หัวใจอสุเรศ

ตอนที่ 44 ให้ความร่วมมือ



ตอนที่ 44 ให้ความร่วมมือ

ตัวนกุ้ยเฟยก็รู้ว่าตัวเองใจร้อนเกินไป เกือบทำเสียเรื่อง

แล้ว

เห็นโล่หวินหลานยังมีอารมณ์มาอธิบายอะไรให้นาง มากมายขนาดนี้ นางรู้ว่านางยังคงยินดีที่จะรักษาอาการให้ กับโม่ฉีมู่ ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “หวินหลาน ข้ารู้ ข้าห่วงผู่เอ๋อมาก เกินไป ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น ข้าขอร้องเจ้าล่ะเจ้าช่วยมู่ เอ๋อด้วยนะ”

นางเลือกที่จะเชื่อโล่หวินหลาน หมอหลวงพวกนั้นใช้ยา มั่ว แต่ว่าโล่หวินหลานรักษารัชทายาทหาย มีผลงานให้เห็น อยู่ อีกทั้งคำพูดของนางเมื่อครู่ ทำให้ขจัดความสงสัยของ นางไปได้

“ข้าจะพยายาม แต่ว่าข้ามีเงื่อนไข” โล่หวินหลานเอ่ยปาก เรียกร้องเงื่อนไข

ตัวนกุ้ยเฟยพูดว่า “เจ้าว่ามาเลย”

“ช่วงเวลาที่ข้ารักษาอาการให้กับหลินอ๋อง ท่าน รวมไปถึง คนในจวนนี้ทั้งหมดจะต้องเชื่อฟังข้า อีกอย่าง ก่อนที่หลิน อ๋องจะฟื้นขึ้นมา ห้ามให้เขากินยามั่วอีก” โล่หวินหลานพูด ออกไปอย่างชัดเจน สายตาของนางจ้องไปที่ต้วนกุ้ยเฟย เมื่อพูดไปแล้ว นางจะยอมไหมขึ้นอยู่กับนางแล้ว

อาจจะเป็นเพราะว่านางเป็นแม่ที่อยากจะช่วยลูกชายมากนางแทบจะไม่คิดเลยแล้วก็พยักหน้า “ได้ ข้าจะฟังเจ้าทุก

อย่าง”

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูดกับนางมาก

เมื่อรับมือกับตัวนกุ้ยเฟยเสร็จแล้ว ต่อไปนางก็เริ่มสังเกต อาการของโม่ฉีมู่ เขามีไข้สูงไม่ลด ตุ่มหนองก็แตก แถมยังมี อาการอ้วกอีก อาการแบบนี้มันยุ่งยากมาก แล้วก็เป็นอาการ ที่นางกังวลที่สุดด้วย

คนโบราณไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกัน มันเป็นเรื่องที่ ลําบากมาก ฝีดาษในปัจจุบันแทบจะไม่มีแล้ว แต่ที่นี่กลับ เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต

โล่หวินหลานเปิดกล่องยา แล้วหยิบอุปกรณ์ฉีดยาพร้อม กับยาออกมา ตอนนี้ต้องฉีดยาต้านเชื้อให้เขาก่อน แต่ว่าการ ปรุงวัคซีนในสมัยนี้มันยุ่งยากเอามากๆ

แต่ว่ายาแบบนี้มันปรุงขึ้นเองได้ โล่หวินหลานสูดหายใจ เข้าลึกๆ แล้วนึกย้อนกลับไปในยุคปัจจุบัน ว่าจะปรุงยาออก มาได้ยังไง

“พระสนมเพคะ ข้าต้องการสาวใช้ที่ฉลาดและคล่องแคล่ว มาเป็นช่วยขา” โล่หวินหลานนั่งเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ พูดกับตัวนชิวเยนแบบไม่เงยหน้า

สาวใช้ที่ฉลาดและคล่องแคล่วเรื่องง่ายๆแค่นี้เอง ตัว ยกุ้ยเฟย เรียกหมิงเยวมา “เจ้าไปสั่งให้พ่อบ้านเลือกสาวใช้ที่ฉลาดและคล่องแคล่วมาสักห้าคน รีบไป

หมิงเยวรับคำ กำลังจะหันไป โล่หวินหลานก็พูดขึ้นมาว่า “เลือกมาสี่คนก็พอ ข้าว่าหมิงเยวก็ฉลาดคล่องแคล่วดี ให้ นางอยู่ช่วยข้าด้วย

หมิงเยว่เป็นสาวใช้คนสนิทของต้วนกุ้ยเฟย เดินไปไหนก็ จะมีนางไปด้วยตลอด กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวนางไปแล้ว ตอนนี้จะให้หมิงเยว่อยู่ ก็เหมือนกับตัดแขนตัดขาของนาง

แต่วว่าที่โล่หวินหลานทำก็มีเหตุผลอยู่ ตัวนกุ้ยเฟยไม่ ไว้ใจให้นางรักษาโม่ฉีมู่ ตอนนี้ให้สาวใช้คนสนิทของนางอยู่ ช่วย ก็เหมือนอยู่จับตาดูนางเอาไว้ ทำให้ให้ต้วนกุ้ยเฟยวาง ใขจว่านางจะไม่ทำร้ายโม่ฉีมู่

หมิงเยว่ลังเลแล้วมองต้วนกุ้ยเฟย ไม่นานนักนางก็พูดขึ้น มาว่า “เอาตามนี้ หมิงเยวช่วงนี้เจ้าก็อยู่ช่วยพระชายาที่นี่”

เมื่อต้านกุ้ยเฟยอนุญาต หมิงเยว่ก็ไปทำอย่างเต็มที่

สายตาของโล่หวินหลานมองไปที่บนกระดาษ นาง ยังไม่ทันละสายตา ต้วนกุ้ยเฟยเองก็ขยับมามอง เห็น สัญลักษณ์ YDL อะไรงงไปหมด

นางรู้สึกตกใจ โล่หวินหลานเขียนอักษรอะไรแปลกๆ? ทำไมนางไม่เคยเห็นมาก่อน
จากนั้นก็เห็นนางบ่นอะไรคนเดียว “ส่วนผสมการเพาะเชื้อ ต้องใช้โปรตีน 20 กรัม ยีสต์ 10 กรัม กลูโคส 20 กรัม จาก นั้นผสมในนา….. ถึงจะผลิตแอมพิซิลลินออกมาได้

ตัวนกุ้ยเฟยพยายามจะฟัง แต่นางไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด แม้แต่นิดเดียว

นางอดไม่ได้ที่จะถาม “หวินหลาน พวกนี้มันอะไรกัน? รักษาอาการฝีดาษของมู่เอ๋อได้หรอ?”

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ข้าจะช่วยชีวิตหลินอ๋องอย่างเต็มที่” โล่หวินหลานพูด

หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น หากนางรักษาผู่เอ๋อได้ถือว่าดีที่สุด หากรักษาไม่หาย ต่อไปก็ถือว่าขาดกัน

ไม่นานนัก หมิงเยวก็พาสาวใช้เข้ามาสี่คน แต่ละคน หน้าตาดี ผิวขาวปากชมพู เหมือนลักษณ์ของสาวงามใน จวนหลินอ๋องก็ไม่ปาน

โล่หวินหลานเงยหน้าไปมอง แล้วก็ก้มหน้าลง หลินอ๋อง เจ้าชู้ ในจวนจะมีสาวสวยมากมายไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

นางชี้ไปที่สาวใช้คนหนึ่ง “เจ้าไปซื้อส้มมา แล้วเอามันไป วางไว้ในที่ชื้นๆปล่อยให้มันขึ้นรา

สาวใช้คนนั้นถึงกับอึ้งไป ปากนางแทบจะยัดไข่ไก่ได้ทั้ง ฟอง ซ๊อส้มไม่แปลก แต่ทําไมต้องปล่อยให้ขึ้นราด้วย? แต่ก็รับคำแล้วไปทำ

สาวใช้คนอื่นจะได้รับมอบหมายงานแปลกๆอีกไหมไม่รู้ แต่ละคนขมวดคิ้วแล้วรอฟังคำสั่งของโล่หวินหลาน

“เจ้าไปเอาส่าเหล้าที่ห้องครัว แล้วผสมน้ำหนึ่งลิตรเติม เกลือสองช้อนกับน้ำตาลอีกสิบซ้อนมา” โล่หวินหลานสาว

ใช้อีกคน

คนๆนั้นตั้งใจฟังโล่หวินหลาน จากนั้นรับคำ แล้วก็รีบวิ่ง ออกไป

จากนั้นก็สั่งให้อีกคนไปจัดยาลดไข้มา ใช้ตัวยาเดิมครั้งที่ แล้วที่ให้โม่ฉีม่กิน ทำให้ไข้ลดก่อนค่อยว่ากัน

ส่วนอีกสองคนก็ให้พวกเขาไปรอข้างนอกก่อน ไว้มีอะไร

จะเรียกอีกที

ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือเพียงโล่หวินหลานคนเดียว เท่านั้น นางนั่งถอนหายใจแล้วรอเพราะเชื้อเสร็จก็สามารถ ทําวัคซีนได้แล้ว

ไม่นานนัก ก็เดินไปดูอาการของโม่ฉีหมิงอีกครั้ง หลังจาก กินยาไปแล้ว เขาก็เหงื่อออกมามาก เขาเริ่มมีสัญญาณการ ลดไข้

“ขอบคุณสวรรค์ มู่เอ๋อ เจ้าจะต้องหายแน่นอน” ต้วน กุ้ยเฟยจับหน้าผากของโม่ฉีหมิงตัวเขาไม่ร้อนมากแล้ว นางหลับตาขอบคุณสวรรค์

โล่หวินหลานนั่งกอดอก นั่งขี้เกียจอยู่ที่เก้าอี้ นางสวมผ้า ปิดปากไม่เห็นว่าสีหน้าของนางเป็นยังไง เห็นแต่สายตาที่ เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่แปลกๆ

“พระสนม หลินอ๋องไข้ลดแล้ว ทำไมท่านไม่ขอบคุณข้า? แต่กลับขอบคุณสวรรค์แทน? ” นางตั้งใจพูดแบบนี้กับต้วนชิ

วเยน

พอถูกนางพูดใส่แบบนี้ สีหน้าของต้วนกุ้ยเฟยก็ไม่ค่อยดี แต่ครู่เดียวก็กลับมาเป็นแม่ผู้อ่อนโยนเหมือนเดิม

“ก็จริง ข้าควรจะขอบคุณ .

คำว่าพระชายาหมิงอ๋องยังไม่ทันได้พูดออกมา โล่หวิน หลานก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “เห้อ พระสนม ข้าก็แค่ล้อท่าน เล่น ถ้าท่านจะขอบคุณข้าจริงๆรอให้หลินอ๋องหายดีแล้ว ค่อยว่ากัน”

ถูกโล่หวินหลานปั้นหัวอีกแล้ว ตัวนกุ้ยเฟยนิ่งไป เพื่อผู่เอ๋

อนางต้องอดทน

ไม่ไกลจากหน้าประตูจวนหลินอ๋อง ริมกำแพงสูง มีชาย สวมชุดดา สวมหน้ากากสีทอง กำลังจ้องมาที่จวนหลินอ๋อง

ไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าไม่ ขยับแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าของคนค่อยๆเดินมา โม่ฉีหมิง รวบรวมกำลังภายใน จับเก้าอี้รถเข็นไว้แน่น

“น้องสี่ เจ้ายังคงทำอะไรไม่วู่วามเลยนะ พี่ชายอย่างข้านับ ถือจริงๆ” โม่ฉีซิวไม่รอให้เขาได้ลงมือ ก็หลบมายังด้านหลัง

เขา

โม่ฉีหมิงเอามือลง

“รัชทายาทกล่าวหนักไปแล้ว” โม่ฉีหมิงตอบแต่ไม่ได้หัน

ไป

คนที่อยู่ข้างหลังขมวดคิ้ว แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลย สายตา ของเขามองไปที่ทางเดียวกับที่โม่ฉีหมิงมอง พวกเขามอง ไปที่ป้ายคำว่าจวนหลินอ๋อง

หลินอ๋องเป็นโรคฝีดาษ พระชายาหมิงอ๋องมาช่วยรักษา ชาวบ้านต่างรู้กันทั่ว เขามาอยู่ที่นี่ไม่ได้มาดูวิวทิวทัศน์ แน่นอน

ถึงแม้พวกเขาสองคนจะมีความคิดทางการเมืองที่ไม่ลง รอยกัน แต่ว่าวันนี้กลับมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน

“น้องสี่มารอหวินหลานตรงนี้หรอ? น้องเจ็ดเป็นฝีดาษ ห วินหลานไม่ห่างจากจวนหลินอ๋องเลย หากเป็นข้า ข้าคง ร้อนใจมากเลยนะ

เขาพูดถึงหวินหลานได้อย่างสนิทสนม ท่าทางของโม่ฉีหมิงยังไม่เปลี่ยน เขาไม่เคยเห็นโมซิวอยู่ในสายตาอยู่ แล้ว แต่ว่าคนที่พูดไม่คิดอะไร แต่ว่าคนที่ฟังกลับคิด ถ้าเป็น อย่างนี้ แสดงว่าเขาเองก็ตั้งใจมาหาโล่หวินหลานที่นี่หรอ?

โม่ฉีหมิงเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาหันไปมอง หน้าโม่ฉีซิว เขาสวมชุดสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่ด้านหลัง หน้าตา อันหล่อเหลาของเขามันเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม มองยังไงก็ไม่ เหมือนคนที่กำลังเศร้าหรือทุกข์ใจเพราะน้องชายของตัว เองติดโรคฝีดาษเลยสักนิด

“น้องเจ็ดติดโรคฝีดาษ พี่ใหญ่เป็นห่วงร้อนใจก็สมควรแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้ายกที่ตรงนี้ให้พี่ใหญ่ ท่านค่อยๆร้อนใจไปก็ แล้วกันนะ” โม่ฉีหมิงยิ้ม พูดจบ เขาก็เลื่อนรถเข็นไป

เมื่อเขาจากไปโม่ฉีซิวก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจ น้องสี่มากนะ ที่จริง ที่ทุกคนมาอยู่ตรงนี้เป้าหมายก็เหมือน กัน นั่นก็เพราะ อาการป่วยของน้องเจ็ด”

เขาตั้งใจลากเสียงยาว โม่ฉีหมิงจับรถเข็นแน่นขึ้น แล้วก็ พูดเรียบๆว่า “เชิญตามสบาย

ชายสองคนพูดจาแย่งชิงกันขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศ แปลกๆ

“น้องสี่ ถึงแม้น้องสะใภ้จะเก่งเรื่องการรักษา แต่ว่าฝีดาษ ก็เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง ถึงแม้น้องเจ็ดจะป่วยหนักแค่ไหน เจ้าก็ไม่น่าให้น้องสะใภ้ไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้” โม่ฉีซิวพูด ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หากทำได้ เขาคงไม่ยอมปล่อยให้โล่หวินหลานไป

“พี่ใหญ่กังวลเกินไปแล้ว” โม่ฉีหมิงไม่อยากจะพูดกับโม่ฉี

ชิวเลย

โม่ฉีซิวถูกเขาพูดแบบไม่ใยดีแบบนี้ ก็ถามกลับไปอย่าง ไม่พอใจว่า “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าหวินหลานเคยเป็นฝีดาษหรือ เปล่า?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น โม่ฉีหมิงก็อึ้งไป มือสองข้างของเขาจับ เก้าอี้แน่นขึ้นไปอีก ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้หน้ากากของเขานั้น มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน เขาเลื่อนเก้าอี้จากไป ทันที

โม่ฉ่ซิวเห็นเขาจากไป เขาก็ได้แต่กระพริบตา จากนั้น ก็ มองไปที่จวนหลินอ๋องด้วยสายตาเดียวกับเขา

โล่หวินหลานรักษาโม่ฉีม่จนอาการไข้ลดลงเรื่องนี้ถูกแพร่ ไปทั่ว ในเมืองหลวงไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ต่างพูดว่านางเหมือน หมอฮัวโต่กลับชาติมาเกิด

พวกเขาพูดกันว่านางปรุงยาแปลกๆขึ้น ที่ไม่มีใครที่ไหน เคยได้ยินมาก่อน เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปมันก็ไปเข้าหูเหล่า หมอหลวงอาวุโสทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออกเลย สุดท้าย ก็เอาแค่หลบอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาพบใคร

ไม่ว่าจะโรงเตี๊ยม โรงน้ำชา ภัตตาคาร ผู้คนต่างพูดถึงเรื่อง นี้ ราวกับจะยกโล่หวินหลานขึ้นมาบูชาเหนือหัว
จนถึงขนาดว่ามีคนมารออยู่ที่หน้าประตูจวนหมิงอ๋อง แล้ว ถามว่าโล่หวินหลานรับรักษาโรคอื่นๆด้วยไหม

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปกว้างขึ้นไปจนถึงในวังหลวง โม่ฉีสิง ก็ได้รับฎีกาลาป่วยลากิจของเหล่าหมอหลวงมากมายเต็ม ไปหมด

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือว่าแกล้งป่วย แต่ว่าโม่ฉีสิงก็รู้ ดีว่าพวกเขาอับอายเรื่องการแพทย์ของโล่หวินหลานก็เลย ไม่มีหน้าจะไปทำงานที่สำนักหมอหลวงอีก ก็เลยไม่ได้ว่า อะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ