หัวใจอสุเรศ

ตอนที่25 เกิดเรื่อง



ตอนที่25 เกิดเรื่อง

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ? โล่วี่เว่ลักลอบมีสัมพันธ์กับชายอื่น?” โล่หวิน หลานที่กำลังอ่านตำราพอได้ยินก็ตกใจไม่ใช่น้อย เพียงชั่วครู่ก็ปรับ สีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

ปกติโล่สี่เสว่ไม่ใช่คนที่จะมีสัมพันธ์กับชายใดก่อน ถึงนางจะเป็นคน ไม่ดี แต่โล่หวินหลานเชื่อ เรื่องนี้ ต้องมีคนวางแผนอะไรไว้แน่ แต่คนที่ อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือ

“ใช่ขอรับรับพระชายา ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงทุกอย่างขอรับ ข้าน้อยได้ ไปตามสืบถึงต้นสายปลายเหตุมาแล้ว แต่กลับพบว่าผู้ที่ปล่อยข่าวไม่ เหลือหลักฐานไว้ให้ผิดสังเกตเลยเพียงนิด ข้าน้อยจนปัญญา สืบไม่พอ เบาะแสอะไรเลยขอรับ”

ทันทีที่พูดจบฉินหยิ่นก็รีบคุกเข่าลง เขานึกว่า โล่วี่เสว่สำคัญต่อโล่ห วินหลานมาก เขารู้สึกโทษตัวเองที่สืบเบาะแสอะไรไม่พบเลย

“ช่างเถอะ หากข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นคนในจวนหลินอ๋องไม่ น่าจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เรื่องทั้งหมด อาจจะมีคนที่อยู่เบื้องหลัง พวกนั้นเตรียมการไว้อย่างรอบคอบ ก็ไม่แปลกที่เจ้าจะสืบไม่ได้ลุกขึ้น เถิด”

โล่หวินหลานรู้สึกแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็เปิดตำรา ขึ้นอ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

ฉินหยื่นอดไม่ได้ที่จะตะลึงกับท่าทีของนาง

ฉินหยื่นใช้สายตาฉงนแปลกใจมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของโล่หวิน หลาน เหตุใดนางถึงไม่มีท่าทีร้อนรนกับเรื่องนี้ โล่หวินหลานรู้สึกได้ถึง สายตาของฉันหยิ่นที่มองมา หยักคิ้วน้อยๆหนึ่งที จากนั้นจึงปิดตำราลง ใช้มือเท้าคางแล้วกวาดสายตามองไปที่ฉินหยิ่น “ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องที่นางเคยทำไว้กับข้า แต่วันที่นางแต่งเข้าจวน หลินอ๋องข้าเคยเตือนนางแล้วเป็นนางเองที่คิดถึงแต่ลาภยศเงินทอง ข้าพยายามสุดความสามารถแล้ว หากแต่วันนี้เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมาข้า ก็ช่วยอะไรไม่ได้”

พอฟังจบฉินหยิ่นก็หลุบตาลงต่ำ พระชายาทายออกตั้งแต่แรกว่าเรื่อง ต้องมาถึงจุดนี้ ความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอยู่ในสายตาเขาหมด ไม่ พูดไม่ได้ว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้า แข็งแกร่งนัก แข็งแกร่งจนไม่สามารถ เดาทางนางถูก

“ขอรับพระชายา ข้าทราบแล้ว แล้วตอนนี้พวกเราทำอะไรได้บ้าง ขอรับ” ถึงแม้ฉินหยิ่นจะรีบอยากจบบทสนทนานี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะ ถามขึ้นมา

โล่หวินหลานนิ่งเงียบไป จากนั้นจึงยิ้มน้อยๆขึ้นมา “เจ้าจำไว้ เรื่องที่ โล่สี่สาวลักลอบมีสัมพันธ์ชายอื่นมันคือกับดักมีคนวางแผนไว้ หากข้า ทายไม่ผิด ผู้ที่โดนหมายหัวต่อไปก็คือ หมอหลวงโล่”

ฉินหยิ่นเห็นโล่หวินหลานวิเคราะห์มีเหตุมีผล อดไม่ได้ที่จะที่ง ในใจ ได้แต่นับถือผู้หญิงตรงหน้า พระชายาช่างเก่งกาจนัก

“เจ้าเข้าใจไหม? เรื่องที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือ อย่าให้เรื่องนี้มามีผล เกี่ยวพันกับพวกเรา เรื่องอื่น ไม่ต้องสนใจ”

โล่หวินหลานพูดจบก็ปัดมือเบาๆให้ฉินหยิ่นออกไป ฉินหยิ่นพอรู้ว่า รบกวนนางนานแล้ว จึงขอลาโดยคุกเข่าลงให้ยันพื้นโน้มศรีษะลง ทำความเคารพจากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป โล่หวินที่อยู่ภายในห้อง หนังสือก็จมลึกอยู่กับความคิดตัวเอง

เพียงครู่เดียวนางก็นึกขึ้นได้ใครคือผู้เบื้องหลังวางแผนใส่ร้ายโล่วี่เสว่ จะเป็นไปไม่ได้นอกจากเวินอ่อง จะมีใครเกลียดตระโล่เท่าเขาอีก หาก เป็นเช่นนั้น รายต่อไปที่จะถูกเขาจัดการคงไม่พันหมอหลวงโล่ ไม่ผิด แน่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว หากแต่ เรื่องนี้ไม่เดือดร้อนถึงตัวนางก็พอแล้ว นางไม่ว่างพอจะมา สนใจเรื่องพวกนี้

สองวันให้หลัง ไม่ผิดที่คาดเกิดเรื่องกับหมอหลวงโล่

จากข่าวที่โล่หวินหลานได้ฟัง หมอหลวงโล่ได้เข้าวังไปตรวจพระ ชายาที่ไม่ค่อยได้การใส่ใจจากฮ่องเต้เท่าไหร่นัก

ถูกนางสนมใส่ร้ายว่าถูกหมอหลวงโล่ลวนลามเรื่องนี้ถึงหูฮ่องเต้ทำให้ ฮ่องเต้กริ้วหนัก จึงจับหมอหลวงโล่ไปขังโดยไม่ให้โอกาศเขาในการอธิ บายใดๆทั้งสิ้น

พอฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบโล่หวินหลานไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพียงแต่ รู้สึกว่าโม่ฉีหานคนนี้จิตใจหยาบช้านัก เหตุการณ์ทั้งสองต่างใช้ แผนการชู้สาว ทำให้นางรู้แปลกใจไปครู่ใหญ่

หลังจากนั้น ฮ่องเต้ก็จับคนทั้งตระกูลโล่มาลงโทษทั้งหมด แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโล่หวินหลานแต่อย่างใดเพราะนางแต่งออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นนางจึงไม่มานั่งเสียเวลาคิดเรื่องพวกนี้

อีกด้านหนึ่ง โม่ฉีหานก็อยู่ในห้องทรงอักษรกับห้องเต้ กำลังปรึกษา หารือกันเรื่องตระกูลโล่

“ท่านพ่อ ลูกรู้สึกว่า สิ่งที่หมอหลวงโล่ทำเกินไปนัก เราไม่ควรปล่อย เขาไว้” โม่ฉีหานกล่าวอย่างทรนงต่อหน้าโม่ฉีสิงผู้เป็นบิดา น้ำเสียง จริงจังหนักแน่น ต่อหน้าโมฉีสิงเขาเป็นคน “สุภาพอ่อนโยน” ตลอด แต่ มาวันนี้กลับสีแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมาให้เห็น ยิ่งทำให้เห็นชัดขึ้นว่าเขา สนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“ถ้าอย่างนั้น หากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร” โม่ฉีสิง กล่าวเสียงแหบพร่า ผ่านเรื่องราวมาเยอะ จนมาวันนี้ทำให้เขารู้สึกตัว เองแก่ลงไปมาก “ท่านฟอ ข้าขอเสนอหนึ่งวิธี ท่านฟอจะสั่งลงโทษประหารตระกูลโล่ ใช่หรือไม่” โม่ฉีกล่าวเสียงต่ำขึ้นมาทันที พอได้ฟังสิ่งที่โม่ฉีสิงพูดจนจบ ทำให้โม่ฉีสิงหัวเราะขึ้นมา โม่ฉีหานหานสมกับเป็นลูกชายเขาจริงๆรู้ใจ เขาไปหมดซะทุกเรื่อง ถึงปกติจะเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่ก็ไม่ใช่คน ไม่มีความสามารถ

“จากที่เจ้าคิด ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี?” ถึงโม่ฉีสิงจะรู้ดีว่า โม่ฉีหานไม่ใช่คนอ่อนโยนเหมือนที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่รู้เรื่องของ เขาอีกมาก ทันใดนั้น ก็รู้สนใจบทสนทนาของเขาขึ้นมา

โม่ฉีหานคิดเตรียมการแล้วตั้งแต่แรก เพียงต่ไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดไป ในทันที เขาทำท่าแสร้งทำเป็นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงริปากพูดเสียงอ่อน

“ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านสามารถให้อ๋องหมิงกับพระชายาหมิงเป็นคนสั่ง ลงโทษเอง” โม่ฉีหานที่พอพูดจบค่อยๆสังเกตสีหน้าของโม่ฉีสิง พอเห็น ว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆจึงพูดต่อ

“ท่านก็รู้ดี หลายปีมานี้หมอหลวงโล่กำเริบเสิบสานขึ้นทุกที พระชา ยาหมิงถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นลูกสาวของนาง หากให้พระชายาหมิง ลงโทษแทนท่าน ทำให้นางดูไว้ว่าอย่าเจริญรอยตามตระกูลโล่”

โม่ฉีพูดอย่างภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ จับจุดสงสัยไม่ได้สักนิด โม่ฉีตั้งใจ ใคร่ครวญสักพัก สักครู่จึงพยักหน้าเห็นพ้องกับโม่ฉีหาน นี่ก็เป็นอีกเรื่อง หนึ่งที่เขากังวล กำลังหาทางจัดการเรื่องนี้

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน ฮ่องเต้ก็พระราชโองการลงมา โล่หวินหลานกับ โม่ฉีหานสบตากันเพียงครู่ นิ่งเงียบไปพักใหญ่

“คนที่สมควรตายในตระกูลโล่ก็มีเพียงหมอหลวงโล่ โล่ฮูหยิน กับ โล่สี่ เสว่ เท่านั้น คนอื่นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์” โล่หวินหลานตั้งแต่แรกก็ไม่ เห็นว่าหมอหลวงโล่กับโล่ฮูหยินเป็นพ่อแม่อยู่แล้ว

โม่ฉีหมิงที่ได้ฟังอย่างนั้นก็นิ่งเงียบ มองดูหน้าที่เต็มไปด้วยความ ตึงเครียดของโล่หวินหลานจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เดี๋ยวข้าจะไป พบฮ่องเต้ ให้ช่วยปล่อยผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

สิ่งที่โล่หวินหลานรอคอยก็คือประโยคนี้ ถึงแม้นางจะไม่มีความรู้สึก อะไรกับตระกูลโล่ แต่จะให้นางเห็นผู้คนบริสุทธิ์ต้องตายหน้าต่อตา นางทำไม่ได้ จึงทำให้พูดประโยคเมื่อครู่ออกมา นางเชื่อมั่น ว่าโม่ฉีหมิง จะเข้าใจความรู้สึกของนาง

“ท่านฟอให้พวกข้าลงคนตระกูลโล่ อย่างไรซะเจ้าก็เป็นคนของ ตระกูลโล่ หากเจ้ากลัว ข้าจะพูดกับท่านพ่อว่าเจ้า….” โม่ฉีหมิงยังพูด ไม่ทันจบก็ถูกโล่หวินหลานขัดขึ้น

“ไม่ต้อง หากลงโทษแค่สามคนนั้น ข้าไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ถึง อย่างไรพวกนั้นก็สมควรตาย!” พูดถึงตระกูลโล่ที่ไร โล่หวินหลานก็ ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ถึงแม้นางจะไม่ใช่โล่หวินหลานจริงๆ แต่ ความทรงจำทุกอย่างกลับถูกไหลย้อนเข้ามาในสมองของนางไปมา สะกิดบาดแผลเดิม

โม่ฉีหมิงไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร เพียงแต่เห็นสายตาที่เต็ม ไปด้วยความเกลียดชังของโล่หวินหลาน จึงไม่ได้เท้าความต่อ หลุบตา ลงต่ำเทน้ำชาให้นางดับโทสะ

ทุกกิริยาท่าทางอันละเอียดอ่อนอยู่ในสายตาของผู้ที่ได้เห็นทั้งหมด ฉินเหยินถอนหายใจ ท่านอ่องต้องมีใจหวั่นไหวกับพระชายาแล้วแน่แท้ ถ้าไม่ใช่เพราะรัก ไม่มีทางได้เห็นท่าทางเอาใจใส่ของท่านแน่นอน

พร้อมกันนั้นทุกคนต่างรู้ยินดีปรีดาที่ท่านอ่องของพวกเขาได้พบกับ สตรีอย่าโล่หวินหลาน ภาพเบื้องหน้าที่มีกันและกันไม่มีวันถอดทิ้งกัน ทุกคนต่างมองดูแล้วเก็บไว้ในความทรงจำ มีหลายล้านความรู้สึกไม่ สามารถบรรยายออกมาได้

โม่ฉีหมิงที่นั่งอยู่ในห้องโถงได้สักพักก็สั่งให้คนพาเข้าวังหลวง ถึงแม้ ว่าโล่หวินหลานอยากตามไปด้วยเพียงใด แต่ก็กลัวว่านางที่ได้ชื่อว่าเป็น คนตระกูลโล่ จะทำให้เสียเรื่องได้ ก็ทำได้เพียงอดทนรอฟังข่าวอยู่ที่ จวนอ่อง

ช่องเต้คาดการณ์เสมือนรู้ว่าโม่ฉีหมิงจะมาพบ ได้สั่งให้ขันทีนำทาง โม่ฉีหมิงได้ขมวดคิ้ว เขากับฮ่องเต้ไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกัน แต่เขาก็รู้สึก ได้ว่าฮ่องเต้เอ็นดูเขาเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะมารดาของเขาที่เป็น สนมเอกของฮ่องเต้

โม่ฉีหมิงจัดการกับความคิดที่ตีกันไปมาอยู่ในหัวจากนั้นก็มองขันทีที่ นำทางเขามาสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง ทำความเคารพฮ่องเต้เสร็จแล้วก็เดิน จากไป

“มาแล้วหรือ?” โม่ฉีสิงค่อยๆหันหน้าหลัง พอเห็นโม่ฉีหมิงที่นั่งอยู่บน รถเข็นกับใบหน้าที่มีหน้ากากบังอยู่ ดั่งถูกหนามแหลมคมที่มแทงที่ หัวใจ หากแม้ใบหน้าของเขาไม่เสียโฉม หน้าก็คงจะเหมือนแม่ของเขา มาก

โม่ฉีหมิงพยักหน้าเบาๆ พลางขยับรถเข็นตัวเอง แล้วเข็นขยับไปใกล้ โม่ฉีสิ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “ท่านพ่อโปรดให้อภัยลูกด้วย ลูกไม่สามารถลุก ทำความเคารพท่านพ่อได้”

ทุกครั้งที่โม่ฉีหมิงเข้าพบโม่ฉีสิงมักพูดประโยคนี้เสมอ ไม่ใช่เพราะ เขาตั้งใจพูดเสียดแทงถึงบาดแผลของเขา แต่มารยาทก็ไม่ควรขาด

โม่ฉีสิงแววตารู้สึกผิดมาก น้ำเสียงก็อ่อนลงไปมาก ในบรรดาลูกชาย ทั้งหมดเขาก็เอ็นดูเพียงโม่ฉีหมิงคนเดียว เหตุผลเพราะเขารู้สึกเป็นหนี้ กับลูกชายคนนี้เยอะมาก

“วันนี้เจ้ามาพบพ่อ คงหนีไม่พ้นเรื่องของตระกูลโล่ใช่หรือไม่” โม่ฉี สิ่งที่อยู่ภายในสวนดอกไม้บนที่นั่งที่ทำจากหินอ่อน พูดเปิดประเด็น ทันที โม่ฉีหมิงไม่อ้อมค้อม รีบพูดจุดประสงค์ที่มาพบฮ่องเต้ทันที

“ขอรับ ลูกมีเรื่องจะขอร้อง ปล่อยคนตระกูลโล่ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยว กับเรื่องนี้เถอะขอรับ คนที่สมควรตายมีแต่ หมอหลวงโล่ โล่ฮูหยิน และ โล่วีเจว่เท่านั้น” น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงหนักแน่นมาก สายตาก็จ้องมอง สบตาโม่ฉีสิงอย่างแน่วแน่

“ที! คนตระกูลโล่ทุกคนสมควรตาย หากไม่ใช่เพราะโล่หวินหลาน แต่งกับเจ้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าไม่มีทางปล่อยคนตระกูลโล่แม้แต่คน เดียว” โม่ฉีสิงก็นึกไม่ถึงว่าโม่ฉีหมิงจะมาเจรจากับเขาเรื่องตระกูลโล่ ขอร้องให้เขาปล่อยคนของตระกูลโล่ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที คิดว่าโล่หวินหลานชักจูงหว่านเสน่ห์โม่ฉีหมิง

“ท่านพ่อขอรับ ในฐานะกษัตริย์ เรามิใช่ควรให้ประชาชนยกย่อง หรือขอรับ? หมอหลวงโล่สมควรตาย แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องในตระกูลโล่ มีความผิดอะไร? หากสั่งลงโทษประหารทั้งตระกูลโล่ประชาชนจะมอง เราเป็นคนเช่นไร?”

“คนที่รู้ก็เข้าใจได้ว่าหมอหลวงโล่หลายปีมานี้กำเริบเสิบสาน แต่ ประชาชนที่ไม่รู้อาจมองว่าท่านหลับหูหลับตาสังหารคนเพราะนางสนม ที่ท่านไม่ใส่ใจ ท่านไม่กลัวประชาชนจะคิดว่าท่านเป็นคนใจดำอำมหิต หรือขอรับ?”

โม่ฉีหมิงพูดอธิบาย พอเห็นโม่ฉีสิงหน้าดำคร่ำเคร่งปิดปากแน่น เขา รู้จักฮ่องเต้ดี ไม่ควรใช้ไม้แข็ง ต้องค่อยๆพูด

โม่ฉีสิวเริ่มคิดชั่งความสำคัญของเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายสรุปเรื่อง เหมือนสิ่งที่โม่ฉีหมิงคิดไม่ต่างกันมาก ไม่มีทางเลือกจนเขายกมือกุม นวดขมับเบาๆ พูดเสียงอ่อน

“เจ้าก็พูดถูก แต่เจ้าต้องรู้ว่า ในฐานะกษัตริย์ เราไม่ควรให้ผู้หญิง ชักจูงจมูก ต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง ข้าพูดอย่างนี้แล้ว เจ้าเข้าใจ ไหม?”

โม่ฉีหมิงเงยหน้ามองด้วยนัยน์ตาฉงน ที่แท้ก็กลัวว่าเขาจะถูกโล่หวิน หลานชักจูงนี่เอง? นิ่งเงียบไปสักครู่ กัพยักหน้ารับคำ “ขอบพระทัยสำหรับความห่วงใยของท่านฟอ หวินหลานไม่ใช่คน อย่างนั้น นางไม่เหมือนกับคนในตระกูลโล่” โมฉีสิงได้ยินอย่างนั้นจึง ถอนหายใจเบาๆ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน บัดนี้กลับ มาช่วยผู้หญิงคนเดียวอธิบาย หากคาดไม่ผิดนี่คงจะเป็นรักแท้ของเขา

โมฉีสิงจ้องมองโม่ฉีหมิงด้วยสายตาลีกซึ้ง รู้สึกเพียงหัวใจดังถูกหนาม แหลมที่มแทง เห็นเขาทีไรก็ทำให้นึกถึงพระชายาอันเป็นที่รัก ถอน หายใจเฮือกใหญ่ปัดมือเรียกโม่ฉีหมิงกลับไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ