หัวใจอสุเรศ

ตอนที่27 ชั่วยุ



ตอนที่27 ชั่วยุ

ไม่ฉี่หมิงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ออกไป “ฉินหยื่น ได้ยืนที่พระชายาพูดหรือไม่? รีบไป จัดการให้เร็วที่สุด”

ฉินหยื่นคุกเข่ายันพื้นโน้มศรีษะลงทำความเคารพ ถึง แม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าตอนนี้พระชายาคิดการใดกันแน่ แต่ก็ มถามให้มากความอะไร แม้กระทั่งท่านอ๋องยังไม่รู้เลย แล้ว องครักษ์อย่างเขาจะถามมากอะไรได้?

“ทำไมเจ้าถึงไม่ถามถึงเหตุผลล่ะ?” โล่หวินหลานทำท่า อยากหัวเราะต่อหน้าโม่ฉีหมิง พลางเทน้ำในกาให้เขา หลายวันมานี้ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเป็นความผิดของนาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขายังเตรียมการอะไรไม่เสร็จ เหตุใด จะบอกไปง่ายๆล่ะ แต่ถึงอย่างนั้น โล่หวินหลานอยากจะ เซอร์ไพรส์เขา

“เจ้าไม่บอกข้าก็จะไม่ถาม” โม่ฉีหมิงเชื่อใจโล่หวินหลาน มาก ทำให้นางหัวใจพองโตรู้สึกซาบซึ้งมาก สูดอากาศหาย ใจลึกๆเสร็จจึงกล่าว

“ถ้าเป็นอย่างนี้ งั้นข้ามีอะไรจะบอกท่าน ช่วงนี้ข้ากำลังยุ่ง เรื่องหาวิธีเชื่อมปลายประสาทตรงเท้าของท่าน กำลังวิจัย หาวิธีธีทำให้หน้าท่านกลับมาเหมือนเดิม”
พอฟังโล่หวินหลานพูดจบโม่ฉีหานรู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่รู้จริงๆมาหลายวันมาที่นางยุ่งทั้งวันเป็นเพราะเรื่อง ของเขา

“ข้ารู้ดี ว่าเป็นเพราะความพิการเล่านี้ทำให้ท่านรู้สึกเป็ม ปมมานานแสนนาน วางใจเถอะ ข้าจะช่วยท่านให้ได้ ท่าน ต้องเชื่อข้า” โล่หวินหลานยื่นมือออกไปจับหน้ากากที่ฉาบ หน้าของโม่ฉีหมิงอย่างเบามือ เป็นเพราะชายผู้นี้ดีกับนาง เพราะฉะนั้นนางก็จะดีกับเขาให้มาก

โม่ฉีหมิงอึ้งจนพูดอะไรไม่ได้ เขาคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใคร จะคิดถึงเขาอย่างนี้อีกแล้ว หากแต่ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่ชีวิต เมื่อก่อนที่ผ่านมา นางยังไม่ปรากฏเท่านั้นเอง

“ข้าเชื่อเจ้า ข้าเชื่อเจ้ามาตลอด” โม่ฉีหมิงยื่นมือมากมมีอ

โล่หวินหลานจนมิด เสียงอันอบอุ่นที่ไม่คิดว่าจะมีให้ได้ฟัง

ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จะทำเพื่อเขาได้ขนาดนี้ แค่นี้ก็เพียง

พอแล้วที่จะทำให้เขาซาบซึ้ง เพียงพอแล้ว ฉินหยิ่นจัดการเรื่องได้รวดเร็วทันใจมาก ตอนกลับมา รายงานผลได้เห็นภาพนี้พอดี ทำให้เขารู้สึกเขินตามไปด้วย

อีกทั้งไม่อยากรบกวนทั้งคู่ ได้แต่ค่อยๆเดินออกมาช้าๆ

“ข้าได้ยินเรื่องบางเรื่องมา เจ้าอยากฟังไหม?” ฉินหยิ่นหัน กลับมาก็พบเย่หวินอยู่ข้างหลังเขาพอดี ทำให้เขาใจแทบ ตกลงตาตุ่ม อดไม่ได้ที่จะเอ็ดนางเบาๆ “ทำข้าตกใจหมด เลย”
“แล้วอยากฟังไหมล่ะ?” เย่หวินยักคิ้ว มองดูฉินหยิ่นอยู่ ข้างหน้าพลางถามขึ้นอีกครั้ง

พอฉินหยิ่นเข้าใจจึงขยิบตาสองสามที่ มองดูซ้ายขวาไม่มี คนเดินผ่าน เย่หวินส่ายหน้าเบาๆ พลางกระซิบข้างหูเขา เบาๆ

เย่หวินพูดจบก็ย้ายหัวออกมา พอเห็นแววตาของฉินหยิ่ นอย่างคนเหลือเชื่อก็ไม่พูดมากความให้เสียเวลา หมุนตัว กลับแล้วเดินออกมา ฉินหยิ่นยังยื่นอึ้งอยู่กับที่ พอรู้สึกตัวก็ ตะโกนออกอย่างตกใจ

“เย่หวินเจ้ารอข้าด้วย! เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงใช่ ไหม?” คนรับใช้ในจวนอ๋องต่างมองเหล่ตาด้วยความอยาก รู้ ฉินหยิ่นไม่มีเวลาสนใจมากนัก รีบตามหลังเย่หวินออกไป รบเร้าให้นางพูดรายละเอียดทั้งหมดของเรื่องให้ชัดเจน

“พระชายา มีวิธีช่วยให้ใบหน้าและขาของท่านอ๋องให้หาย จริงหรือ?” ฉินหยิ่นใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ยังไม่ ทันเย่หวินจะได้ตอบเขาก็ยิ้มกว้าง ช่างดีเหลือเกิน ดีมาก จริงๆ โรคทางใจของท่านอ๋องที่เป็นมาหลายปีจะมีคนมา รักษาให้หายแล้ว”

“เจ้าก็อย่าพึ่งดีใจไปเลย ผลการรักษายังไม่ออกมาเลย อย่าให้ความหวังมากนัก ไม่อย่างนั้นยิ่งหวังมากเท่าไหร่ พอ ล้มเหลว ก็จะผิดหวังมากเท่านั้น”

เย่หวินไม่ตั้งใจจะดับฝันเขา แต่ทุกอย่างมันคือสัจธรรมตอนนางได้ยินข่าวนางก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน เพียงแต่นาง ไม่กล้าเชื่อ อีกอย่างนางไม่รู้ฝีมือการแพทย์ของพระชายา เป็นอย่างไร ยิ่งหมอหลวงในวังยังไม่มีทางรักษาท่านอ๋อง ได้เลย แล้วนางจะทำได้หรือ”

คิดถึงตรงนี้เย่หวินก็พลันเงียบลง ไม่เหมือนกับฉินหยิ่นที่

แสดงท่าที่ดีใจจนเกินหน้า แต่เรื่องที่น่าแปลกคือ ฉินหยิ่นที่ ได้ยินเรื่องนี้จบยังยิ้มได้อยู่ เย่หวินขมวดคิ้วสงสัยแต่ไม่พูด “เจ้าทำไมไม่ลองคิดดู ถึงแม้ถึงเวลานั้นจะไม่สำเร็จ แต่

ท่านอ๋องล่ะ? เขาจะไม่ซาบซึ้งเพราะการกระทำของพระ ชายาหรือ? เจ้าต้องเข้าใจว่า ผู้หญิงคนหนึ่งถึงขั้นยอมเสีย สละตัวเองเพื่อช่วยผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง มัน อาจจะเกิดปฏิหาริย์ก็ได้

เย่หวินได้ฟังสิ่งเขาพูดจบก็อึ้งไปครู่ นางไม่เคยเข้าใจ เรื่องของความรัก เพราะนางไม่เคยสนใจของพวกนี้ พอฉิน หยื่นพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้มุมปากนางยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ฉินหยิ่นไม่เพียงแต่มีนไปเลย ต่อหน้าเขาเย่หวินยิ้มน้อย มาก ทำไมตอนนี้?

พอรู้สึกตัว นางก็กระแอมไอหนึ่งครั้งแก้เขิน “ยังไงก็ตาม ตอนนี้ต้องกระจายที่พระชายาหมิงกำลังรักษาตัวออกไป ช่วงนี้จะให้ใครมารบกวนพระชายาไม่ได้โดยเด็ดขาด เข้าใจ ไหม?”

ถึงแม้เมื่อครู่นางจะดับฝันของเขา แต่ฉินหยิ่นก็อดไม่ได้ที่จะขำ ถึงแม้เมื่อครู่จะพูดเหมือนไม่ใส่ใจ ตอนนี้ดูยังไงก็ สนใจเรื่องนี้มากกว่าเขาซะอีก

พอเห็นสีหน้าของเย่หวินเริ่มไม่ดี ฉินหยิ่นถึงรีบปรับสีหน้า ให้ปกติ พยักหน้าอย่างจริงจัง พลางหันหลังกลับ แต่ก็อดที่ จะขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้..

เวลาผ่านไปเร็วมาก ข่าวที่พระชายาหมิงกำลังพักรักษาตัว ก็แพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งเมือง เริ่มแรกผู้คนต่างไม่เชื่อ แต่ เห็นตอนที่อยู่ลานประหารนางได้เป็นลมล้มพับลงกับพื้นจึง ทำให้เชื่อได้บ้าง ได้ผิดหวังลึกๆ แต่ว่าพอคิดถึงเรื่องที่หมิ วอ๋องไม่สามารถทำอะไรเองได้เพระพิการ ก็ทำให้ชะล่าใจ ไม่ไปสืบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ถึงอย่างนั้นใครจะไปอยากสนใจคนที่เสียโฉมขาพิการเดิน ไม่ได้อย่างท่านอ๋องล่ะ?

ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นนางไม่สนใจ พักนี้นางมีเรื่อง ให้รำคาญใจจนอยากจะด่าคน แต่ไหนมานางไม่ใช่คนนิสัย ไม่ดี เพียงแต่วันทั้งวันใบหน้าขมวดคิ้วเครียด หลายวันมานี้ ขอบตาข้างล่างก็เริ่มมีรอบคล้ำๆบางๆ

โม่ฉีหมิงรู้สึกปวดใจ “ทำไมเจ้าถึงไม่ดูแลตัวเอง เมื่อคืน เจ้าได้นอนบ้างรึป่าว?”

เห็นโล่หวินหลานที่มัวแต่ยุ่งเรื่องของเขาแค่คิดโม่ฉีหมิงก็ รู้สึกปสดร้าวไปทั้งหัวใจ เป็นเขาที่ทำหน้าที่ของสามีได้ไม่ดี หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว เขาได้แต่สาบานในใจ”
ไหthe statest กาแ ntางๆ สายตาไม่เคยห่าง จากตารางule เห็นเป็นอtไว้เลย ถึงจะเหนื่อยยากเพียง ในข้าก็ไม่กลัว atiหวงเลย ข้าไม่เปนไรหรอก”

ลำบากโล่หวันหลานแล้ว มือหนึ่งต้องยุ่งอีกมือยังต้อง คอยปลอมโม่มีหiง มินหยนที่อยู่ข้างนอกรู้สึกดูไม่ลงแล้ว “ท่านอองขอรับ พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ อย่าอยู่มีนี้ รบกวนพระชายาเลย”

โม่มีหมิงอดไม่ได้ที่มองนางครั้งสุดท้ายก่อนที่ถอนหายใจ เบาๆ ฉันยื่นตอบกลับ แล้วรีบเข็นรถของเขาออกไป

พอผ่านร่างบางของโล่หวินหลานก็พูดเสียงเบาให้พอได้ ยินแค่สองคนว่า “พระชายา ต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ร่างกายสำคัญ”

โล่หวินหลานถึงได้เงยหน้าขึ้น ยอมให้ฉินหยื่นน้อยๆ พลางชี้โม่ฉีหมิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น ฉินหยินตอบกลับพลาง พยักหน้าเบาๆ

“ท่าทางเมื่อกี้ของพระชายาหมายความว่าไง?” ถึงแม่ว่า โม่ฉีหมิงจะไม่ได้จ้องมองตลอด แต่ก็ไม่ลอดพันสายตาของ เขาได้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เมื่อออกจากหนังสือแล้วจึง ได้ถาม

ฉันหยื่นนิ่งไปชั่วครู จากนั้นจึงได้ยิ้มออกมา “พระชายา บอกให้ข้าดูแลท่านอ่องดีๆ ในขณะที่พระชายายุ่งก็ยังไม่ ลิมท่านอ่อง” ฉินหยื่นปกติไม่ใช่คนพูดมาก แต่มาวันนี้กลับสดใสร่าเริงเป็นพิเศษ แน่นอนว่า โม่ฉีหมิงไม่มีเวลาสนใจ

เขา

โม่ฉีหมิงกำลังชื่นใจเพราะท่าทางเล็กๆของนางเมื่อครู่ สุดท้ายก็เจอคนที่ใช่สำหรับเขา เพียงแต่เห็นนางลำบากที่ ต้องวุ่นเรื่องของเขาทั้งวัน

โม่ฉีหมิงสั่งให้ฉินหยิ่นส่งเขากลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อดู เอกสาร พลันก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมากไหนไม่รู้

สวินโม่ที่มาถึงจวนท่านอ๋อง ก็รู้สึกแปลกใจกับบรรยากาศ ในจวนเขาได้ข่าวมาว่าโม่ฉีหมิงถึงกลับปิดประตูไม่ต้อนรับ แขกเพราะโล่หวินหลาน

เมื่อถูกเชิญเข้าในห้องโถง สวินโม่ก็นั่งลงที่เก้าอี้กำลัง นั่งเขี่ยแก้วชาเล่นอยู่บนโต๊ะอย่าขเบื่อหน่าย พอเห็นโดย รอบเงียบสงัดไม่มีคนสักคน โม่ฉีหมิงกับโล่หวินหลานก็ไม่ อยู่ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วสงสัย แต่ทันใดนั้นก็เห็นร่างเงาที่ คุ้ยเคยผ่านไป ถึงได้เรียกหยุดไว้

“เย่หวิน ท่านอ๋องล่ะ? ข้ามาถึงสักพักแล้ว ทำไมไม่มีคน ออกมาต้อนรับ ภายในจวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เย่หวินที่เห็นสวินโม่ ก็เดินยิ้มเข้ามาหาเขาทันที “คุณชาย มาได้ไม่ใช่จังหวะ ทุกคนในจวนต่างกำลังวุ่นอยู่กับเรื่องของ ท่านอ๋อง”

สวินโม่ไม่เข้าใจที่นางพูดขมวดคิ้วซ้ำพลางถาม “เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง? ได้ข่าวว่าท่านอ๋องปิดประตูไม่รับแขก เพื่อดูแลใจของพระชายาเป็นเรื่องจริงไหม?”

เย่หวินรู้ว่าสวินโม่คือคนของโม่ฉีหมิง เรื่องที่โล่หวินหลาน กำลังคิดวิธีรักษาโม่ฉีหมิงจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังเขา “ข้า จะไม่ปิดบังท่าน หลายวันมานี้พวกเรากับพระชายากำลัง พยายามอย่างสุดความสามารถทาจะหาวิธีรักษาอาการของ ขาท่านอ๋องและกำลังคิดช่วยให้ท่านอ๋องกลับมามีใบหน้า ให้สมบูรณ์ดังเดิม”

“พระชายา? ผู้หญิงคนที่ตอนท่านอ๋องป่วยยังออกไป เถลไถลข้างนอกหรือ?” สวินโม่ยิ้มเย้ยขึ้น

พอได้ยินประโยคประชดประชันว่าร้ายคนอื่นของสวินโม่ จึงทำให้เย่หวินขมวดคิ้วขึ้น สวินโม่ท่านนี้ดูเหมือนจะยัง อคติกับเรื่องของครั้งที่แล้วอยู่ นางพยายามจะอธิบาย แต่ ก็ได้ยินเสียงผ่านลอดมาจากด้านล่าง

“ข้าก็นึกว่าเป็นใครเสียอีก ที่แท้ก็คือสวิตโม่ คุณชายส วินนี่เอง ยังอุตส่าห์เจียดเวลาอันมีค่ามาหาพวกเราถึงที่นี่ ลำบากท่านแล้ว”

โล่หวินหลานที่ได้ยินว่ามีแขกมาจึงรีบรุจเดินมาที่ห้องโถง ทั้งกองตำราไว้ที่ห้องหนังสือ ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็รีบมาที่ ห้องโถงทันที ได้ยินบทสนทนาของสวินโม่กับเย่หวินพอดี มุมปากยิ้มยกขึ้นมา

สวินโม่ไม่คิดว่าโล่หวินหลานจะปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ รู้ใจใจฝ่อขึ้นมาทันที แต่ก็รีบกลับเข้ากริยาท่าทางเดิมทันที

“เหวิน ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าช่วยไปรินน้าชาให้ข้าที่ ข้า เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว วันนี้ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนกับคุณชายส วินโม่”

โล่หวินหลานชำเลืองตาไปที่สวินโม่ที่นั่งข้างกัน พลางยิ้ม อ่อนๆให้กับเย่หวิน

เหวินอึ้งไปสักพัก พอตั้งสติได้ก็รีบตอบสนองทันที ยัง ไม่ทันที่นางจะรินชาให้สวินโม่ พระชายามาเพื่อเตือนสติ นางด้วยประโยคเมื่อครู่ ไม่ว่าจะยังไง ต้องรับแขกก็ยังเป็น หน้าที่ที่พึ่งทำ

“เพคะพระชายา คุณชายสวินโม่โปรดรอสักครู่” เย่ห วินรีบทำตามคำสั่งทันที ภายในห้องโถงก็มีแต่โล่หวินหลา นกับสวินโม่สองคน ใครก็ไม่ปริปากพูด บรรยากาศชวนให้ อึดอัด

“ได้ยินมาว่า ข้าคือหญิงที่ออกไปเถลไถลข้างนอกจาก ปากคุณชายสวินโม่หรือ?” เย่หวินรีบยกชามาอย่างไว โล่ห วินหลานรับมาอย่างเบามือ มองไปที่เขาด้วยสายตาเรียบ เฉย หลังจากนั้นจึงเม้มปาก แล้วถอนหายใจช้าๆ

“สวินโม่ไม่มีท่าทีรีบร้อนที่จะตอบ เพียงแต่ หึ! ในลำคอไป หนึ่งที่ แล้วดื่มน้ำชาตาม “ใช่แล้วยังไง? ข้าอยู่เคียงบ่าเคียง ไหล่ท่านอ่องนานกว่าเจ้า ทำไม เจ้ายังคิดว่าจะให้เขาฆ่าข้า หรือ?”
สวินโม้หัวเราอย่างเย็นชา โล่หวินหลานยักคิ้วขึ้น ดูท่า แล้วสวินโม่คนนี้จะมีอคติกับนางมากเป็นพิเศษ

เพียงแต่ พูดเรื่องที่จวนหมิงอ๋อง เขามีสมองอยู่ไหม?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ