Uncategorized

บทที่ 179 ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง



บทที่ 179 ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

เมื่อหยุนโล่ชวนฟื้นขึ้นมา เห็นอ่องตวนก็เลยรู้สึกแปลกใจ ดื่มเหล้าเมาแล้วฝันไปหรือ

นั่งสักพัก หยุนโล่ชวนพูดขึ้นว่า “ข้าดื่มเยอะไป จนฝันเห็น

ท่านหรือ”

อ่องตวนดูโกรธจนเห็นได้ชัด แล้วพูดขึ้นว่า “ใช่หรือ”

บรรยากาศดูเยือกเย็น หยุนโล่ชวนจึงหยักไปที่มีอของตัว เอง ก็รู้สึกเจ็บนี้ ไม่กล้าแล้ว

“อยู่ดี ๆ ออกไปดีเหล้าทำไมกัน เจ้าคือพระชายารองนะ ลืม สถานะของตัวเองไปแล้วหรือ”

“ หยุนโล่ชวนอยากจะเถียงกลับไป แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ เหมาะจึงทำได้แค่ก้มหน้า อ่องตวนโมโหขึ้นมา ก็อยากจะด่า แต่เมื่อเห็นหยุนโลชวน

วำไม่ออก

ก้มหน้าคอตกเหมือนกับปลาตาย เลยต่า

ทั้งสองคนอยู่แบบนั้นกันพักหนึ่ง จากนั้นหยุนโล่ชวนก็ลุก ขึ้น เตรียมตัวทำความเคารพ “ท่านอ่อง”

อ่องตวนขึ้นตรงพร้อมด้วยมือทั้งคู่ไขว้หลังไว้ “อี็ม”

“เลิกกับข้าเถอะ”

อ่องตวนถึงกับตะลึง หยุนโล่ชานเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ “ท่านไม่ได้ชอบข้า ไม่รับข้ากลับไปยังให้ข้าอยู่ที่จวนอ่อง เสียนอีก ข้าเองก็ไม่สามารถกลับไปขอเงินที่ตำหนักกั๋วกงไต้ และเงินของข้าที่จวนอ่องตานนั้น ซึ่งก็ไม่มีใครส่งมาให้ข้า ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีเงินแล้ว หากอยู่ที่จวนอ่องเสียนต่อไปที่นี่ คงไม่เหลืออันใดแน่ ถึงมันจะไม่ใช่วิธีที่ดีก็เถอะ”

อ่องตวนคิดว่า หากจะเลิกกับนางไป เขาเองก็ไม่ต้องปล่อย ให้นางโดดเดี่ยวอยู่แบบนี้

แต่ก็ไม่คิดว่า แบบนี้มันจะเป็นเหตุผลที่ดีพอ

เวลาเพียงชั่วครู่ ไม่ทราบว่าจะตอบกลับกระไร

“พระชายาสุขภาพเพิ่งจะดีขึ้น ข้าเองอยากจะให้นางมารับ เจ้า” อ่องตวนพูดออกไปด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของนาง ที่จริงแล้วไม่เคยพูดถึงเรื่องที่จะรับนางกลับไปเลย

หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ใช่คนโง่ ครุ่นคิดอยู่สักพัก “ในเมื่อเป็น อย่างนี้ งั้นข้าจะรอ” อ่องตวนมองหยุนโล่ชวนกระไร้หนทางที่ช่วย และมีความ

รู้สึกทนไม่ได้ จากนั้นเลยพูดขึ้นว่า “เมื่อข้ากลับไปแล้ว จะมา

เจ้าตัวเจ้ากลับไปให้เร็วที่สุด”

หยุนโล่ชวนไม่ตอบ

ได้แค่มองดูบรรยากาศในบริเวณ “ท่านอ่อง ถ้าไม่มีเรื่องอัน ใด ก็เชิญกลับเถอะ”

“ข้ายังต้องเสวยข้าวที่นี่อีก” “หรือ”

หยุนโล่ชวนก็เพิ่งคิดได้จะอยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่า เขาเป็นอ่อง ไปเยี่ยมเยือนจวนอื่น เพื่อพูดคุยและเสวยข้าว นั้นก็เป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้ว

อันหลิงหยุนบอกให้คนไปเชิญอ่องตวน หยุนโล่ชวนเองไม่ อยากจะไป เพราะดื่มพอและเสวยไปเยอะมากแล้ว ไม่อยาก จะขยับแล้ว

แต่อันหลิงหยุนอยากจะให้นางมาเป็นเพื่อน จึงได้ไปที่ห้อง พระ กระบาหาร

เมื่อเห็นอ่องจงชิน หยุนโล่ชวนเองก็เตรียมทำความเคารพ “อ่องจงชิ้นเป็นกระไรบ้างคะ”

อ๋องจงซินเองก็รู้สึกแปลกใจ “เจ้าคือโล่ชวนหรือ”

“ใช่ค่ะ”

“เมื่อก่อนเจ้าคอยตามตื้อข้ามาก เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้กระไร กันอ่องจงชินยังไม่ทราบว่า หยุนโล่ชวนแต่งกับอ่องควนแล้ว และตอนนี้ก็เป็นพระชายารอง

“นางคือพระชายารองของข้า”อ่องตวนพูดขึ้นทันใด อ่องจงจินรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัดเจน จ้องไปที่หยุนโล่ ชวนแล้วถามขึ้นว่า “เป็นไปได้กระไร”

หยุนโล่ชวนเองก็รู้สึกอึดอัด กัดที่รมฝัปากตัวเองเบา ๆ อ่องวงชินดูมีสีหน้าที่ไม่ทราบเรื่อง ก่อนหน้านี้ที่อยู่ร้าน เหล้านั้นดูไม่ออก แต่ตอนนี้ดูออกแล้วกลับยิ่งต้องตกใจ ฮ่องกงชินพูดออกมาว่า “แต่เมื่อครู่เจ้ายัง”

“อ่องจงชินเชิญ”กงชิงวี่เชิญอ่องจงชินไปนั่ง อ่องตวนเองก็ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร โดยเฉพาะที่อ่องจงซินนั้นนั่งอยู่ ข้าง ๆ กับหยุนโล่ชวน

“โล่ชวน ที่ตำหนักกั้วคงเป็นกระไรบ้าง “เมื่ออ่องจงชินนั่งลง แล้วก็ได้ถามขึ้น

หยุนโลชวนพยักหน้า “ก็ดีค่ะ ฮ่องจงซินนานแล้วนะที่ไม่ได้ ไป ท่านปู่ชอบพูดถึงอยู่บ่อย ๆ”

“ใช่หรือ”อ๋องจงซินเองดูมีท่าทีที่ผิดหวัง ที่เห็นแววตาของ หยุนโล่ชวนนั้นดูเศร้า ๆ

ทุกอย่างนั้นอันหลิงหยุนต่างก็ได้เห็นหมด อองตวนเองก็

เห็นเหมือนกัน

เมื่อหลังจากที่เสวยข้าวเสร็จหวังว่าจะได้ส่งอ๋องจงชินและ อ่องตวนกลับ แต่คาดไม่ถึงว่าอ่องจงชินไม่อยากจะกลับ อ่อง ตวนเองก็ไม่กลับ

อันหลังหยุนเองก็ไม่เข้าใจ ว่าเกิดอันใดขึ้น

หยุนโล่ชวนส่งอองจงซินที่ด้านหน้า แต่อองจงชินที่กำลัง คุยกับหยุนโล่ชวนที่ในลานนั้น ไม่ได้มีทิ่ท่าว่าอยากจะกลับ

แล้วก็ไม่ทราบว่ากำลังพูดถึงอันใดกัน แต่คัดว่าทั้งสองคน นั้นดูสนิทสนมกัน อ่องตวนยืนอยู่ข้าง ๆ กับกงซิงที่แล้วมอง เกรงว่าจะโกรธจน เสียหัว สีหน้าดูบึงตึงแล้วมองจ้องทั้งสองคนนั้น

อันหลิงหยุนเองก็สัมผัสได้ว่าอ่องตวนนั้นกำลังจดจ้องที่หยุ

นโลชวน

เพราะว่าเป็นห่วง จึงรู้สึกโกรธ

แต่ว่าเขาเองนั้นกลับชอบจุนฉูฉูเป็นอย่างมาก แล้วทำไม ต้องโกรธขนาดนี้ด้วย

อันหลังหยุนเองบางครั้งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจผู้ชาย ถ้าได้แต่ง แล้วจะชอบหรือไม่

“พรุ่งนี้ข้าอยากไปเยี่ยมท่านกั๋วกงคนก่อนหน่อย เจ้าจะ กลับไปหรือไม่”อ่องจงชินถาม หยุนโล่ชวนสีหน้าเริ่มแดง ก้มหน้าลง นางนั้นคงไม่กล้าที่จะ

กลับไปหรือก

แต่ว่าอ่องตวนมองออกว่า นั้นมันเป็นการที่นางรู้สึกอาย จากนั้นอ่องก็เดินไปหาหยุนโล่ชานกับอ่องจงชิน เห็นได้ชัด ว่ากำลังโกรธจัด

หากไม่แต่งเป็นพระชายารองของเขา หากถ้าเมื่อก่อนอ่อง จงซินอยู่ที่จวน สงสัยพวกเขาทั้งสองคนคงจะได้แต่งงานกัน แล้ว

อันหลังหยุนจึงมองกงชิงวีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างแปลก ๆ “ท่านอ่อง ท่านคิดว่ามันเกิดอันใดขึ้นหรือ” กงซิงเองก็อารมณ์ไม่ดี เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พอถึงวันนี้เขาเริ่มปีกแข็งแล้ว นำสียงเลยดูดหน่อย “อ่องจง ซินคือลูกชายของท่านอาห้า เขาเป็นลูกลำดับที่สาม เป็นคน

ฉลาดตั้งแต่เด็ก พออายุเจ็ด แปดปีก็เป็นวรยุทธแล้ว

ท่านอาห้าอยากจะได้ลูกชายที่พอโตมาแล้วเป็นทหารได้ ก็ เลยส่งเขาไปที่ตำหนักกั่วกง อ่องจงซินอยู่ที่ต่ำหนักกั๋วกงนั้น เป็นที่ชื่นชอบของท่านกั่วกง วันทั้งวันก็จะให้เขานั้นติดตาม ตลอด

เมื่อสามปีก่อนอ๋องจงซินได้ออกไปท่องยุทธภพ และก่อนที่ จะออกไปนั้นมีข่าวว่า ก่อนที่อองจงชินจะแต่งงานนั้นต้องการ ที่จะทราบจักโลกให้กว้างขึ้น สำหรับสาวที่จะแต่งด้วยแล้วนั้น ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด

บางคนบอกว่าเป็นคุณหนูแห่งตำหนักกู้กง และบางคนก็ บอกว่าเป็นจวนจู่ แต่ก็ยังคงไม่ได้รับค่ำตอบใด ๆ

และตอนนี้จะดูเหมือนว่า เขานั้นกำลังรอคนคนนั้นอยู่”

อันหลิงหยุนคิดว่าการวิเคราะห์ในครั้งนี้ดูมีเหตุผล แต่ก็ยัง รู้สึกแปลกใจ จึงมองไปที่กงซิงแล้วถามขึ้นว่า”หรือว่า ก่อนที่ ฮ่องกงชินจะได้จากไปนั้นชอบพระชายารองหยุน แต่ว่าใน ตอนนั้นพระชายารองหยุนเองก็ยังเป็นเด็กอยู่ ดังนั้นเขาเลย อยากจะใช้ช่วงเวลานี้ในการออกไปท่องโลกกว้าง พอกลับมา ก็มาทำหน้าที่ของออง ชิน แล้วจากนั้นก็แต่งงานกับพระชายา รองหยุน” กงชิงวีหัวเราะ “ใช่มั้ง”

“ท่านอ่อง เป็นเพราะท่านอารมณ์ไม่ดีหรือก ถึงได้มองใคร แล้วไม่สบอารมณ์ แต่ว่าเรื่องนี้ ท่านก็ไม่ค่อยชอบอ่องจงชิน แล้วใช่หรือไม่”

อ่องจงชินเป็นคนดีจริง ๆ อันหลิงหยุนเองยังคิดว่าเขานั้นดู อบอุ่น เหมือนกับหยกบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้แกะสลักกระไรยังงั้น

เมื่อได้ยินว่าเป็นศิษย์ของตำหนักกั่วกง อันหลิงหยุนเลย รู้สึกว่ามันดูไม่ปกติ คนของตำหนักกั๋วกง แต่ละคนดูบึกบินทั้งนั้น อีกอย่างเขา

เองก็โตจากที่นั่น ความอ่อนโยนคงมีน้อยมาก

นี่ก็เป็นเรื่องแปลกนะ

หรือไม่ว่า สามปีที่ผ่านมานั้นเขาต้องได้พบกับอันใดเป็นแน่ ถึงได้เป็นอย่างนี้ โดยนิสัยเดิมนั้นเป็นคนดี

หรือไม่ว่าอาจจะเป็นเพราะเขานั้นเป็นคนที่เก็บซ่อนความ รู้สึกเก่ง ซึ่งเรื่องที่ผ่านมาถึงได้ดูเหมือนกับการสมมุติ

ถ้าหากเป็นเหมือนอย่างแรกจะดีหน่อย แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ล่ะก็ มันยิ่งน่ากลัว เขาเองก็ไม่อยากจะพูดแล้ว สีหน้าของกงชิงวิดูเหนื่อย ๆ

อันหลิงหยุนเองก็เลยไม่พูดต่อ จากนั้นเลยมองออกไปนอก ประตู

อ่องตวนเดินเข้าไปข้าง ๆ ของหยุนโลชวน จากนั้นก็มองที่ ฮ่องจงซิน และพูดขึ้นว่า “คุยอันใดกันอยู่หรือ กลัวข้าได้ยิน หรือกระไร

“ไม่มีอันใดหรือก พรุ่งนี้ข้าจะกลับตำหนักกั่วกง เลยถาม พระชายารองหยุนว่าจะไปด้วยหรือไม่” อ๋องจงชินตอบกลับ ในทันใด

อ่องตวนเห็นหยุนโล่ชวนดูมีที่ท่าที่กำลังลังเลอยู่ และทราบ

อยู่แล้วว่า นางนั้นคงไม่กล้ากลับไป

“พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปพอดี ชวนเอ๋อคงจะไปกลับไปกับข้า” อ๋องตวนอนุญาตแล้ว หยุนโล่ชวนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เงยหน้าขึ้นไปเห็นแววตาของอ่องตวนที่ดูอบอุ่นที่กำลังจ้องมา ที่นาง

หยุนโล่ชวนเริ่มจะไม่เข้าใจแล้วว่า เขากำลังจะทำอันใด

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วงั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน แล้ว พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่ตำหนักกั่วกง” จากนั้นอ่องจงซินก็ได้กลับ ไป หยุนโล่ชานเดินมาส่งที่หน้าประตู พอเห็นว่าเขากลับแล้ว จึงหันกลับเข้ามา

สีหน้าของอ่องตวนทันใดก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นหยุนโล่ชวนก็ เลยพูดขึ้นว่า “ฮ่องจงซินถูกใจเจ้าหรือ”

“เขาก็เหมือนกับเป็นพี่น้องของข้า ครั้นที่อยู่ตำหนักกั่วกง นั่นฝีมือของเขาก็ไม่เลว พวกเราร่วมฝึกสู้กันอยู่บ่อยครั้ง แต่ ต่อมาเขามักจะชอบหยอกล้อข้าเล่น แถมบังเคยพูดว่า จะมา แต่งข้าด้วย” หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ได้ว่าจะปิดบังแต่อย่างใด นางเป็นคน พูดจาขวานผ่าซาก เลยไม่ค่อยได้คิดอันใดให้รอบคอบ

แต่ที่นางพูดนั้น กลับไปกระทบจิตใจของอ่องตวน

อ่องตวนทันใดสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เพราะรู้สึกโกรธ “ตอนนี้ เจ้าเป็นพระชายารองของข้าแล้ว หยุดพูดจาไร้สาระ แบบนี้ได้แล้ว”

หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับอาการโกรธของอ่องตวน ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นางมองที่อ่องตวน”พรุ่งนี้ท่านอ๋องไม่ต้อง กลับไปตำหนักกั๋วกงกับข้าหรือก รถม้าจะไปที่นั่น เดี๋ยวข้าจะ ไปก่อนเอง”

“รถม้าของข้า เจ้านั่งไม่ได้แล้วหรือ” อองตวนโกรธจัด หยุนโล่ชวนเลยปล่อยเลยตามเลย แทบจะไม่สนใจ

อันหลิงหยุนนั้นคิดว่าอ่องตวนกับกงชิงนั้นมีนิสัยที่เหมือน ๆ กัน แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โกรธเป็นฟันเป็นไฟ

อันหลิงหยุนเมื่อเห็นทุกคนกลับไปแล้ว จากนั้นก็กลับไปยัง ห้องตัวเอง พอเข้าประตูไปก็รอให้กงชิงวี่เรียกนาง แต่พอ เข้าไปแล้ว กงชิงวิกลับไม่พูดอันใด ได้แต่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรง

นั้น พออันหลังหยุนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมา กงชิงวก็ยังคง นั่งอยู่บนเตียง

หากเป็นปกติล่ะ ก็ เมื่อนางอาบน้ำเสร็จคงจะเข้ามาหาแล้ว แต่วันนี้กลับดูแปลกไป อันหลิงหยุนเปิดผ้าคลุมออกให้กว้าง ๆ แล้วนั่งลง จากนั้น กงชิงวีเลยถามขึ้น “รักษาได้หรือไม่”

“”อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ควรจะตอบหรือไม่ ตอบดี ถ้าหากตอบไปก็เป็นการยอมรับว่า ฮ่องเต้ชิงหยู่นั้นอยู่ ได้ไม่นานแล้ว หากไม่ตอบ ก็พอจะยังมีวิธีอื่น

ที่เขาถามนั้น มันเป็นลองเชิงหรือกระไร

แต่สุดท้ายแล้วกงซิงวี่ก็อตไม่ได้ เมื่อเห็นอันหลิงหยุนไม่ ตอบสักที คงชิงวิจึงได้ยอมรับ

“วันนี้ข้าไม่ได้เข้าวังหรือก เพราะประตูวังปิดไว้ เขาไม่ อยากเจอกับข้า” กงชิงวี่เองก็หมดหนทาง รอตั้งสองชั่วโมง อีกอย่างฮองเฮาอารมณ์ไม่ดี ฝ่าบาทเลยไปคอยปลอบใจนาง เลยไม่มีเวลามาพบข้า

ข้ออ้างแบบนี้ เขาจะเชื่อหรือไม่

อันหลิงหยุนกอนหายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปปลดผ้าให้กับกง ซึ่ง

“อาบน้ำนอนเถอะ หม่อมฉันคิดว่า จะพูดหรือไม่พูดก็เหมือน กัน” อันหลิงหยุนเองก็ดูงุนงง

คงชิงวี่เงยหน้ามองที่อันหลิงหยุน มือทั้งสองข้างจับตัวของ อันหลิงหยุนไว้ แล้วก็ขยับเข้าไปนิดชิย เพื่อสูดดมเอากลิ่น หอม ๆ จากตัวของนาง “ข้านี้ ช่างไร้ความสามารถเสียจริง”

“ไม่ใช่ท่านอ่องไร้ความสามารถหรือกค่ะ ท่านอ่องแค่ ใจร้อนไปหน่อย หากต้องการที่จะพบฝ่าบาท กระไรก็ได้พบ แต่แค่ตอนนี้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง ซึ่งพบฝ่า บาทไม่ได้นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติค่ะ”

อันหลิงหยุนถอดเสื้อผ้าให้กงซิง วี่ จากนั้นกงซิงวี่จับที่ข้อมือ ของนางไว้แล้วยกขึ้นมาดูอย่างละเอียด ๆ “นี่ทำไปเพื่อข้า หรือว่าทำไปเพื่อฝ่าบาท”

“ช่วยทั้งคู่”อันหลิงหยุนเองก็ไม่อยากที่จะปิดบังกงซิง นาง เองก็เป็นห่วงกงชิงวิ่งมาก แต่ก็สงสารฮ่องเต้ชิงหยู่อยู่ไม่น้อย เขาเป็นถึงราชาที่สูงส่ง แต่กลับต้องโดนคนอื่นมาลอบ ทำร้ายเอาเสียง่าย ๆ

ถ้าหากเขาอายุถึงร้อยปี อันหลิงหยุนเองคงจะไม่รู้สึกไม่ดี อย่างนี้ ครั้นที่แรกเมื่อทราบว่าเขานั้นมีเหตุที่ต้องจากไปก่อน วัยอันควร อันหลิงหยุนก็แทบจะรับไม่ได้

เขานั้นไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีใด ๆ มา ในตอนที่ครองราชย์ อยู่นั้นก็เป็นพระราชาที่ดี แต่ว่าต้องพบกับชะตากรรมที่ต้อง จากไปก่อนวัย ท่าไมถึงได้เป็นเช่นนี้

คงชังวี่กอดอันหลังหยุนเอาไว้ “ตั้งแต่เด็ก ช้าเป็นคนขี้เกียจ พอโตมาจึงติดเป็นนิสัย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาข้านั้นก็ไม่ชอบที่ จะอ่านหนังสือ หรือฝึกเขียนตัวอักษรเลย ถึงแม้นว่าเสด็จแม่ บังคับกระไรก็ไม่ยอมทำตาม

และตัวอักษรที่นางสอนให้ข้าทราบเป็นตัวแรกนั้น คือค่าว่า

ฟ้า ข้าถามนางว่าอันใดคือฟ้า นางบอกว่า ก็คือผินแผ่นดินที่มี ไว้สำหรับเราได้เดินกระไร และยังพูดอีกว่า ถ้าเป็นทั้งบู๊และบู นก็สามารถทำให้เรามีความมั่นคงได้ทั้งชีวิต

ในตอนนั้นข้าเองยังเด็กอยู่มากเลยไม่เข้าใจ และในทุก ๆ วันนางจะอุ้มข้าไปยังตำหนักของนาง เพื่อสอนให้ข้าทราบจัก ตัวอักษร

หากเมื่อนางกลับมาจากสนามรบเรื่องแรกที่จะทำ ก็คือมา

หาข้า

ไม่ว่าใคร จะกล่าวว่านางกระไร ข้าเองก็เชื่อว่า นางนั้นใส่ใจ ต่อข้าเป็นอย่างมาก”

คงชิงวี่เปิดใจพูดกับอันหลิงหยุน จากนั้นก็ปลดสายรัดตัว ของอันหลิงหยุนออก แล้วก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้านั้นออกด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ