หัวใจอสุเรศ

ตอนที่ 23 การกลับมา



ตอนที่ 23 การกลับมา

ไม่ว่าจะพูดอะไรฉีหมิงก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เข้าได้ยินแค่ เสียงลมที่พัดไปพัดมาข้างหู

เปหวินกังวลจนหยุดไม่นิ่ง ด้านฉินหยิ่นที่อยู่ข้างๆเหมือนคิดออกอยู่ หนึ่งวิธี รีบกระซิบข้างหูนาง นางพยักหน้า แล้ววิ่งออกไปทันที

หลังจากที่หลานจากไป กับฉินหยิ่นเคยแอบสะกด รอยตามนาง เปหวินรีบเคาะประตูห้องของนาง

“เข้ามาเถอะ” โล่หวินหลานคิดว่าเอาอาหารเข้ามาให้ เลยเอ่ยปาก

แบบไม่ใส่ใจนัก

ประตูถูกผลักออก เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคย นี่ไม่ใช่บ่าว โล่หวินหลานหัน หลังมองเพียงครู่ ก็เห็นว่าคือเย่หวิน

“เจ้ามาทำไม หรือท่านอ๋องใช้เจ้ามาจับตาดูข้าทุกฝีก้าว”

“พระชายาได้โปรดกลับไปกับข้าเถอะ ตั้งแต่ท่านจากมา ท่านอ๋องไม่ ยอมแตะข้าวปลาอาหารมาสามวันแล้ว ตอนนี้กำลังฝนตก ท่านอ่องก็ ตากฝนอยู่ภายในสวน อย่างไรก็ไม่ยอมกลับห้อง พวกข้าพูดอย่างไร ท่านอ่องก็ไม่ฟังถึงได้มาหาท่าน”เป่หวินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

โล่หวินหลานมือกำมุมด้านหนึ่งของตำราแพทย์แน่น ใบหน้าไม่ปรากฏ อารมณ์ใดๆ “ท่านข้าออกจากจวนแล้ว ตอนนี้เจ้าแอบมาหาข้า ไม่กลัวถูกท่านอ่องทำโทษหรือ?”

“ข้าไม่กลัว ท่านอ่องเป็นคนชอบธรรม หากพระชายากลับไป ท่าน ต้องดีใจมากแน่ๆ”

ใบหน้าของโล่หวินหลานยังคงเรียบเฉย ไม่พูดไม่เป็นเวลานานที เดียว เหวินดูไม่ออกว่านางคิดอะไรอยู่ ได้แต่โค้งคำนับหนึ่งครั้ง “พระชายา ท่านอ๋องเป็นคนคิดการณ์รอบคอบ คิดก่อนทำเสมอ หาก แต่ท่านอ๋องกลับโมโหเรื่องท่านกับเวินอ๋องตังสายฟ้าฟาดนั่นเป็นเพราะ สาเหตุท่านอ๋องใส่ใจเป็นห่วงท่านต่างหาก

เป็นห่วงเป็นใย? เป็นเพราะเป็นห่วงเนี่ยนะ? มือที่กำหนังตำราแพทย์ แน่นเมื่อครู่คลายออกเล็กน้อย ความรักที่มากไป สามารถทำร้ายคนได้ นางรู้สึกโล่งใจ”

โล่หวินปิดตำราแพทย์พลัน รีบลุกขึ้น เดินออกจากโรงเตี๊ยมทันที เย่ห วินรีบสาวเท้าเดินตามออกไป

ทั้งสองเดินฝ่าสายฝน ตากฝนจนถึงจวนหมิงอ๋อง

ทันทีที่ไปถึงสวนของโม่ฉีหมิง ก็เห็นเขานั่งอยู่บนรถเข็นท่านมกลาง สายฝนที่เทกระหน่ำลงมา หากแต่ฉินหยิ่นกับพ่อบ้านต่างคุกเท้าต่อหน้า เขาไม่ยอมลุก

โล่หวินหลานรู้สึกหัวใจแตกสลาย ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “โม่ฉีหมิง เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่กัน แน่ ไล่ข้าออกไปไปก็เป็นเจ้า ข้าวปลาไม่ยอมแตะก็เป็นเจ้าคนที่ตาก ฝนอยู่ตอนนี้ก็เป็นเจ้า เจ้าจะทำร้ายตัวเองก็แล้วไป แต่พ่อบ้านฉินหยิ่น ต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย

ทันทีที่โม่ฉีหมิงได้ยินเสียงที่อันคุ้นเคย นิ้วขยับเล็กน้อย ในที่สุด

นางก็กลับมา

พอเห็นโม่ฉีหมิงเพียงครู่ โล่หวินหลานพูดต่อ “ตากฝนข้าวปลาไม่กิน วิธีอ่อนเกินไปรึป่าว มีปัญญาก็ใช้เชือกแขวนคอตายซะ แค้นก็ไม่ต้อง ชำระแล้ว”

สายตาอันเย็นลงจ้องมองไปที่โล่หวินหลาน โล่หวินหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เจ้าฟังให้ดี วันที่เจ้าถูกคน ปองร้ายโดนยาพิษจนสลบไปนั้น ต้องการชิงตั้ยอีกแค่อย่างเดียว หาก แต่โม่ฉีหานได้กว้านซื้อชิงตั้ยรอบๆเมืองจนหมด เขาให้คนเอาสารมาให้ ข้าไปหาเขาที่โรงน้ำชา ข้ารู้ดีว่าหากข้าไปหาเขาต้องถูกควบคุมเป็นแน่ ข้าเคยไม่ไป ข้ารู้ว่ารัชทายาทกับฮองฮามีซิงตั้ย เลยได้ทำข้อตกลงกับ พวกเขา ฮองเฮานำยามาให้ข้าหนึ่งเม็ด ยาเม็ดนั้นทำให้ร่างกายคนกินมี รอยซ้ำตามร่างกายและทำให้แต้มพรหมจรรย์หายไป”

“คราวนี้ เจ้าเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ข้ามีแต่เกลียดชังโม่ฉีหาน และก็ ไม่มีทางไปชอบเขาได้”

พูดจบ โล่หวินหลานก็มองโม่ฉีหมิงโดยใบหน้าไร้อารมณ์ สีหน้าของ

เขาเริ่มมีดหมองลงมาเรื่อยๆ นางหันหลังกลับเตรียมเดินจากไป

พอโม่ฉีหมิงรู้สึกตัว ครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้นางจากไปไหนแล้ว เขารีบลุกขึ้นเตรียมก้าวตามนางออกไป

หากแต่เขาลืมไปว่าถูกตัดเส้นเอ็นที่เท้า เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องล้มพับ

ลง

“ท่านอ๋อง!” ทุกคนกล่าวด้วยน้ำใจเสียงตกใจอย่างพร้อมเพรียงกัน

โล่หวินได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง อดรนทนไม่ได้ที่จะหยุดก้าว หัน หลังกลับไปเห็นโม่ฉีหมิงล้มพับอยู่ท่ามกลางสายฝน ขาที่ไม่ยอมฟังคำ สั่งรีบวิ่งไปข้างหน้า พยุงเขาขึ้นมา

โม่ฉีหมิงเหมือนได้สมบัติล้ำค่ากลับคืนมา กอดรัดโล่หวินหลานจน แน่น ประกบปากของนางแน่น ชิงคำพูดทุกอย่างที่นางกำลังจะพูด ท่ามกลางสายฝนนั้น เขาปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมา

โล่หวินหลานคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำอะไรโดยไม่เกรงใจใคร จูบนางต่อ หน้าคนอื่นอย่างนี้ พยายามขัดขืนกี่ครั้ง เขายิ่งจูบนางดูดื่มลึกซึ้งขึ้น นางไม่กล้าขยับขัดขืนอีก โล่หวินหลานหน้าแดงระเรื่อขึ้น ปากถูกโม่นีหมิงจูบจนบวมเปล่ง หาก แต่กลับมีความรู้สึกดีไปอีกแบบ

โม่ฉีหมิงค่อยๆประคองใบหน้าของโล่หวินหลานขึ้นอย่างแผ่วเบา สาย ฝนที่บังดังผ้าม่านสายตาอันอ่อนโยนมองไปที่นาง “ข้ารู้ว่าเจ้าไปหา รัชทายาทมา แต่รัชทายาทกับเวินอ๋องต่างมีใจให้กับเจ้า ข้าเกลียดขา ทั้งคู่ของข้า เกลียดที่ข้าไม่เอาไหน ไม่สามารถดูแลเจ้า….”

โล่หวินหลานส่ายหัวไปมา โม่ฉีหมิงโอบนางเข้ามาในอ้อมกอด พูด อย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า หากแต่ข้าไม่เชื่อใจตัวเอง มากกว่า ข้าอยากให้เจ้าออกจากสถานการณ์คับขันอันตรายในครั้งนี้ แต่ข้าก็อาลัยอาวรณ์เจ้า หวินหลาน เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

โลหวินหลานหางตารู้สึกเปียกรื่นขึ้นมา ผสมปนเปไปกับหยาดฝนจน แยกไม่ออก “โม่ฉีหมิง ท่านต้องมีความมั่นใจในตัวเองสิ ในใจข้าเจ้าดี กว่ารัชทายาทกับเวินอ่องพันเท่า หากแม้ท่านร่างกายพิกลพิการ หาก เพียงท่านไม่ท้อ ข้าก็จะไม่ท้อเช่นกัน”

โม่ฉีหมิงพึ่งเคยได้ยินมีคนพูดอย่างนี้กับเขา หลายวันมานี้เขาอดทน มามาก ไม่หยุดที่จะย้ำเตือนตัวเอง ว่าสักวันต้องลืมนางให้ได้ แต่เขารู้ว่า เขาทำไม่ได้ตั้งแต่วันที่นางเข้ามาในชีวิต โลกทั้งใบของเขาก็เปลี่ยนไป เขาก็พบจุดหมายปลายทางในชีวิต มีกำลังแรงใจในการใช้ชีวิตต่อไป นางเปรียบดังแสงสว่างท่ามกลางความมืดมน เขาอาลัยอาวรณ์อยาก ได้นางเป็นของตัวเอง

“หวินหลาน” เขาเงยหน้าขึ้น จองมองดวงตาสุกสกาวดังดวงดาวของ นาง เขาเอนตัวก้มลงจูบนางอีกครั้ง ประดุจใยไหมอันอ่อนโยน

ทุกคนต่างชาบซึ้งไปตามกัน พร้อมหยาดสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา ไม่ขาดสาย ใครก็ไม่อยากไปทำลายเหตุการณ์เบื้องหน้าที่ประดุจดัง ภาพวาดอันงดงามขึ้นหนึ่ง

โม่ฉีหมิงค่อยๆคลายมือที่กอดนางไว้ โล่หวินหลานยิ้มออกมาอย่างรัก ใคร่ “พอแล้ว พวกเขากำลังตากฝนกับพวกเราอยู่นะ พวกเราเข้าไปกัน

เถอะ”

พอทุกคนเข้ามาในห้อง โล่หวินหลานพลางนำตัวโม่ฉีหมิงหลบลมฝน พลางพูด “ฟอบ้าน เจ้าช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอ๋องอาบ เย่หวินเจ้าช่วย ไปเตรียมน้ำขิงให้ทุกคน ฉินหยิ่นเจ้าไปช่วยท่านอ๋องอาบน้ำ”

เมื่อได้รับคำสั่งทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นาน ของทุกอย่างเตรียมเสร็จแล้ว อาศัยช่วงที่โม่ฉีก กลังอาบน้ำ โล่หวินหลานก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย

หลังจากที่โม่หมิงอาบน้ำและดื่มน้ำขิงเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น ทั้งสองต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะกลม พลางดื่มชาพลางสังเกตทาทีของกันและ กัน

“จากที่ข้าสังเกตฮองเฮาแล้วแววตานางรู้สึกเกลียดชัวเวินอ่องเป็น อย่างมาก ครั้งนี้ ข้ากับฮองเฮาร่วมมือกัน ห่วงแต่เวินอ่องจะไม่ยอมรามือ ง่ายๆ” เมื่อพูดถึงเวินอ่อง นัยต์ตามีความกังวลขึ้นมา

“ข้าเข้าใจ พวกนั้นต่างกลอุบายเล่ห์เหลี่ยม เพียงเพราะอยากได้ บัลลังก์กัน ข้าไม่มีทางให้พวกนั้นสมหวังแน่” สายตาโม่ฉีหมิงเยือกเย็น ขึ้นทันที ดุจดั่งน้ำแข็งก็ไม่ปาน

นับว่าโชคยังดีที่โม่ฉีหานไม่ได้ร่วมมือกับใคร หากไม่เช่นนั้นอาจจะ ต่อกรยากขึ้น พวกเราแค่รอดู” โล่หวินหลานกล่าว

โม่ฉีหานใช้สายตาประหลาดใจมองหน้าโล่หวินเพียงครู่ ชมพลางพูด ขึ้น “เมื่อก่อนที่ข้าคิดว่าเจ้าฉลาดหลักแหลมแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะ ไตร่ตรองรวดเร็วเพียงนี้”

โล่หวินหลานยิ้มบางๆ นางเป็นถึงคนยุคศตวรรษที่ 21ผู้ย้อนมาอดีต ทำไมจะไม่รู้ว่าคนยุคโบราณอย่างพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ “พบเจอเรื่องราวมามากมาย ยอมทำให้ดูคนออก เหตุผลแค่นี้ข้าไม่ ต้องอธิบายให้ท่านก็รู้ดีอยู่แล้ว”โสหวินหลานกล่าวอย่างยิ้มๆ

โมฉีหมิงขยับร่างกายใต้ผ้าห่มเล็กน้อย เหลือพื้นที่บนเตียงครึ่งหนึ่ง พร้อมตบไปที่เตียงเบาๆ “เข้ามาสิ มานอนข้างๆข้า”

โล่หวินหลานถอดรองเท้าช้าๆ ค่อยๆแทรกตัวลงไปนอนข้างๆโม่ฉีหมิง อุณหภูมิในร่างกายของโม่ฉีหมิงค่อยๆแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา ก็พลัน ให้นึกถึงเหตุการณ์จูบอันดูดดื่มเมื่อกี้ ชั่วครู่ใบหน้านางก็ร้อนฉ่าขึ้นมา ทำให้หน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู

โม่ฉีหมิงเห็นนางไม่ขยับ ก็หันไปมองนาง ทำให้รู้ว่าตอนนี้นางหน้า แดงก่ำ คิดไม่ถึงว่านางจะมีมุมน่ารักอย่างนี้

“ทำไมหน้าเจ้าถึงแดงอย่างนี้ล่ะ?” โม่ฉีหมิงใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มนางเบาๆ

โล่หวินหลานรีบปัดมือเขาทิ้ง ทั้งๆที่เขารู้ยังจะถามอีก

“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน เมื่อสักครู่ก็ดื่มน้ำขิงไป” โล่หวิน หลานตอบอย่างข้างๆคูๆ

โม่ฉีหมิงพยักหน้าช้าๆ แกล้งถาม “ได้ยินเจ้าพูดอย่างนี้แล้ว ข้าก็เริ่ม รู้สึกร้อนแล้วสิ ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ดื่มน้ำขิงเมื่อครู่เช่นกัน”

พูดพลาง ค่อยๆปลดเสื้อของตัวเอง เพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ โม่ฉีหมิง ปลดเสื้อเพียงชิ้นเดียวก็เห็นถึงมัดกล้ามอันแข็งแรงเรียงตัวสวย

ทันใดนั้น โล่หวินหลานก็รีบปิดตาตัวเอง รีบลุกขึ้นจากเตียง พลางหัน หลังให้กับเขาทันที

“ขึ้นเจ้ายังทะลึ่งอยู่อย่างนี้ ข้าจะใช้แมลงมีพิษกัดให้ร้องชายเจ้าเน่า ไปเลย” หลังจากที่โม่ฉีหมิงได้ฟังประโยคที่เหมือนขู่เสร็จ ก็ถาม “เจ้าใจร้าย ใจดำมากนะ อยากให้ขาเป็นหลินอ่องหรือ แล้วความสุขของเจ้าทั้งชีวิต ล่ะ? ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อข้า ก็น่าจะคิดเผื่อลูกหลานของพวกเรานะ”

โล่หวินหลานไม่ใช่สตรีที่ไม่รู้อะไรเลย หลังจากที่ได้ฟังโม่ฉีหมิงแล้ว “ถึงยังไงก็ตามข้าไม่เป็นไรอยู่แล้ว ข้าจะมีลูกหลานเป็นพันๆคนยังได้ เลย หากแม้ท่านเป็นเหมือนหลินอ๋องนั้น ก็จะเป็นเหมือนดังไก่ที่ไม่มี แม้แต่ขนเลยนะท่าน”

หญิงผู้นี้ พูดจาทำให้คนจุกจนไปต่อไม่เป็น ยังเป็นเหมือนเดิมพูดจา ไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่น้อย

โมฉีหมิงจับไหล่ของนางแน่น พูดอย่างตระหนก “หากเจ้ากล้าก็ลองด ไม่ว่าจะตามล่าชายผู้นั้นจนสุดหล้าฟ้าเขียว

นำร่างมันมาตัดแบ่งส่วนให้หมด แล้วเอาโยนให้หมาป่ากิน หากแม้ข้า

เป็นเหมือนหลินอ่อง เจ้าก็ไปจากข้าไม่ได้”

โม่ฉีหมิงประกาศกร้าวต่อหน้าโล่หวินหลานอย่างเอาแต่ใจ ภายในใจ ของนางกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่เย่หวินเห็นทั้งคู่คืนดีรักกันเช่นดังแต่ก่อน ก็เหมือนยกก้อน หินอันหนักอึ้งออกจากอก ฉินหยิ่นได้เห็นสีหน้าเย่หวินดีขึ้นมาบ้าง แค่นี้ ก็มีความสุขแล้ว

สองวันมานี้ทั้งสองใช้ชีวิตเงียบสงบมาโดยตลอด ดั่งคู่เทพเทวดาก็ไม่ ปาน ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน

โล่หวินหลานนั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ในศาลา โม่ฉีหมิงก็คอยให้อาหาร ปลาอยู่ข้างๆ พูดคุยไถ่ถามบ้างเป็นบางจังหวะ ทั้งสองอยู่ที่นั่นตลอดทั้ง วัน ไม่พูดไม่จา แต่กลับแต่มองตาก็รู้ใจกัน

แต่กลับมีบางคนเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว โม่ฉีหานรู้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในจวนโสเป็นอย่างดี หากจะทำให้ โล่หวินหลานใจสลาย วิธีการที่ดีที่สุดคือต้องทำลายจวนโส่ให้ย่อยยับ

ทางด้านจวนหลินอ่องนั้น โล่วี่เว่นั่งอยู่ริมหน้าต่างกำลังผัดหน้า โบกแป้ง หญิงนางในคนหนึ่งกำลังร้อยถักเปียกผมอันสวยงามให้กับ นาง

สุดท้ายปักปิ่นปักผมด้านนอกทำจากทองคำและหยกช่างงดงามยิ่ง นัก ใบหน้าที่ถูกเคลือบด้วยเครื่องสำอางช่างสวยงาม เหย้ายวนชวนให้ มอง

สาวใช้มองจ้องเข้าไปในกระจกที่สะท้อนให้เห็นใบหน้าอันงดงามของ โล่พี่สาวรีบพูดประจบทันที

“พระชายาเพคะ ท่านแต่งอย่างนี้สวยจังเลยเพคะ ปินปักผมอันนี้ เหมาะกับท่านมาก ท่านอ่องต้องตกตะลึงในความงามของท่านแน่เลย เพคะ”

โล่สี่ เสว่ ที! ในลำคอ ใช้มือค่อยๆจับปิ่นปักผมบนหัวอย่างเชื่องข้า “เจ้า ช่างรู้จักพูดนัก ข้าแต่งอย่างนี้สวยจริงหรือ?”

สาวใจตื่นตระหนกตกใจกับสายตาอันเย็นยะเยือกที่จ้องมองมาที่นาง พูดเสียงอ่อย “ใช่เพคะ งามแข่งกับชีซือ ฉลาดหลักแหลม ถึงจะแต่ง อย่างไรก็สวยทั้งนั้นเลยเพคะ”

“ดีมาก” โล่สี่เสว่ยิ้มเย็น “หากเมื่อหลินอ่องเห็นข้าแล้วไม่ชอบที่ข้าแต่ง ข้าจะตัดลิ้นเจ้า”

สาวใช้ตกใจสั่นไปทั้งตัว หน้าผากเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา สองขาพลัน อ่อนแรงทันที

เจ้าพวกไร้ประโยชน์ โล่วี่ว่มองด้วยหางตาไปทีหนึ่ง ก็เดินท่วงท่า สง่างามออกไป จวนภายในของหลินอ่อง กำลังรอการมาของโล่วี่เสว่ เมื่อเห็นนางเดิน เข้ามาก็รีบสั่งของนั่ง

โม่ปูค่อยๆพินิจพิเคราะห์โล่วี่ เว่ ค่อยๆใช้จมูกดม อดไม่ได้ที่จะถาม “พระชายาที่รัก กลิ่นบนตัวเจ้าช่างหอมยิ่งนัก เจ้าใช้เครื่องหอมอะไร ประทินรี?”

โล่สี่เสว่หัวเราะอย่างเหนียมอาย “ท่านอ๋องก็ชมเกินไปแล้ว ข้าไม่ใช้ เครื่องหอมอะไรประทินเลย นี่เป็นกลิ่นในตัวข้าทั้งหมดเลย”

โม่ฉีมู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย มือใหญ่ค่อยๆจับไปที่มีอนาง อย่างนั้นหรือ?”

“หากท่านไม่เชื่อ คืนนี้ก็เชิญไปพิสูจน์ที่ห้องข้าก็ได้จะได้รู้ คืนนี้ข้ารอ ท่านอยู่ที่ห้องนะเพคะ” โล่วี่เสว่กล่าวอย่างคลุมเครือ

หากแต่ สีหน้าของโม่ฉีมู่ในตอนนี้ชาไปทั้งหน้า ผลักโล่วี่เสว่ออกอย่าง แรง ข้อบกพร่องในตัวเขาถูกคนตรงหน้าเยาะเย้ยอย่างน่าเจ็บใจ นี่เป็น บาดแผลทั้งชีวิตของเขา

“ออกไปเดี๋ยวนี้” โม่ฉีมู่คำรามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ขว้างปาของทุกอย่างบนโต๊ะทั้งจนหมด และเตะเก้าอี้จนล้ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ