หัวใจอสุเรศ

ตอนที่60น่าอัศจรรย์



ตอนที่60น่าอัศจรรย์

โล่หวินหลานตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ หลายวันก่อนเป็นไข้ทำให้ ต้องนอนบนเตียงอุดอู้ ถ้าขืนนอนต่ออีกต้องกลายเป็นผัก แน่ๆ สู้ออกมามาออกกำลังกายที่สวนตอนที่ห้ายังสลัวๆแสง น้อยๆดีกว่า

ทางเดินข้างนอกยังพอมีหยดน้ำข้างเกาะอยู่บ้าง อากาศ กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศตอนเช้าตรู่จึงมีความหนาว อยู่หน่อยๆ

“พระราชา ทำไมท่านตื่นเช้าขนาดนี้? อากาศข้างนอก หนาว ท่านใส่เสื้อคลุมกันลมหน่อยเถอะ” คนรับใช้ข้างหลัง เตือนเบาๆ ในถือยังถือกาน้ำ ข้างในเตHมไปด้วยน้ำ ถือไว้ ในมือมีความกินแรงอยู่บ้าง

โล่หวินหลานจับๆตรงแขน โดนลมแล้วมีความเย็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่ายหัวไปมาพลางชี้กาน้ำในมือคนรับใช้ “นี่คืออะไร?”

คนรับใช้คิดไม่ถึงว่านางจะเปลี่ยนเรื่องคุยถามถึงกาน้ำนี้ ก้มหน้าตอบกลับ “พระราชา อันนี้ใช้รดน้ำ หม่อมฉันกำลัง จะไป!

ที่แท้ของอันนี้ใช้รดน้ำนี่เอง ของอันใหญ่ขนาดนี้ถือเอาไว้ ลำบากแย่ แล้วจะรดน้ำยังไง?

โล่หวินหลานกอดอกลูบคางไปมาเบาๆ ยุคปัจจุบันที่รดน้ำมีอุปกรณ์ที่เรียกว่าที่ฉีดน้ำ บัวรดน้ำ ไม่ว่าจะเลือกอันไหนยัง ไงก็สะดวกกว่าอันนี้อยู่ดี

หากสามารถนำของใช้ยุคปัจจุบันขนมาใช้ได้ ว่าไม่ได้อาจ จะทำเศรษฐกิจที่นี่ดีขึ้นก็ได้อาศัยขายที่รดน้ำอาจจะรวยก็ได้

“เห้อ! ข้าจะบอกเจ้านะ ข้ามีของที่รดน้ำแล้วใช้สะดวกกว่า ของที่เจ้าถือ เดี๋ยวข้าประดิษฐ์ให้พวกเจ้าไว้ใช้คนละอัน นางหัวเราะคิกคักมองคนรับใช้ ในใจกำลังคิดหาวัสดุมาทำ

ได้ยินที่นางพูดแล้ว คนรับใช้ถึงกับงงไปเลย คนข้างนอก พูดถึงพระราชากันเยอะมาก แต่ความเก่งกาจของนางกลับมี แค่ฝีมือการแพทย์ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถประดิษฐ์ที่รดน้ำได้ ด้วย?

ยังไม่ทันรอให้ปิดปาก ข้างหลังก็มีเสียงเหวินดังขึ้นมา “พระราชา ท่านอยู่นี้นี่เอง ข้าหาตั้งนาน

ในมือของเย่หวินถือเสื้อคลุมสีอ่อนสวย คลุมลงบนไหล่ นาง มือหนึ่งพลางมัดเชือก อีกทางก็พูดขึ้น อากาศเย็น ท่านอ๋องพึ่งตื่นแล้วไม่เห็นท่านรู้ว่าท่านต้องอยู่ที่สวน ก็เลย ให้ข้านำเสื้อคลุมมาให้ท่าน

เสื้อคลุมที่คลุมอยู่บนตัวทำให้อุ่นขึ้นมาจริงๆถึงลมจะพึ ยังไงก็ไม่สามารถพัดปญผ่านร่างกายได้ ไม่เพียงแค่คลุม แล้วตัวอุ่นขึ้น ไม่มีหมิงให้ความอบอุ่นกับนาง

“ท่านอ๋องตื่นแล้ว?” โล่หวั่นหลานพิมพ์ ยกเท้าแล้วหมุนตัวเดินออกไป

ตอนที่กลับถึงห้องลับ ฉินหมิ่นกำลังช่วยโม่ฉีหมิงอาบน้ำ อยู่ เห็นโล่หวินหลานเดินเข้ามา เลยโยนหน้าที่นี้ให้นาง ตัว เองออกไปทำธุระข้างนอกกับเหวิน

“ไปไหน?” โม่ฉีหมิงถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก

โล่หวินหลานที่ในมือถือเสื้อตัวนอก มือนึงจับมือของโม่ ฉีหมิงไว้ ค่อยๆสวมแขนเข้าไป ได้ยินคำถาม เงยหน้ามอง ค้อนเขา “เจ้ารู้ไม่ใช่?

เมื่อกี้ไม่ใช่เขาเป็นคนให้เย่หวินเอาเสื้อคลุมไปให้นาง ไม่ใช่หรอ? หากไม่ใช่สิ่งที่นางคาดเดาไว้ ทำไมถึงโผล่ออก มากับเย่หวินพร้อมกันล่ะ

เขาไม่พูดอีก ได้แต่ยื่นมือให้นางเอาแขนตัวเองสอด เข้าไปในเสื้อ โล่หวินไม่เคยสวมใส่ชุดโบราณสายรัดด้าน นอกไม่ว่าจะมัดยางไงก็มัดไม่ได้

มัดค่อนวัน นางสะบัดมือออก พูดอย่างอารมณ์เสีย ไม่ทำ แล้ว ” หมุนตัวจะเดินออกไป ตอนที่หมุนตัวก็ถูกมือใหญ่จับ ไว้ พลางลากนางเข้ามาในอ้อมกอดอย่างแรง

เสียงยิ้มต่ำๆดังขึ้นข้างหูของโล่หวินหลาน “ไม่อดทนสัก หน่อยเลยหรือ? ข้าจะสอนเจ้า”

พูดพลาง สองมือจับมือของนาง จับไปที่สายรัดเย็นๆ ยังไม่ทันเห็นว่ารูสอดอยู่ตรงไหนก็ได้ยินเสียงเล็กๆ สายรัดก็ สอดเข้ามาที่เอวของเขาแล้ว

“เข้าใจรึยัง?” โม่ฉีหมิงจับมือนางวางไว้บนสายรัด ก้มหน้า

ถาม

เข้าใจอะไร โล่หวินหลานรีบชักมือกลับ หมุนตัวหันหลัง ให้เขา ช่วยเข้าใส่เสื้อเพียงหนึ่งครั้งยังจะมาได้ใจขนาดนี้ ดู สิว่าคราวหลังนางจะช่วยเขาใส่อีกไหม

แต่พูดถึงแล้วเสื้อคนยุคนี้ก็ใส่ยากจริงๆ ข้างในสามชั้นข้าง นอกสามชั้นยังมีสายรัดอะไรนี่อีกถ้าให้นางทำเองจะใส่ได้ ยังไง? เย่หวินช่วยนางใส่ตลอด ถ้าไม่มีเย่หวิน นางน่าจะใส่ เสื้อผ้าเองไม่ได้ด้วยซ้ำ?

นางตกใจความคิดของนาง ลูบอกป้อยๆ มือใหญ่ข้างหลัง รัดเอวของนางไว้ เสียงไม่สบอารมณ์ดังขึ้นข้างหู “ทำไม? ช่วยข้าใส่เสื้อหนึ่งครั้งเจ้ากลัวขนาดนี้เลยหรอ?”

“ไม่ใช่ว่ากลัว แต่น่ากลัวมากต่างหาก” โล่หวินหลานพูด อย่างไม่ลังเล ก็สะบัดมือเขาทิ้ง เขาใช้เสียงเย็นๆพูดขึ้น นางเถียงเขากลับไป ดูสิว่าใครจะทนได้ หรือจะเป็นตัวเอง

ยังไม่ทันหันกลับไปมองหน้าของเขา ก็มีเสียงเย็นสบาย อารมณ์ดังอยู่ข้างหู “หวินหลาน……….. ”น้ำเสียงอันตรายดัง ขึ้นอย่างไม่มีเสียงเตือน ทำให้นางขนลุกทั้งตัว

ทุกครั้งที่นางได้ยินเสียงเรียกชื่อแบบนี้ นางจะรู้สึกหน้าแดงไปถึงหู นางทนไม่ได้ที่สุดก็คือเสียงลากยาวแบบนี้

โล่หวินหลานกำลังคิดว่าจะทำยังไง ก็มีเสียงเคาะประตูดัง ขึ้น เป็นเหวินที่มาเรียกกินข้าวเช้า

นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้เหวินเข้ามา

กินข้าวเช้าเสร็จ โล่หวินหลานก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก เบาๆนางถึงมองโม่ฉีหมิงอย่างตั้งใจ “รอก่อน เอาผ้าพัน แผลบนหน้าออกก่อนได้ไหม

สายตาของโม่ฉีหมิงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำธุระต่อโดย สีหน้าไม่เปลี่ยน

โล่หวินหลานเท้าคางมองหน้าเขา เขาได้ยินข่าวคราวทุก อย่างแล้วสีหน้ายังจะเรียบเฉยอย่างนี้อยู่ไหมนะ? เหมือน กับว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา

เดี๋ยวถอดผ้าพันแผลออก นางจะให้โลกของยุคนี้ตกตะลึง นางจะทำให้พวกเขารู้ ถึงแม้จะแผลไฟไหม้แล้วจะยังไง? สิบแปดให้หลังก็ยังจะเป็นชายฉกรรจ์ที่ดีได้ ให้พวกเขา ตั้งใจดูดีๆ ใบหน้าที่ถูกซ้อนไว้ภายใต้หน้ากากมาเนิ่นนาน เป็นความรู้สึกที่เหมือนไม่ได้เจอกันนานจนน่าตื่นเต้น

ได้ยินนางพูดคำนั้น เหวินที่กำลังเก็บสำรับหยุดนิ่ง มอง ไปที่โล่หวินหลานอย่างทำตัวไม่ถูก ผ้าพันแผลของโม่ห มิงผืนนี้ก็พ้นไว้นานแล้ว ไม่รู้ว่าหากเอาผ้าพันแผลออกจะ เป็นยังไง
นางอดรนทนไม่ไหวแล้วรีบเก็บสำรับออกไป นำเรื่องนี้ไป บอกฉินหยื่นกับสวนโม่ สองคนตกตะลึง แล้วรีบก้าวตามกัน ไปเข้าห้องลับ

“พระราชา พระราชา จะถอดผ้าพันแผลออกแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ใบหน้าของท่านอ๋องกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว ใช่ไหม?” ฉินหมิ่นซ่อนปิดบังความรู้สึกตื่นเต้นไม่อยู่ รีบถาม อย่างรวดเร็ว

โล่หวินหลานพยักหน้า มองไปที่โม่ฉีหมิง สายตาของเขา ไม่เปลี่ยนแปลงดังฤดูหนาวก็ไม่ปาน เหมือนกับว่าสิ่งที่เอา ออกจากใบหน้าเขาไม่ใช่ผ้าพันแผล แต่เป็นอย่างอื่น

“ใช่แล้ว แต่ว่า พวกเจ้าออกไปก่อน พวกเจ้าอยู่ที่นี่ข้า ทำงานไม่เต็มที่” โล่หวินหลานไล่ทุกคนออกไป นี่มันไม่ใช่ ยุคปัจจุบัน ทำไมข่าวแพร่เร็วขนาดนี้

พวกเขาได้แต่งง แต่ก็รู้สึกสึกตัวกลับมา ไม่จ้องมองโม่ห วินหลานแกะผ้าพันแผล ถอดผ้าออกมาก็จะไม่เหมือนเดิม อีกแล้ว ต่างคนต่างดันกันออกไป

เห็นทุกคนทยอยกันออกไป โล่หวินหลานก็นั่งลงเก้าอี้ ข้างโม่ฉีหมิง ก่อนจะถอด ถามอย่างกดดัน “หมิง เจ้าเชื่อใจ ข้าไหม เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าตกใจ”

สายตาเขาไม่มีความรู้สึกอื่น มีแต่นิ่งเรียบเฉย

ไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็จะเชื่ออย่างสนิท หลายปีมานี้ยังผ่านมาได้ วันนี้จะให้เขาถอดหน้ากากใช้ชีวิต ก็ยังคงไม่ ค่อยชินเท่าไหร่ หน้าต่างไม่สำคัญ มันก็เป็นแค่รูปลักษณ์ ภายนอก สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาก็ปรากฏ อยู่ตรงหน้า

ในห้องมีแสงสว่างมาก นางตั้งใจเผิดหน้าต่างทุกบานใน ห้อง แสงจากพระอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาภายในห้องเล็ก

พูดตามความจริง โล่หวินหลานรู้สึกกดดันนิดหน่อยเดี๋ยว จะเห็นหน้าเขาเป็นยังไง

นางเปิดกล่องยาขึ้นมาหยิบเอากรรไกรเล็กออกมา มืออัน สั่นเทาค่อยๆตัดผ้าพันแผลที่พันอยู่บนใบหน้าของโม่ฉีหมิ งออก ค่อยๆปรากฏใบหน้าอันหล่อเหลาคมกริบดุจดั่งเทพ บุตร

วินาทีตัดกรรไกรฉับสุดท้าย โล่หวินหลั้นหายใจ ดึงผ้าผืน สุดท้ายออกไป

หลงไปกับใบหน้าอันสวยงามวิจรจนไร้ที่ติ ไม่มีใครหล่อ เท่าเขาในตอนนี้แล้ว สามารถพูดได้เลยว่าหล่อเหลาราวกับ เทพบุตร ดวงตาสีดำคลับเงาแวววาวดุจดั่งหินเทอร์คอยส์ เหมือนจะสะกดทุกสายตา เพียงแค่สบตาก็สามารถทำให้ คนรับรู้ได้ว่าตัวลอยขึ้นมา สายตานี้โล่หวินหลานคุ้นชิน เป็นที่สุด แต่กับคนภายนอกสายตานี้ก็ยังไม่คงเย็นชาไม่มี เปลี่ยน

ใบหน้าคมกริบดุจดังมีด เขาแค่หลับตาเบาๆ ก็ยังสามารถ เห็นถึงความมีอำนาจ ความมีสง่าราศี จมูกโด่งคมเป็นสัน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนๆ ใบหน้านี้ ถึงจะเป็นผู้หญิงมองก็ไม่ สามารถละสายตาได้

เป็นเพราะใส่หน้ากากเป็นเวลานาน ผิวของเขาจะขาวกว่า ไล่หวินหลานเยอะมาก

นางถูกใบหน้าของเขาทำให้ตกตะลึงหยุดนิ่ง คิดไม่ถึงว่า ผลของการผ่าตัดจะดีขนาดนี้ นี่เป็นการผ่าตัดที่สำเร็จที่สุด นางคิดไม่ถึงว่าโม่ฉีหมิงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ดีขนาดนี้ ดูไปแล้ว หมือนกับใบหน้านี้ไม่เคยโดนไฟไหม้มาก่อน

นางแค่แอบเปิดหน้ากากดูตอนเขาหลับหนึ่งครั้ง ความ สึกตอนนั้นต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ตอนนั้นคืออาศัย จินตนาการคิดออกมา แต่ว่าตอนนี้มันเป็นของจริง

“เกิดอะไรขึ้น?” โม่ฉีหมิงดูท่าทางของนางเหมือนกับ ากใจจนจะเป็นลม จึงเอ่ยปากถาม

โล่หวินหลานอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “หมิง คิดไม่ถึง เจ้าจะ

นางพูดตะกุกตะกักพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่ แต่ในใจ นางเหมือนมีอะไรระเบิดออกมา สายตาระยิบระยับมองไปที่ ดวงตาคู่นั่นแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ ดั่งแสงดวงดาวที่สว่าง ที่สุด

“ข้าทำไม?” โม่ฉีหมิงหรี่ตามองนาง ยิ้มอย่างร้ายๆไม่มี เววของใบหน้าเย็นชาอีก แต่เป็นสีหน้าที่ทำให้คนอดไม่ได้อยากจะลองสัมผัสความรู้สึกของเขา

“หมิง ใบหน้าของเจ้าฟื้นฟูเสร็จแล้ว ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องใส่ หน้ากากอีกแล้วนะ” เสียงของโล่หวินหลานมีความสั่นเครือ รีบหมุนตัวไปที่หน้าต่างหยิบกระจกมาหนึ่งบาน

โม่หมิงรับกระจกมาถือไว้ส่องดูคนในกระจก เหมือนย้อน กลับไปตอนเด็กอีกครั้ง ยังไม่ได้ผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้นั้น และท่านแม่ก็ยังอยู่

เช้าตรู่ของวันนั้นท่านแม่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกของ ข้างหน้าต่าง แสงแรกยามเช้าโผล่พ้นผ่านไรผมของนาง เหมือนแสงเปล่งออกมาจากตัวนาง ช่วยสวยสดงดงามยิ่ง นัก

เขารบเร้าให้นางในในวังช่วยเขาแต่งตัวด้วย ทุกคนต่าง หัวเราะ สุดท้ายท่านแม่เลยบอกเขาว่าเด็กผู้ชายแต่งตัวไม่ ได้ แต่เขาเห็นท่านแม่สวยขนาดนั้น ร้องไห้งอแงจะแต่งตัว ให้ได้ไม่มีทางเลือก ท่านแม่จึงให้นางในช่วยเขาแต่งหน้า แต่งตัว ทาสีเล็บ

ทาสีเล็บเสร็จแล้ว ทุกคนก็พูดว่าเขาเหมือนเด็กผู้หญิง เขาก็ไม่ค้าน ได้แต่หมุนตัวอยู่ในห้องไม่หยุด หลังจากนั้น ฮ่องเต้ก็เข้ามา เห็นท่าทางอย่างนั้น ยังสั่งทำโทษเขาให้คัด ลายมือสิบรอบเกี่ยวกับผู้ชาย

“ท่าทางแบบนี้ ช่างคุ้นเคยนัก” เขาพูดอย่างไร้สีหน้า

อารมณ์
บนใบหน้าไม่ปรากฏความตื่นเต้นใดๆให้เห็น ได้แต่มองไป ที่โล่หวินหลาน นัยน์ตาเต็มไปด้วยแสงสว่าง พูดไม่ออกว่า ความรู้สึกแบบไหนๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ