ตอนที่11 ลงมือทํากับข้าวด้วยตัวเอง
ปรัณขับรถออกจากไวโรจน์วิลล่า ในหัวย้อนคิดถึง แต่คําพูดของเตชิต “ผมเหมือนหายดีแล้ว”
สายตา น้ำเสียงบวกกับคำพูดเมื่อกี้ ถ้าเขายังดูไม่ ออกว่าเตชิตหมายความว่ายังไงก็โง่เต็มที่แล้ว
เพียงแต่…….
พอคิดถึงผู้หญิงที่อยู่บนเตียงคนนั้น ก็ทำให้ไฟที่ อยากรู้อยากเห็นของเขาเผาผลาญขึ้นมา คนอย่าง ที่ติเตชิตไม่เคยสนใจผู้หญิง แต่กลับยอมให้เด็กผู้ หญิงคนนั้นไปแล้ว
เธอดูขึ้นมาก็แค่อายุ20ต้นๆคนหนึ่ง มีดวงตาสดใส หวานๆ พอดูๆไปมากสุดก็แค่พอมองได้ดูแล้วไม่ขัดหู ขัดตา ไม่ได้ถึงขั้นดูสวยสง่าน่าทึ่งน่าหลงใหล
เขาคิดหาวิธีมากมายแต่ก็ยังไม่สําเร็จ ทำให้เขา กังวลชีวิตชาติต่อไปของเตชิตเป็นอย่างมาก แต่อยู่ๆ เธอก็เอาชนะใจเขาได้ ทำให้ปรัณรู้สึกแปลกๆในใจ
พอคิดไปคิดมา ก็เลือกที่จะนิ่งเงียบไม่แสดง อารมณ์ เพราะถึงยังไงเมื่อกี้เขาก็แค่พูดเล่น แต่เต ชิตกลับมองเขาด้วยสายตาอาฆาต ถ้าเกิดทำอะไร ขึ้นมาจริงๆเขาก็คงโดนฉีกเป็นชิ้นๆแน่
ปรัณเบ้ปากแล้วทุบพวงมาลัย “เห็นผู้หญิงดีกว่า
เพื่อน”
เตชิตมีประชุมตอน10โมงเช้า เขาก้มดูเวลา แล้ว กดเบอร์โทรหาเลขาตรัณ “การประชุมเช้านี้เปลี่ยน เป็นประชุมผ่านทางวิดีโอ เพราะฉันน่าจะไปไม่ทัน ส่วนเอกสารประกอบการประชุมให้ส่งมาทางอีเมล์ ตอนนี้”
ตรัณรู้สึกแปลกใจแต่ก็ส่งเอกสารตามที่เขาสั่ง หลังจากวางสายเขาก็ประกาศเรื่องนี้ให้กับทุกคน ที่ร่วมประชุมครั้งนี้รับรู้ หลังจากนั้นก็มีเสียงซุบซิบ แล้วมีเสียงแผ่วเบาถามขึ้น “ทำไมอยู่ดีๆถึงเปลี่ยน เป็นการประชุมผ่านทางวิดีโอล่ะ”
“เจ้านายคงมีงานด่วนนอกสถานที่ตร. รู้สึกตกใจ เพราะปกติเจ้านายของเขาเป็น คนตรงต่อเวลาไม่เคยสาย คนที่เข้างานแปดโมง ครึ่งทุกวันแต่วันนี้กลับขาดการประชุม เป็นเรื่องที่น่า แปลกใจมาก
เตชิตประชุมผ่านทางวิดีโอในห้องหนังสือของเขา แต่ระหว่างการประชุมเขาก็คอยสังเกตเวลาตรงหน้า จอไปด้วย เขาไม่ลืมคำสั่งของเตชิตอีก1 ชั่วโมงจะ ต้องเปลี่ยนขวดยา
“พอแค่นี้สําหรับการประชุมวันนี้ ถ้าใครสงสัยอะไร ไว้มาถามฉันทีหลัง” พอพูดจบก็ตัดสายไป แล้วกด เบอร์โทรหาตร เป็นการส่วนตัว “บริษัทจะมีการ จัดหาพนักงานใหม่ตอนไหน
ตร.คาดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา จึง เปิดดูสมุดจดบันทึก “ใกล้แล้วครับ วันที่13ที่จะถึงนี้ ตรงกับวันมะรืนนี้
ทุกๆ ทางบริษัทจะประกาศรับสมัครพนักงาน ใหม่2ชุด และแต่ละคนต้องเป็นคนที่เก่งจริง มีความ โดดเด่นหรือมีพรสวรรค์ ถึงแม้ว่ามาตรฐานการรับ พนักงานเข้าทํางานจะสูงมากแต่ก็ยังคงมีคนนับพัน มาสมัคร หลังจากผ่านการคัดเลือกต่างๆนานาแล้วจะเหลือเพียง5คนสุดท้ายเท่านั้นที่จะได้อยู่ต่อ
“เพิ่มชื่อคนนี้เข้าไปด้วย”
ตรัณตกใจอึ้งกว่าเดิม เพราะเคยมีหัวหน้าในบริษัท เพิ่มชื่อญาติของตัวเองเข้าไป หลังจากที่ถูกเตชิตจับ ได้ พนักงานคนนั้นก็ถูกไล่ออก แต่พอมาวันนี้…….
ตรังงใจ รู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไปมีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น “เชิญว่ามาได้เลยครับ”
“นิชชา”
หลังจากที่นัชชาตื่นมา ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ เธอค่อยๆลืมตาและลุกขึ้นนั่งบนเตียง หยิบโทรศัพท์ จากหัวเตียง มองดูเวลา
เธอไม่รู้ตัวว่าจะหลับไปนานขนาดนี้
สายตาก็ไปสะดุดเห็นหลังมือมีพาสเตอร์สีขาวแปะอยู่ แถมข้างๆยังมียาวางอยู่ พอเห็นก็นึกขึ้นได้ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านกระทบที่เตียงข้างๆที่ว่าง เปล่า เธอใส่รองเท้าแตะแล้วเดินลงจากเตียง หลัง แปรงฟันล้างหน้าเสร็จ เขาก็ก้าวลงบันไดอย่างย่อง เบาๆ ชั้นหนึ่งก็เงียบสนิทไม่มีคนอยู่ เขาลองตะโกน เรียก “เตชิต”
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ หรือว่าจะไม่อยู่บ้าน
นัชชารู้สึกโล่งใจ พอหันหลังกลับมาก็ต้องตกใจ
มีผู้ชายใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆยืนกอดอก ยืนดูเธอ
อยู่ข้างหลังเงียบๆ
นัชชายิ้มแห้งแล้วจับจมูกอย่างเขินอาย “คุณอยู่ บ้านด้วยหรอ”
“คุณผิดหวังหรอ ที่ฉันอยู่บ้าน” ไม่ใช่ประโยค คําถามแต่เป็นประโยคบอกเล่า
เพราะเขาเห็นสีหน้าการกระทำของเธอเมื่อครู่ทุก อย่าง สีหน้าโล่งใจจากการที่ไม่เห็นใครในบ้านกับสีหน้าที่พยายามกลมกลืนความตกใจหลังจากหันมา เจอเขา
เธอยังคงยืนอึ้งไม่ขยับไปไหนเพราะในหัวยังคิด ภาพไม่ออกว่าต้องทำตัวยังไงตอนอยู่กันสองต่อสอง ตามล่าพัง
เตชิตเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยกมือขึ้นเพื่อที่จะเช็คว่าตัวเธอยังร้อนอยู่มั้ย ตาม คาด นัชชาหลับตาแล้วหันหน้าหนีหลังจากที่เขา เพียงแค่ยกมือขึ้นยังไม่ได้ยื่นมือไปแตะที่หน้าผาก
นัชชารู้สึกผิดไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ เลยยื่น มือออกไปจับมือเขามาวางไว้ที่หน้าผากตัวเอง
การกระทำนี้ทําให้เตชิตรู้สึกหน้าร้อน “ไข้เธอลด
แล้ว”
“อืม”
บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้ง เตชิตรู้สึกได้ว่า เธอกำลังรู้สึกตึงเครียดทำตัวไม่ถูก ละจากสายตา แล้วเดินเข้าห้องครัวไป นัชชาก็ไม่กล้าปล่อยให้เขา ยื่นนิ่งอยู่ตรงนี้คนเดียว เพราะเมื่อคืนเธอได้เห็นความโมโหร้ายของเขาไปแล้ว
เธอใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ดีที่ ตรงกับช่วงกลางวัน มีแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามา ทำให้รู้สึกอบอุ่น
ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมของคนลอยมาพร้อมกับ
สายลม
หลังจากที่ตื่นเธอก็ยังไม่กินอะไรเลย เงยหน้ามอง ไปทางห้องครัวก็เห็นเตชิตยกถ้วยสีขาวไปยังโต๊ะ กินข้าวพอดี “มากินได้แล้ว”
นัชชาเดินเข้าไปในห้องครัว บนโต๊ะมีโจ๊กกับผักที่ หน้าตาน่ากินวางอยู่ “คุณ คุณทำให้ฉันกินหรอ”
เตชิตช้อนตามองพร้อมกับวางถ้วยกินข้าว2ใบลง บนโต๊ะ “ฉันหิว”
ความนัยว่าการที่เธอได้กินเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
นัชชาเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้สนใจ จึงไปล้างมือแล้วเดิน มานั่งที่โต๊ะ คิดว่ามีกินก็ดีแล้ว
รสชาติของโจ๊กดีมากถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูดไป หน่อย มีความหอมบวกกับความหวานของผัก
เตชิตกินไปแค่ครึ่งถ้วยก็ไม่ได้กินต่อ นัชชาแอบ เหล่ตามอง แล้วคิดในใจไหนว่าหิวทำไมกินน้อยจัง อาจจะเป็นเพียงแค่ข้ออ้างในการแก้ตัว
สักพัก ไล่ให้เธอไปนอน พอสักพักก็ต้มโจ๊กให้เธอ กิน เขาเป็นคนที่แปลก อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดี เดี่ยวร้าย
เธอหาเรื่องคุยเพราะเห็นจากที่เขาดูแลเธอ “คุณ เป็นคนทํากับข้าวกินเองอยู่แล้วหรอ”
“อืม” เขาตอบเพียงสั้นๆคำเดียว
“จากที่เห็นคนที่รวยเหมือนคุณส่วนใหญ่ก็จะจ้าง แม่บ้านหรือไม่ก็พี่เลี้ยงกัน ทำไมคุณถึงไม่จ้าง…”
“ฉันไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า”
เธอยกช้อนค้างกลางอากาศ ถามเขาด้วยความงง “มีแม่บ้านก็เป็นเรื่องที่ปกติไม่ใช่หรอ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ