“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมคุยกับใครอยู่ครับ” น้ำเสียงที่น่าฟัง ของมนต์ตรี งออกมาจากมือถือ
ใจของจารวีสั่นเล็กน้อย เสียงของ มนต์ เสียงที่จะทำให้เธอ
รู้สึกปลอดภัย
" เมนต์ ฉันเอง…. "จารวีพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
"!"
มนต์ตรีตะโกนออกมาเบาๆ แล้วมีเสียงพูดมาจากฝั่งของเขา “ท่านประธานคะ การประชุมจะเริ่มแล้วค่ะ”
“เลื่อนออกไปอีกสิบนาที…
" รับทราบค่ะ ;
จาร เงียบไป เธอตระหนักได้ว่าเธออาจจะรบกวนเวลาทำงาน ของมนต์ตรีเข้า เพราะที่จริงเวลานี้เป็นเวลาทำงาน
“วี พี่อยู่ วีพูดมาเลย”
" มนต์ ขอโทษนะคะ ที่กวนเวลาทำงานพี่น่ะ…"
“ไม่เป็นไร วี พี่เลื่อนการประชุมแล้ว วี ตอนนี้วีอยู่ที่ไหน เขาดีกับ
วีมั้ย?”
ลึกซึ้ง
นํ้าเสียงของมนต์ตรีจริงจังมาก แสดงความกังวลต่อเธออย่าง
ความอ่อนโยนของเขารุกรานมาในใจของเธอ ทำให้จารวีรู้สึก มั่นคงและอบอุ่น รู้สึกหนักๆที่หางตา อยากจะร้องออกมาโดยไม่มี
เหตุผล
;แม่…." กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนราวกับปอด และหัวใจถูกฉีกแยกจากกัน
มีเสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัต ยุพินกับเฉลิมชัยล้มในกองเลือด "อย่านะ…"จารวีเจ็บปวดใจจนเป็นตะคริว เจ็บปวด
รวดร้าวราวกับถูกโยนลงไปในเครื่องปั่น
ทันใดนั้น คนที่ถือปืนก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของจารวี
ปากกระบอกปืนสีดำาจ่อไปที่หัวใจของจารวี ดวงตาสีดำที่มอง เธอเต็มไปด้วยความคับแค้นใจอย่างรุนแรง
" ;คนในบ้านพูลสวัสดิ์ไม่มีอะไรดี คนในบ้านพูลสวัสดิ์ สมควรตายทั้งหมด… "
ในตอนที่จารวีมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้วเธอ ก็ตกตะลึงจนขาทั้งสองขยับไปไหนไม่ได้
“คนในบ้านพูลสวัสดิ์สมควรตายทุกคน คนในบ้านพูลสวัสดิ์
สมควรตายทุกคน…
คําสาปแช่งที่พ่นออกมาเสียงเบาๆเหมือนจะเร่งให้ไปตาย ทําให้จารวีหนีไปไหนไม่ได้
ทันทีที่เธอหลับตาลง แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาผ่าน ทางหน้าต่าง ปัดเป่าฝันร้ายที่น่ากลัว จารวีเหงื่อท่วมกาย หัวใจยังเต้น ไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว
เห็นชัดว่าเป็นแค่ความฝัน แต่ทําไมมันสมจริงขนาดนี้
"จารวี…”
เสียงที่เต็มไปด้วยความแหบออกมาจากประตูห้อง จารวีตกใจ ไปยกใหญ่
เพราะว่าในฝันเธอตกใจ ประกอบกับตอนนั้นยศพลตะโกนออก มา เธอจึงกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ยศพลงมาแต่ไกลจากข้างนอก เสื้อยืดสีขาวที่มีเหงื่อ
โชกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายที่แข็งแรงดั่งสิงโตที่มี อำนาจเป็นเผด็จการ ซึ่งเป็นอะไรที่ยั่วยวนมาก กำลังมองจารวีที่มี ปฏิกิริยาที่ผิดไปจากปกติ
ยศพลก้าวเท้ายาวเข้ามานั่งอยู่ข้างกายของจารวีแล้วยื่นมือไป ลูบหน้าผากของเธอ
"เธอกลัวอะไรอยู่เหรอ?"
จารวี มอย่างอ่อนแอ อยู่ดีๆเธอก็รู้สึกกลัวมากไป เป็นไปได้ เปล่าว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคือฆาตกร
ความฝันนั้นเกินจริงมากจนทำให้เธอกลัวซะจนรู้สึกหายใจไม่ คอยออก
" ยศพล ฉันอยากพบคุณลุง ฉันมีเรื่องอยากจะถามอะไร ;
เขาสักหน่อย"
ยศพลแสดงถึงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงไปที่ห้องนํ้า "ตอนนี้เขาถูกรับโทษอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่ ว่าใครอยากจะเยี่ยมก็เข้าไปเยี่ยมได้"
จาร ลงมาจากเตียงด้วยอาการเซจนเกือบจะล้ม ยศพลใช้มือ
ทั้งสองจับเธอไว้
"เธอระวังกว่านี้หน่อยไม่ได้ไง เธอหวังว่าผมจะเลี้ยงดู เธอไปตลอดชีวิตได้เหรอ"ยศพลตำหนิด้วยความไม่พอใจ เขา ต้องการให้จารวีเคารพเกรงกลัวเขาและทำให้เธอยอมจํานน ไม่ทำใน สิ่งที่ตนเสนอมาเมื่อสักครู่
"บศพล นายเป็นซีอีโอของบริษัทSTกรุ๊ป นายมีอำนาจ ขนาดที่จะเรียกลมเรียกฝนได้ มีชื่อเสียงกึกก้องในประเทศ ฉันรู้ ถ้าเกิดนายออกโรง ฉันก็ต้องพบคุณลุงได้อย่างแน่นอน ขอร้องล่ะ ฉันมี เรื่องสำคัญจริงๆที่ต้องกามคุณลุงนะ"
จารวีเข้ามาใกล้และขอร้องอย่างสิ้นหวัง
ศพ โยนจาร ลงบนเตียงอย่างแรง จากนั้นก็หันตัวกลับเดิน
ไปทางห้องนํ้า
"จารวี ผมคงต้องทำให้เข้าใจสถานะของตัวเองให้ชัดเจน หน่อยละ อย่ามาชี้นิ้วสั่งผม…"
" ปัง!" พอยศพลเข้าห้องน้ำก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง
ทำไมเขาต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รุนแรงขนาดนั้น
ใจของจารวีร่วงไปถึงตาตุ่ม แต่สักพักก็สงบลงได้ หรือว่าความ ฝันนั่นจะเป็นเรื่องจริงน่ะ
ตอนนี้เธอควรทำอย่างไร ยศพลโกรธจนเดือดดาล เป็นแค่ครั้ง คราวเท่านั้นที่จะซื้อใจของเธอด้วยความโรแมนติกและอบอุ่นได้
เธอไม่ใช่หุ่นเชิด และก็ไม่ใช่คนโง่ บางทีก็หลงมัวเมากับหลุม
พรางที่อบอุ่นของเขา
เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
เธอจะต้องหาวิธีรู้ว่าคุณลุงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ยังไงให้ได้
ใช่แล้ว ไปหาพี่มนต์ เขาก็ต้องมีอิทธิพลในเมืองเอสเหมือน กันแน่ๆ ถ้าต้องการไปที่เรือนจำเพื่อสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของคนที่ สาบสูญไปของคุณลุงคงไม่มีปัญหาอะไร
ยศพลอาบน้ำเสร็จ พอออกมาก็ไม่เห็นจารวีอยู่ในห้องนอนแล้ว
ยับผู้หญิงรนหาที่ตายคนนี้ ในสมองของเธอคงไม่ได้เอาไว้ใส่ขพอถึงตอนนี้ยังจะนึกถึงลุงที่ตายไปแล้วอีก
บ้าไอ้โง่มันมีอะไรดีนะ
ในห้องรับแขก จารสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อน นั่งกอดเข่าอยู่บน โซฟา ตาจ้องมองไปที่หน้าจอแอลซีดีทีวีอย่างว่างเปล่า
พอเขาเดินใกล้เข้ามาอีกนิด ไม่นึกเลยว่าเธอจะร้องอยู่ ดวงตา ทั้งสองเป็นสีแดงราวกับตาของกระต่าย
ใจของยศพลถูกอะไรบางอย่างสัมผัสจนรู้สึกหวั่นไหวและนุ่ม นวลลง เขาเริ่มผิดหวังตอนเช้าตนเองโหดร้ายกับเธอมากเกินไป
เขายื่นมือออกไปจับไหล่ของจารวี แล้วดึงเธอมาไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็เช็ดที่หางตาของเธอ
"ร้องไห้?"
คำพูดที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัดออกมาจากปาก ของยศพล ไม่เสียงที่เสียดสีหรือถากถางเลยแม้แต่น้อย
ต่อต้านเขาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอถูกกอดไว้ใน อ้อมอกของเขา แต่กลับหันหน้าไปทางอื่น ไม่มองหน้าของเขา
สายตาของยศพลมองลอยๆไปที่หน้าจอทีวี เป็นช็อตที่พระเอก จุดดอกไม้ไฟให้นางเอง เพราะสิ่งนี้น่ะเหรอ
" เธอชอบดอกไม้ไฟเหรอ”
ในสมองของยังคงหยุดอยู่ที่ภาพในจอโทรทัศน์ที่อยู่ ด้านหน้า พระเอกตามหานางมาหลายปี ในที่สุดก็ตามหานางเองจน พบ แต่ว่านางเอกกลับเป็นมะเร็ง ในวินาทีสุดท้ายของชีวิตนางเอก พระเอกที่ทําตามสัญญา ที่เคยพูดไว้ในปีนั้นของเขา คือให้นางเอก สวมชุดแต่งงาน แล้วให้เธอเดินเข้าไปในห้องโถงที่จัดงานแต่ง ใน พริบตากระจายเต็มท้องฟ้าราวกับนางฟ้าโรยดอกไม้ลงมา
จาร รู้สึกถึงความรักที่มีกับมนต์ตรีอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่า จะเป็นวันนั้นที่มีดอกไม้ไฟเต็มฟ้า ในตอนที่ไปมัลดีฟสคราวก่อนที่ เขาจุดดอกไม้ไฟให้กับเธอ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้พบกับเขา
โชคชะตา เป็นเรื่องตลกที่น่ารังเกียจที่สุด มันนำส่งท้ ขอบพอและโปรดปรานออกไป แต่ผลักดันสิ่งที่ไม่ต้องการเข้ามา
",จารวี เธออายุ ปีแล้ว? เค้าแค่จุดดอกไม้ไฟเธอก็ซึ่งขนาด
นี้น่ะ”
ยศพลไม่ได้เหยียดหยาม แต่แอบตลกแบบดาร์คๆ
จารวีปิดจมูกและเช็ดน้ำตาอย่างระมัดระวัง จากนั้นพูดต่อว่า "นายไม่เข้าใจหรอก นี่เรียกว่าความรักที่แท้จริง"
“ความรักมันกินได้รึเปล่า?ไม่เห็นจะมีประโยชน์ไรเลยสักนิด…
“ใช ผู้ชายที่เกิดมาพร้อมกับกุญแจสีทองเหมือนนาย มีชีวิตที่ดี ตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ได้สมปรารถนา แถมยังไม่เคยขาดผู้หญิง ข้างกายเลย เพราะฉะนั้น นายเลยไม่เข้าใจคำว่าความรัก”
จาร พูดออกไปเยอะมาก ยศพลจึงหันมองเธออย่างไม่ตั้งใจ
“สักวันนึง เธอก็จะเข้าใจ ว่าความโรแมนติกมันไม่มีประโยชน์ อะไรเลยสักนิด
ยศพลมองนาฬิกาข้อมือแล้วผลักตัวจารวีออกไป “ฉันยังมีเรื่อง ต้องทำ เธอรออยู่บ้านนะ จำไว้ด้วย ห้ามออกไปไหนเป็นอันขาด แต่ ถ้าเธอไม่อยากจะมีขาแล้ว ก็ออกไปเลยก็ได้นะ”
จารวีอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ที่จริงพูดถึงเรื่องของความรัก กับผู้ชายคนนี้ มันต่างอะไรกับการสนอให้ควายฟังซะที่ไหนล่ะ คน อย่างเขาเนียนะ จะเข้าใจความรัก
ถ้าหวังว่าผู้ชายที่เอาเงินเพื่อแลกซื้อราคะจะเชื่อในเรื่องของความรัก มันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“คุณจารวีละ คุณชายไปทําธุระข้างนอกนะคะ เดี่ยวทานข้าว เสร็จ ฉันจะพาหมอนวดมานวดเท้าให้คุณนะคะ”
น้าอามทําตามคําสั่งของ พลอย่างจริงจัง
จารวีพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย ยังไงซะเธอไม่ได้มีอำนาจที่จะ ปฏิเสธยศพล ที่นิยศพลคือราชา คําพูดของเขาคือคําสั่งจากราชา และไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง
ในตอนเย็นก็มีหมอนวดที่ดูค่อนข้างมืออาชีพเข้ามาหาเธอ
จริงๆ
“คุณจารวี สวัสดีค่ะ ดิฉันคือเอมี่ มาเพื่อให้บริการกับคุณค่ะ..
เทคนิคการนวดที่มีทักษะอย่างมากของเอมี่ ทำให้เท้าของจารวี
รู้สึกสบายมาก เมื่อเธอนวดได้ครึ่งทาง มือถือของเอมี่ก็ดังขึ้น เอมี่ยัง
คงตั้งหน้าตั้งตานวดเท้าของจารวี โดยไม่มีทีท่าว่าจะรับมือถือเลย จารวีเลยพูดขึ้นมาเพื่อเตือนเธอ “คุณเอมี่ โทรศัพท์คุณดังอยู่
ค่ะ”
เอมี่ยิ้มพลางพูดว่า “เป็นกฎของร้านเราน่ะค่ะ ถ้าให้บริการ ลูกค้าอยู่จะไม่รับโทรศัพท์เด็ดขาดค่ะ”
จาร พูดออกมาอย่างเหมาะสม “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้คุณก็ ทํางานอยู่ข้างนอกร้าน แค่ฉันไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ”
เอมี่ลังเลไปชั่วครู่ พอจารวีพูดส่งเสริมอีกสองสามประโยค เธอ ก็ลุกขึ้นมาอย่างดีใจ เช็ดมือให้แห้งแล้วรับมือถือ
การนวดไปหนึ่งชั่วโมงทำให้อาการปวดเท้าของจารวีดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
เอมี่รับเงินแล้วเตรียมตัวที่จะออกไป
จาร มองข้างล่างทั้งสี่ทิศไม่มีคน แล้วจับมือเอมี่ไว้แน่น คุณ เอมี่คะ เท้าฉันแพลง ออกไปข้างนอกไม่สะดวก ฉันขอมือถือ ที่คุณใช้อยู่ตอนนี้ด้วยเงินพันบาทนี้ได้มั้ยคะ ถ้านี้ไม่ได้สำคัญกับ คุณมาก
เอมี่ลังเลไปสักพัก แล้วหัว ขอโทษด้วยค่ะ คุณจารวี แต่ ว่าถ้าคุณต้องการซิมมือถือ ฉันออกไปซื้อให้ก็ได้นะคะ”
จารวียิ้มแย้ม นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ฉลาดจริงๆ “คุณจารวี ฉันเห็นว่าคุณเป็นคนดีมาก คุณถูกกักบริเวณในบ้านคะ อยาก ให้ฉันแจ้งความให้มั้ยคะ?”
ความมีน้ำใจของเอมี่ ทำให้จารวีได้รับกำลังใจอย่างมาก ฮะๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่คนในบ้านไม่ให้ฉันติดต่อกับเพื่อนน่ะ ฉันไม่อยาก ให้พวกเขารู้ ดังนั้นเลยอยากจะแอบใช้ซิมคุณโทรหาเพื่อนน่ะ
เอมี่กระพริบตาถี่ๆ “เรื่องเล็กแค่นี้ ฉันช่วยคุณได้ค่ะ”
หลังจากเอมี่ออกไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมา
ในตอนนั้น จารวีนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก น้าอามไป เปิดประตูแล้วถามอย่างสงสัย “เธอกลับมาอีก” เอมี่ยิ้มพลาง ขอโทษพลาง หนูลืมหยิบกระเป๋าไปน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ รบกวนพวกคุณ”
น้าอามมองเธออย่างหยาบคายไร้มารยาท “จริงๆเลยนะ พวก เธอทํางานไม่รอบคอบเลยจริงๆ
แต่ก็ยังหันมาเปิดประตูให้เอมี่เดินเข้ามา
กระเป๋าสีแดงให้กับเธอ “นี่กระเป๋าของคุณใช่มั้ยคะ ฉันเพิ่งจะเห็นน่ะ แต่ไม่รู้เบอร์ของคุณ ฉันเลยไม่ได้โทรไปน่ะค่ะ
เอมี่มองเห็นสายตาที่ส่อเป็นนัยของจารวี ก็ยิ้มแล้วรับกระเป๋า มาพร้อมส่งให้เธออย่างเงียบๆ
เอมี่ยิ้มแล้วเดินจากไป จารวี ซิมมือถือกลางฝ่ามือของตนไว้
"น้าอาม ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ขอขึ้นไปนอนพักข้างบน ก่อนนะ"
น้าอามประคองจารวีกลับเข้าไปในบ้าน
จารวีง่วงนอนซะที่ไหน พอเสียงฝีเท้าของน้าอามหายไปแล้ว เธอ ก็กระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหยิบมือถือออกมา จาก นั้นก็เอาซิมมือถือใส่เข้าไป ต่อสายไปหามนต์ตรี
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ