บทที่ 5 คู่หมั้น
5
คู่หมั้น
“พี่สาว ไหนว่าไม่ได้เป็นอะไรกับผู้พันไงล่ะ ทำไมเห็นกอดกันกลมก คำถามของเด็กฝนทำเอาณัฐรินทร์พูดไม่ออก อายเหลือจะกล่าวอยากเอา ใบคลุมหัวให้รู้แล้วรู้รอด
“ตอนไหน ตาฝาดหรือเปล่าฝน” เธอแก้ตัวด้วยการย้อนถาม
“บ้าง ฝนเห็นกับตาว่าพี่กับผู้พันทั้งกอดทั้งจูบกันกลางทะเลโน่น ณัฐรินทร์กรีดร้องอยู่ในอก หน้าซีดสลับแดงด้วยความเขินอาย
กรี๊ด.. กรด…
“เอ่อ…ไม่ได้จูบกันซะหน่อย” เธอโป๊ปด
“แล้วทําไรกันอะ”
“ก็…” เธออยากจะบ้า เด็กฝนจะถามหาอะไรกันนักหนานะ แก่แดดนัก
เชียว
“แหม…พี่สาวก็แค่บอกมาตามตรงว่าเป็นเมียผู้พันก็จบแล้ว ไม่เห็น ต้องโกหกกันเลย”
คราวนี้เธอยิ้มแห้งๆ เพราะฝนพูดแทงใจดำเข้าอย่างจัง
“หน่อย…อีฝน ถึงพูดจาอะไรหัดคิดซะบ้างนะโว้ย ดูแม่หนูนหน้าแดงตัวแดงไปหมดแล้ว” ป้าบัวอยากเบิร์ดกระโหลกลูกสาว ให้คว่ำ ถามไม่ดูตาม้าตาเรือ “ก็จริงนี่แม่ ฉันนึกว่าเป็นคนรู้จักหรือเป็นญาติกัน เพราะไม่เคยเห็นผู้ พันพาใครมานอนด้วย ก็ไม่รู้ทำไมจะต้องปิดบังของแบบนี้ปิดกันไม่มีด
หรอกนะแม่ โอ๊ย!!” เสียงเด็กฝนร้องโวยวาย เมื่อกระโหลกถูกมะเหงกเข้า
เต็มๆ
“แม่เขกหัวฉันทําไมเนี่ย”
“กูจะทำยิ่งกว่าเขากระบาล ถ้ามึงยังไม่หยุดพล่าม หยุดเสือกเรื่องคน อื่นเสียทีอีฝน”
“แม่นะ” เด็กฝนทำกระฟัดกระเฟียด ใส่แม่ตัวเอง
“อย่าไปสนใจมันเลยนะแม่หนู อีนี่มันปากเปราะ” ป้าบัวพูดกับณัฐริ
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะป่า คือนุ่มกับพี่แดน เรา…
“เราเป็นผัวเมียกัน” แดนดินเดินคู่มากับลุงใหญ่ ตั้งใจจะพาณัฐรินทร์ ไปตกหมึกด้วยกัน มาถึงก็ได้ยินเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของเด็กฝน
ณัฐรินทร์หันขวับไปมองตาโต หัวใจสั่นไหวกับความเป็นจริงข้อนี้ “ว่าแล้วเชียว คนที่ผู้พันพามาที่นี่ต้องมีความสำคัญมากๆ แน่ เพราะ ผู้พันไม่เคยพาใครมาด้วยเลยสักครั้ง”
แดนดินเลิกคิ้วให้ณัฐรินทร์เมื่อเธอจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ พอถูก มองอย่างท้าทายนานเข้า เธอก็เป็นฝ่ายหลบสายตา
“ทีแรกว่าจะชวนไปตกหมึก แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว”
ลุงใหญ่เป็นฝ่ายสะกิดป้าบัว ให้เดินเลี่ยงไปปล่อยให้สองหนุ่มสาวได้ คุยกันเป็นส่วนตัว
“ทําไมล่ะคะ”
“ชวนทำอย่างอื่นสนุกกว่าค่ะ”
“เอาอีกแล้วหรือคะ!!” เสียงของเธอเผลอตั้งไปหน่อยลุงใหญ่คง ได้ยินก็เลยหันมามอง
“ซูว์…อย่าเสียงดังไปสิ” แดนดินได้ทีก็ถึงณัฐรินทร์หลบไปจากตรง
เขาดึงเธอมานั่งรับลมทะเลบนโขดหินซึ่งคงมีใครบางคนขึ้นมาบ่อยๆ จึงทำบันไดไม้เอาไว้ให้ เป็นบันไดไม้ 12 ขั้น ไม่สูงและไม่เตี้ยจนใครมอง ขึ้นมาเห็นได้ถนัด ยามนี้ตะวันตกดินไปแล้ว มองไปไกลๆ ก็เห็นดวงไฟส่อง สว่างมาจากแผ่นดินใหญ่ เห็นไฟเรือหาปลาลอยห่างออกไป
ลมเย็นสบาย เสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงนกที่กำลังบินกลับรังนอน บรรยากาศโรแมนติกชวนให้คิดถึงเรื่องอย่างว่าจริงๆ
“ในหัวพี่แดนคิดเป็นแต่เรื่องเดียวหรือไงคะ” เสียงของณัฐรินทร์เป็น ปกติไม่มีการสะบัดเพราะไม่พอใจแต่อย่างใด
“อยู่กับน้องนุ่ม พี่ไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นหรอกค่ะ
“พี่แดนน่ะหุ่น”
“ยอมรับค่ะ พี่ไม่ได้นอนกับผู้หญิงมาหลายเดือนแล้ว
“อ๊าย!!” กําปั้นเล็กๆ ทุบใส่อกกว้างระรัว “หลายเดือนเองเหรอ คน
แดนดินคว้ามือเล็กเอาไว้
ปกติแทบไม่ว่างเว้นเลยนะคะ”
“กรีด พี่แดนบ้า พี่แดน…
ชายหนุ่มจูบปิดปากนุ่ม เสียงเล็กๆ เงียบหายไปทันที เขาจูบเธอจน พอใจก่อนเอ่ยเสียงนุ่มน่าฟังเหมือนเสียงกระซิบ
“พล้อเล่นค่ะ ทํางานทุกวัน ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ ไม่เหมือนตอนนี้ อยู่กับน้องนุ่มพี่แดนไม่อยากคิดเรื่องอื่นเลย ณัฐรินทร์ก้มหน้าลงซ้อนความเขินอาย แดนดินเชยคางมันขึ้นไม่
ยอมให้เธอหลบตา
“พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านกันแล้ว คืนนี้เป็นของเรานะคะ
หญิงสาวพยักหน้าหมึกๆ แล้วเหนี่ยวลำคอหนาเพื่อจูบเขาก่อนบ้าง ร่างสวยขึ้นคร่อมไปบนตักบดเบียดกายเข้าหาเหมือนที่เคย แต่วันนี้เธอจะ ทำให้เขาลืมไม่ลง อนาคตข้างหน้าพี่แดนจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจาก เธอ ความสวยอาจจะสู้ใครอื่นไม่ได้ แต่ที่เด็ดที่มีมามัดใจก็ไม่เป็นรองใคร แน่นอน
ณัฐรินทร์หัวเราะเยาะตัวเองในใจ มโนไปอย่างนั้น ที่จริงแล้วจะเป็น อย่างไรขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียว
หญิงสาวถอดเสื้อออกทั้งชิ้นนอกชิ้นใน เต้านมเปลือยเปล่าสว่างชัด กลางแสงจันทร์ที่ลอยขึ้นฟ้าเรื่อยๆ แดนดิน
เจ้าชู้”สูดกลิ่นกายหอมเข้าปอด ซุกซบใบหน้าลงกลางหว่างอก แล้วกลืนกินยอด อกอย่างหิวกระหาย ณัฐรินทร์ถึงกับถอนใจ กดศีรษะทยให้แนบแน่นกับเต้านมของตน ช่วงล่างเบียดส่ายไปมากับท่อนเนื้อที่อยู่ในกางเกง ผ้าที่ปิดบังไม่เป็น
อุปสรรคต่อความซ่านเสียว ทว่าณัฐรินทร์ก็สอดมือเข้าไปในกางเกงขาสั้น
ที่เขาสวม
แตนตินผิวปากหรือสวาปามยอดกันจนเธอเจ็บแปลบ ฝ่ามือใหญ่บีบ ขย่าเต้านมนุ่มหยุนหนักๆ ดูดประทับลากเลียด้วยปลายลิ้นสากๆ
“เก่งจัง”
ดวงตาคู่สวยซ้อนขึ้นสบนัยน์ตาคมอย่างมีเลศนัย แล้วล้วงเข้าไป สัมผัสมังกรชายที่อยู่ในกางเกงผ้า มันร้อนระอุเหมือนเหล็กเส้นที่ถูกเผาไฟ เธอลูบคลำไปมาก่อนจะรูดกางเกงผ้าลงไปตามสะโพก
แดนดินยกสะโพกขึ้นเปิดทางให้เธอถอดกางเกงทั้งสองชิ้นของเขา ความเป็นชายชูชันอยู่ตรงหน้า ทว่าหญิงสาวอยากมองมันให้เต็มตา มากกว่านี้
“ยืนขึ้นสิคะ”
ผู้พันหนุ่มรูปงามลุกขึ้นยืนท้าแสงจันทร์ ณัฐรินทร์นั่งคุกเข่าสองมือ เล็กพยุงท่อนเอ็นยักษ์เอาไว้ เธอค่อยๆ จรดริมฝีปากกับส่วนหัวที่มีรอย หยัก ปลายลิ้นเล็กๆ ตวัดแผ่วๆ ก่อนจะลากยาวไปโดยรอบ
“ซี้ดดด” แดนดินส่งเสียงครางในลำคอ พอใจกับความกล้าหาญของ สาวน้อย เขามองปลายลิ้นเล็กๆ ที่ค่อยๆ ตวัดเลียไปทั่วท่อนเนื้ออย่าง ตั้งใจ
ปากอิ่มดูดท่อนชายลำใหญ่เป็นจังหวะ มือเล็กก็บีบรูดไปมา แม้ว่าจะ
ไร้ประสบการณ์แต่การที่เขาสอนให้เธอเรียนรู้จากรสสัมผัสที่ผ่านมา ณัฐริ นทร์ก็รู้ว่าควรทำอย่างไรให้คนตรงหน้ามีความสุข แก้มของเธอตอบเล็กตอนที่ดูดดุนแรงๆ มันใหญ่จนคับปากแต่ไม่ ทําให้เธอถอดใจจากความตั้งใจเต็ม ปลายลิ้นและเรียวปากจึงช่วยกัน
สร้างความสุขให้กับชายหนุ่ม
แดนดินผลักเธอออกเมื่อรู้สึกหิวโหยเธอขึ้นมาบ้าง แม่สาวเจ้าจะรู้ตัว บ้างไหม เธออร่อยยิ่งกว่าอาหารชนิดใดในโลกหล้า เขานอนเหยียดตรง ให้เธอขึ้นคร่อมแต่ยังไม่จบลงที่การสอดใส่
“หันหลังให้พี่นะคะคนเก่ง พี่อยากกินนุ่มบ้าง
ณัฐรินทร์ทำตามรู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้ตรงใจเขา เธอขึ้นคร่อมหัน บั้นท้ายไปตรงหน้าชายหนุ่ม ยกก้นกระดก ให้แผ่นหลังแอ่นต่ำลง แดนดิน ยึดบั้นท้ายขาวด้วยสองมือ สวาปามกลีบดอกไม้อวบอิ่มอย่างเพลิดเพลิน
หญิงสาวอ้าปากงับท่อนเนื้อละเอียดซึมกลืนกินตั้งแต่ปลายจนถึง โคน บางครั้งเธอก็เผลถอนริมฝีปากออกเพราะเสียวกระสันไปทั่วสรรพางค์ กาย บางทีเธอก็กดใบหน้าถูไถความแข็งขันที่กำลังร้อนผ่าว
“โอว์…ซี้ดดด”
ร่องเนื้อสาวชุ่มฉ่ำไปด้วยธารน้ำหวานที่เอ่อนอง แดนดินส่งนิ้วเข้าไป ทักทายเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะแทนที่ด้วยท่อนมังกรตัวเขื่อง
ณัฐรินทร์เวลานี้กำลังนอนหงายปลายเท้าพาดบนบ่ากว้าง ร่องสวาทถูกเติมเต็มจนแน่น แรงเสียดสีเบียดบดอย่างมีชั้นเชิง เธอกรีดร้องเสียงสูงต่ำ
“พี่แดน…อ๊า” เธอลืมคิดถึงคนอื่นที่อาจจะได้ยินเสียงร้อง เธอหยุดยั้ง อารมณ์และความรู้สึกนั้นไม่ได้
ท่อนเนื้อที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในร่องกายสร้างความกระสันซ่าน รัญจวนชนิดแทบขาดใจ หญิงสาวที่นอนระทวยบิดตัวไปมาไม่สนใจว่า แผ่นหลังจะถูไถกับเศษหินเศษทรายแค่ไหน มันไม่เจ็บเท่ารู้สึกเสียววาบไป ทั่วกาย
กลีบเนื้อนุ่มสีชมพูห่อหุ้มท่อนเอ็นใหญ่ แดนดินกดสายตามอง ชายที่ถูกบีบรัด มองกลีบกุหลาบที่ปลิ้นเข้าปลิ้นออก เห็นแล้วเกิดอาการ คอแห้งปากแห้งต้องเลียริมฝีปากตัวเองไปมา
เต้านมที่โยกกระเพื่อมถูกปากชายดูดเร้า ล่าตัวสูงใหญ่โค้งลงทำให้
ต้นขาขาวพับแนบไปกับหน้าท้อง
“เสียวจังเลยพี่แดนขา
“อูยยย เมียจ๋า ตอดพี่แน่นขนาดนี้จะฆ่าพี่เลยหรือไง”
“ซี้ดดด พี่แดน…พี่แดน….”
ณัฐรินทร์เกร็งกายรับการตอกโยกเป็นจังหวะหนักหน่วง ทุกท่วงท่าที่ เขาสร้างสรรค์ทำให้เธอขาดใจตายได้ไม่ยาก แต่ณัฐรินทร์ก็ยังไม่ตาย เธอ หายใจรุนแรงอย่างหอบเหนื่อย และรับทุกจังหวะการโจนจ้วงจากเขาไม่ยั้ง
“อาห์…”
ทั้งสองคำรามลั่นก่อนเสียงนั้นจะเงียบหายไปและจมอยู่ในอ้อมกอด ของกันและกัน ก่อนกลับบ้านแดนดินพาณัฐรินทร์ไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่ชาย
ต่างวัยของเขา เจ้าของไร่ภูจักรพรรดิผู้โด่งดัง เห็นพี่ชายแต่งงานก็อยาก แต่งงานบ้าง ขนาดพี่ชายคนนี้ทั้งเถื่อน ทั้งดิบ มีหนวดเครารกรุงรังก็ยัง แต่งงานได้ แถมยังมีเมียเด็กคราวลูกอีกด้วย นึกแล้วก็แอบวางแผนการ แต่งงานของตนไปพลางๆ
ภายในคฤหาสน์หลังงาม แดนดินจับมือบางของคนตัวเล็กไม่ยอม ปล่อย ในขณะที่ณัฐรินทร์ก็บีบมือเขาไม่คลายเช่นกัน ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้า ท่านนายพลวิศรุต คุณนายแก้วเกล้า คุณนายถนอมศรี แดนดินไม่รู้สึกรู้สา ยังคงนิ่งลึกอย่างสงบไม่มีอาการตื่นกลัวใดๆ ตรงข้ามกับณัฐรินทร์ที่ตัวสั่น จนเขารู้สึกได้
“ไปไหนมาแดนดิน” บิดาบังเกิดเกล้าถามขึ้น
“เกาะส่วนตัวครับ” เขาตอบตามความจริง
“แกพาลูกสาวเขาไป คิดว่าเขาไม่มีพ่อไม่มีแม่หรือไงกัน “ผมจะไปขอขมาคุณน้า หลังจากนี้ครับ
“หี” คุณนายถนอมศรีทําเสียงไม่ชอบใจ “ของดีๆ ไม่กิน กินไปได้ยัง ไงของเหลือๆ คาวๆ
ณัฐรินทร์หน้าซีดเผือด เธอรู้ว่าคุณนายใจร้ายพูดค่อนแขวะเธอ ประโยคนั้นทำให้สาวน้อยคิดถึงตอนที่กำลังถูกดลชัยรังแก เหงื่อซึมออก มาจากขมับ มือเล็กที่อยู่ในมือใหญ่ก็ชื่นขึ้นทันที
“ของที่ผมเลือกย่อมดีที่สุด ขนาดคนที่ทระนงตัวว่าดีกว่ายังอยาก ขโมยกิน” แดนดินตอบกลับ
“เธอคิดว่าพ่อดลอยากได้แม่นี่เป็นเมียนักรึไง ถ้ามันไม่ยั่วยวนพ่อตล ก็ไม่มีทางเล่นด้วย ฮี…แล้วจะทำเป็นบีบน้ำตาเรียกความสงสารฉันล่ะ หมั่นไส้ มาบ้านทุกครั้งหล่อนมีจุดหมายใดย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจใช่มั้ยนั่งนุ่ม
ณัฐรินทร์ขยับถอยหลังหวังจะหลบไปอยู่หลังคนตัวโต แต่แดนดินฉุด มือบางให้ยืนนิ่งๆ พร้อมกับกดสายตามองเธอรอจนเธอสบตาและเชื่อใจ ก็ วัดตาคมจัดไปทางเมียน้อยของบิดาอย่างชิงชังเปิดเผย
“หัวใจของน้องนุ่มไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่ใครจะเหยียบย่ำเล่นๆ ได้ คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมจะแต่งงานกับน้องนุ่ม
“ไฮ้!! ฮิๆๆ จับน้องไม่ได้ก็เอาพี่ แกนี่มันฉลาดจริงๆ นะนังนุ่ม
คุณนายถนอมศรีหัวเราะเยาะ
“นุ่มคือคนที่ผมเลือกมาเป็นเมีย จะเป็นคนที่มีสิทธิ์ทุกอย่างในบ้าน
หลังนี้เช่นกัน”
คราวนี้คุณนายถนอมศรีต้องเป็นฝ่ายนิ่งอึ้งบ้าง ไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ คฤหาสน์หลังนี้จะต้องตกเป็นของแดนดินหาใช่คลชัยไม่ และเมียของแดน ดินก็มีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ตามสามีของเธอ
“ฉันถึงบอกไงว่าแม่นี่มันฉลาด จับดุลชัยไม่ได้ก็จับเธอ ระวังเถอะพ่อ
แดนดิน เธอจะเสียรู้ให้นั่งนี่เข้า
“นั่นก็เรื่องของผมไม่เกี่ยวกับใคร เรื่องที่คุณนายควรสนใจควรจะ เป็นศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกันมากกว่าต่อจากนี้ไปถ้ามีใครรังแกคนรักของผมอีก ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน
“แดน…” คุณนายถนอมศรีเตรียมอ้าปากว่า
“หยุด! พอ!!” ท่านนายพลตัดบท “ฉันไม่เคยเลี้ยงลูกแล้วไม่ได้ดั่งใจ โดยเฉพาะแดนดินเป็นลูกที่ทำให้ฉันภูมิใจที่สุด การตัดสินใจของแดนดิน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันก็คงไม่ขัดขวาง เธอก็เหมือนกันถนอมศรี เอาเวลา ที่จะมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับคนในบ้าน ไปนั่งคิดหาวิธีสั่งสอนอบรม ลูกชายของเธอใหม่จะดีกว่า ไม่ใช่คิดจะคว้าคนใช้มาเป็นเมีย ล่อกันกลาง แจ้งไม่อายผีสางเทวดาก็อายผู้คนซะบ้าง บ้านนี้ไม่ได้มีแค่คนสองคนที่อยู่ อาศัยนะ”
“เอ่อ…คุณพี่คะ ดลชัยไม่ได้คิดจริงจัง ก็แค่เล่นๆ ไปตามประสาหนุ่ม
“คลําดูไม่มีหางก็เอาเลยงั้นสิ รักษาหน้าฉันกันบ้าง ถ้าเป็นข่าวหน้า
หนึ่งจะทำยังไง อายกันทั้งบางไหม หรือเธอไม่มียางอาย แต่ฉันมีนะจะบอก
ให้
คุณนายถนอมศรีหน้าเสีย เธอไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้และเอาไป ฟองท่านนายพล เธอก็เคยบอกเคยเตือนลูกแล้วว่าทำอะไรก็เห็นแก่หน้า พ่อหน้าแม่บ้าง แต่คลชัยดื้อดึงมีเรื่องมาให้ตลอด นี่ถ้าท่านนายพลตัดหาง ปล่อยวัดจะทํายังไงกันต่อไป
“อิฉันขอโทษนะคะคุณพี่ ขอโทษแทนลูกด้วย พอดลคงไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่คิดล่ะมากกว่า นี่ฉันไม่อยากพาดพิงถึงหนูนุ่ม ฉันรู้ว่าลูกชายตัวดี ของเธอทำอะไรไว้ และฉันก็ดีใจที่แดนดินช่วยรักษาเกียรติรักษาหน้าให้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ท่านนายพลท เสียงบางอย่างในลำคอ “ต้นตระกูลอังคะวรางกูรเป็นนายทหารมาโดย ตลอด จงรักษาเกียรตินี้ไว้ แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย และถ้า ยังทำงามหน้าแบบนี้อีก ฉันจะไม่ดูดูดีอีกเลย
แดนดินเหลือบตามองคุณนายถนอมศรีแล้วถอนใจ คนประเภทนี้จะ รู้สึกอะไร คงเสียดายแก่ทรัพย์สมบัติเงินทองของนอกกาย ไม่สนใจหรอก เกียรติยศที่จะมีติดตัวไปจนตาย กรามขบกันกรอดเมื่อนึกถึงคลชัย แค้นใจ ไม่หาย ไอ้คนสารเลวพรรค์นั้นมันน่าจะตัดหางปล่อยวัดนัก
“เธอออกไปได้แล้วถนอมศรี ฉันมีเรื่องจะคุยกับแดนดินและหนูนุ่ม
คุณนายถนอมศรีปรายตามองมายังณัฐรินทร์ด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะสะบัดกันลูกเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด หญิงสาวได้แต่ทอดถอน ใจ บอกตัวเองว่าทําใจให้ชนชาต่อจากนี้ไปคงต้องเจอมากกว่านี้
“หนูนุ่มไปตามคุณแม่มาคุยกับลุงหน่อยไป” แล้วท่านก็สั่งณัฐรินทร์
ให้ออกไปตามมารดาที่บ้าน
“ค่ะท่าน” เธอปล่อยมือจากแดนดินพร้อมกับสบตาชายหนุ่ม แล้วเดิน ไปบ้านหลังเล็กของตน
ณัฐรินทร์เข้าไปในบ้านที่เธอไม่ได้อยู่มาหลายวันด้วยความคิดถึง เห็นมารดากำลังรีดชุดนักศึกษาให้
“แม่จ๋า” เธอโถมเข้ากอดแม่จากด้านหลัง คนเป็นแม่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะวางเตารีดปิดไฟและหันมากอดตอบลูกสาวผู้เป็นที่รัก
“กลับมาแล้วเหรอลูก เป็นไงบ้าง ไปเที่ยวกับผู้พันมาหลายวันสนุก
ไหม”
ณัฐรินทร์หน้าแดง เธอรู้สึกผิดที่ไม่ยอมบอกแม่ แต่ก็หาเหตุผลว่าเป็น เพราะไม่มีสัญญาณมือถือ จึงไม่ได้โทร.หา
“สนุกค่ะ แม่คะ ท่านนายพลเรียกหา
“หืมม์?”
“ท่านนายพลอยากคุยกับแม่ค่ะ ให้นุ่มมาตามแม่ไปพบ
ฉวีวรรณรีบถอดปลั๊กไฟแล้วเดินนำบุตรสาวเข้าไปสู่รั้วบ้านหลังใหญ่ ราคาเกือบร้อยล้านเห็นจะได้ เธอหยุดให้บุตรสาวเป็นฝ่ายเดินนำก่อน สายตาจะมองไปเห็นตลชัยที่ยืนมองมาอยู่ในมุมหนึ่ง สายตาคู่นั้นเต็มไป ด้วยความเกลียดชัง เธอถอนใจรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาครามครัน เป็นห่วงคน ตัวเล็กที่กำลังเดินน่าอยู่ข้างหน้าจับใจ
“มากันแล้ว นั่งก่อน คุณฉวี” คุณนายแก้วเกล้าส่งยิ้มให้ทันทีที่เห็น ฉวีวรรณจึงยิ้มตอบพร้อมกับยกมือไหว้เจ้าของบ้านทั้งสองท่าน เธอนั่งลง กับพื้นพร้อมถามถึงสาเหตุที่เรียกพบ
“ยัยนุ่มไปตามอิฉัน บอกว่าท่านเรียกหา มีเรื่องอะไรจะให้อิฉันรับใช้ หรือคะ”
“ขึ้นมานั่งข้างบน ไปนั่งทำไมข้างล่าง เธอไม่ใช่คนรับใช้ของบ้านนี้ ท่านนายพลกล่าวเสียงดุ ฉวีวรรณจึงจำต้องย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งบนโซฟา เดี่ยวที่อยู่ใกล้ๆ
“แดนดิน” บิดาเรียกบุตรชายคนโต “อยากจะแต่งงานกับลูกสาวเขา พ่อก็เรียกมาให้ทำไมไม่เจรจากัน” ด้วยความที่เคยแต่ออกค่า สั่ง เสียงของท่านจึงแข็งข็งและชัดเจนทุกคำพูด
“ผมจะขออนุญาตคุณน้าฉวีแต่งงานกับน้องนุ่มครับ” แดนดินบอก
“เอ่อ…” ฉวีวรรณยังไม่ทันตั้งตัว ด้วยยังไม่ได้คุยกับณัฐรินทร์เลยสัก ครั้งจึงตัดสินใจไม่ถูก “คงต้องถามคนแต่งด้วยกระมังคะ น้าก็เป็นแค่แม่ มีหน้าที่เลี้ยงดูเค้าให้เป็นคนดี ถ้ายัยนุ่มตัดสินใจยังไง น้าก็ไม่มีปัญหา หรอกค่ะ”
“แล้วหนูนุ่มจะว่ายังไงล่ะจ๊ะ”
คุณนายแก้วเกล้าถามหญิงสาว พร้อมกับพินิจพิจารณาไปทั่วเรือนร่าง ณัฐรินทร์จัดว่าเป็นคนสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า กิริยามารยาทเรียบร้อย ได้ยิน มาว่าเรียนหนังสือก็เก่ง งานบ้านงานเรือนก็เก่ง แบบนี้จะไม่อยากได้เป็น ลูกสะใภ้ก็กระไรอยู่
ณัฐรินทร์ลอบสบตาแดนดินเห็นแววตาของอีกฝ่ายเป็นประกายระยิบ ระยับก็เขินอายหลบตาคมวูบ ก่อนจะมองคุณนายแก้วเกล้าและท่านนาย พลอย่างตัดสินใจ
“ค่ะ” เธอตอบรับเพียงสั้นๆ แค่นั้นก็ทำให้ทุกคนที่รอคำตอบถอน เฮือกด้วยความโล่งอก
“ถ้างั้นก็กำหนดวันงานเลยดีมั้ยคะ คุณพี่คะ อิฉันดีใจเหลือเกิน ใน ที่สุดบ้านเราก็จะมีงานมงคลเสียที” ภรรยาสุดที่รักหันไปบอกสามีนายพล ฝ่ายสามีก็เปิดยิ้มน้อยๆ สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความดีใจ
“เอางั้นเลยนะ”
“เอ่อ…” ณัฐรินทร์แย้งขึ้น “นุ่มขอเวลาอีกสักนิดได้มั้ยคะ นุ่มยังเรียน ไม่จบเลย” แล้วเธอก็พูดในสิ่งที่ทำให้แดนดินต้องชะงัก ใจเขาอยากแต่ง วันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ อยากปกป้องเธอได้เต็มที่ ไม่ให้มีใครหน้าไหนกล้า มารังแกได้อีก แต่เธอกลับมีข้อแม้
“แต่งงานก็ยังเรียนต่อได้ จะ
“หนูนุ่มอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เช่น ไม่แน่ใจในตัวแดนดิน ท่านนายพลเป็นห่วงเรื่องนี้ เกรงว่าฝ่ายหญิงจะเจอปัญหาบางอย่างในตัว แดนดินแล้วไม่กล้าบอก
“ปละ…เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ นุ่มใกล้จะสอบแล้ว ไม่อยากให้ อะไรมาทำให้ผลสอบตกลงค่ะ ถ้าจะต้องแต่งงานเลยมันคงวุ่นวายไม่น้อย นุ่มอยากให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนค่ะ”
“งั้น ว่าไงล่ะเรา ดูท่าทางจะใจร้อนสินะ” ท่านนายพลหันไปแขวะ
บุตรชายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ
“งั้นก็คงต้องหมั้นกันไปก่อน” คุณนายแก้วเกล้าออกความเห็น ถ้าไม่ ทำอะไรเลยแดนดินก็คงไม่ยอม อย่างน้อยเขาจะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีใคร แย่งเธอไปได้ในระดับหนึ่ง
“ถูกแล้วครับคุณแม่ ถ้ายังจัดงานไม่ได้ในช่วงนี้ ผมจะขอหมั้นน้องนุ่ม
เอาไว้ก่อน ไม่ทราบว่าคุณน้าฉเห็นว่าอย่างไรครับ
“น้าบอกแล้วไงล่ะคะผู้พัน ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ปลูกต้อง ตามใจผู้นอนค่ะ” ฉวีวรรณส่งยิ้มให้คนถาม
แดนดินเหลือบมองณัฐรินทร์ที่นั่งอมยิ้มไม่ยอมสบตาเขา ก่อนจะ กระแทกลมหายใจด้วยความร้อนรน
“น้องนุ่มจะว่ายังไงคะ ถ้าตัดสินใจไม่ถูก พี่จะพาไปจดทะเบียนให้ เรียบร้อย สอบเสร็จก็จัดงานแต่ง ระหว่างนี้ก็มาอยู่กับพี่ที่นี่ คงไม่ผิดถ้าเรา จดทะเบียนเป็นผัวเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช่มั้ยครับคุณพ่อคุณแม่
เมื่อเธอไม่ตอบ แดนดินก็คิดจะมัดมือชกเอาเสียเลย
“พี่แดนคะ!!” ณัฐรินทร์ร้องเรียกน้ำเสียงตกอกตกใจ “เราหมั้นกันไว้ ก่อน แล้วค่อยทําทุกอย่างหลังสอบเสร็จดีกว่ามั้ยคะ”
มุมปากแดนดินกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อครู่จางหาย
“ดีค่ะ ตอบชัดถ้อยชัดคำแบบนี้สิคะ คุณพ่อคุณแม่ครับ คุณน้าฉวี ผม ขอตัวสักครู่นะครับ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น
“จะไปไหนล่ะลูก” คนเป็นเอ่ยถาม
“จะไปเอาของสำคัญครับคุณแม่ รอสักครู่นะคะคนดี” ยังมีการหัน ไปหยอดคำหวานให้คนรักต่อหน้าผู้ใหญ่ ทำเอาคุณนายแก้วเกล้าต้องหัน ไปยิ้มกับสามี แล้วหันไปหัวเราะกับฉวีวรรณ
“ไม่ต้องห่วงนะคุณฉวี เราเองก็เอ็นดูหนูนุ่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อยู่ที่นี่ ไม่มีใครทำอันตรายใดๆ ได้
“ถ้าไอ้ตลชัยมันทำอะไรหนูอีก มาบอกพ่อเลยนะลูก พ่อจะได้จัดการ
ณัฐรินทร์กราบขอบพระคุณท่านทั้งสองที่เอ็นดูเธอเหมือนลูกหลาน แม้ว่าบ้านนี้จะมีคุณนายถนอมศรีและคลชัยอยู่ด้วย เธอก็ คงเบาใจได้ในระดับหนึ่ง ดลชัยคงไม่กล้าถ้ารู้ว่าเธอเป็นอะไรกับแดนดิน
ไม่กี่นาทีถัดมา แดนดินก็ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นตรงหน้าผู้ใหญ่ทั้งสาม พร้อมกับกวักมือเรียกณัฐรินทร์ให้ลงไปนั่งข้างๆ
หญิงสาวไม่ขัดใจลงไปนั่งเหนียมอายอยู่ข้างๆ เขา มือเล็กถูกยกขึ้น
เธอจึงมองหน้าคนที่จับมือเธอ
“คุณน้าฉวีครับ ผมขอหมั้นหมายกับน้องนุ่มเลยนะครับ ผมจะได้มี สิทธิ์ปกป้องดูแลเธอให้มากขึ้น
ฉวีวรรณยิ้มอ่อน เรื่องดีๆ แบบนี้เธอคงไม่ขัดศรัทธา
“ได้สิคะผู้พัน”
“มีแหวนแล้วผู้พัน” คุณนายแก้วเกล้าแสร้งถามทั้งที่เห็นแหวนอยู่ใน มือบุตรชายแว้บๆ
“ผมเตรียมไว้ตั้งนานแล้วล่ะครับคุณแม่ รอแต่ว่าเมื่อไหร่น้องนุ่มจะ ใจอ่อนให้พี่แดนเสียที
ณัฐรินทร์เหนียมอายที่ชายหนุ่มขยันหยอดคำหวาน แก้มนวลนั้นแต้ม สีเหมือนมีคนระบายไว้อย่างน่ารัก
“ที่แท้ก็แอบมองน้องมานานแล้วนี่เอง” คนเป็นแม่แกล้งแซว
“อ้าว… นี่เธอรู้เรื่องนี้ด้วย ท่านนายพลเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องเพ งงเพราะ มัวแต่ทำงาน เรื่องของเด็กๆ ท่านเลยไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อ ถึงเวลาก็คงจะได้รู้เอง
“ก็มีแต่คุณพี่คนเดียวกระมังคะที่ไม่ทราบ
“งั้นเรอะ เอ้าๆ แดนดินสวมแหวนให้น้องลูก” ท่านผายมือออกมา ตรงหน้าบอกให้บุตรชายทำตามความต้องการของหัวใจ
แหวนเพชรวงเล็กๆ ถูกบรรจงสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้าย ณัฐรินทร์ใจ สั่น มือไม้สั่นระริกด้วยความตื้นตันใจ มือน้อยถูกยกขึ้นจุมพิตแผ่วๆ เธอ รู้สึกถึงไอร้อนที่แนบลงมา ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือออกอย่างช้าๆ พอหันไป มองมารดาก็เห็นท่านส่งสัญญาณบางอย่าง ณัฐรินทร์จึงพนมมือไหว้คู่หมั้น ของตนอย่างอ่อนน้อม
“ต่อจากนี้หนูนุ่มก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครอีกแล้วนะจ๊ะ เรื่องงานแต่ง เดี๋ยวแม่ๆ จะช่วยเอง หนูก็ตั้งใจสอบให้ดีๆ ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะลูก”
คุณนายแก้วเกล้าเรียกขานเธอว่าลูก เรียกแทนตัวเองว่าแม่ ได้ยิน
แล้วณัฐรินทร์ก็แทบน้ำตารื้น ผิดกับคุณนายถนอมศรีลิบลับ รายนั้นเรียก
จิกหัวเธอตลอด
“ขอบพระคุณท่านมากค่ะ”
“ท่านเป็นอะไรอีกล่ะลูก หนูมาเป็นลูกของพ่อกับแม่อีกคนแล้วนะ เรียกคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วนะจ๊ะ
“ขอบพระคุณค่ะคุณพ่อ…คุณแม่
หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งคุยกันนานนับชั่วโมง แดนดินก็เดินมาส่งคู่ หมั้นกับแม่ยายที่บ้าน
“แน่ใจหรือคะ ว่าจะไม่ไปนอนด้วยกันที่บ้านพี่” เขากระซิบระหว่างที่ เธอกำลังจะปิดประตูรั้ว ทั้งคู่ถูกกั้นด้วยเหล็กประตูรั้วสูงแค่อกของณัฐรินทร์เท่านั้น
“พูดอะไรคะพี่แดน เดี๋ยวแม่ก็ได้ยินหรอกค่ะ
หญิงสาวค้อนตาคว่ำ ใจอยากหุบเขาให้หายหมั่นไส้สักทีสองที แต่ก็ กลัวมารดาจะเห็น
“เราหมั้นกันแล้วนะคะ
“แต่ยังไม่ได้แต่งงานกันนี่คะ”
“หมั้นก็เหมือนแต่งนั่นแหละค่ะ นุ่มอย่าทำให้มันต่างกันสิคะ พี่ยังไม่ เห็นว่าจะต่างกันตรงไหนเลย อยากนอนกับน้องนุ่ม นี่ก็ไม่รู้จะนอนคนเดียว หลับหรือเปล่าสิคะ”
ณัฐรินทร์หมั่นไส้คนขี้อ้อนสุดกำลัง เธอทำจมูกขึ้นแล้วผลักอกเขา แดนดินจับมือเล็กแล้วจูบไปบนข้อนิ้ว
“พรุ่งนี้เช้าพี่จะมารอรับไปมหาลัยนะคะ”
“ค่ะ กู๊ดไนท์นะคะพีแดน
“ไม่ค่ะ กู๊ดไนท์อย่างเดียวผิดธรรมเนียมสิคะ ต้องคิสด้วยถึงจะถูก
“พี่แดนน่ะ ถ้าแม่ออกมาเห็นเข้าล่ะก็…
“คุณน้าฉวท่านเข้าใจหัวอกพี่ ไม่เหมือนน้องนุ่มหรอกค่ะ นะคะ จูบพี่ที ไม่งั้นพี่คงนอนไม่หลับแน่ๆ คืนนี้
หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆ แต่ก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นยื่นริมฝีปากจูบ ปากร้อน มันไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะแดนดินเอามือรองท้ายทอยของเธอ เพื่อบดขยี้จุมพิตได้ถนัด จูบอย่างที่อยากจูบจนพอใจ
“หวานจริงๆ ทูนหัว ฝันดีนะคะ คืนนี้พี่จะไปหาในฝัน
“กลับไปนอนได้แล้วค่ะ คนอะไรหุ่นชะมัดเลย ชิ!!!
แดนดินยอมถอยห่าง โบกมือให้คนรักรอจนเธอเข้าบ้านเรียบร้อยก็ เดินกลับ เขาเข้าไปในรั้วบ้านของตนก็ยังหันมามองหาเธออีกรอบ
ให้ตายสิ!!
นี่กูจะหลับได้ไงวะคืนนี้!!!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ