รักสุดท้ายให้กับนาย

บทที่ 24 เราเจอกันอีกแล้วนะครับ



บทที่ 24 เราเจอกันอีกแล้วนะครับ

บทที่ 24 เราเจอกันอีกแล้วนะครับ

เธอคิดว่าบุริศร์จะเห็นด้วย นึกไม่ถึงว่าบุริศร์จะแค่ตบไปที่ เสื้อคลุมของตัวเอง แล้วพูดนิ่งๆ “ไม่ต้องหรอก ฉันดูแลกิจจา เขาได้อย่างดี แล้วเธอเองก็ไม่ได้เป็นพนักงานในบริษัท ไป แล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

แต่วันนี้วันหยุดหนิ บริษัทไม่มีคนสักหน่อย”

เขมิกาไม่ยอม

เธอก็อยากเข้าไปในบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดเหมือนกัน แต่บุริศร์ พูดมาตลอดว่า เพื่อการออกตัวแรง จึงไม่ให้เธอเข้าไป แล้วยัง บอกอีกว่าถ้าหากเธออยากทำธุรกิจ เขาจะเปิดบริษัทส่วนตัว ให้ แต่ความจริงแล้วเธอแค่อยากอยู่ใกล้บุริศร์ก็แค่นั้น

บุริศร์ยังทำเหมือนไม่เห็นเขมิกาอยู่ในสายตา พูดนิ่งๆเหมือน เดิม “กฎของบริษัทตั้งอยู่ตรงนั้น อีกอย่างบริษัทมีกล้อง วงจรปิด อย่าไปกวนเลย”

เขมิกาน้ำตาท่วมทันที

“กิจจา คุณกลัวว่าฉันจะทำบริษัทของคุณพังใช่ไหม? ฉันไม่ ทำแบบนั้นหรอก เพราะหัวใจของฉันนั้นอยู่ที่ตระกุลโตเลิกทั้งหมด”

“ฉันรู้ แต่มันคือกฎของบริษัท เซมิกา อย่าทำให้ฉันลำบาก เลย”

ถึงแม้บุริศร์จะพูดจานิ่งตามเดิม แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความ น่าเกรงขาม

เขมิการู้ดี ว่าถ้าหากตัวเองยังตื้อไม่หยุด อาจจะทำให้บุริศร์ ไม่พอใจได้ แม้เธอจะไม่ยอม แต่ก็เดินถอยหลังมาแล้วสอง ก้าว แล้วไปเฝ้ากิจจาทานข้าว

เมื่อไหร่เธอจะได้เป็นเจ้าของตระกุลโตเล็กกันนะ?

เขมิกาโกรธมากอยู่ภายในใจ ผิดกลับใบหน้าที่นิ่งเฉย เธอ มองดูลูกชายที่กำลังรีบตักอาหารสองคำสุดท้ายเข้าปากอย่าง มีความสุข แล้วกระโดดลงมาที่บุริศร์ เธอรู้สึกริษยาและโกรธ ขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กคนนี้ตามติดบุริศร์ทุกฝีก้าว ผิดกับที่เธอได้คิดเอาไว้ ทำไมทุกอย่างในมือของเธอถึงได้ห่างหายออกไปกันนะ?

กิจจาไม่ได้สนใจสีหน้าของเขมิกา จูงมือบุริศร์แล้วพูด“ดาดี้ เราไปกันเถอะ ผมกลัวว่าเพื่อนคงรอไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวเขาจะ คิดว่าผมโกหกเอานะครับ”

“โอเค ไปกัน!
บุริศร์ยกกิจจาขึ้นสูง จับเขาวางลงบนไหล่ พ่อลูกหยอกเล่น กันไปแล้วเดินออกจากประตู

ขณะที่พวกเขาถึงประตูอนุบาล กานต์มาถึงได้สักพักแล้ว

กิจจาเปิดประตูรถแล้ววิ่งลงมา

“กานต์! ขึ้นมาเร็ว วันนี้ดาดี้เราจะเป็นคนพาชมบริษัทเอง”

คำพูดของกิจจาทำให้กานต์ชะงักเล็กน้อย

เขามองไปที่บริศ ตั้งแต่ขึ้นจนลงจากรถ เวลาที่เห็นกิจจา เรียก อพ่อด้วยเสียงหวาน กานต์รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

บริศ นึกไม่ถึงว่าเพื่อนของกิจจานั้นจะเป็นกานต์ เด็กทีฉี่ใส่ หน้าเขาที่สนามบิน

เขารีบเดินไปข้างหน้า มองกานต์นิ่งๆ ไม่พูดอะไร แต่ร่างกาย ของเขากลับมีอารมณ์เกรงขาม

เขาเป็นคนหยิ่งยโส ผู้ใหญ่หลายคนที่เห็นบริศร์เกิดอารมณ์ เกรงขามขึ้นมาแบบนี้จะอดทนไม่ไหว

แต่กานต์กลับมองบุริศร์อย่างไร้เดียงสา ยิ้มมุมปากเล็กๆ พูด เสียงหวาน“สวัสดีครับคุณลุง เราเจอกันอีกแล้วนะครับ”
กิริยาแบบนี้ทำให้บริศร์เปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่

“นายคือเพื่อนของกิจจาเหรอ? ”

“ครับ ผมชื่อกานต์ เพิ่งจะมาเรียนอยู่ห้องเดียวกับกิจจาครับ”

กานต์มีมารยาทมาก ท่าทางการพูด ดูโตกว่ากิจจามากไม่ เหมือนเด็กวัยเดียวกัน

บริศ อยากถามเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเด็กคนนี้มาก แต่คิดแล้ว เด็กจะวิจารณ์ตัวเขาเองได้ และมันคงจะตลกไป หน่อยมันควรจะเป็นอีกฝ่ายสิที่เป็นฝ่ายถาม

คิดเพียงเท่านี้ บุริศร์ก็ให้เขาขึ้นรถ แต่ในหัวของเขากลับคิด เรื่องนี้อยู่ตลอด

กานต์?

ก็นามสกุลของตระกูลธนาศักดิ์ธนเหมือนกันเหรอ?

ช่วงนี้เขาเหมือนจะพัวพันตระกูลธนาศักดิ์ธนจังเลยนะ

บุริศร์พากิจจาและกานต์ไปยังบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด พาพวก เขาไปชมทุกแผนกของบริษัท แม้แต่แผนกเล็กๆก็ไม่เว้น
กานต์หาโอกาสลงมือไม่ได้เลย จนทําให้เขาคิดวาบุรีศร ตั้งใจจะขัดขวางเขา

หรือว่าเป็นเพราะคลิปวีดิโอคราวที่แล้วนั่นจึงทำให้บุริศร์ สงสัย?

กานต์คิดมาตลอดทาง จึงทำให้บุริศร์กำลังจับผิดกานต์อยู่ เหมือนกัน ตาของเด็กคนนี้ยิ่งมองยิ่งคุ้น เหมือนกับว่าเคยเห็น ที่ไหนมาก่อน แต่ในความทรงจำของเขานั้นกลับไม่มีเรื่องราว ของเด็กคนนี้เลยสักอย่าง

ทั้งสองคนดูบริษัทเสร็จแล้ว บุริศร์จะไปส่งพวกเขาทั้งสอง กานต์พูดแทรก”ไม่เป็นไรครับ ผมยังต้องไปเป็นอาสาสมัครที่ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”

“ไปเป็นอาสาสมัคร?

บุริศร์ประหลาดใจนิดหน่อย เด็กสมัยนี้จะมีสักกี่คนเชียวที่ไป ทําอาสาสมัคร

“นายไปกับพ่อแม่เหรอ? ”

“ไม่ครับ ผมไปคนเดียวผมคุยกับผู้อำนวยการไว้แล้ว คุณ ลุงไปส่งผมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเซนต์ปีเตอร์เบิร์กก็ได้ครับ ขอบคุณครับ”

กานต์ท่าทางสง่า
กิจจาถามกลับด้วยความสงสัยทําไมต้องไปเป็นอาสาสมัคร ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยล่ะ? เด็กพวกนั้นเป็นเด็กไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ อย่าไปเล่นกับพวกเขาเลย”

“กิจจา พูดว่าอะไรนะ? ”

บุรีศรขมวดคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย เด็กทั้งสองอายุสี่ขวบเต็ม เหมือนกัน แต่คำที่กิจจาพูดออกมาทำให้เขารู้สึกอายจนเหงื่อ ชก

กานต์กลับยิ้มแล้วพูด”มามี้ของฉันบอกว่าเด็กทุกคนคือ เทวดาที่ฟ้าส่งลงมา ดังนั้นเราไม่แบ่งชนชั้น ตราบที่ฉันยังมี แรงอยู่ มามี้ก็อยากให้ฉันช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ เป็นการสร้าง กุศลให้ตัวเอง”

คำพูดนี้ทำให้บุริศร์หยุดชะงักทันที

ดูเหมือนว่าหลายปีก่อนหน้านี้ ก็เคยมีผู้หญิงหน้าโง่คนนึงพูด ไว้เหมือนกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ