ตอนที่ 40 คําเตือน
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีเรื่องจะทูล”
จ้าวเจิ้งมองไปที่โม่ฉีสิง โม่ฉีสิงบอกใบ้ให้จ้าวเจิ้งถอยไป รัชทายาทเจ้ามีเรื่องอะไรหรอ?”
โม่ ซิวเดินออกมาข้างหน้า สายตาจ้องไปที่โม่ฉีสิง แล้ว พูดว่า “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันอยากขอประทานรางวัลให้ กับคนๆหนึ่ง หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงอนุญาต”
โม่ฉีสิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม “รัชทายาทอย่างจะขอรางวัลให้ ใครกันล่ะ?”
โม่ฉีซิวตอบว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันป่วยมานานกว่าสิบปี คนๆนี้รักษาโรคให้หม่อมฉันจนหาย หม่อมฉันเป็นมกุฎราช กุมารของแคว้น รักษาหม่อมฉันจนหายนับว่าเป็นการทำคุณ ให้บ้านเมืองหรือไม่? ควรจะได้รับรางวัลบำเหน็จหรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ?”
ที่แท้รัชทายาทก็ขอรางวัลให้กับโล่หวินหลาน แต่ว่าโล่ หวินหลานเป็นชายาของหมิงอ๋อง โม่ฉีสิงเห็นสายตาของ รัชทายาทมีความสับสน เขาข่มความสงสัยเอาไว้ แล้วพูดว่า “แน่นอน”
ช่วงเที่ยงของวันนั้น องครักษ์วังหลวงหอบลังทองคำแล้ว ก็ของมากมายมาจากในวัง
“ด้วยโอกาสฟ้า ฮ่องเต้มีราชโองการ รัชทายาทป่วยหนัก มานานหลายปีรักษามานานแต่ไม่เป็นผล โล่หวินหลาน ปกป้องคุ้มครองรักษาอาการรัชทายาท คุณ ประทาน ทองคำหนึ่งพันชั่ง ที่นาหนึ่งร้อยไร่ ผ้าแพรสามสิบ พับ ……. หยกหอสองชิ้น เป็นรางวัล จบราชโองการ”
หมิงอ๋องนั่งอยู่บนรถเข็น โล่หวินหลานกับคนอื่นคุกเข่ารับ ราชโองการ “ขอบพระทัย
“พระชายาลกขึ้นเถอะ” จ้าวเจิ้งยื่นราชโองการไปให้โล่ห วินหลาน ตอนนี้โล่หวินหลานรู้สึกงง ถึงแม้ในราชโอกาสจะ เขียนได้ไม่เลว นางช่วยรัชทายาทมีคุณเป็นเรื่องจริง แต่ว่า นางรู้สึกว่ารางวัลที่ได้มานั้นมากะทันหัน
โล่หวินหวานรับราชโองการมา แล้วก็ถามว่า “กงกง นี่มัน เรื่องอะไรกัน?”
“ช่วงประชุมเช้ารัชทายาทได้ทูลขอรางวัลกับฝ่าบาท พระ ชายารักษารัชทายาทจนหายท่านมีผลงาน ควรแล้วที่ได้ รับรางวัล” ที่จ้าวเจิ้งบอกกับโล่หวินหลานเป็นเรื่องจริง แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้รู้สึกว่านิสัยใจคอของผู้หญิงคนนี้ เหมือนกับพระสนมเฉินเฟยมาก สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ บน ตัวนางมีความเด็ดเดี่ยวมากกว่า
จ้าวเจิ้งคิดในใจ หากนิสัยแบบนี้อยู่บนตัวผู้ชาย ก็น่าจะดี แต่ว่ากลับผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือร้ายกันแน่
โล่หวินหลานได้รับรางวัลแต่นางไม่ได้ดีใจเลย หากอยู่บนตัวของคนอื่น ก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ในตำหนักหย่งฝูกง ตัวนกุ้ยเหยรู้เรื่องที่เป็นอ๋องจะไป ประจําการที่หย่าเหมิน ด้วยความโมโหก็เลยกวาดเครื่อง สําอางบนโต๊ะทั้งหมด ข่าวของเครื่องใช้หล่นลงที่พื้นจน หมด นางกำลังที่อยู่ข้างๆอย่างตกใจ
พระสนมอย่าทรงกริ้ว พระสนมอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ” คนสนิทของตัวนกุ้ยเฟย หรือก็คือนางกำนัลหมิงเยว่เดินมา พยุงนาง
คนๆนี้หน้าตาคล้ายเยนเยวมาก มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ดูดี กว่า นางคือพี่สาวของเยเยว่
“หมิงเยว่ เฉินอ๋องออกมาจากคุกหรือยัง? ตอนนี้อยู่ ที่ไหน? ” ตัวนกุ้ยเฟยระบายอารมณ์เสร็จแล้ว ก็เริ่มนิ่งลง
“ทูลพระสนม หม่อมฉันไปสืบมาแล้ว วันนี้หลังเสร็จประชุม เช้า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เป็นอ๋องกลับไปที่จวน แต่ว่า มิงเยวหยุดพูด ห
ตัวนกุ้ยเฟยได้ยินว่าเป็นอ๋องกลับจวนแล้ว ก็ดีใจ แต่เห็น นางหยุดไป ก็ขมวดคิ้ว “แต่ว่าอะไร?
แต่ว่าฝ่าบาทรับสั่งว่า ถึงแม้จะให้เงินอ๋องกลับจวนได้ แต่ “ ก็ห้ามออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว ให้รอถึงวันที่เจ็ดก็ให้ ออกเดินทางไปที่ชายแดนทันที” หมิงเยวมองสีหน้าตัวน กุ้ยเฟย จากนั้นก็พูดทุกอย่างออกไปจนหมด
“ป้ง” เมื่อตัวนกุ้ยเฟยฟังจบก็โกรธมาก ไม่ได้ หากหาน เอ๋อไปที่ชายแดนแล้วล่ะก็ ข้าจะได้เจอเขาอีกเมื่อไหร่ ฝ่า บาททรงใจร้ายนัก เพื่อปกป้องลูกของฮองเฮา ถึงกลับส่ง หานเอ๋อไปไกลถึงขนาดนั้น ตัวนกุ้ยเฟยสีหน้างอ สายตา ของนางเหมือนกำลังวางแผนอะไรไว้
“หมิงเยว่ เจ้ามานี่สิ นางกระซิบบางอย่างกับหมิงเยว่ ห มิงหยวพยักหน้า นางยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ได้รับข่าวของมา จากจวนหลินอ๋อง
หลินอ๋องป่วย
หลินอ๋องชีพจรอ่อนมาก ดูท่าจะอันตรายถึงชีวิต สาวใช้ บ่าวไพร่ในจวนหลินอ๋อง ต่างใช้ผ้าปิดปากแล้วจมูกเอาไว้ มี ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้ปิด
ตอนนี้ในจวนหลินอ๋องวุ่นวายมาก แต่ก็เพราะอาการป่วย ของหลินอ๋องทำให้การกักบริเวณของต้วนกุ้ยเฟยยุติไป
โล่หวินหลานรักษาอาการรัชทายาทจนหาย อีกทั้งยังได้ รับพระราชทานรางวัลจากฮ่องเต้ด้วย ตอนนี้หลินอ๋องป่วย หนัก นางอยากจะเลี่ยงก็เลี่ยงไม่ได้
ตัวนกุ้ยเฟยถูกหมิงเยว่ห้ามเอาไว้ ในมือของนางถือ ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาอยู่ หมิงเยวดึงนางไว้ กลัวว่านางจะไป ที่ข้างๆหลินอ๋อง “พระสนมท่านไปไม่ได้นะ หลินอ๋องทรง เป็นฝีดาษ ท่านอาจจะติดโรคได้นะเพคะ”
ตอนที่โล่หวินหลานมาถึงจวนหลินอ๋องก็เห็นภาพแบบนั้น
แล้ว ตัวนกุ้ยเฟยถูกนางกำนัลลากๆดึงๆด้วยหน้าตาที่กำลัง
ร้องไห้ หมอหลวงที่มีรักษาอาการของหลินอ๋องแต่ละคนก็
ส่ายหน้าไปหมด ที่แท้หลินอ๋องก็ป่วยเป็นฝีดาษนี่เอง โล่หวินหลานกำลัง
คิด
นางกำลังคิดอีกเรื่องหนึ่ง ดูจากท่าทีของทุกคนแล้ว ฝีดาษในสมัยนี้น่าจะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ดูท่านางจะต้อง รีบทำวัคซีนป้องกันออกมาให้เร็วที่สุด ด้านหนึ่งเพื่อป้องกัน การติดโรค อีกด้าน เรื่องจากการแพทย์สมัยนี้ล้าหลังมาก ในแต่ละปีมีคนตายเพราะฝีดาษเยอะมาก นางอยากจะทํา อะไรในขอบเขตที่ตัวนางจะทำได้
เมื่อนางเดินมาถึงข้างตัวของหลินอ๋อง และตรวจชีพจรให้ เขา นางถามเรื่องอาหารของหลินอ๋องกินก่อนจะล้มป่วย ไป ที่ไหนมาบ้าง สาวใช้กับองครักษ์ก็ตามอย่างตรงไปตรงมา โล่หวินหลานบันทึกเอาไว้จนหมด
จากนั้นนางก็สั่งให้คนไปเอาข้าวของเครื่องใช้ที่หลินอ๋อง เคยใช้ก่อนล้มป่วยออกมาให้หมด ไม่นานนักก็เจอของที่ ไม่ใช่ของของหลินอ๋องบนเตียงของเขา ในผ้าห่มถูกยัดเสื้อ ขาดๆอยู่ตัวหนึ่ง มันเหมือนเสื้อที่ขอทานนอกเมืองใส่กัน
ตัวนกุ้ยเฟยยืนอยู่สิ่งที่โล่หวินหลานทำอย่างตกใจ นางไม่ ห้ามแล้วก็ไม่ไปรบกวนด้วย จริงๆแล้วนางไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ ว่านางจะช่วยชีวิตของลูกชายนางได้
แต่ว่านางรู้ว่า ในเวลานี้หมอหลวงต่างจนปัญญาหมดแล้ว โล่หวินหลานเป็นความหวังเดียวที่เหลือของนางในตอนนี้ นางเห็นโล่หวินหลานรื้อของชิ้นนี้ออกมา เหมือนนางจะนึก อะไรขึ้นมาได้
ตามหลักแล้วของในจวนหลินอ๋อง โดยเฉพาะของใช้ส่วน ตัวของหลินอ๋อง จะเป็นของที่นางเป็นการตรวจทานแล้ว ก็เลือกด้วยตัวเอง นางจําได้ว่าเตียงกับผ้าห่ม นางเป็นคน เลือกให้เขาเองกับมือ แต่ว่าเสื้อขาดๆตัวนั้น มันมาจากไหน กัน?
ของใช้ส่วนตัวของหลินอ๋องกลับพบของที่ไม่ใช่ของหลิน อ๋อง อีกทั้งมาเจอในตอนนี้ที่หลินอ๋องกำลังล้มป่วย ไม่แน่ว่า ของชิ้นนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของหลินอ๋อง โดยตรงก็ได้
ตอนนี้ทุกคนในจวนหลินอ๋องอยู่ตรงนี้หมดแล้ว โล่หวิน หลานถามพ่อบ้านว่า “สาวใช้ในจวนหลินอ๋องมีใครใกล้ชิด กับเขาบ้าง ขาหมายความว่าก่อนหลินอ๋องจะล้มป่วย?”
พ่อบ้านคิดแล้วก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็มีอยู่ เป็นสาวใช้ที่ รับใช้ท่านอ๋องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนหน้าที่ท่านอ๋องจะป่วย คน ของบ้านนางก็มาขอไถ่ตัวนางออกไป ข้ารายงานท่านอ๋อง แล้วก็ให้นางไป
แล้วนางได้สัมผัสเตียงหรือผ้าห่มของท่านอ๋องบ้างไหม?
มีโอกาสที่จะทําอะไรไหม?” โล่หวินหลานถาม
“แน่นอน นางรับใช้ในเรือนในของท่านอ๋อง ยังไงก็ต้อง
สัมผัสกอยู่แล้ว นางมีเวลามากพอที่จะทำอะไร” ในเวลา
นี้พ่อบ้านเริ่มรู้สึกกลัว หากเป็นสาวใช้นั่นจริง เขาเองก็จะถูก เชื่อมโยงไปด้วย? ตัวนายเฟยเริ่มรู้สึกโมโห “พระชายาหนังออง เจ้าคิดจะ
ทําอะไร?”
โล่หวั่นหลานมองไปที่ตัวนภัยเฟย แล้วมองไปที่ทุกคน จากนั้นก็ ไปที่กองเสื้อผ้าที่อยู่ด้านหน้าของตัวนกุ้ยเฟย แล้วพูดว่า “หลินต้องล้มป่วย สาเหตุอยู่ที่นี่”
ตัวนายเฟยมองไปที่เสื้อผ้าชิ้นนั้น ก็เข้าใจทันที “เจ้า
หมายความว่า
โลหงินหลานพูดต่อไปอีกว่า “คิดว่าพระสนมเองก็น่าจะ คิดออกแล้ว เสื้อผ้าชิ้นนี้น่าจะเป็นเสื้อของคนที่ตายเพราะ มีดาษเคยใสมาก่อน ช่วงก่อนทางใต้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ที่ นอกเมืองมีผู้ประสบภัยมากมาย มันทำให้เกิดโรคติดต่อได้ ง่าย คิดว่าเจ้าของเดิมของเสื้อตัวนี้น่าจะตายเพราะฝีดาษ เมื่อเข้าสอบถามเรื่องอาหารการกินการใช้ข้าวของเครื่อง ใช้ต่างๆของหลินเองก่อนที่จะป่วยอย่างละเอียดแล้ว เขา แทบจะไม่มีโอกาสสัมผัสถูกฝีดาษได้เลย แล้วเขาก็ไม่ได้ สัมผัสถูกตัวคนที่เป็นฝีดาษด้วย แล้วเขาจะป่วยเป็นฝีดาษ
โลหยินหลานหยุดไป แล้วมองไปที่ส่วนกุ้ยเฟย “เหตุผล ง่ายมาก ก็คือเข้าสัมผัสถูกของบางอย่างที่มีเชื้อฝีดาษนั่นเอง”
ตัวนกุ้ยเฟยรู้สึกหนาวในใจ ใครกันที่คิดร้ายต่อผู่เอ๋อของ นาง หลังจากเกิดเรื่องนั้นแล้ว ก็แทบจะไม่ได้ยุ่งเรื่องใน ราชวงศ์เลย
คนที่คิดร้ายกับเขา จะต้องพุ่งเป้ามาที่เขาเลยแน่นอน หากไม่งั้นก็ต้องพุ่งเป้ามาที่นาง คนที่ทําแบบนี้ได้ คนที่กล้า ทําแบบนี้ได้ นางคิดออกแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นคนที่นาง เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
โล่หวินหลานเห็นตัวนกุ้ยเฟยกำลังใช้ความคิด คิดว่านาง น่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทําแล้ว นางก็เลยหันไปพูดกับพ่อบ้าน ว่า “พ่อบ้าน เจ้าสั่งให้คนไปสืบทีว่าสาวใช้คนนั้นเป็นใคร มาจากไหน แล้วไปสืบหาเบาะแสมาเพิ่มด้วย จะต้องหาคน บงการคิดร้ายท่านอ๋องออกมาให้ได้
ต้วนกุ้ยเฟยได้ยินโล่หวินหลานพูดแบบนี้ สีหน้าของนาง ก็เปลี่ยน แล้วพูดว่า “พระชายามาที่นี่เพื่อรักษาผู่เอ๋อ เรื่อง อื่น เจ้าก็ไม่ต้องยุ่งหรอก”
นางรู้แล้วว่าคนร้ายคือใคร หากให้สืบต่อไป ไม่ดีต่อใคร ทั้งนั้น
ตำหนักฮองเฮา
บันทีที่ไปสืบข่าวที่จวนหลินอ๋องกลับมา เย่ฟังเสว่ยิ้มแล้ว ถามเขากลับไปว่า “ได้ข่าวอะไรบ้าง?”
คนที่กลับมาบอกว่า “สืบมาหมดแล้ว เป็นไปตามที่ พระองค์คาดไว้ คนที่ค้นเสื้อตัวนั้นเจอเป็นพระชายาหมิงอ๋ อง หม่อมฉันเพิ่งปล่อยข่าวออกไป บอกว่าสาวใช้คนนั้นได้ รับเงินค่าไถ่ตัวจากวังหลวงออกไปแล้ว พระสนมเอกจะต้อง นึกมาถึงเราแน่นอน พระนาง ………” เขาหยุดพูด แล้วมอง สีหน้าของฮองเฮา
เย่ฟังเสวีหยิบน้ำชาขึ้นมาดื่ม “มีอะไรก็พูดมา อย่ามาอั้มๆ อึ้งๆ”
“พระนาง เราลงทุนวางแผนขนาดนี้แล้ว สุดท้ายกลับไป บอกพวกเขาว่าเราทำ มันหมายความว่าไงพ่ะย่ะค่ะ?”
เยฟังเสวม “ไม่เพียงแค่นี้ หากว่าโล่หวินหลานรักษา หลินอ๋องไม่หาย เราเองก็ต้องไปช่วยเขา
คนนั้นยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ “ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะ พ่ะย่ะค่ะ?”
เยฟังเสวตอบว่า “เจ้าเข้าใจคำว่าระเบิดภูเขาให้เสือกลัว ไหม? นังแพศยาต้านกุ้ยเฟยนั่น ตอนนี้คิดแต่อยากจะให้ ลูกชายนั่งบัลลังก์ จนทำร้ายซิวเอ๋อของข้าเกือบตาย ข้าทำ แบบนี้ ก็เพื่อเตือนนาง ความคิดของนางข้าเองก็พอจะมอง ออก ข้าให้นางคลอดลูกชาย นางก็ต้องคลอด ข้าอยากให้ ลูกชายนางตาย ลูกชายนางก็ต้องตาย”
“ทรงพระปรีชา”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ