รักสุดท้ายให้กับนาย

บทที่ 102 ผมไม่อ้อนหม่ามีให้มีความสุขจะให้ผมไป อ้อนใคร



บทที่ 102 ผมไม่อ้อนหม่ามีให้มีความสุขจะให้ผมไป อ้อนใคร

บทที่ 102 ผมไม่อ้อนหม่ามี้ให้มีความสุขจะให้ผมไปอ้อนใคร

เดิมทีบุริศร์อยากที่จะมาหานรมน แต่ตอนที่เขามองเห็นภาพ นี้ เท้าก็ก้าวเดินต่อไม่ได้

เขายังจำตอนที่อยู่ในห้องผ่าตัดอย่างพร่ามัว กานต์พูดกับ

เขา

ถึงแม้เด็กคนนี้จะดูไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่ว่าในเวลาสำคัญ ก็บริจาคเลือดให้ตัวเอง นี่ทำให้บุริศร์ซาบซึ้งจนพูดไม่ออก

นี่คือลูกชายของเขา

นรมนไม่ได้อยู่ที่ห้อง ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว

บุริศร์นั่งลงข้างเตียงอย่างเบามือ พยามที่จะแยกพี่น้องทั้ง สองออกจากกัน ค่อยๆอุ้มกิจจาขึ้นมา วางลงอยู่ข้างๆกานต์

แต่ว่ากิจจานอนอย่างระแหวง ตอนที่เพิ่งวางลงมาก็เอาขา ข้างหนึ่งไปผาดที่เอวของกานต์ แถมแขนยังเกาะบนตัวขอ งกานต์แน่นๆ พึมพำพูด “พี่ใหญ่ ผมไม่ให้พี่ไป!”
มองดูกิจจาที่ใส่ชื่อแบบนี้ สายตาของบุริศร์ก็อ่อนโยนลงมา อย่างมาก

ถึงแม้เขาจะเป็นลูกที่เขมิกาคลอด แต่เขากลับไม่เหมือนเขมิ กาจริงๆ ส่วนนี้ปลอบใจบริศ อย่างมาก

หากว่าที่แชมป์พูดมาเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นแล้วเพื่อกิจจาเขา ยังไม่สามารถพากิจจากลับไปที่เมืองชลธีได้ อย่างน้อยก็ใน ตอนนี้ยังไม่ได้

กานต์สะดุ้งตื่นขึ้นมา และรู้สึกได้ว่ามีคนมองจึงรีบลืมตาขึ้น

มา

สายตาของเขาสว่างชัดเจน ไม่มีแม้แต่จะพร่ามัวแบบนั้น เมื่อ เห็นบุริศร์ก็นิ่งไปสักพักและไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเวลาต่อมา เห็นท่านอนที่ดูน่าลำบากของกิจจา คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน

กานต์จ้องไปที่กิจจาอย่างรังเกียจอยู่บ้าง น่าเสียดายที่กิจจา นอนอย่างสงบแถมปากยังมีน้ำลายไหล

ไม่นานคิ้วของเขาก็คลาย

มองดูอารมณ์แบบนั้นของกานต์ อยู่ดีๆบุริศร์ก็ยิ้มขึ้น

นี่สิถึงเป็นลูกของเขาจริงๆ เหมือนกับเขาตอนอายุเท่านี้อย่าง

กับแกะ!
“ค่อยๆย้ายมือเท้าของเขาออกไป หาย้ายไม่ได้ก็พูดว่าแด๊ดดี้ กลับมาแล้วเขาจะรีบกลับมาปกติทันที”

บริศ พูดเสียงเบา

ถึงแม้กานต์ไม่อยากจะทำแบบนั้น แต่ว่าถูกกักขังเหมือนกลับ ปลาหมึกยักษ์แบบนั้นมันไม่สบายจริงๆ

เขาพยามที่จะย้ายแขนขาของกิจจาออก แต่ว่าเหมือนกับว่า จะยิ่งมารัดร่างกายตัวเองแบบนั้น ทำให้กานต์พูดไม่ออกอย่าง มาก

ไม่มีทางเลือก เขาทำเพียงได้แค่พูดออกไป “แด๊ดดี้มาแล้ว!”

ประโยคนั้นหลุดออกมา กิจจาเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูดควบคุม

แบบนั้น รีบปล่อยกานต์อย่างสับสนและนอนหลับอยู่ข้างๆ

อย่างน่าเอ็นดู

ส่วนบุริศร์เพราะคำพูดเมื่อกี้ของกานต์จึงสั่นไปทั้งตัว

“เมื่อกี้ที่นายพูดมาพูดใหม่อีกรอบสิ”

บุริศร์มองที่ลูกชายอย่างรอคอย

กานต์มองไปที่เขาอย่างภูมิใจ ลุกขึ้นลงจากเตียง
“หม่ามีของผมล่ะ?”

ออกไปข้างนอกแล้ว”

บุริศร์เข้าใจ เกรงว่าตัวเองจะไม่ได้ยินประโยคนั่นแล้ว ยิ่งไม่ ได้ยินกานต์เรียกแด๊ดดี้แล้ว

คิดดูแล้วช่างน่าเศร้าจริงๆ ทั้งที่ลูกชายของตัวเองก็รู้ความ สัมพันธ์ระหว่างพวกเขา กลับทำเหมือนคนแปลกหน้าแบบนั้น ให้ตายก็ไม่ยอมรับเขา ความรู้สึกแบบนี้ช่างแย่จริงๆ

“กานต์ นายรู้ไหมว่าห้าปีก่อน หม่ามี้ของนายเจออะไรมา บ้าง?

บุริศร์ถามเสร็จก็รู้สึกเสียใจ

เด็กสี่ขวบคนหนึ่งจะรู้อะไรได้?

ตอนนั้นเขายังอยู่ในท้องของนรมน

“ช่างเถอะ นายคงไม่รู้หรอก ทำเป็นเหมือนฉันไม่ได้ถาม”

บริศ พูดจบก็ลุกขึ้น

กานต์ค่อยขมวดคิ้ว
“ทําไมนายมาถามแบบนี้? ห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นนายคงไม่ใช่ ไม่รู้หรอกมั่ง?”

“หากฉันบอกว่าไม่รู้จริงๆ นายเชื่อฉันไหม? ฉันไม่รู้จริงๆว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ตอนนั้นของหม่ามี้นายมันเกิดอะไรขึ้น หลัง จากที่ฉันส่งคนไปคุ้มกันหม่ามี้นายออกจากเมืองชลธี ฉัน จัดการทุกอย่างดี แต่ว่าระหว่างทางกลับมีข่าวว่า หม่ามี้นาย หนีไปกับผู้ชายคนอื่น เหตุการณ์ไฟไหม้นั่นไม่เหลือร่องรอย อะไรไว้เลย ห้าปีมานี้ฉันสืบอยู่ตลอด แต่ว่าไม่ว่าหม่ามี้หรือคน คุ้มกันในตอนนั้นก็หายตัวไป ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันไม่รู้ อะไรสักอย่าง”

บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองคงบ้าไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะพูดเรื่องพวกนี้ ให้เด็กสี่ขวบกว่าฟังได้ยังไงกันล่ะ?

กานต์ได้ยินบุริศร์พูดแบบนั้น ความคิดลึกๆก็ถามกลับ “นาย

อธิบายเรื่องนี้ให้ หม่ามี้ฟังหรือยัง?”

“หม่ามี้นายไม่เชื่อฉัน!”

บริศร์ยิ้มเศร้า

ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าลูกชายของตัวเอง นี้ถือไม่ถือ เป็นความอ่อนแออย่างหนึ่ง?

แต่ว่าเขาไม่มีทางที่จะมองลูกชายและภรรยาของตัวเองจาก ตัวเองไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
กานต์ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับกว่ากำลังคิดถึงความเป็นไป ได้ของคําพูดบุรีศร

บางครั้งบริศ ก็เหมือนรู้สึกดีกับนรมน

เด็กคนนี้โตที่อังกฤษ แนวคิดการสอนบางอย่างไม่เหมือนกับ ในประเทศนี้ เด็กมีความคิดและรูปแบบการคิดเป็นของตัวเอง ตั้งแต่แรก ไม่เหมือนเด็กในประเทศ ต้องค่อยให้ผู้ใหญ่คอย นำทางให้ทุกที่

ในแง่ของความอิสระนี้ กิจจาเทียบกานต์ไม่ได้สักนิด

นี้เป็นสิ่งที่บุริศร์ภูมิใจ!

ถึงแม้ตัวเองจะถามตัวเองว่าไม่เคยทําเรื่องอะไรให้ แต่ว่า ความภูมิใจนี้เกิดขึ้นเองเหมือนน้ำมันที่ราดลงไปในไฟทำยังไง ก็ไม่ดับ

กานต์ยอมรับสายตาของบุริศร์อยู่บ้าง ไอดังครั้งหนึ่ง “หากว่า ที่นายพูดเป็นเรื่องจริง ฉันจะช่วยนาย แต่ว่าหากฉันรู้ว่านาย โกหกฉัน ฉันจะให้นายชดใช้อย่างสมราคา นายรู้ ฉันทำมัน ได้”

ในวงการธุรกิจรวมถึงทั้งเมืองชลธี ยังไม่มีใครกล้าที่จะพูด กับบุริศร์แบบนี้ แต่ว่าลูกชายของเขากล้า

บุริศร์ไม่เพียงแต่ไม่โกรธแต่กลับรู้สึกภูมิใจอย่างมาก
“ได้! หากว่าฉันโกหกนาย นายก็ให้ฉันอยู่คนเดียวไปตลอด ชีวิตจนแก่”

“ไม่เอาแบบนั้นหรอก หากนายอยู่คนเดียว กิจจาจะทำไง?”

กานต์พูดอย่างหดหู่เล็กน้อย จากนั้นก็สวมชุดคลุมและพูด กับบุริศร์ “ฉันไปหา หม่ามี้ หม่ามี้น่าจะทำอาหารให้ ตอนนี้คง กำลังเอาไปอุ่นในไมโครเวฟ อีกสักพักนายค่อยให้กิจจาตื่น ขึ้นมากินข้าว เขาบริจาคเลือดให้นาย คงต้องการที่จะพักผ่อน หน่อย”

บุริศร์นิ่งไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่ากิจจาก็บริจาคเลือดให้

ตัวเอง

“นายก็บริจาคเลือด ไม่ไปนอนด้วยกันหรือไง? นายก็ต้องการ การพักผ่อน

บุริศร์มองไปยังกานต์อย่างปวดใจ

กานต์กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันไปหา หม่ามี้ก่อน ใช่แล้ว หม่ามีฉันทำร้ายนายไหม?”

“ไม่มี!”

บุริศรีบปฏิเสธ
กานต์ถึงค่อยถอนหายใจ

“แบบนี้ดีที่สุด จำไว้ นายเป็นหนี้ชีวิตฉัน!”

“อืม ฉันจะจำไว้”

คิ้วของบุริศร์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูอ่อนโยนอย่างมาก บุริศร์ ในแบบนั้นทำให้กานต์ทำตัวไม่ถูก

ไม่นานเขาก็หนีออกไปจากห้อง

กานต์หานรมนเจอที่สนานฝึกซ้อม

“หม่ามี้! ทำไมมาอยู่ที่นี้?”

ตอนที่กานต์มาหานรมน เสียงดังเป็นอย่างมาก

นรมนเห็นเขาวิ่งมาหาตัวเองก็รีบจับไว้อย่างเร็ว

“อย่าวิ่งเร็วแบบนี้ เพิ่งจะเสียเลือดยังจะอวดเก่งแบบนี้ ไม่รัก ชีวิตหรือไง?”

เธอตำหนิเล็กน้อยและอุ้มกานต์ขึ้น หันหลังเดินไปยังห้อง

“ที่ หม่ามี้ทำไว้ให้กินยังไม่ได้กินใช่หรือเปล่า? ลูกนะ วิ่งเหงื่อ ออกขนาดนั้น ไม่กลัวจะเป็นหวัด”
“ไม่กลัว มี หม่ามีอยู่ทั้งคน กานต์อะไรก็ไม่กลัว!”

กานต์ใช้แขนเล็กๆโอบไปที่คอของนรมน ยื่นหน้าเล็กของตัว เองไปแนบติด

ท่าทางอบอุ่นแบบนั้นทำให้ใจของนรมนละลาย

“เจ้าเด็กน้อย ทุกๆวันรู้จักอ้อนให้หม่ามี้มีความสุข”

“แม่คือ หม่ามี้นะ ผมไม่อ้อนหม่ามี้ให้มีความสุขจะให้ผมไป อ้อมใคร?”

ฝีปากของกานต์ยิ่งนานยิ่งหวาน

ริมฝีปากของนรมนค่อยๆยกขึ้น อุ้มกานต์อย่างแน่นกลับไปที่

ห้อง

‘ตอนที่เธอเปิดประตูออก พอดีกลับที่บุริศร์เรียกกิจจาขึ้นมา กิจจาล้างหน้าเสร็จพอดี เตรียมพร้อมไปกินข้าว

นรมนแข็งไปทั้งตัว

เธอเข้าใจว่าทะเลาะกันแบบนั้นที่ทะเลแล้ว ตอนนี้บุริศร์คง ยังไม่ออกจากที่เดิมที่อยู่ และไม่มีทางมาที่นี้ได้ ที่จริงเขาเป็น ผู้ชายที่ทะนงตนคนหนึ่ง
แต่ว่าเขาไม่เพียงแค่มาแถมยังเหมือนพ่อบ้านที่ดีเอาผ้ากัน เป้อนมาสวมให้กิจจา และเอาข้าวออกมาวาง แบบนั้นทำให้ เธอรู้สึกแปลกอย่างมาก

บริศ เห็นเธอแข็งไปก็ยิ้มพูด “รีบให้กานต์ไปล้างมือและมา กินข้าวด้วยกันเร็ว”

ท่าทางแบบนั้น น้ำเสียงนี้ทำให้เธอเหมือนเป็นครอบครัว ครอบครัวหนึ่ง

ทันใดนั้นนรมนก็รู้สึกภายในใจรัดแน่นจนรับไม่ได้

“ฉันคงไม่กินแล้ว กานต์ รีบไปล้างมือและไปกินข้าวกับกิจจา เถอะ”

พูดจบ นรมนก็วางกานต์ลงและหันหลังเดินออกไป ตอนนี้เธอ ไม่อยากที่จะนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับบุริศร์ แต่ว่าตอนที่เธอจะ ก้าวเดินออกไป กานต์ก็จับมือเธอแน่นอยู่บนพื้น

“หม่ามี้ ผมอยากให้หม่ามี้มากินข้าวเป็นเพื่อน นานแล้วที่หม่า ไม่ได้กินข้าวเป็นเพื่อนผม

กานต์พูดอย่างน่าสงสาร ดวงตาทั้งสองมองดูมีน้ำตาเอ่อล้น

ออกมา

พูดจบเขาก็มองไปยังกิจจา
กิจจาเข้าใจทันที รีบปืนลงมาจากเก้าอี้ มาลากมือของนรมน และพูดเช่นกัน “คุณน้า คุณทำอาหารต้องอร่อยแน่นอน คุณ อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนพวกเราได้ไหม? คุณดูพวกเราสองพี่น้อง ลำบากให้เลือดแด๊ดดี้ ตอนนี้ดูอ่อนแรง ส่วนแด๊ดดี้ก็เป็นถึงคน ป่วย คุณจะให้พวกเราสามคน คนอะไรสักอย่างอยู่ที่นี้กินข้าว หรือไง? หากว่าเกิดเรื่องขึ้นมาทำยังไง?”

กานต์รับไม่ได้กับสำนวนของกิจจาจริงๆ

“ใช้ เด็กคนชราและผู้ป่วย

“อ๋อ ใช่ๆๆๆ! เด็กคนชราและผู้ป่วย! เอ๋? พี่ใหญ่ พี่อยู่ที่อังกฤษ ตั้งแต่เด็กจริงๆหรอ? ทำไมสำนวนพี่ดีกว่าผมล่ะ?”

กิจจาลูบหัวด้านหลังตัวเองถามกานต์อย่างไม่เข้าใจ

สำหรับคำถามที่โง่เขลาแบบนี้ กานต์เลือกที่จะเมิน

เขามองไปที่นรมน พูดอย่างขอร้อง “หม่ามี้ เพียงแค่ครั้งนี้ได้ ไหม? กินเป็นเพื่อนผมนะ”

น้อยนักที่กานต์จะขอร้องเธอเรื่องอะไร

ตั้งแต่ที่เขาเริ่มมีเหตุผล เด็กคนนี้ก็พึ่งพาแต่ตัวเอง ทำให้นร มนรู้สึกเจ็บปวดจะเป็นจะตาย วันนี้กานต์ขอร้องตัวเองแบบ นี้ นรมนรู้สึกว่าหากว่าตัวเองหันหลังเดินออกไป อาจทำร้าย จิตใจของกานต์ได้
อีกอย่างกานต์ก็ไม่รู้ความแค้นระหว่างตัวเองกับบริศร์ เธอไม่ สามารถที่จะเอาความโกรธมาลงที่เด็กๆได้

คิดถึงตรงนี้ นรมนก็ถอนหายใจออกมา “ได้ เห็นแก่พวกนาย สองคน หม่ามี้จะยอมทนกินสักหน่อยละกัน”

“เย้!อายุยืน!”

กิจจาดีใจกระโดนโลดเต้น

ถึงแม้กานต์จะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่าริมฝีปาก ก็ค่อยๆยกขึ้น เห็นได้ชัดว่าภายในใจรู้สึกดีมาก

ยังไงบุริศร์ก็คิดไม่ถึงว่ากานต์จะช่วยรั้งนรมนให้ตัวเอง

ดูแล้ว ลูกคงจะตกลงปลงใจอยู่ฝ่ายเดียวกันตัวเองแล้ว คิด

ช่วยเขาเอานรมนกลับมา?

บุริศร์ยิ้มและมองไปยังนรมน นรมนเพิกเฉยสายตาของเขา อย่างอัตโนมัติ พาเด็กๆไปล้างมือ เวลานี้กลับได้ยินเสียงฝีเท้า รีบร้อนจากด้านนอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ