ตอนที่ 5 เหนือความคาดหมาย
สาวใช้ช่วยโล่หวินหลานแต่งตัวอย่างรวดเร็วโล่หลานมองไปที่ตัวเองใน กระจกนางสวมชุดสีฟ้าอ่อนมีสายคาดเอวผูกหูกระต่ายที่ผมกลัดด้วยปิ่นลาย ผีเสื้อ
โล่หวินหลานถอนหายใจชุดโบราณเครื่องประดับหรูหรามาก แต่ว่ามันเยอะ มากหากไม่ใช่ว่ามีสาวใช้มาช่วยให้นางเปลี่ยนเองคิดว่านางคงงง
สาวใช้ที่ช่วยโล่หวินหลานแต่งตัวกลับออกไปแล้วเรียกให้คนมาตั้งโต๊ะอาหาร ตอนนี้ในห้องเหลือแค่นางคนเดียว
น่าจะถูกส่งมาจับตาดูนางไว้แต่ว่ายังไงก็เป็นคนของนางแล้ว
“เจ้าเล่าเรื่องราชวงศ์โม่ฉีให้ข้าฟังหน่อยสิ” โล่หวินหลานถามเยหวิน
สายตาของนางอยู่ที่อาหารเช้าบนโต๊ะเมื่อคืนนางไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้นาง
หิวมาก
มองไปที่โล่หวินหลานที่กำลังจะกินข้าวนางเองก็ไม่ได้ลังเลที่จะตอบ
“ฝ่าบาทมีโอรสทั้งหมดสิบคน แต่ว่าที่รอดชีวิตมาได้มีเพียงสี่คนเท่านั้นรัชทา ยาทโม่ฉีชีวประสูติโดยช่องเฮาร่างกายอ่อนแอ แต่เด็กองค์ชายสี่หมิงอ๋องถูก คนลอบทำร้ายตั้งแต่เล็กพระมารดาพระสนมเฉินเฟยตายอย่างอนาถส่วนทาน อ๋องก็พิการ องค์ชายหกเวินอ่องนิสัยรักสบายไม่สนใจเรื่องในราชสำนัก องค์ ชายเจ็ดหลินอ่องเป็นน้องชายร่วมมารดากับเวินอ่องที่ประสูติโดยพระสนมเอกต วนเฟย แต่ว่าเฮาเลี้ยงดูแต่เล็กนิสัยยโสโอหัง” อธิบายแต่ละคน อย่างละเอียด
ตะเกียบในมือของโล่หวินหลานซะงักไปเล็กน้อยในความทรงจำของนางพระ สนมเอกตวนเฟยเป็นที่โปรดปรานมากหรือก็คือมารดาแท้ๆ ของกับ หลินอ่อง
ในฐานะแม่ที่มอบลูกชายของตัวเองให้ช่องเฮาเลี้ยงดูแสดงว่าจะต้องมีความลับ อะไรที่บอกใครไม่ได้ ส่วนเมื่อคืนนางก็ตัดไอ้นั่นของหลินไปแถมหลินอ่อง คนนี้ก็มีทั้งฮ่องเต้กับพระสนมเอกตวนเฟยแล้วก็ยังมีพี่ชายอย่างเวินอ่อง เป็นคนหนุนหลังอีก ดูท่านางลงมือในครั้งนี้อาจจะต้องผิดใจกับใครหลายคนไม่ทันไรนางก็ไม่มี อารมณ์จะกินอะไรแล้วนางวางตะเกียบลงโล่หวินหลานลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าอิ่ม แล้วเราไปกันเถอะ”
เป็หวินพยักหน้าแล้วเดินตามโล่หวินหลานออกจากจวนไป
หน้าประตูรถม้าหรูคันหนึ่งจอดอยู่ ฉันหยิ่นยืนรอเปิดผ้าม่านรถม้าอยู่ เขาคำ นับโล่หวินหลานแล้วพูดว่า “พระชายาเชิญ”
โล่หวินหลานขึ้นรถม้าเห็นโม่ฉีหมิงนั่งอยู่ด้านในแล้ว เขาสวมชุดผ่าวสีดำบน เสื้อปักลายก้อนเมฆยังคงสวมหน้ากากเหมือนเดิมนอกจากปากที่เซ็กซี่ของเขา แล้วก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย
สายตาอันเยือกเย็นหยุดที่นางครู่หนึ่ง
โล่หวินหลานนั่งนิ่งแล้วรถม้าถึงออกเดินทาง ในพื้นที่เล็กๆ โล่หวีนหลานรู้สึก ถึงบรรยากาศที่เยือกเย็น โล่หวินหลานคิดว่ายังดีตอนนี้หน้าร้อนมีโม่ฉีหมิงก็ เหมือนมีน้ำแข็งมาดับร้อนให้
“เรื่องนั้นข้าทำให้เจ้าเดือดร้อนหรือเปล่า”โล่หวินหลานเห็นโม่ฉีหมิงไม่พูดไม่จา แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะไปถึงวังหลวงเลยอยากจะทำลายบรรยากาศอึดอัดนี้
หลังจากเย่หวินเล่าเรื่องในวังหลวงให้ฟังแล้วโล่หวินหลานก็เข้าใจแล้วว่าตัวเอง
ตัดไอ้นั่นของหลินอ๋องไปอาจจะทำให้โม่ฉีหมิงเดือดร้อน
นางเคยอ่านประวัติศาสตร์มาหลายเล่มเห็นเรื่องการต่อสู้ในวังหลวง โม่ฉีหมิง เกิดมาในฐานะเชื้อพระวงศ์แต่ต้องมาพิการ เขาก็เป็นเหยื่อของการช่วงชิง บัลลังก์นางคิดทบทวนมาแล้วอย่างดี
โม่ฉีหมิงมองมาที่นางแล้วพูดว่า “เจ้าเองก็ไม่โง่นี่นารู้เหมือนกันว่าทำให้ข้า เดือดร้อนทำไมกลัวแล้วหรือ?”
โล่หวินหลานพูดว่า “ในเมื่อข้ากล้าทำข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น อีกอย่างขอแค่ หลินอ่องพูดว่าเขาทำของเขาเองคนอื่นก็ทำอะไรข้าไม่ได้
จนถึงตอนนี้โล่หวินหลานยังคงมั่นใจว่าหลินอ่องจะบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ ทำให้โม่ฉีหมิงรู้สึกแปลกใจมากเรื่องที่หลินอ่องทำเขาอตทนมาตลอดไม่ใช่ว่า เขาไม่มีปัญญาทำอะไรเขาแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา
แต่ว่าโล่หวินหลานทำให้แผนของเขาเสียก็เหมือนทำให้เขาเดือดร้อน
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น หากว่าเรื่องนี้แตงขึ้นมาข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” โม่ ฉีหมิงหันหน้ากลับไปนางจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
“ดูแลตัวเจ้าเองให้ดีเถอะ ไม่ต้องมาห่วงข้า”โล่หวินหลานเปิดผ้าม่านชม ทิวทัศน์
ทั้งสองไม่พูดไม่จา รถม้าเดินทางไปได้ระยะหนึ่งจากนั้นก็ไปจอดที่หน้าประตู
เจิ้งหยางโล่หวินหลานลงจากม้าเห็นฉินหยิ่นพยุงโม่ฉีหมิงลงแคสี่คนหาม
โล่หวินหลานมองสี่คนนั้นแบกเขาไปตามทางก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เย่หวิน แล้วถามว่า “ไม่มีรถเข็นหรอ?
เหวินถามด้วยความสงสัยว่า “รถเขป็นคืออะไร?”
โล่หวินหลานจุกไปแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเราไปกันเถอะ”นางเดินตามหลังโม่ ฉีหมิงในใจก็คิดว่าในยุคนี้ล้าหลังไปหน่อยไหมแม้แต่รถเข็นก็ไม่มี
ไม่มีรถเข็นโม่ฉีหมิงออกไปไหนก็ไม่ค่อยสะดวกโล่หวินหลานคิดว่ารอจบเรื่อง หลินอ่องก่อน หากนางโชคดีรอดไปนางจะทำรถเข็นให้โม่ฉีหมิง
โล่หวินหลานกับโม่ฉีหมิงถูกพามายังตำหนักตวนหยางเตี้ยนพื้นที่ที่เงาส่องเห็น เงาของพวกเขาได้ชัดเจน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ