ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 66-3 ญาติชั้นเยี่ยมมาถึง



ตอนที่ 66-3 ญาติชั้นเยี่ยมมาถึง

ทรงไก่หัวเราะ “รัชทายาทสูงส่งเกินไป และมีเจียงฮองเฮา คอยหนุนหลังอยู่ ไม่เหมาะสม ส่วนผู้ที่เหลือ ทั้งองค์ชายแปด องค์ชายเก้า สถานะของพระมารดาต่ำต้อยเกินไป มีอำนาจไม่ เพียงพอ ฝ่าบาทย่อมไม่ให้ความสำคัญ ท่านอ๋องป้ายสีไปก็ไร้ ประโยชน์ ส่วนองค์ชายสิบเอ็ด สิบสาม ก็เด็กเกินไป พอบอก ว่าเด็กๆ ไม่รู้เรื่องก็รอดพ้นจากข้อกล่าวหา ผู้คนไม่มีทางคิดว่า เป็นการทําร้ายไทเฮาไปได้ จึงมีเพียง…

พูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุด จงใจให้เวียฮ่องคิดถึงคนผู้นั้นเอา

เอง

ซึ่งเว่ยอ๋องกลับหัวแหลม เดาได้ฉับพลัน “เจ้าสาม? ฮาๆ ไม่ผิดๆ! ข้าเกลียดชังเจ้าสามยิ่ง

นี่ดีมากจริงๆ ประการแรก ช่วยตนเบี่ยงเบนความสนใจ ประการที่สอง จู่โจมฉินอ๋องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มู่หรงไปปรึกษาหารือแบบปิดประตูกับเว่ยอ๋องต่อ พอเห็น ว่าได้เรื่องพอสมควร ก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

วันนี้นับว่า เขากับเว่ยอ๋องลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต่อไป เขาจะกินข้าวหรือกินโจ๊ก ก็ต้องพึ่งเว่ยอ๋องแล้ว สวรรค์ให้เขาเกิดใหม่ เพื่อให้เขามาจัดการพลิกฟ้าคว่ำ
แผ่นดินของฉันอ๋อง ใครใช้ให้หญิงสาวทอดทิ้งเพชรในตม อย่างเขาเล่า จะมาหาว่าเขาศิโรราบผู้อื่นไม่ได้หรอก

รอให้เวียอ๋องได้นั่งบัลลังก์มังกร เขาก็คือขุนนางผู้ช่วย อันดับหนึ่ง

ดังนั้น เขาต้องควบคุมเรื่องนี้ให้ดี จึงบอกให้เวียต้องฟัง คำสั่งจากเขาทั้งหมด อย่าทำนอกเหนือจากที่เขาสั่ง พอคิดถึง ตรงนี้ มู่หรงไก่ก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย

“ท่านอ๋องดูสบายใจขึ้นมาก วันนี้ข้ายังนำของชิ้นหนึ่งมา ฝาก วางไว้ข้างนอกอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ตอนนี้มีผู้นำมาให้ท่าน เลยจะดีกว่า”

“ได้สิ” เว่ยอ๋องยิ้มรับ

พอมหรงไปปรบมือสองครั้ง เด็กรับใช้ในจวนโหว ประคอง “ของขวัญ” ชิ้นนั้นเข้ามา

เมื่อเปิดผ้าคลุมหน้าออก ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาสวยสง่า กว่าหญิงสาวก็คุกเข่าลงบนพรมแดงในห้องแล้วเงยหน้าขึ้น เว ยอ๋องสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วทำตาวาว

ชายหนุ่มอายุราวสิบแปดสิบเก้า ผิวขาวเนียนใสดุจน้ำนม ดวงตาสวยดูเจ้าชู้คล้ายปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ยิ่งพินิจก็ยิ่ง ทำให้จิตใจไหวหวั่น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางและ นุ่มนิ่ม โดยเฉพาะคิ้วที่ดูเศร้าอยู่บ้าง แต่เป็นธรรมชาติ ดุจ ทิวทัศน์อันงดงาม ที่ทำให้คนชื่นชมโดยไม่กะพริบตาได้ครึ่งก่อนวัน

“เจ้าคือ…”

พอมทรงไท่เห็นเว่ยอ๋องมองจนลูกตาแทบจะถอนออกมา ก็หัวเราะในใจ เป็นไปตามคาด

จากที่ผู้คนลือกันว่าเว่ยอ๋องเป็นคนเจ้าชู้ เก็บสะสมสาวใช้

และนางบำเรอสวยๆ ไว้ในจานอ๋องมากมาย จนเกือบจะแซง

หน้าสาวงามในวังหลังของหนังซีฮ่องเต้ไปแล้วนั้น แต่เขากลับ

ได้ข่าวซุบซิบเล็กๆ มาว่า นี่เป็นการพรางตาของเวยอ๋อง โดย

ความจริงแล้ว เว่ยอ๋องไม่แตะต้องผู้หญิง เขาเป็นชาวรักร่วม

เพศ ที่สะสมสาวงามเพื่อปกปิดรสนิยมชอบผู้ชายของตนเอง

สืบเนื่องจาก แม้หนังซีฮ่องเต้เอ็นดูเขาแค่ไหน ก็ไม่มีทาง ยอมให้ผู้ที่ชอบเพศเดียวกันอย่างเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้แน่ เพราะ จะทำให้ไม่มีลูกหลานสืบราชสันตติวงศ์

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้มทรงไท่ไม่ค่อยได้คบหา สมาคมกับเว่ยอ๋อง เพราะตัวเขาเองชอบผู้หญิง ย่อมไม่รู้สึกดี อะไรกับผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับเขานั้น เว่ยอ๋อง เป็นหมากที่ดีมากๆ ตัวหนึ่งจริงๆ

ประการแรก สถานะของเว่ยอ๋องช่วยให้เขาต่อกรกับฉัน อ๋องได้ ประการที่สอง ถ้าเว่ยอ๋องไม่แตะต้องผู้หญิงจริงๆ ก็เป็น ไปได้สูงที่จะไร้ทายาทสืบราชสันตติวงศ์ พอขึ้นครองบัลลังก์เขามทรงไห้ก็จะยิ่งมีโอกาส… เพราะในอดีต ฮ่องเต้ที่ไร้ทายาท สุดท้ายราชบัลลังก์จะถูกเปลี่ยนมือ และหนึ่งในนั้น ตกเป็นของ ขุนนางผู้มีผลงานสร้างชาติ

แต่ตอนนี้เขาต้องหยุดฝันหวานชั่วคราว เมื่อชายหนุ่มหัว แถวของลั่วหยางชุนที่เขาจ่ายไปสามพันตำลึงเงิน ได้เงยหน้า ขึ้น จ้องมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า ผู้สวมชุดผ้า ไหมสีม่วงที่ดูสูงส่งและน่านับถือ ซึ่งก็คือองค์ชายห้าในปัจจุบัน หรือนายท่านในอนาคต ก่อนจีบปากจีบคอรายงาน

“บ่าวชื่อเยี่ยหนานเฟิง คุณชายรองทรงเชิญให้บ่าวมา ปรนนิบัติท่านอ๋อง

สามพันตำลึงเงินไม่เสียเปล่าจริงๆ หัวแถวก็คือหัวแถว น้ำเสียงไม่สูงส่ง แต่ก็ไม่ต้อยต่ำจนเกินไป มีความละมุนจับใจ ผู้คนและไม่ดูถูกตนเอง โดยบอกว่ามู่หรงไก่เชิญมา มิใช่ซื้อมา

เว่ยอ๋องแม้เคยเห็นคนงามมาไม่น้อย แต่พอเห็นเยี่ยหนาน เฟิง วิญญาณก็หลุดลอยไปแล้วครึ่งหนึ่ง รีบดึงเขาเข้ามา แล้ว

ว่า

“ดีๆ ต่อไปก็ให้เจ้าปรนนิบัติอยู่ข้างกายนี่ล่ะ” แล้วจึงหัน ไปยิ้มให้มทรงไท่ “คุณชายรองสายตาแหลมคมจริงๆ! ข้าต้อง ขอบคุณล่วงหน้าแล้ว!

มู่หรงไม่ส่งสายตาให้เยี่ยหนานเฟิง พร้อมรอยยิ้มแฝง

ความพอใจในอำนาจที่ได้มาส่วนหนึ่ง ก่อนออกจากประตูจวน อ๋อง
จวนรองเจ้ากรม

พออนเสวียนนั่งได้รับจดหมายจากมารดาว่าจะมาเมือง หลวง ก็รีบบอกให้บ่าวในบ้านเก็บกวาดเรือนปีกตะวันตกให้ ถงฮูหยินพักอาศัย

เขาเคยเชิญมารดาให้มาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่อย่างไร ถึงฮูหยินก็ไม่ยอมมา ก็เพราะไม่ยอมจากบ้านโกโรโกโสหลัง นั้น จะใช้ชีวิตอยู่ในชนบทกับพี่ชายและพี่สะใภ้ท่าเดียว

ซึ่งเช่นนี้ทำให้เขาลำบากใจยิ่ง เนื่องจากคนในตาเซวียน เชิดชูความกตัญญู กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังไม่กล้าอกตัญญู นับ ประสาอะไรกับขุนนางธรรมดาๆ เมื่อลูกชายได้เป็นขุนนาง บุพการีก็ควรได้ซึมซับเกียรติยศชื่อเสียงด้วย การทิ้งมารดาผู้ ครองตนเป็นม่ายและเลี้ยงดูตนจนเติบใหญ่ไว้ในชนบท เกรง ว่าอาจถูกผู้คนครหานินทา หรือพูดให้ร้ายแรงหน่อยก็คือ อาจ ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งการงานในภายภาคหน้า

ทว่าเมื่อถึงฮูหยินไม่ยอมมาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย และเขา ส่งคนไปจับตัวมารดามาดื้อๆ ไม่ได้ จึงได้แต่ส่งคนไปถามไถ่ สารทุกข์สุกดิบบ่อยๆ เพื่อให้คนในราชสำนักรู้ว่า เขามิได้ อกตัญญู แต่เป็นเพราะมารดาไม่ยอมมาเองจริงๆ

แต่ในที่สุดถึงฮูหยินก็ยอมมาเมืองหลวงแล้ว โดยบอกว่า สุดที่รักอนจิ่นจังเสียหน่อย

พอได้ยินข่าวเรื่องบ้านสวน โย่วเสียน ก็อยากจะมาเยี่ยมหลาน

แล้วเหตุไฉนอนเสวียนนั่งจะไม่อ้าแขนต้อนรับเล่า
ไม่เกินสองวัน เรือนของลงฮูหยินก็ถูกจัดการเรียบร้อย ปลอดโปร่ง กว้างขวาง สว่างไสว เหมาะสำหรับผู้สูงอายุยิ่ง อีกทั้งยังเลือกบ่าวที่คล่องแคล่วและปากหวานให้สามคน เป็น สาวใช้สองคนกับมอมอหนึ่งคน ให้ลงฮูหยินเรียกใช้ได้ตาม ความต้องการ

ตอนอวิ๋นหวานในฝากค่พูดไปกับบ่าวนั้น ได้จงใจปล่อย

ข่าวออกมานิดหน่อยว่า ก่อนหน้านี้คุณชายติดเชื้อจากฮูหยิน

จึงไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านสวน แต่ใครจะคิดเล่าว่าขณะเที่ยว

เล่นบนภูเขา คุณชายไม่ทันระวัง ตกลงไปในหน้าผา และถูก

คุณหนูใหญ่ช่วยขึ้นมา เดชะบุญที่คนที่ฟ้าคุ้มครอง บรรพชน

สกุลอนปกป้อง สุดท้ายสองพี่น้องจึงก็ไม่เป็นอะไร

ตอนฟังข่าวนั้น ถึงฮูหยินกำลังเก็บผักในแปลงด้วยตัวเอง อยู่ พอได้ยินว่าหลานป่วยและคิดจะไปพักฟื้นที่บ้านสวน ก็ร้อน ใจแล้ว พอได้ยินอีกว่าไปเที่ยวเล่นจนตกหน้าผา ก็คว่ำชะลอม ผัก แล้วลุกขึ้นยืน

ลงฮูหยินก็เหมือนคนเฒ่าคนแก่ในชนบทส่วนใหญ่ ที่รัก เด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงมากๆ อวิ๋นจีนจึงเป็นหลานชาย คนโตของลูกชายคนที่สองซึ่งอายุย่างสี่สิบแล้ว แต่ก็มีหน่อเนื้อ เชื้อไขแค่คนเดียว ทำไมถึงไม่ทะนุถนอมให้ดี พอได้ยิน จึง ร้อนใจยิ่ง จับแขนบ่าวผู้นั้นไว้ พลางว่า

“จีนจังตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว หายป่วยหรือยัง ตกหน้าผา บาดเจ็บหรือเปล่า ขอสวรรค์คุ้มครอง เพิ่งอายุได้ไม่กี่ขวบ ก็ ต้องมาแบกรับความผิดร้ายแรงเสียแล้ว!
บ่าวทำตามที่เกี่ยวเอ๋อร์กำชับไว้ ค่อยๆ ตอบอย่างใจเย็น เรียนท่านย่า คุณชายไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่บางครั้งเหงื่อ ออกกลางดึกเพราะฝันร้ายอยู่บ้าง แต่ท่านย่าวางใจ น่าจะเป็น เพราะตกใจ บำรุงร่างกายสักระยะ ก็น่าจะไม่มีปัญหา…

ถึงฮูหยินถลึงตามอง แบบนี้ยังเรียกว่าไม่มีปัญหาอีก เด็กๆ ที่ผ่านเหตุการณ์รุนแรงมา ถ้าบอกว่ามีอาการซึมเศร้า ก็ จะยิ่งซึมเศร้าลงไปอีก ในหมู่บ้าน ลูกชายของชาวบ้านหลาย คน ตอนอายุสามขวบเดินออกจากประตูบ้าน แล้วถูกสุนัขตัว โตสีดำกัด พอกลับถึงบ้านก็ตัวร้อน แล้วหมดลมหายใจใน เวลาต่อมา

ซึ่งถงฮูหยินลืมไปว่า หลานของนางกำลังจะสิบขวบแล้ว แต่ต่อให้โตแค่ไหน ก็ยังเป็นเด็กในสายตาของนางอยู่วันยัง ค่า!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ