บทที่40 เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
บทที่40 เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
แน่นอนว่าพยาบาลพิเศษไม่กล้าละเมิดคำสั่งของบุริศร์ รีบ เข้าไปข้างในและเฝ้าอย่างใกล้ชิด
บุริศร์เห็นว่านอนหลับอย่างฝันหวาน กำเส้นผมของเธอที่อยู่ ในมือแล้วกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว
เขมิกาเห็นว่าบุริศร์กลับมาเขมิกา จึงรีบออกมารับ ร้องไห้ น้ำมูกน้ำตาไหล
“บุริศร์บุริศร์ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันแค่อยากให้บทลงโทษ เล็กๆน้อยกับกิจจาแค่นั้น ฉันไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะมีนิสัยหัว แข็งแบบนี้ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่ดีเอง ”
บุริศร์เห็นท่าทางร้องไห้ของเธอแล้วหงุดหงิดใจ
“เอาหละ ฉันรู้ว่าเธอทำไปเพราะเป็นห่วง กิจจาเป็นยังไงบ้าง แล้ว? ให้หมอประจำตระกูลไปดูอาการหรือยัง? ”
“หมอยังตรวจอยู่”
เขมิการ้องไห้จนตาแดง ดูแล้วเป็นห่วงกิจจาจริงๆ
บุริศร์หันเท้าเดินไปทางห้องของกิจจาทันที
เขมิกาเดินตามเข้ามา
สีหน้าของกิจจาแดงเป็นเลือดฝาด ร้องว่าหนาวอยู่ตลอด บุรี ศร์ปวดใจที่เห็นท่าทางนั้น
“ทีหลังจะอบรมสั่งสอนเด็กห้ามลงไม้ลงมือ ”
“เข้าใจแล้ว ฉันไม่กล้วอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่คิดว่าเขาจะให้ บริษัทสูญเสียเงินมากมายขนาดนี้ ยังไงเขาก็ไม่ยอมพูด ฉันก็ เลยโกรธ ที่ฉันทําก็เพื่อตระกูลโตเล็กนะ ”
เขมิกาไม่เคยเหีลูกชายดื้ออย่างนี้มาก่อน เธอกังวลอย่าง มากว่าบุริศร์จะกล่าวโทษเธอกับลูกชายเพราะการสูญเสีย ทรัพย์สินครั้งนี้ใหญ่หลวงมาก ดึงนั้นจึงอยากที่จะอบรมสั่ง สอนกิจจาเองสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะป่วยขึ้นมา
บุริศร์คลำหน้าผากร้อนของกิจจา เสียงต่ำถาม: “เดชา กิจจาเป็นยังไงบ้างแล้ว? ”
“คุณชายน้อยได้รับกับอากาศที่หนาวเย็นครับ บวกกับ ภายในร่างกายมีอาการอักเสบ ดังนั้นเลยเกิดอาการไข้ขึ้น แต่ว่าเมื่อกี้ผมได้ตรวจรักษาคุณชายน้อยแล้ว เขาเหมือนว่า จะมีต่อมทอนซิลอักเสบ ไข้จึงยังไม่ลด สำหรับเด็กอายุเท่านี้ พบเจออาการแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากครับ วางใจเถอะ ให้น้ำเกลือเพื่อให้ไข้ลดลงก่อน หลังจากนั้นค่อยค่อยๆรักษา ร่างกายนะครับ ”
เดชาพูดกับบุริศร์จบ ก็เริ่มให้น้ำเกลือกิจจา
เขมิการ้องไห้หนักมาก นั่นทำให้บริศรู้สึกหงุดหงิดใจเสีย จริง
“เธอกลับห้องไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันให้ป้าโอเฝ้าเอง เธออยู่ที่ นี่ก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องของบริษัทก็โทษกิจจาไม่ได้ ทีหลังถ้า หายังสาเหตุของเรื่องได้ไม่ชัดก็อย่างลงโทษเด็กมั่วๆ ”
ได้ยินว่าบุริศร์ไม่พอใจ เขมิกาก็ยิ่งกล้าๆกลัวๆ
“บุริศร์ คือฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณให้ฉัน อยู่ที่นี่ต่อเถอะนะ ฉันเป็นแม่แท้ๆของเขา ฉันอยู่ต่อดูแลเขา สบายใจได้มากกว่า ”
“งั้นตกลง เธอดูแลเขาดีๆก็แล้วกัน เดชา นายมาที่ห้องหนังสือ ฉันหน่อย ฉันอยากถามเรื่องอาการไข้ของกิจจาให้แน่ชัด ”
บริศ พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป
เขมิกายังอยากอยู่กับบุรีศร์ต่อ แต่เสียดายเมื่อเห็นท่าทาง เย็นชาเป็นน้ำแข็งไปทั้งตัวของเขา จึงไม่กล้าเอ่ยปากอีก
เดชาตามบุริศร์เข้าไปที่ห้องหนังสือ
“ประธานบุรีศร์ อาการป่วยของคุณชายน้อยไม่ได้มีอะไรร้าย แรง หลังจากนั้นแค่ค่อยๆรักษาไปก็จะดีขึ้นเองครับ เด็กน้อย วันนี้มักจะค่อนข้างทำให้คนเป็นห่วงครับ”
เดชาพูดอย่างรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่
บุริศร์ดึงลิ้นชักโต๊ะหนังสือออกมา หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง ออกมาจากด้านใน ในผ้าเช็ดหน้าคือห้าปีก่อนหลังจากที่เขารู้ ว่านรมนตกอยู่ในกองไฟ เขากลับมาพบหวีบนโต๊ะเครื่องแป้ง ของเธอ บนหวีนั้นมีเส้นผมยาวของนรมนร่วงหลงเหลืออยู่
ตอนนั้นเขาพบนรมนแบบอยู่ไม่พบคน ตายไม่พบศพ เพื่อเก็บ ไว้แทนความคิดถึงให้กับตัวเอง จึงเก็บผมยาวนี้เอาไว้ แล้วยิ่ง เก็บไว้ในลิ้นชักห้องหนังสือ ใครก็ห้ามแตะ
วันนี้เขาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ออกมา นำเส้นผมยาวของนรมนที่ เพิ่งดึงออกมาได้ไม่นานยื่นไปให้เดชาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้า
“เดชา ฉันวานนายเรื่องนึง ช่วยดูให้ฉันหน่อยว่าผมสองเส้นนี้ ใช่ของคนคนเดียวกันหรือเปล่า “
เสียงของบุริศร์ไม่ดัง แต่มีความจริงจัง
เดชาอึ้ง ถามด้วยเสียงต่ำ : “ประธานบริศร์ นี่ท่านจะให้ผม ตรวจดีเอ็นเอเหรอครับ?
“ใช่ ฉันคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกของคนๆนึงนั้นเปลี่ยนได้ นิสัยเปลี่ยนได้ แต่เส้นผมและDNAน่าจะเปลี่ยนไม่ได้เหมือน กับใบหน้าและนิสัยหรอกใช่ไหม? ”
“ไม่ได้อยู่แล้วครับ ”
ถึงแม้ว่าเดชาจะไม่รู้ว่าเส้นผมนี้เป็นของใคร แต่ว่าสามารถ ทำให้บุริศร์เห็นค่าได้ขนาดนี้ ต้องไม่ใช่ของคนธรรมดาแน่ๆ
เขารับของมาอย่างระมัดระวัง
“เดชา เรื่องนี้ นอกจากระหว่างนายกับฉัน ฉันหวังว่าจะไม่มี คนที่สามมารับรู้นะ ถ้าผลออกแล้ว ขอให้เดชาโทรหาฉันเพียง ลำพัง ฉันจะไปรับผลด้วยตัวเอง ”
“ครับ ”
เดชาพูดจบก็ออกจากห้องหนังสือ
เขมิกาจ้องไปที่ห้องหนังสือของบุริศร์ตลอด พอเห็นว่าเดชา ออกมาแล้ว ก็รีบเข้าไปสกัดทาง
“เดชา บุริศร์เรียกนายมีเรื่องอะไร? ลูกฉันมีเรื่องอะไรที่บอก ไม่ได้ใช่ไหม? นายต้องบอกฉันนะ ! เดชา ฉันเป็นแม้แท้ๆที่ ให้กำเนิดกิจจา ถ้าหากว่าเขามีเรื่องป่วยจริงๆ นายจะปิดบังฉัน ไม่ได้นะ ”
เขมิกา โตาเอ่อ เดชาทนไม่ได้
“คุณเขมิกาครับ คุณชายน้อยไม่ได้เป็นอะไร ประธานบริศร์ แค่เรียกผมไปสอบถามเรื่องการดูแลอย่างละเอียด ”
“จริงเหรอ? ”
เขมิกาไม่สนิทใจ
“จริงครับ ”
เดชาพูดจบก็จากไป แต่สายตาของเขมิกายังมีความสงสัย
ถ้าแค่ถามเรื่องการรักษาหลังจากนี้ของกิจจา ทำไมถึงต้อง ไปถามลับหลังคนเป็นแม่แท้ๆกันนะ?
เรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่!
ขณะที่เขมิกากำลังหันหลังกลับเข้าไปในห้อง ก็พฤกษ์ที่รีบ เข้ามาด้วยความรีบร้อน
“พฤกษ์ ทำอะไรถึงได้รีบขนาดนี้? มีเรื่องขึ้นที่บริษัทอีกแล้ว ใช่ไหม? ”
เขมิกาถาม
พฤกษ์นิ่งอึ้งสักพัก ส่ายหัวแล้วพูด: “บริษัทไม่ได้มีเรื่อง อะไรครับ คุณเขมิกา ผมมีธุระกับประธานบริศร์ ขอตัวก่อนนะ ครับ *
เขาเข้าไปในห้องสมุดอย่างไร
เขมิการู้สึกว่าตากระตุก จึงรีบตามขึ้นไปอย่างเร็ว ระหว่างที่ ไม่มีใครอยู่ หูแนบประกอบดักฟังความเคลื่อนไหวจากด้านใน
เป็นเพราะพฤกษ์รีบร้อน ประตูห้องหนังสือจึงปิดไม่สนิท เสียงของพฤกษ์ในตอนนี้ทะลุลอดออกมา
“ประธานบุริศร์ ผมนำคดีการเกิดอุบัติเหตุของนักออกแบบ แคทเธอรีไปแจ้งความแล้ว ตำรวจได้เข้ามาทำการตรวจสอบ มีคนบอกว่าจริงๆแล้ววันนั้นเห็นว่ามีคนน่าสงสัยคนหนึ่งเข้าไป ในโรงรถครับ แต่ว่าเพราะมีแสงน้อยมาก แล้วคนคนนั้นก็ ปิดบังใบหน้าไว้ เลยมองเห็นได้ไม่ชัด ”
“พูดได้ว่า วันนั้นที่แคทเธอรีลองรถ จริงๆแล้วมีคนทำอะไรกับ รถ”
เสียงของบุริศร์เย็นเฉียบราวน้ำแข็ง
เขมิกาตัวสั่นแรงทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าบุริศร์จะแจ้งความ!
ทำไมถึงได้แจ้งความ
เขมิกาหน้าซีด มีเหงื่อออกจากฝ่ามือ
พฤกษ์กดเสียงต่ำลงแล้วพูด: “ประธานบุรีศร้ครับ นักออก แบบแคทเธอรีเพิ่งจะมาที่เมืองชลธี ตามหลักแล้วไม่น่าจะมี เรื่องบาดหมางกับใคร จะเป็นไปได้ไหมว่าบริษัทคู่แข่งของเรา ทนไม่ได้ที่เห็นเราร่วมมือกับ บริษัทHJกรุ๊ปจำกัด เลยตั้งใจ สร้างเรื่องให้แตกกัน? สุดท้ายเพียงแค่นักออกแบบแคทเธอรี ได้รับบาดเจ็บ ทางบริษัทHJกรุ๊ปจำกัดที่อเมริกาและพวกเรา ก็จะขายหน้า แล้วความร่วมมือของพวกเราก็จะจบลง ถึงตอน นั้นด้านรถยนต์ของบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดพวกเราร่วลงรั้งท้าย ตกต่ำอย่างมาก”
“ที่นายพูดก็มีเหตุผล แต่ศัตรูของบริษัทเราก็มีไม่มากมาแต่ ไหนแต่ไร กล้าที่จะมาก่อปัญหาในอาณาเขตของบริษัทฮัว ยูกรุ๊ปจำกัดยิ่งเป็นไปไม่ได้ แผนกรักษาความปลอดภัยของ พวกเราไม่ได้กินหญ้า ที่ฉันกลัวก็คือว่าบริษัทจะมีหนอน บ่อนไส้ นักออกแบบแคทเธอรีมาที่เมืองชลธี คนที่จะมีเรื่อง บาดหมางใจด้วยจะมีก็เพียงแต่ฉันกับเขมิกาเท่านั้นแหละ ฉันเองไม่ทำร้ายเธออยู่แล้ว นายไปสืบมา ว่าตอนที่พวกเรา ทดลองรถ เขมิกาอยู่ที่ไหนกำลังทำอะไรอยู่ ”
ประโยคที่ออกมานี้ของบุริศร์ เขมิกาแทบจะยืนไม่อยู่
เธอก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ถึงห้องกิจจาก็ตั้งนานแล้ว กิจจา แต่ใจเธอกลับไม่สงบลง
คิดไม่ถึงเลยว่าบุริศร์จะสงสัยเธอ!
แคทเธอรีคืออะไรกัน?
แต่คือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เพิ่งมาถึงเมืองชลธี คาดไม่ถึงเลยว่า จะเพียงแค่ใช้ใบหน้าก็สามารถทำให้บุริศสงสัยเธอว่าคือผู้ หญิงของเขาเมื่อห้าปีก่อน!
ยกโทษให้ไม่ได้จริงๆ!
แต่เขมิกาก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน
ฝีมือของพฤกษ์เธอรู้ชัดดี
ถ้าหากถูกสืบได้ว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น กลัว ว่าความรุ่งโรจน์มั่งคั่งที่อยู่ตรงหน้า แม้กระทั่งอนาคตของ ลูกชายจะได้รับผลกระทบทั้งหมด
เขมิกาคิดถึงตรงนี้ ก็รีบหยิบโทรศัพท์แล้วโทรออกไปยัง สายๆหนึ่ง
“ฉันไม่สนว่าเธอจะใช้วิธีไหน ต้องหาคนมาเป็นพยานให้ได้ว่า วันที่บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดทดลองรถนั้นฉันอยู่ที่สถาบันเสริม ความงาม
“เข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ”
อีกฝ่ายพูดก็ตัดสาย แต่ใจของเขมิกาก็ยังคงไม่สงบลง
น่าเกลียด!
ยัยแคทเธอรีนั่นตายยากจริง!
แบบนี้แล้วยังไม่ตาย!
ตอนนี้เธอแทบอยากจะถ่อไปฆ่าเธอถึงที่โรงพยาบาล แต่เธอ ก็รู้ ว่าบุริศร์ต้องทิ้งตาวิเศษไว้ที่โรงพยาบาลตอนนี้แน่ ไปตอน นี้ก็เหมือนกับเปิดโปงตัวเอง
เขมิกาเดินประหม่าไปมาอยู่ในห้อง มองกิจจาที่ยังคงหลับไม่ ได้สติ กระทืบเท้าอย่างโมโห
“ของไร้ประโยชน์! ฉันแทบตายกว่าจะคลอดแกออกมาได้ ไม่ได้ให้แกออกมาเสวยสุขเป็นคุณชายน้อยนะ แกจะเป็นตาย ร้ายดียังไงก็ต้องช่วยแม่แกคิดหาทางออก ”
กิจจาไม่ได้ยิน ถึงต่อให้ได้ยิน คาดว่าก็ไม่เข้าใจความหมาย
ที่แม่พูด
ไม่นานบุริศร์และพฤกษ์ก็ออกมาจากห้องหนังสือ
เขมิการีบเดินออกมา
“บุริศร์ คุณไม่อยู่ทานข้าวที่บ้านเหรอ? กิจจาไข้ขึ้นเมื่อตอน เช้าตรู่ร้องหาแต่ดาดี้ดาดี้ ตั้งแต่ยังเล็กเวลาเขาเป็นไข้ก็เป็น คุณคอยดูแลอยู่ข้างๆตลอด ถ้าหากว่าวันนี้คุณไม่อยู่ กิจจา คงจะเศร้าน่าดู ” ”
ท่าทางของเขมิกาน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเป็นเมื่อก่อน บุริศร์เขาก็จะอยู่ต่อเพื่อกิจจา แต่ว่าวันนี้ไม่ ได้ สองสามวันนี้เขาต้องอยู่ที่โรงพยาบาลคอยดูแลนรมน
“ให้ป้าโอ ต้มข้าวโอ๊ตหรืออะไรก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเอาไปด้วย ตอนนี้ฉันจะไปดูกิจจา พฤกษ์ นายไปทำธุระเถอะ ”
“ครับ ”
พฤกษ์ ออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เขมิกากลับร้อนใจ กระวนกระวายนิ่งไม่อยู่แล้ว
“เรื่องอะไรถึงต้องให้พฤกษ์รีบไปจัดการขนาดนั้น? บุริศร์ คุณให้งานพฤกษ์ เขาเยอะไปแล้วนะ ให้พฤกษ์ช่วยงานจน เหนื่อยแย่ล่ะ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวจะไม่มีคนแบ่งเบาภาระเอานะ ‘ ”
เขมิกาหน้าเหมือนพูดติดตลก แต่กลับทำให้บุริศร์มองจับผิด
เธอ
“ฉันจะไปดูกิจจา ”
บุริศร์เข้าไปในห้องของกิจจาแล้ว เขมิกามองไปยังทางที่ พฤกษ์จากไป สายตานั้น ความกังวลใจออกมา แต่ก็เพียงแค่ ชั่วขณะพริบตาเดียว
สีหน้าของกิจจาคลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
บุริศร์จับมือของเขา แต่ในสมองอยู่ๆก็ปรากฏใบหน้าหน้า ของกานต์ลอยขึ้นมา
เด็กอายุสี่ขวบกว่าเหมือนกัน แต่กานต์กลับนิ่งราวกับเป็น ผู้ใหญ่ไม่เหมือนเด็ก วันนี้เขายังคงสงสัยว่ากานต์ใช่หรือไม่ใช่ ลูกของตัวเองกับนรมน แต่ก็ส่งความรู้สึกพิเศษไปให้เขาเยอะ มากแล้ว
“ฉันได้ยินว่ากิจจามีเพื่อนที่สนิทกันอยู่คนหนึ่งที่โรงเรียน อนุบาลชื่อว่ากานต์ เธอให้คนขับรถไปที่โรงเรียนอนุบาลรับ เขามาสิ บางทีเขามาอยู่เป็นเพื่อนกิจจา กิจจาน่าจะดีขึ้นมาเร็ว หน่อย ”
บุริศร์ก็เอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน แต่ทำให้เขมิกานิ่งอึ้งไปแล้ว
กานต์คือใคร?
ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองมีเพื่อนรักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อ
ไหร่?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ