Uncategorized

1 วิวาห์ว้าวุ่น (2)



1 วิวาห์ว้าวุ่น (2)

ดวงตากลมโตสวย งรับกับใบหน้ารูปไข่ทอดมองท้องฟ้าสี ครามซึ่งมีปุยเมฆขาวสะอาดเหมือนขนมสายไหมลอยอยู่ ยอดไม้ ผลิใบอ่อนขยับไหวตามแรงลมพลอยให้เธอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทว่าความเงียบสงบในโลกส่วนตัวก็ถูกรบกวน เมื่อใครอีกคน ก้าวเข้ามาใกล้พร้อมเสียงที่นำมาก่อนตัว

“นึกแล้วเชียวหลบมาอยู่ที่นี่จริงด้วย ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ กลับบ้านยะ?”

คนถูกถามละสายตาจากยอดไม้ ปรายมายัง อานนท์” เพื่อน รักต่างเพศที่หย่อนก้นนั่งข้าง ๆ

ปกติช่วงสอบกลางภาคและปลายภาค โรงเรียนจะปล่อย นักเรียนกลับบ้านเร็วเป็นพิเศษเพื่อให้กลับไปอ่านหนังสือ ทบทวนเตรียมตัวสอบในวันต่อไป ทิชายังไม่กลับบ้าน แต่เธอ เลือกขลุกตัวอยู่ข้างสระดอกบัวหลังโรงเรียนจนเย็น

“ขี้เกียจกลับ เหม็นขี้หน้าคนที่บ้าน” หญิงสาวตอบตามความ รู้สึกพร้อมปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง โดยไม่สนใจอานนท์ที่หยิบ กระจกบานเล็กจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตขึ้นมาสองใบหน้าสำรวจ ความสวยของตัวเอง

“นึกว่าเครียดเรื่องยัยธิดาซะอีก” ปากพูดแต่ดวงตากลมโต ราวอิสตรีไม่ละไปจากกระจกเงา
“อ๋อ ด้วยกันนั่นแหละ เซ็งบรมเลย” ทิชาบ่นอุบ “เมื่อเที่ยงฉัน ไปติดต่อฝ่ายวิชาการเดินเรื่องให้ยัยธิดาแล้วโดนไล่ไปยัง อาจารย์ประจําภาควิชา ทุกท่านสั่งเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ยัย ดาทํารายงานส่งเป็นคะแนนเก็บ สงครบก่อนถึงจะยอมให้เข้า สอบได้” หญิงสาวเปรยออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนดีดตัวขึ้น นั่ง ปรายตาไปยังเพื่อนรักที่เอาแต่ถอนขนคิ้ว

“แล้วเธอล่ะ ทําไมถึงยังไม่กลับ?” อานนทร์ลดมือลง ตัดเสียง

ให้เล็กแหลมเหมือนผู้หญิงก่อนตอบ

“ส่องหนุ่มอยู่ริยะ”

“ส่องหนุ่ม!” ทิซาอุทานตาโต ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกคัก “เป็นไงบ้างล่ะ ได้ติดไม้ติดมือมากี่คน?” หญิงสาวกระแซะไหล่

กาม

“ติดไม้ติดมืออะไรล่ะ โดนพวกยัยซะนีทั้งห้างานไปหมดแล้ว เฮ้อ… พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย ผู้ชายของฉัน”

คนฟังหัวเราะร่วนกับกิริยาสะดีดสะดิ้งของเพื่อนรัก “เป็นผู้ หญิงยิงเรือเก็บอาการหน่อยสิยะ”

“จริงนี่นา ใครจะโชคดีเหมือนเธอล่ะ เรียนดี กิจกรรมที่เก่ง สวยก็สวย เพียบพร้อมไปซะทุกเรื่อง ดูซิ ยังเรียนไม่ทันจบก็มีลูก เศรษฐีมาจองตัวเป็นเจ้าสาวซะแล้ว ว่าแต่แต่งเมื่อไหร่ยะ?” อานนท์ใช้ศอกกระทุ่งหญิงสาวเบา ๆ ทิชาจึงเงียบไปอึดใจ

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้มีงานแต่งเกิดขึ้นเลย ยัยนนท์
“นนนี่ยะ ไม่ใช่นนท์เฉย ๆ บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วไม่รู้จัก จํา” อานนท์ทาหน้ายังพร้อมกระดิกนิ้วไปมา ทิชาจึงรีบแก้ทันที เพื่อติดความรำคาญ

“นั่นล่ะนนนี่”

“ดีมาก ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ บ้านออกจะรวยเข้าขั้นอ มหาเศรษฐีขนาดนั้น เธอยังจะปฏิเสธได้ลงคออีก ฉลาดน้อย เปล่ายะยับทิซา?”

คนถูกต่อว่าเบ้ปากน้อย ๆ ใช่ ฉันมันฉลาดน้อย แล้วก็โง่มาก ด้วยที่ยอมเป็นตุ๊กตาให้แม่ใหญ่ชักใย จะเล่าอะไรให้ฟัง รู้แล้วก็ เหยียบให้มืดเลยนะ”

“ได้ เหยียบก็เหยียบ เหยียบให้มิดเลย เพราะความอยากรู้ อยากเห็นจึงทําให้อานนท์รับปาก “ว่าแต่มันลึกลับซับซ้อนขนาด นั้นเลยเหรอยะ?” หนุ่มน้อยหัวใจหญิงสาวลดเสียงลงเป็นกระซิบ กระซาบ ดวงตาสวยประหนึ่งผู้หญิงดูตื่นเต้นสนอกสนใจกับเรื่อง ที่ทซาจะเล่าให้ฟัง

“ไม่ลับอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ฉันอายคนอื่นเขา

“ตายเหตุผล อายเรื่องอะไรยะ ผู้ชายของเธอออกจะเพอร์เฟ็ค ฉันเองยังอยากโชคดีเหมือนเธอเลยนะ” ดวงตาเป็นประกายชวน ฝันของอานนท์ ท่าเอาทิชาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยสักนิด

“ซีเพอร์เฟ็ค พูดมาได้ รู้แล้วจะหนาวเข้าไส้ ก็ว่าที่สามใน อนาคตที่แม่ใหญ่หาให้น่ะสิไม่สมประกอบ
“หา!!!” อานนท์อุทาน เอามือทาบอก

“ไม่ต้องหาหรอก ตอนสวมแหวนให้ยังนั่งน้ำลายยืดหยดใส่ มือฉันอยู่เลย” ทิชาท่าท่าขนลุกขนพองเมื่อเหตุการณ์สัปดาห์ ก่อนหวนเข้ามาในมโนภาพ ซึ่งคำบอกเล่าของหญิงสาวทำให้ คนฟังข้าง ๆ ขยับตัวมาใกล้กว่าเดิม

“ตายดาย พูดจริงพูดเล่นเนี่ย?” คนฟังถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“พูดเล่นมั้ง” ทิชาแกล้งประชด “ดีนะไม่อมแหวนหมั้นไว้ใน ปากแล้วคายมาสวมให้ฉัน พูดแล้วยังแขยงน้ำลายอีตานั่นไม่ หายเลย หากเธออยากโชคดี ฉันยกให้ฟรี ๆ เลยก็ได้นะ รับรอง เพอร์เฟ็ค!” หญิงสาวกระแทกเสียงหรี่ตามองคนข้าง ๆ

” ไม่เต็มร้อยจะเอาไปทำซากอะไรยะ สวยเลิศอย่างฉันหา เองได้ เซอะ” อานนท์เชิดหน้าใส่แล้วลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กับ ปัดเศษหญ้าแห้งออกจากกัน

พูดแล้วก็หิว เราไปหาอะไรกินกันเถอะ เย็นป่านนี้แล้วยังไม่มี ผู้ชายตกถึงท้องซักคน”

ทิชากลั้นหัวเราะ “ตกลงหิวข้าวหรือหิวผู้ชายยะยัยนน

“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ

ทิชาหัวเราะคิกคักพร้อมยื่นมือไปให้อานนท์ฉุดเธอลุกขึ้นมา โดยไม่ลืมกระเป๋านักเรียนทรงตู้เย็นซึ่งอัดแน่นด้วยตำราเรียนขึ้น มาอุ้มแล้วเดินเคียงข้างอานนท์จนถึงถนนใหญ่
ตลอดทางกลับบ้านสองคนกระเซ้าเย้าแหย่แกล้งกันไปแกล้ง กันมาตามประสาเพื่อนสนิท หากใครผ่านมาเห็นและไม่สังเกต พฤติกรรมของฝ่ายชายให้ดี อาจเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองเป็นแฟน กัน ซึ่งรวมถึงเจ้าของรถปิกอัพสีดำคันงามป้ายแดงที่เหยียบ เบรกกะทันหันด้วย

เอียด. ด!

“ว้าย ยัยซา!” อานนท์หวีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ส่วนทิชาที่อยู่นอกทางฟุตบาทนั้น หงายท้องกันเบ้ากระแทก พื้นถนนเรียบร้อยแล้ว เมื่อจู่ ๆ รถปิ๊กอัพสีดำหักเลี้ยวมาหาเธอ ดื้อ ๆ เจ้าตัวครางหน้าแหยทรงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ เลข ทะเบียนรถป้ายแดงมันวับ หยุดอยู่ตรงหน้าห่างจากปลายจมูก แค่คืบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ