Uncategorized

บทที่ 5



บทที่ 5

“นี่เจ้า!”

จางลี่รีบเดินกลับออกไป ไม่สนว่าตอนนี้เว่ยอ๋องจะกล่าว อะไรบ้าง คนที่กำลังมองตามหลังชายาของตนได้แต่กำหมัดทุบ ลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง แววตาที่กำลังเพ่งมองนางนั้นเต็มไป ด้วยไฟแห่งโทสะ

“นอกจากจะอัปลักษณ์แล้วยังดื้อด้านอีก ข้าจะทำอย่างไร กับเจ้าดีนะ”

อีกฟากหนึ่งภายในพระตำหนักฉีหลิ่วกง เด็กหนุ่มและสาว น้อยคู่หนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอยู่ภายในสวนพฤกษา พยายาม ซ่อนตัวไม่ให้คนอื่นได้เห็นว่าตอนนี้กำลังนั่งจับมือกัน เป็นหลิวจิง และผิงเอ๋อร์นั่นเอง แท้ที่จริงแล้วทั้งสองเป็นคู่รักกัน หากทว่า ภายในตำหนักแห่งนี้มีกฎห้ามให้รักกัน มันคือกฎที่เว่ยอ๋องได้ บัญญัติขึ้นไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้น หากรู้จะต้องโดนขับไล่ ออกจากพระตำหนักทันที

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าอาจจะโดนท่านอ๋องลงโทษที่ปล่อยให้พระ ชายาเข้าไป
“เจ้าเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง พระองค์ไม่ทำอะไรเจ้าหรอก น่า” ผิงเอ๋อร์กล่าวขณะซบศีรษะบนต้นแขนของคนรักอย่างออก อ้อน แม้จะโกรธที่โดนลากตัวมาแต่ด้วยความรักจึงยอมให้อภัย นางได้อย่างง่ายดาย เอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มขาวนุ่มอย่าง เบามือ

“เจ้ากับข้าจะมีโอกาสได้คบกันอย่างเปิดเผยไหมนะ”

“มีสิ แต่เราต้องออกไปใช้ชีวิตนอกตำหนักนะเจ้ากล้าจะ ออกไปพร้อมกับข้าไหมล่ะ”

“ข้าต้องดูแลรับใช้ท่านอ๋อง พระองค์มีบุญคุณกับพวกเรา มากแค่ไหนเจ้าก็รู้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผิงเอ๋อร์ก็ทำหน้าเศร้าลงทันที มันเป็นเรื่อง จริงอย่างที่หลิวจิงว่า นางและเขาถูกชุบชีวิตจากความเมตตา ของเวยอ๋อง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงบัดนี้ แล้วอย่าง นี้จะลืมบุญคุณได้อย่างไรกัน

“เป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า แต่ช่างมันเถอะลืมเรื่องพวกนั้นซะ ถึง อย่างไรเราก็ได้พบหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว นา” ผิงเอ๋อ พยายามพูดเพื่อให้ชายผู้เป็นที่รักคลายความกังวล ในใจ นางเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอจนบางครั้งก็ลืมไปว่า ชีวิตคนเรานั้นมันไม่ได้สวยหรูไปเสียทุกอย่าง

“ใช่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ข้ารักเจ้านะ

“ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน”
ในขณะที่สองใบหน้ากำลังเคลื่อนเข้าหากันอย่างช้า ๆ จน ริมฝีปากจวนจะสัมผัสกันอยู่แล้ว ได้มีเสียงของใครบางคนเรียก ชื่อผิงเอ๋อ เสียก่อน

“ผิงเอ๋อร์! เจ้าอยู่แถวนี้ไหม”

ทั้งสองรีบผละใบหน้าออกมาด้วยความตกใจจนทำให้พุ่ม ไม้นั้นสั่นไหว หลิวจึงรีบคว้าตัวหญิงผู้เป็นที่รักเข้ามากอดไว้ด้วย กลัวว่าเจ้าของเสียงนั้นจะเข้ามาเห็นเสียก่อน

“เจ้าอยู่ที่นี่ห้ามส่งเสียง ข้าจะออกไปเอง”

หลิวจึงพยักหน้ารับก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นพรวดพราด ขึ้น มองหาเจ้าของเสียงเมื่อรู้ว่าเป็นพระชายาจางลี่จึงส่งยิ้มให้

“หม่อมฉันอยู่ที่นี่เพคะ”

มือข้างหนึ่งโบกให้พระชายา ส่วนอีกข้างรีบปัดไล่ให้หลิวจิง รีบคลานหนีไป

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่”

“หม่อมฉันมาเก็บดอกไม้ไปจัดใส่แจกันให้พระชายาอย่าง ใดเล่าเพคะ”

“งั้นหรือ เดี๋ยวข้าช่วยเก็บจะได้เสร็จไว ๆ”

“ถ้าเช่นนั้นทางโน้นเพคะ ดอกไม้กำลังบานได้ที่พอดีเลย

“เอ๊ะ! ทำไมพุ่มไม้ฝั่งโน่นมันสั่นแปลก ๆ เหมือนมีคนอยู่ตรง นั้น” จางลี่กล่าวพลางชะเง้อมองไปยังพุ่มไม้สีเขียวทางด้านหลังของสาวใช้ตนเอง

“เอ่อ คงเป็นนกกระมังเพคะ มันชอบบินเข้ามาหาอะไรกิน แถวนี้เป็นประจำ อย่าไปใส่พระทัยเลยเพคะ”

“ข้าเข้าใจแล้วเราไปกันเถิด”

“เพคะ”

ผิงเอ๋อร์รู้สึกโล่งใจเมื่อสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ได้ นางรีบพาพระชายาเดินไปเก็บดอกไม้ใส่ตะกร้าอย่างอารมณ์ ดี ยืนยิ้มตลอดเวลาจนจางลี่นึกสงสัยอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“เจ้ายิ้มอะไรผิงเอ๋อร์ มีเรื่องอะไรน่ายินดีอย่างนั้นหรือ

“เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่มีความสุขเวลาที่ได้อยู่ท่ามกลาง มวลดอกไม้เช่นนี้ ว่าแต่พระชายาเข้าไปแล้วท่านอ๋องว่าอย่างไร บ้างเพคะ”

“เจ้าก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ข้าโดนไล่ตะเพิดออกมาน่ะสิ คนอย่างท่านอ๋องไม่มีทางยอมให้ข้าเข้าใกล้ได้นานหรอก”

“หม่อมฉันขอถามอะไรบางอย่างได้ไหมเพคะ”

“ได้สิถามมาเลย”

“พระชายามีใจให้ท่านอ๋องบ้างหรือไม่เพคะ”

“หากถามว่ามีใจให้หรือไม่ ข้าก็ตอบได้ทันทีว่ายัง เพราะเรา เพิ่งจะเคยพบหน้ากันแค่เพียงไม่กี่วัน ตอนนี้ข้ามีโอกาสได้เป็น ชายาของพระองค์แล้ว ข้าย่อมทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด จะไม่ทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติ โดยเด็ดขาด ขอแค่พระองค์เมตตา และไม่รังเกียจแค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว

“เหตุใดเมื่อมีความรักแล้วอุปสรรคมักจะตามมาเสมอนะ เมื่อได้ฟังก็ทำให้นางนึกถึงเรื่องของตัวเอง เมื่อไหร่นางกับหลิว จึงจะมีโอกาสได้คบหากันอย่างเปิดเผยเสียที

“เจ้าพูดราวกับว่าตอนนี้กำลังมีความรัก” จางจ้องมองหน้า นางกํานัลอย่างจับผิด

“ปะ…เปล่าเพคะ หม่อมฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องอย่างนั้นหรอก อีกอย่างเรื่องความรักมันเป็นเรื่องต้องห้ามภายในตำหนักนี้ ไม่มี ใครกล้ามีความรักหรอกเพคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ