ตอน 7
“ยัยรวี แกอดนอนมากี่วันแล้ว สภาพถึงได้ดูไม่ได้เอาซะเลย” พอเห็นร่างบางนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน พร้อมใบหน้า ซีดเซียว หมอจอมยุทธจึงอดถามอีกฝ่ายไม่ได้
“ไม่นี่ ฉันแค่นอนดึก แต่ไว้ใจได้ฉันไม่ได้อดนอนอย่างที่แก ห่วงแน่นอนไอ้หมอ” หญิงสาวจ้องหน้าอีกฝ่าย เธอรู้ว่าหมอหนุ่ม เพื่อนรักเป็นห่วงสุขภาพของเธอ แต่หมอเองทำงานหนักไม่แพ้ หญิงสาวเช่นกัน เวลาต้องเข้าห้องผ่าตัดที่หลายชั่วโมงติดต่อกัน ใช้ทั้งสมอง สายตา และความคิดหนักกว่าเธอซะอีก
“สภาพแกดูแย่มากนะรวี ฉันว่าแกน่าจะตรวจร่างกายสัก หน่อย หรือหาของบำรุงไว้บำรุงร่างกายบ้างยังดี ปล่อยตัวเอง โทรมเชียว ผู้ชายที่ไหนจะเอาแกไปทำเมีย”
“ถ้าฉันหาใครเอาไปทำเมียไม่ได้ ฉันคิดว่าคงพึ่งแกได้ “ยัยบ๊อง ใครจะให้แกยืมทำแฟนล่ะ”
“พูดแบบนี้ ไอ้หมอแกมีแฟนแล้วหรือไง ไหนบอกจะรอฉันมี ก่อนค่อยมีไง เบี้ยวนายังไม่สามสิบเลย จะรีบไปไหน” ค่า สัญญาสนุกปากของสองหนุ่มสาวในวัยเยาว์ พิรวีมักจะเอาคำ พูดนั้นมาทวงกับชายหนุ่มเสมอ
“ยังหรอก แต่คนหล่อๆ อย่างฉัน คงอีกไม่นาน
“หม พูดอย่างนี้แกจะหักหลังฉันหรือไง”
“เปล่าซะหน่อย แค่คงไม่มีผู้หญิงคนไหน ปล่อยให้ฉันได้อยู่ เป็นโสดนานเท่านั้นแหละ
“เวร หลงตัวเองอย่างร้ายกาจ
“เอาเป็นว่าแกอย่านอกเรื่อง หาเวลาตรวจสุขภาพซะ” หมอ หนุ่มวกเข้าเรื่องเดิม เขารู้จักพิรวีนานมาก ไม่เคยเห็นหญิงสาว ทรุดโทรมเท่าวันนี้มาก่อน จะว่าทำงานหนักพิรวีนั้นทำงานมาทั้ง ชีวิต เธอสนุกกับการทำงาน หาเงิน และบริหารเสน่ห์ให้ลูกค้า และผู้ชายทั่วโลกหลงใหล แกพร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันเดินเรื่อง เอกสารให้
“ทำไมแกถึงอยากให้ฉันตรวจร่างกายนักนะไอ้หมอ” หญิง สาวอดถามไม่ได้ เพราะท่าทางกระตือรือร้นนั้น หรือว่าเธอผิด ปกติจริง ความสวยหายไปงั้นหรือ ไม่นะ…ไม่จริง รับไม่ได้ หญิง สาวครวญ ในใจ
“ฉันสังเกตเห็นแกโทรมๆ แบบนี้มาหลายวัน ฉันรู้ไอ้พวกเวอร์ กกิ้งวูแมนอย่างแก ไม่อยากเสียเวลากับการตรวจสุขภาพ แต่แก ควรดูแลตัวเองบ้าง
“แหมสมเป็นหมอ มาหาทีไร ชวนให้ตรวจ ว่าแต่ลด เปอร์เซ็นต์ล่ะ”
“โถ่ ยัยงกเอ้ย เรื่องแค่นี้ ถ้าแกไม่อยากจ่าย เดี๋ยวฉันออก ให้ ก็ได้ เพื่อนแค่คนเดียวจะเป็นอะไรไป ว่าแต่จะมาตรวจวันไหนล่ะ ชายหนุ่มโน้มลงไปหาใบหน้าสวย เฉียดจมูกโด่งสั้นน่ารัก อย่าง จงใจ
“ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้” เล่นเอาสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้รู้ดีว่าเล่นกันบ่อย แต่เพราะความหล่อเหลาลอยอยู่ไม่ถึงเซ็น พิรวีจึงรู้สึกใจหาย เบี่ยงหน้าสวยหลบจมูกโด่ง เกือบแตะลงจมูก เล็กของเธอ
“เขินหรือไง แกกับฉันหมดเวลาเขินแล้ว เป็นเพื่อนกันมาหลาย ชาติแล้วนี่”
“เกินไป ชาติเดียวก็พอแล้ว” หญิงสาวตอบกลับทันที จริงอยู่ เธอไม่เคยรู้สึกเขินอายกับหมอ เล่นทะโมนกันมาตั้งแต่ยังเยาว์ วัย บิดาและมารดาของทั้งสองครอบครัวรู้จักมักจี่กัน ความ สัมพันธ์แน่นแฟ้น
“พอเถอะฉันตรวจก็ได้ พูดมาก”
“รอเดี๋ยวฉันไปจัดการเรื่องเอกสารให้แกก่อน” ได้เอกสาร ประจําตัวของหญิงสาว จึงเดินจากไปยังห้องเวชระเบียน ทิ้งร่าง บางดูอิดโรยไว้ในห้องทำงาน ดีหน่อยยังไม่ได้เวลานัดตรวจ คนไข้ เขามาก่อนเวลาทำงานจริงเสมอ เพื่อจะได้มีเวลาเตรียม ตัวอ่านเอกสารประวัติคนไข้ ราวๆ สิบนาทีหมอจอมยุทธกลับมา พร้อมเอกสาร สำหรับโปรแกรมการตรวจ ทิ้งลงบนโต๊ะตรงหน้า พีรวี
“เอ้านี่ เสร็จเรียบร้อยไปตรวจซะ”
“ขอบใจไอ้หมอ”
“ว่าแต่แกยัยรวี เรียกฉันให้มันดีกว่านี้หน่อยได้มั้ย
“ฉันเรียกแกอย่างนี้กี่ปีแล้ว แกยังไม่ชินอีกหรือ ต่อหน้าพวก เจ้าหน้าที่ให้เกียรติฉันหน่อย เรียกไอ้หมอ ไอ้หมออยู่นั่นล่ะ คุณ หมอคะ หวานๆ ลื่นๆ หูหน่อยน่าจะดีนะ” ความจริงหมอจอมยุทธ ชินกับการเรียกขานอย่างนี้ของพิรวี แต่เพราะต้องการล้อหญิง สาวเล่นเท่านั้นแหละ
“เออๆ จะเรียกก็เรียก ไปๆ รีบไป” เขาเลิกสนใจคำเรียกคุ้น เคยจากหญิงสาว ปล่อยให้เธอไปตรวจตามโปรแกรม คราวนี้จะ ได้กระจ่างซะทีกับสภาพภายนอกที่เขาสังเกตเห็น
พีรวีเดินออกจากห้องหมอหนุ่มหลังจากได้รับเอกสาร เธอ ชินกับโรงพยาบาลนี้ตั้งแต่เพื่อนรักย้ายเข้ามาทำงาน หลังจาก เรียนจบและต้องใช้ทุนหลวง เมื่อก่อนเธอจะใส่ใจสุขภาพของตัว เอง เข้าโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำ แต่พักหลังมานี้งานการ รัดตัว จึงไม่สามารถปลีกตัวเพื่อตรวจสุขภาพได้
คราวนี้คงได้โอกาส หากไม่ได้รับคำคะยั้นคะยอจากเพื่อนรัก เธอคงเพิกเฉยกับตัวเอง ประจวบเหมาะช่วงนี้เธออ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ง่วงเร็ว กล้ามเนื้ออ่อนแรง บางครั้งยังรู้สึกเจ็บ หน้าอกด้านซ้าย คล้ายอาการของคนกำลังจะเป็นโรคหัวใจ ทั้งที่ กรรมพันธุ์ของเธอ ไม่มีใครสักคนในบ้านป่วยเป็นโรคนี้
หลังจากตรวจร่างกายตามโปรแกรมเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน ทาง โรงพยาบาลแจ้งว่าจะส่งผลการตรวจร่างกายไปยังที่บ้าน ภายในสัปดาห์หน้า เธอจึงสาวเท้ามายังห้องหมอจอมยุทธเพื่อ ลาเขา แต่พอมาถึงมือบางเปิดประตู มองสำรวจห้องทำงาน ของหมอหนุ่มเพื่อนรักกลับไม่เห็นร่างสูงสมส่วนของอีกฝ่าย
“ไอ้หมอคงมีงาน” ครั้นไม่พบเพื่อนรัก หญิงสาวจึงตัดสินใจ ขับรถกลับเข้าออฟฟิศเพื่อสะสางงาน วันนี้แล้วสิ ช่อชบาจะกลับ มาทํางานตามปกติ เธอเองคิดหาทางรับมือกับช่อชบาไว้ เรียบร้อย ทว่าคนอย่างช่อชบาคงไม่ยอมจำนนกับสิ่งที่ตัวเอง ปกปิดไว้ไม่ว่าอะไรก็ตามนี้พิรวีจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อีกแน่นอน เธอสูญเงินไปมากพอแล้ว ไม่ว่าช่อชบาจะทำเรื่องเลว ร้ายนี้คนเดียวหรือท่ากับใคร ช่อชบาจะไม่มีวันได้ลงมือกระทำ อีกเด็ดขาด
มือบางเปิดประตูห้องทำงานของตัวเอง เท้าเรียวบนรองเท้า ส้นสูงสง่าจะก้าวเข้าไปด้านใน แต่ต้องชะงักเมื่อเสียงใครบางคน คนเดียวกับคนที่เธอคิดถึงมาตลอดระหว่างทางกลับมายัง ออฟฟิศ เสียงนั้นดังขึ้น เธอเองรู้สึกประหลาดใจ ในห้องทำงาน ของเธอกลายเป็นห้องสาธารณะใครต่อใครจะเข้าออกไม่ต้องได้ รับอนุญาตจากเธอเลยหรือนี่
“ว่าไงจ๊ะเพื่อนรัก สบายดีมั้ย” เสียงหวานดังขึ้นหลังเก้าอี้นวม สีดำตัวใหญ่ เหมาะกับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด
“ยัยช่อ” เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงเบาหวิว
“จ๊ะฉันเอง นี่จ้ะของฝาก” ช่อชบาลุกขึ้นจากเก้าอี้ของพิรวี มือ บางยื่นถุงกระดาษให้เจ้าของห้องทำงานใหญ่โตโอ่อ่า
“ขอบใจ” ยื่นมือรับของฝากถุงนั้น มาจากเงินของเธอสินะ หญิงสาวแอบคิด สีหน้านิ่งเฉย มองถุงกระดาษในมือ ไม่คิดจะ เปิดดูของด้านใน เธอมีทุกอย่าง ทำไมต้องตื่นเต้นกับของที่ซื้อด้วยเงินของเธอด้วยล่ะ เล่นเนียนนะ สีหน้าระรื่นเชียว เอาล่ะ ฉัน จะให้หล่อนเริงร่าอีกสักพัก
“เอ้า ไม่ดีใจหรอกที่เห็นฉันกลับมา หรือว่าฉันปล่อยให้เธอ ทํางานหนักคนเดียวทั้งหลายวันเลยงอน” อีกฝ่ายสังเกตสีหน้า นิ่งเฉยของหุ้นส่วนหน้าโง่ จึงสงสัย ก่อนเข้ามาในห้องทำงาน ของพิรวี ช่อชบาสอบถามจากคนสนิทเกี่ยวกับความเป็นมาเป็น ไป ระหว่างเธอไม่อยู่ได้ความเป็นที่น่าพอใจ จึงได้เดินหิ้วถุงของ ฝากมาให้หุ้นส่วนด้วยความสบายใจ
“เปล่าหรอก ดีใจสิ ฉันจะได้เบาแรง ดูทั้งงานการตลาดและ การเงิน ไม่ง่ายเลย ฉันล่ะนึกเห็นใจเธอขึ้นมาเลยล่ะ ต้องดูงาน ด้านการเงิน แค่ฉันทำงานแทนเธอช่วงลาพักร้อนของเธอ เล่น เอาเหนื่อยเลยล่ะ” กล่าวกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ แววตายังค้นคว้า คนตรงหน้า
“ฉันบอกเธอแล้วการดูแลงานด้านนี้มันยุ่งยาก ต้องละเอียด รอบคอบ อย่างฉันน่ะเหมาะกับงานนี้ที่สุด”
“นั่นสินะ พอฉันทำงานแทนเธอ แค่ไม่กี่วัน ได้รู้อะไรหลายๆ อย่างทีเดียวล่ะช่อ” ยิ้มบางกับอีกฝ่าย แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่สงสัย ในคําพูดนั้นเลย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ