนบ้านนอกครอบครัวหนึ่งไปอีก หลายวัน แต่ไม่มีทางเลือก การดูแลญาติผู้ใหญ่ถือเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติของลูกสะใภ้ ผลักภาระให้ใครไม่ได้ ท่านพี่ก็ กำชับแล้วว่า ถึงฮูหยินนานๆ มาที คนรอบข้างจับตาดูอยู่ มากมาย! ต้องดูแลให้ดี อย่าทำอะไรผิดพลาด ที่ทำให้คนนอก เอาไปนินทาได้
ขณะไปเสวี่ยฮุยกำลังคิด สาวใช้ก็นำที่นอนกันน้ำเข้ามา เปลี่ยนให้อาชิง
ถงฮูหยินบ่นสาวใช้ที่ทำอะไรชักช้า ด้วยเกรงว่าเด็กจะ หนาวที่ไม่ได้ใส่กางเกง จึงอุ้มอาชิงไว้ พลางกวาดตามองไป รอบๆ พอเห็นพี่สะใภ้นั่งแทะเมล็ดทานตะวัน และเด็กสองคนก็ เอาแต่วิ่งเล่น มีเพียงไปเสงี่ยฮุยที่สองมือยังว่างอยู่ จึงยกอาชิง ให้อุ้ม แล้วแย่งที่นอนกันน้ำจากมือสาวใช้ มาปูเอง
ไปเสวี่ยฮุยยังไม่ทันตั้งตัว ในอกก็มีเด็กเพิ่มมาคนหนึ่ง กลิ่นปัสสาวะโชยเตะจมูก เท้าที่เปียกปัสสาวะของ อะโดนเสื้อผ้านาง จะทำท่ารังเกียจก็ไม่ได้ เด็ก เลอะ
วันนี้นางอุตส่าห์แต่งตัวให้ดูสง่างามเป็นพิเศษ มาต้อนรับ แม่สามีจากต่างเมือง เพื่อให้โดดเด่นสมกับเป็นนายหญิงของ จวนรองเจ้ากรม เพื่อไม่ให้แม่สามีดูแคลนที่ตนเคยเป็นอนุมา ก่อน
ชุดนี้เป็นเสื้อผ้าราคาแพงที่นางเลือกจากร้านขายเสื้อผ้าที่ ดีที่สุดในเมืองหลวง เป็นชุดกระโปรงจีบรอบตัวสีหยกลายดอกไม้โปรยปราย สวมทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าไหมห้าสีฝังพลอย ไพลินเม็ดเล็กๆ แต่ตอนนี้เลอะไปด้วยปัสสาวะเด็ก เนื้อผ้าถูก ทำลาย ใส่สองไม่ได้อีก ย่อมหงุดหงิดใจยิ่ง ในใจก่นด่า อีแก่บ้านนอก
พอหวังน้าสี่เห็นไปเสวี่ยฮุย ที่ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา ลักษณะ ท่าทาง หรือการแต่งหน้าแต่งตัว ล้วนเหนือกว่าตนเอง เดิมทีก็ รู้สึกอิจฉาอยู่ ด้วยในหมู่สะใภ้ด้วยกันเอง จะมากหรือน้อยก็ ล้วนถูกนำมาเปรียบเทียบ ตอนนี้พอเห็นไปเสงี่ยฮุยหน้ายุ่ง ก็ รู้ทันทีว่านางรังเกียจลูกชายตน จึงเขวี่ยงเมล็ดทานตะวันลง แล้วว่า
“น้องสะใภ้ อาชิงเป็นเด็ก ถ้าเลอะเสื้อผ้าถือว่าโชคดี เพื่อนบ้าน ยังมาหาพี่เป็นประจำ เพื่อขออาชิงไปทำยา คลื่นไส้สิ้นดี พวกบ้านนอกชั้นต่ำ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ