ตอนที่ 41 รักษา
ปรีชาอะไรกัน ก็แค่หาจุดอ่อนของต้วนกุ้ยเฟยได้ก็เท่านั้น นางกล้าลงมือกับโม่ฉีซิว วันหนึ่งนางก็จะต้องจ่ายค่า ตอบแทนอย่างสาสม
ฝีดาษ เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แค่จุดนี้ก็ไม่มีหมอหลวงคน ไหนเข้าใกล้แล้ว คนที่จะทำการรักษาให้กับเขา ก็เหมือน เอาตัวเองไปฆ่าตัวตาย หากรอดไปได้ก็รอด หากรอดไม่ ได้ …… นางก็จะลงมือเอง
นี่ก็ถือเป็นการสั่งสอนม้วนกุ้ยเฟยเล็กๆน้อยๆ ทำให้นาง เข้าใจว่า อะไรเรียกว่าประเมินตัวเองสูงเกินไป
นางยกมือให้ขันทีออกไป แล้วเรียกนางกำนัลคนสนิท อย่าง จือเข้ามา
เย่ฟังเสว่โบกพัดในมือ ใช้มืออีกข้างดันหน้าตัวเอง แล้ว มองไปที่นอกหน้าต่าง นางอารมณ์ดีราวกับดอกไม้ที่ได้รับ แสงแดด
จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงขี้เกียจว่า “ฝ่าบาทรู้ว่าหลินอ๋อง ป่วยเป็นฝีดาษแล้วว่ายังไงบ้าง? พระองค์มีประสงค์จะไปที่ จวนหลินอ๋องไหม?”
วี่จือเป็นคนที่เย่ฟังเสวนั้นไว้ใจ นางฉลาด ดูสีหน้าคนอื่น เป็น ด้วยเหตุผลเหล่านี้เลยทำให้นางเป็นที่ไว้วางใจมาก นางมักจะได้รับหน้าที่ไปสืบหาข่าว ข่าวที่ได้มาก็แม่นยำทุก
รี่มือรับพัดในมือนางมาพัดให้ แล้วพูดว่า “ทูลฮองเฮา พอ ฝ่าบาททรงก็ทรงเขวี้ยงถ้วยชาในมือจนแตก แต่ก็ไม่ได้พูด อะไร ก็แค่สั่งให้หมอหลวงที่มีประสบการณ์ไปจวนหลิน อ๋อง โรคฝีดาษใครๆก็รู้ว่ามันเป็นโรคอะไร คิดว่าฝ่าบาทคง ไม่คิดถึงพระวรกายของท่าน ไปเยี่ยมหลินอ๋องด้วยตัวเอง หรอกเพาะ พระนางวางใจได้
เยฟังเสวพอใจกับคำตอบนี้มาก นางยิ้ม แล้วพูดว่า “หาก ฝ่าบาทคิดจะไปจริงๆ คนข้างกายเขาก็ต้องห้ามอยู่ดี อีกทั้ง หลินอ๋องเป็นคนที่ข้าเลี้ยงมากับมือ ข้าต้องไปดูให้เห็นกับ ตาถึงจะสบายใจได้
นี่คือรู้สึกตกใจแล้วพูดว่า “พระนางเพคะ หลินอ๋องติดโรค ฝีดาษ พระนางจะไปไม่ได้นะเพคะ”
เยฟังเสวคิดคำนวณไว้แล้วก็พูดว่า “ต่อให้เขาเป็นโรคที่ ร้ายแรงกว่านี้ เราก็ต้องไปขออนุญาตออกจากวังหลวงไป จวนหลินอ๋อง เพื่อไม่ให้เป็นขี้ปากของใคร
นางเป็นแม่ของแผ่นดิน โม่ฉีม่เป็นคนที่นางเลี้ยงมากับมือ ยังไงก็ต้องก็ต้องเห็นแก่ความดี อีกทั้ง หากนางจะไป ก็ต้อง ดูด้วยว่าโม่ฉีสิงยอมหรือไม่
พูดจบ เยฟังเสวก็ลุกขึ้นสวมรองเท้า วี่คือรู้ทันที ก็รีบช่วย นางสวมรองเท้า แล้วพยุงนางออกจากตำหนัก ตรงไปยัง ห้องทรงอักษร
ตอนนี้ในจวนหลินอ๋องกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่มีใคร กล้าเข้าใกล้
ในห้องของโม่ฉีม่มีแค่บ่าวไพร่และสาวใช้ที่เคยเป็นฝีดาษ แล้วรับใช้อยู่แค่ไม่กี่คน ตัวนกุ้ยเฟยเองก็เอาผ้ามาปิด บนตัว สวมใส่ชุดต้านเชื้อที่โล่หวั่นหลานให้คนตัดเย็บใหม่ ภายใน มีสามชั้นภายนอกมีสามชั้น
ไม่เพียงเท่านี้ คนในจวนทุกคนล้วนแต่สวมชุดต้านเชื้อ ก่อนที่โม่ฉีมู่จะหายจากโรคฝีดาษ พวกเขาจะต้องระวังตัวให้ มาก
โล่หวินหลานสวมผ้าปิดปากยืนสั่งการสาวใช้อยู่นอกเรือน ให้เอาของที่โม่ฉีมู่มากองรวมกันไว้ เพื่อรอเผา
“ทุกคนเร็วๆหน่อย ขอแค่เป็นของที่หลินอ๋องเคยใช้ให้เอา ออกมาวางตรงนี้ให้หมด ห้ามละเว้นแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่งั้น พวกเจ้าเองก็อาจจะติดโรคได้” โล่หวินหลานตะโกนเสียง ดัง เหล่าสาวใช้เอาก็คล่องแคล่ว
เห็นของทั้งหมดในจวนหลินอ๋องถูกนำมากองเกินกว่า ครึ่งจวน แม้แต่แก้วหยกที่ใช้เพียงครั้งเดียวก็ไม่เว้น โล่หวิน หลานส่ายหน้า นางมองไปที่ของพวกนั้นอีกเดี๋ยวต้องตัดใจ เผาทิ้งจนหมด นางรู้สึกว่ามันก็สิ้นเปลืองอยู่
แต่ว่าเพราะของพวกนี้โม่ฉีม่ใช้มาก่อน แค่นางคิดถึงเรื่อง ที่เขาเคยทำมาก่อน ในใจของนางก็แทบไม่มีความสงสาร หลงเหลืออยู่เลย คิดอยากจะให้นางตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
แต่เขาก็ถูกนางลงโทษไปแล้ว เขาไม่มีปัญญามีลูกสืบ สกุลได้อีกก็ถือว่าเป็นการลงโทษที่หนักหนามากแล้ว
“พระชายาหมิงอ๋อง ของทั้งหมดอยู่ที่นี่หมดแล้ว จุดไฟได้ เลยไหม?” พ่อบ้านของจวนหลินอ๋องไม่รู้ว่ามมาอยู่ข้างๆโล่ หวินหลานตั้งแต่เมื่อไหร่
ของกองรวมสูงเป็นเมตร เห็นของมากมายขนาดนี้ โล่หวิน หลานก็กระพริบตา พยักหน้าแล้วพูดว่า “จุดไฟเถอะ เผาให้ เกลี้ยงหน่อย”
พ่อบ้านรับคํา แล้วก็สั่งให้คนจุดไฟ พริบตาเดียวภายใน เรือนก็เต็มไปด้วยควัน ลอยฟุ้งไปที่ท้องฟ้า ควันสีเทาๆลอย อยู่ตรงหน้าของทุกคน สําหรับพวกเขา ไม่ใช่แค่เผาของใช้ ของโม่ฉีมู่ แต่มันคือการปกป้อง
ไฟลามแรงขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ใบหน้าของทุกคนแดงก่ำ แต่ไฟแบบนี้มันลุกอยู่ได้ไม่นาน จากนั้นก็มอดเหลือแค่กอง ไฟเล็กๆ
สาวใช้หยิบไม้เขี่ยเสื้อผ้าที่ยังเผาไม่หมดไปจุดไฟให้เผา ให้เกลี้ยง
“พระชายาหมิงอ๋อง พระชายาหมิงอ่อง พระสนมทรงขอ เชิญไปที่ห้อง ท่านอ๋องมีไข้สูงไม่ลดเลยเพคะ” หมิงเยว่ เสียงตื่นตระหนก หายใจหอบ แต่ก็พูดจนจบ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาของโล่หวินหลาน อีกแล้ว นางมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเงาของนางเลย
นางรีบเดินตามไป
เมื่อเข้าไปยังห้องนอนของโม่ฉีมู่ ต้วนชวเยนกุมมือของ โล่หวินหลานด้วยความร้อนใจ เสียงของนางเปี่ยมไปด้วย คำร้องขอ “หวินหลาน มู่เอ๋อเป็นอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆเขาก็มีไข้สูง เรียกยังไงเขาก็ไม่รู้สึกตัวเลย หวินหลาน เจ้าเก่งเรื่องการ แพทย์ รักษารัชทายาทจนหาย จะต้องรักษาผู่เอ๋อให้หายได้ แน่”
ไม่ให้นางสืบหาคนบงการ แถมยังมาร้องห่มร้องไห้อีก ไม่ กล้าที่จะสืบต่อไปหรือว่านางรู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ?
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้ค่อยได้เกี่ยวกับนางเท่าไหร่ เป้า หมายของนางก็คือรักษาโม่ฉีม่ให้หาย นางได้รับรางวัลจาก ฮ่องเต้ ใครๆก็รู้ว่านางรักษารัชทายาทจนหาย หากนางช่วย เขาไม่หาย มันฉีกหน้าตัวเองชัดๆ
นางดึงแขนตัวเองออกจากมือของตัวนกุ้ยเฟย แล้วพูดเชิง ปลอบว่า “พระสนมเพคะ คนที่เป็นฝีดาษมีอาการไข้สูงเป็น เรื่องปกกติ ท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวข้าจะจัดยาลดไข้ให้ หลินอ๋องเอง”
ได้ยินคําพูดของนางแล้ว ตัวนชิวเยนก็เบาใจ นางล้มลง นั่งตัวไร้เรี่ยวแรงลงบนเก้าอี้
โม่ หานถูกสั่งให้ไปเป็นหย่าหมิ่นไทโลวแล้ว อีกไม่กี่วัน ก็จะออกเดินทางแล้ว ลูกชายนางสองคนตอนนี้เหลือโมน คนเดียวที่อยู่กับนาง หากเขาตายไปเพราะฝีดาษจริงๆ นาง ก็จะเหลือตัวคนเดียว
ส่วนผู้หญิงที่นางเกลียดมากตรงหน้านี้ กลับเป็นคนที่ช่วย ลูกชายนางได้ นางรู้สึกละอายต่อตัวเองมาก
“หวินหลาน รบกวนเจ้าด้วยนะ”
โล่หวินหลานเหลือบไปมองนาง แล้วยิ้ม แล้วก็ไม่มองนาง
อีก
ภายในจวนหมิงอ๋อง โม่ฉีหมิงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องหนังสือ ในมือของเขาถือพู่กันอยู่ แต่ถืออยู่นานก็ไม่ได้เขียนอะไรลง ไปในกระดาษเลย
ที่นอกประตูมีเสียงคนวิ่งหอบๆกลับมา จากนั้นก็โผล่มา ตรงหน้าของโม่ฉีหมิง
“ท่าน ท่านอ๋อง ข้าไปสืบมาแล้วในจวนหลินอ๋องทุกคน สวมชุดที่พระชายาเป็นคนสั่งตัดพิเศษ เรียกว่าชุดต้าน เชื้อ ……. แล้ววันนี้พระชายายังสั่งให้สาวใช้เอาของที่หลิน อ๋องเคยใช้ออกมาเผาจนหมด เผาไปเกือบครึ่งจวน ส่วนตั วนกุ้ยเฟยตอนนี้ก็เชื่อใจพระชายามาก ท่านอ๋องท่านไม่ต้อง กังวล”
เขานั่งซ่อนตัวอยู่บนหลังคาจวนหลินอ๋องทั้งวัน เห็นสาวใช้สวมชุดสีฟ้าเดินไปเดินมา กว่าจะมองออกว่าคนไหนคือ โล่หวินหลานก็มองอยู่นาน
เขาตามนางกระโดดไปมาอยู่หลายหลังคา เกือบเหยียบ แผ่นกระเบื้องหลังคาจวนหลินอ๋องแตกแล้ว
“อืม” โม่ฉีหมิงตอบรับ แล้วก็ลงมือเขียนหนังสือต่อ
หมายความว่าไง? ไม่พูดอะไรเลย จะให้เขารายงานต่อ หรอ?
ในขณะที่ฉินหมิ่นกำลังงงอยู่ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาว่า
“ไปสืบต่อ แล้วคุ้มครองพระชายาให้ดี อย่าให้นางต้อง เป็นอันตรายแม้แต่นิดเดียว” โม่ฉีหมิงพูด เขาจับพู่กันไว้ แน่น จากนั้นก็เขวี้ยงพู่กันทิ้งไป
“ทราบแล้ว” ฉินหยื่นรับคำ แล้วก็ไป
โม่ฉีหมิงจับโต๊ะไว้แน่น เส้นเลือดโผล่ขึ้นมาชัดมาก
หากโล่หวินหลานติดเชื้อโรคแม้แต่นิดเดียว เขาจะให้คน ทั้งจวนหลินอ๋องตายทั้งหมด
โล่หวินหลานเดินเข้าไปด้านในฉากบังลม เพื่อตรวจชีพจร ของโม่ฉิมู่ เขาเป็นไข้จริง หายใจปกติ จากนั้นนางก็เดินออก มาจากฉากบังลม
“ใครก็ได้ ไปเอาไป๋หลี่เซียงแห้งมาสองสลึง ผู่ถีฮว๋ากับ หยางกันจวี่อย่างละสามสลึง แล้วต้มรวมกันมาให้หลินอ๋อง กินที แล้วก็ซื้อสาลี่มาด้วย” โล่หวินหลานพูดเสียงดังฟังชัด
ทุกคนเชื่อใจโล่หวินหลานมาก มีสาวใช้รีบวิ่งออกไป จัดการ
ทันใดนั้นเอง ที่นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่าง รีบร้อน หมอหลวงเก่าแก่ในวังหลวงเดินถือกล่องยาเข้ามา แต่ละคนใช้ผ้าปิดปากเอาไว้
พวกเขาเดินเข้ามาในจวนเห็นสาวใช้สวมชุดประหลาด ซึ่ง รวมไปถึงตัวนชิวเยนกับโล่หวินหลานด้วย ซึ่งพวกเขาไม่รู้ เลยว่ามันคือชุดอะไร
“ถวายพระสนมกุ้ยเฟย ถวายพระพรพระชายาหมิงอ๋อง” หมอหลวงคุกเข่าถวายพระพร
“ลุกขึ้นเถอะ ฝ่าบาทสั่งให้พวกเจ้ามาหรอ?” ตัวนชิวเยน ถามด้วยความเหน็ดเหนื่อย
เหล่าหมอหลวงปัดเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นมา คนที่แก่ที่สุดใน หมู่คณะเดินออกมาแล้วพูดว่า “ทูลพระสนม ฝ่าบาทรับสั่ง ให้พวกกระหม่อมมารักษาหลินอ๋อง เมื่อครู่พวกกระหม่อม เห็นสาวใช้สวมชุดแล้วก็ใส่หมวกประหลาด ไม่ทราบว่าชุด พวกนั้นคืออะไรหรอ?”
ชุดพวกนั้นโล่หวินหลานเป็นคนสั่งให้คนทำขึ้นมา นางรู้ว่าในสมัยโบราณของพวกนี้ถือเป็นของแปลก ก็เลยยิ้มแล้วพูด ว่า ชุดพวกนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ คนที่ไม่เคยเป็น โรคฝีดาษมาก่อนจะต้องสวมชุดนี้เพื่อป้องกันการติดโรค ใน จวนยังเหลืออีกหลายชุด พวกท่านจะใส่ไหมล่ะ?”
พูดจบ ก็เรียกเข่หวินที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา กำลังจะสั่ง ให้นางไปเอาชุดที่ห้องเก็บของมา แต่ว่าหมอหลวงกลับ ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “เหลวไหลสิ้นดี พระชายาหมิงอ๋อง พวกกระหม่อมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเสื้อผ้าจะสามารถ ป้องกันการรับเชื้อได้ ท่านอย่าได้เอาการรักษาโรคเห็นเป็น เรื่องเล่นๆ คนที่เป็นฝีดาษจะต้องแยกห้อง ห้ามให้ใครเข้า ใกล้เด็ดขาด”
เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ หมอหลวงที่ตามอยู่ด้านหลังก็ เห็นด้วย
พวกเขาเป็นหมอหลวงมาเป็นสิบปี ก็ใช่ว่าจะไม่เคยรักษา
ผิดาษเลยสักครั้ง มีคนรอด มีคนตาย เป็นเรื่องปกติ มีใครที่ไหนบอกว่าสวมเสื้อผ้าแบบนี้ทั้งตัวก็จะไม่เป็น
ฝีดาษ? หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็คงไม่มีใครติดโรคแล้วสิ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ