ตอนที่ 50 หัวใจ
กลางดึก แสงไฟภายในห้องส่องสว่าง
ถึงแม้ไฟจะสว่างอยู่แต่ว่าในใจของโล่หวินหลานกลับ หนาวเย็น ในหัวของนางตอนนี้มันมีแต่สายตาที่เลือดเย็น ของโม่ฉีหมิง เหมือนชีวิตของทุกคนอยู่ในกำมือของเขา เขาอยากจะฆ่าก็ฆ่า
ความรู้เหน็บหนาวนี้มันไม่รู้มาจากไหน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงของเย่หวินดังลอยมา “พระ ชายา?”
“เข้ามา” โล่หวินหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ นางปล่อยให้ สมองของนางโล่ง
เมื่อพูดจบ ประตูก็เปิดขึ้นมา เย่หวินยกผ้ากับยาผสมเหล้า เข้ามา วางบนโต๊ะแล้วก็พูดว่า “พระชายา ท่านอ๋องสั่งให้ข้า มาทายาให้ท่าน เมื่อกี้ท่านอ๋องหายโกรธบ้างแล้วก็กลับไป ยังห้องหนังสือแต่ก็ยังไม่ลืมว่าท่านบาดเจ็บเลย ท่านอ๋อง เป็นห่วงท่านมากจริงๆนะ
ขวดสีขาวตั้งอยู่ตรงนั้น ด้านข้างเป็นผ้าสำลี โล่หวินหลาน เหลือบไปมอง นางนอนขี้เกียจอยู่ที่เตียง
ความรู้สึกร้อนบนใบหน้ายังไม่จางไป ตอนนี้เมื่อเห็นยา ก็ เหมือนเจ็บกว่าเดิม
“อืม
……” โล่หวินหลานพูด
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าบนหน้านั้นมีรอยนิ้วมือห้านิ้วอยู่ เย่หวิน หยิบกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งมา นางรับกระจกมาดู
ใบหน้างามๆของนางมีรอยนิ้วมือทั้งห้าอยู่บนนั้น มันเห็น ได้ชัดมาก ใบหน้าด้านซ้ายมีรอบยคล้ำ เครื่องประดับบนผม หลุดลุ่ย ดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงที่ถูกหยามเกียรติมาแล้ว
นางยิ้มแห้ง สภาพนางแบบนี้ไม่แปลกที่โม่ฉีหมิงจะโกรธ มากขนาดนั้น หรือว่านางไม่ควรจะสงสารชีวิตพวกนั้นจริงๆ
ปล่อยคนอื่นไป พวกเขาก็จะทำให้นางถึงที่ตาย พวกเขา ไม่ปล่อยนางไปแน่ แล้วจะไปคาดหวังให้คนอื่นปล่อยพวก เขาไปได้ยังไงกัน?
คุณค่าของชีวิตมีค่าเท่าเทียมกัน แล้วทำไมนางจะต้อง ยอมรับความเจ็บปวดด้วย?
เย่หวินนําสําลีชุบยาผสมเหล้า แล้วเช็ดไปที่หน้าของนาง
“พระชายา อย่าว่าแต่ท่านอ๋องเลย ข้าเห็นท่านในสภาพ แบบนี้ยังโกรธเลย ท่านอ๋องเป็นห่วงท่านมากถึงได้ทำแบบ นั้น” เย่หวินพูดไปด้วยทายาไปด้วย
นางเห็นว่าโล่หวินหลานสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนก็เลยพูดว่า “สองวันมานีท่านอ๋องสั่งให้ข้าตามคุ้มครองท่านตลอด แต่ ว่าวันนี้มีเงาดำมาล่อเราออกไป ข้าตามมันไปสุดท้ายถึงได้คิดได้ว่ามีคนตั้งใจล่อข้าให้ตามเขาไป แม้แต่พ่อบ้านที่ ไปรับท่านก็เจอเรื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน ข้าก็เลยรีบกลับมา รายงานท่านอ๋องที่จวน
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่หวินก็หยุด แล้วมองไปที่สีหน้าของ นาง “พระชายา ท่านอย่าหาว่าข้าพูดมากเลย ท่านอ๋อง จริงใจกับท่านจริงๆนะ
หลังจากที่ทายาเสร็จแล้ว เหวินก็ตรวจสอบอีกว่าบน ตัวนางยังมีแผลที่ไหนอีกหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นว่ามีก็เบาใจ
สีหน้าของโล่หวินหลานไม่ได้เปลี่ยนไป เย่หวินไม่รู้ว่า นางควรพูดเรื่องพวกนี้หรือเปล่า แต่ว่านางไม่อาจเห็นทั้ง สองคนทำสงครามเย็นอย่างนี้ต่อไปอีก ทั้งสองคนรักกัน แต่ กลับไม่ยอมถอยให้กันเลย
เย่หวินกำลังคิดว่าหรือควรบอกเรื่องกำไลของโม่ฉีซิวให้ นางรู้ดี นางพลิกตัว แล้วพูดว่า “เย่หวิน เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว”
เย่หวินพยักหน้า แล้วออกไป
คืนนี้ลมพัดแรงมาก โล่หวั่นหลานนอนลงกับหมอน ม้วน ผ้าห่มขึ้น เหมือนกับงูตัวหนึ่ง
ทันใดนั้นเองเสียงร้องเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น หลายวันมานี่มี วันนี้นี่แหละที่อากาศเย็นสบาย ไม่นาน ฝนก็ตกลงมา
เสียงฝันสาดดังมาจากด้านนอก
โล่หวินหลานพลิกตัวไปมา นางนึกถึงคืนที่ฝนตกเหมือน วันนี้ วันนั้นคนที่เย็นชาคนนั้นโอบกอดนางสัมผัสริมฝีปาก ของนาง …… บอกกับนางว่าอย่าไป …….
นางลุกขึ้นนั่ง
บนหน้าผากเหงื่อออกเยอะมาก
นางลุกขึ้นมาแล้วปิดหน้าต่าง แต่ว่าบนโต๊ะถูกฝนสาดแล้ว
นางหยิบร่มออกจากห้องไป ลมพัดชายกระโปรงของนาง ฝนสาดลงมาที่ร่ม
“พระชายา ฝนตกหนักขนาดนี้ท่านออกมาทำไม? เดี๋ยวข้า น้อยไปหยิบเสื้อคลุมให้ท่านดีไหม?” สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้า มาหานาง นางรู้สึกตกใจที่เห็นโล่หวินหลานออกมา
โล่หวินหลานส่ายหน้า กำลังจะเดินผ่านนางไป ก็หันกลับ มาเรียกนางเอาไว้แล้วถามว่า “เห้อ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน?”
“ทูลพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องหนังสือ” สาวใช้ ก้มหน้าแล้วตอบ
นางโบกมือ ไม่ได้พูดอะไรต่อ กางร่มแล้วเดินไป เมื่อนาง ไปถึงหน้าห้องหนังสือ ฝนก็สาดเต็มเสื้อไปหมดแล้ว
นางยื่นมือจะไปเคาะประตู แต่พอนางยกมือขึ้นก็หยุดค้าง อยู่กลางอากาศ แล้วก็วางมือลง
ภายในห้องสว่าง นางกัดปาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะถอย หลังกลับ
นางลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับไป
สายตาที่แหลมคมจ้องมองเงาที่หน้าประตูที่เดินไปเดินมา อยู่หลายรอบ แล้วสุดท้ายก็เห็นนางค่อยๆหายไป
คนที่อยู่ข้างในเห็นทุกอย่างชัดเจน
“ท่านอ๋อง พระชายาไปแล้ว ทําไมท่านไม่ออกไปหานาง ล่ะ?” ฉินหยิ่นไม่เข้าใจ
ทั้งสองคนทําสงครามเย็นกัน พวกเขาเองก็ไม่สบายใจ ยากนักกว่าพระชายาจะมาที่นี่ ไม่แน่นางอาจจะยอมถอย แล้วก็ได้ แต่ว่าทําไมท่านอ๋องถึงได้ปล่อยให้นางกลับไป ล่ะ?
ฉินหยิ่นจะเข้าใจได้ยังไง?
เขาจ้องไปที่ประตู เขาอยากจะออกไปมาก แต่ว่าถ้าเขา ออกไปแล้ว โล่หวินหลานจะพูดอะไรกับเขา?
ครั้งนี้คืนนี้กันไปแล้ว ครั้งต่อไปเจอเรื่องอย่างนี้อีกก็ต้อง มาสงครามเย็นกันอีกหรอ
เขาต้องการความรู้สึกที่จับต้องได้
เรื่องของโม่ฉ่ซิวในคืนวันนั้นทำให้พวกเขามีปัญหากัน หากว่าโล่หวินหลานไม่เข้าใจ ต่อให้นางยอมถอยก็ไม่มี ประโยชน์
โม่ฉีหมิงเก็บสายตากลับมาแล้วพูดว่า “คนในคุกสารภาพ คนที่อยู่เบื้องหลังหรือยัง?”
ฉินหมิ่นรู้ว่าเขาถามคนถึงคนที่ทำร้ายโล่หวินหลานในคืน นี้ เขาพูดว่า “ยัง แต่ว่าเราสืบได้ว่าตระกูลของคนนั้นมาจาก เหลียนปิน เขาแทะโลมสะใภ้ในบ้านก็เลยถูกไล่ออกจาก บ้าน จากนั้นเขาก็เดินทางมาที่เมืองหลวง ได้พบกับกลุ่ม ชาวยุทธกลุ่มหนึ่งโดยบังเอิญ ก็เลยคอยรับใช้พวกเขา เขา สังหารหญิงสาวไปมากกว่าสิบคนแล้ว ขุนนางท้องที่ก็ทำ อะไรเขาไม่ได้
โม่ฉีหมิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “สอบสวนมันต่อไป จะต้อง ให้มันคายออกมาให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง
พูดจบ นอกประตูก็มีเงาโผล่มา แล้วก็เข้ามาในห้อง
ชายคนนั้นคํานับไม่ฉีหมิง แล้วพูดว่า “คำนับท่านอ๋อง ข้า น้อยเฝ้ายามไม่ดี คนที่อยู่ในคุกฆ่าตัวตายแล้ว”
ฆ่าตัวตาย? เขาไม่ใช่นักฆ่าเดนตาย ในปากไม่มียาพิษ หก ไม่ได้ถูกทรมานทนพิษบาดแผลไม่ไหว แสดงว่าเบื้องหลัง ของเขาจะต้องเป็นคนมีอำนาจมากจนเขาไม่กล้าพูด
“ฆ่าตัวตายยังไง?” โม่หมิงถามด้วยสายตาอันตราย
“ฉวยโอกาสที่คนอื่นไม่ทันระวัง เอาหัวชนกำแพงตาย ทันที”
“เย่เฟิง เจ้าไปสืบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกัน ไม่ว่ายัง ไงก็ตาม จะต้องสืบจนรู้ให้ได้” โม่ฉีหมิงพูด
เย่เฟิงรับคำสั่ง แล้วถามเขาว่ามีอะไรจะสั่งอีกไหม จากนั้น ก็ถอยกลับไป
หลังจากที่สั่งงานเย่เฟิงไปแล้ว โม่ฉีหมิงก็หยิบปืนหยก ขาวลายดอกบัวบนโต๊ะขึ้นมาเล่น ด้านนอกแกะสลักเป็น ลวดลายของดอกบัว เรียบง่ายแต่สวยงาม
สายตาของเขาเป็นประกาย
เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ เช้าวันต่อมาโล่หวินหลานตื่นขึ้น มาแต่เช้า
คนในจวนอ๋องค่อยๆตื่นขึ้นมา ภายนอกเรือนยังมีน้ำค้าง ตกอยู่
โล่หนหลานหยิบกล่องยาแล้วก็เดินออกไปหน้าประตู จวน ถนนในตอนเช้ามันเงียบมาก กลิ่นดินยังคงแตะจมูกอยู่ มีลมพัดมาเป็นระยะๆ
“พระชายา ทำไมท่านถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ? ท่านคลุมเสื้อหน่อยเถอะ กำลังจะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศเย็น” ไม่ รู้ว่าเย่หวินมาข้างตัวนางตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่ทันได้สติ บน ไหล่ก็มีเสื้อคลุมสีขาวคลุมไว้แล้ว
“ขอบใจนะ” โล่หวินหลานผูกเชือกด้วยตัวเอง
“พระชายาอย่าพูดแบบนี้ ข้าน้อยรับไม่ไหว” เย่หวินรีบพูด
สมัยโบราณ แบ่งชนชั้นชัดเจน นางเป็นเพียงสาวใช้เล็กๆ คนหนึ่ง จะรับคำขอบคุณจากโล่หวินหลานได้ยังไง?
ทั้งสองยืนอยู่พักหนึ่ง พ่อบ้านก็เอารถม้ามาจอดที่หน้า ประตูจวน เย่หวินพยุงนางขึ้นรถม้าไป ตัวเองก็นั่งข้างๆพ่อ บ้าน
“เย่หวิน เจ้าขึ้นมาทำไม? ลงไปเดี๋ยวนี้ ข้าไปคนเดียวได้ เกิดเจ้าติดฝีดาษขึ้นมาจะทำยังไง?” โล่หวินหลานเปิดผ้า ม่านออก แล้วไล่นางลงไป
เย่หวินจะกล้าลงไปได้ยังไง ตั้งแต่ที่โล่หวินหลานเกือบจะ เกิดเรื่องเมื่อคืน โม่ฉีหมิงก็สั่งให้นางอยู่คุ้มครองนางไม่ให้ ห่างไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
“พระชายา ฝีดาษของท่านหลินอ๋องก็เกือบหายแล้ว ข้าฝึก วรยุทธตั้งแต่เด็ก มีกำลังภายในคุ้มกายอยู่ ไม่มีอะไรหรอก เย่หวินยิ้ม
ไม่เคยมีใครห่วงนางแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่หมิงอ๋องช่วยชีวิตนางไว้ นางก็สาบานว่าจะติดตามรับใช้หมิงอ๋องจนตาย แต่ว่าความเป็นห่วงของโล่หวินหลานในวันนี้ ทำให้นางรู้สึก ซาบซึ้งใจกับพระชายาท่านอ๋องคนนี้มากขึ้นไปอีก
โล่หวินหลานยิ้มอย่างจนใจ คนโบราณเอะอะอะไรก็ใช้ กําลังภายในมาอ้าง คิดว่ามีกำลังภายในแล้วจะไม่เป็นอะไร เลยหรือไง?
ตลอดทางจนถึงหน้าประตูจวนหลินอ๋อง พวกนางได้ยิน เสียงยินดีมาแต่ไกล สาวใช้ยังไม่ได้สวมชุดต้านเชื้อ เมื่อ เห็นรถม้าของโล่หวินหลานมาถึง ก็รีบเดินมาต้อนรับ แล้ว พูดว่า “พระชายาหมิงอ๋อง ท่านมาแล้วหรอ ท่านอ๋องฟื้น แล้วเพคะ”
ตามหลักแล้วก็น่าจะฟื้นวันนี้แหละ นางพยักหน้า แล้วก็ เดินเข้าไป
ตัวนกุ้ยเฟยนั่งอยู่ริมเตียง กำลังป้อนกลูโคสให้กับโม่ฉีมู่ ดู เหมือนภาพแม่ลูกผูกพันกันมาก
“พระมารดา หลายวันมานี่ลำบากท่านแล้ว ตอนที่ลูกป่วย ต้องให้ท่านมาดูแลข้าแบบนี้” โม่ฉีม่ก้มหน้าพูด ต้วนกุ้ยเฟย หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากให้เขา
“ขอบคุณอะไรกัน? เด็กโง่พูดอะไรแบบนี้ หลายวันมานี่ชา ยาหมิงอ๋องเป็นคนรักษาเจ้า หากไม่มีนาง เจ้าคงไม่หาย นางเป็นคนเข้าใจโลก รู้ว่าต้องบอกเรื่องที่โล่หวินหลาน รักษาโรคให้เขารู้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโม่ฉีหมิง
สีหน้าของโม่ฉีม่ตกใจแบบปิดไม่มิด โล่หวินหลานมา รักษาเขาหรอ?
ยังไม่ทันได้พูดอะไร โล่หวินหลานก็เดินเข้ามา วางกล่อง ยาแล้วพูดว่า “รักษาโรคช่วยคนเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว แต่บางคนเกิดมาคิดแต่จะทำร้ายคนอื่น บาปกรรมที่ทำไว้ ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะชดใช้หมดหรือเปล่า”
คำพูดของนางยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นางไม่เพียง พูดถึงเรื่องที่เย่ฮองเฮาทำ แต่แอบพูดถึงเรื่องที่หลินอ๋อง ป่วยในครั้งนี้ด้วย มันทำให้ทั้งคู่รู้สึกทำตัวไม่ถูก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ