หัวใจอสุเรศ

ตอนที่ 21 ฟื้น



ตอนที่ 21 ฟื้น

ชายผู้ตามหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้น โล่หวินหลานชายตามองด้วยแวว ตาเยือกเย็น พร้อมใช้น้ำเสียงอันเยือกเป็นกล่าว “สุนัขที่ดีจะไม่ขวาง ทางคน”

พูดพลาง ยกเท้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้า นางไม่มีเวลามาเสวนากับโม่ฉี หานมาก นางได้หาชิงตั้ยพบแล้ว ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือต้อง รีบกลับไปนำยาถอนพิษให้โม่ฉีหมิง

ห่างออกไปแค่สิบเมตรมีหรือคนอย่างโม่ฉีหานจะปล่อยนางไปง่ายๆ ในเมื่อเขายอมรอนางอยู่ที่นี่แล้ว

ก็แสดงว่าต้องรู้ว่านางกำลังทำอะไร

โม่ฉีหานย้ายตัวเองไปอยู่ข้างๆ โล่หวินหลานด้วยความเร็ว สะบัดชาย แขนเสื้อหนึ่งที

พร้อมใช้มือข้างนึงบังร่างนางข้างหน้า “พระชายาหมิง ข้าน่ากลัว ขนาดนั้นเชียวหรือ ท่านเห็นข้าทีไรต้องหนีทุกที”

โล่หวินก้มหน้ามองชายแขนเสื้อสีเทาของโม่ฉีหาน พร้อมใช้มือปัดมือ เขาด้วยความเร็ว หมุนตัวออกไปแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “น่าขำ ข้าหรือจะกลัวท่าน”

โม่ฉีหานคิดไม่ถึงว่านางใช้วิธีนี้หลบเลี่ยง อย่างน้อยต้องใช้แรงเจ็ด แปดส่วนที่มี ถึงเขาจะมีพละกำลังมาก

ไม่แคล้วยังมีความเจ็บเล็กน้อย

กุมมือที่เจ็บหลังโดนโหล่วหวินหลานปัดทั้งแล้วก็หมุนตัวไปดักข้าง หน้านางไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะนางยังมีประโยชน์กับเขาอยู่บ้าง เขาคงไม่ ยอมปล่อยนางไปแน่ๆ เพียงแค่การกระทำเมื่อครู่ของนาง “ตูท่าแล้ว เจ้าคงไม่อยากได้ชิงตั้ยไปรักษาสามีเจ้าแล้ว”

โล่หวินหลานแสยะยิ้มหัวเราะเบาๆ ใช้น้ำเสียงอันแผ่วเบากล่าว”อย่า คิดว่าท่านเป็นท่านอ๋อง จะมีอำนาจค้ำฟ้า นี่เป็นเพียงแค่ถุงยาเล็กๆ ท่าน อย่าคิดว่าท่านยิ่งใหญ่นักเลย”

“เจ้า!โม่ฉีหานถูกนางตอกกลับอย่างเจ็บแสบ คำที่พูดเหมือนติดไว้ ที่คอ ท่าทางของนางเหมือนได้ใจ นางใช้มือจับคางเงยหน้ามองเขา เขา ไม่เคยถูกหญิงใดดูถูกเท่านี้มาก่อน

เห็นโม่ฉีหานกัดฟันกรอดๆด้วยความโกรธ สายตานั้นเหมือนจะกัด กินนางเข้าไปทั้งตัว นางรู้สึกสะใจยิ่งนัก

นางจะทำให้เขารู้ว่าคนอย่างนางใครจะมาหยามไม่ได้

โม่ฉีหานสะบัดพัดในมือไปหนึ่งที ใช้มือบีบไปที่คางนางเล็กน้อย พร้อมถาม”เจ้าไปหารัชทายาทมาหรือ”

“มันไม่ใช่เรื่องของท่าน” โล่หวินหลานตอกกลับอย่างไม่ไยดี

ดูท่าทางแล้วน่าจะใช่ เขาทายไม่ผิดแน่ เขากว้านซื้อชิงตั้ยทั่วทั้งเมือง หลวงมาจนหมด รวมทั้งรอบเมืองเมืองหลวง

หลายร้อยลี้ เขาก็กว้านซื้อมาจนหมด นอกจากห้องยาหมอหลวงใน พระราชวังแล้ว หากอยากได้ชิงตั้ย

ต้องไปหาที่ซีอัน หนทางไปกลับต้องใช้เวลาถึงสามวัน

โล่หวินหลานถึงกับไปขอความช่วยเหลือจากรัชทายาทโดยไม่มา ขอร้องเขาเลย นางเกลียดชังเขาขนาดนี้เชียวหรือ?

โม่ฉีหานชักสีหน้า เปลี่ยนน้ำเสียงโกรธกล่าว “อย่าหวังว่าจะได้ชิงตั้ย ไปช่วยไอพิการนั่นเลย เอามาให้ข้า” พูดพลาง ยื่นมือมาหมายจะคว้าถุงชิงตั้ยที่เอวนาง นางคาดการณ์ไว้ ไม่มีผิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ จึงรีบหมุนตัวหนีจากเขาด้วยความเร็ว แต่เขา กลับดึงชายเสื้อนางไว้

ขณะนั้นเอง โม่ฉีหานกระโจนผ่านตัวนางไป พร้อมใช้มือคว้าเอวบาง ด้วยความดุดัน ในขณะที่เขาจะคว้าเอาถุงเล็กๆที่เอวนางไป ก็มีก้อนหิน ถูกขว้างมาด้วยความเร็วและแรง โดนจังๆไปที่หลังมือเขาอย่างแรง

โม่ฉีหานสะบัดมือที่เจ็บพร้อมก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความเจ็บ ปวด ในขณะนั้นก็มีร่างปริศนาโผล่ออกมา 2 คนจากด้านหลังคนนึงใส่ เสื้อสีน้ำ

“พระชายา ขอโทษที่มาช้า” ทั้งสองกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน

โล่หวินหลานใช้มือจับชิงตั้ยในถุงหอมอย่างแน่น สายตาแฝงไป ด้วยความโกรธมองไปที่โม่ฉีหาน น้ำเสียงโทนต่ำกล่าว “ไม่เลย มาได้ จังหวะพอดี”

หากมาช้าอีกนิดเดียวชิงตั้ยอาจถูกชิงไปได้โล่หวินหลานถอนหายใจ เบาๆ โซคดีที่เย่หวินและฉินหยิ่นมาทันพอดี นางจึงใจชื้นขึ้นมาหน่อย

วรยุทธ์ของทั้งสองแกร่งกล้ามาก ต่อกรกับโม่ฉีฟานเป็นสิบคนก็ไม่มี

ปัญหา

โม่ฉีหานใช้สองมือกำไปที่ชายเสื้ออย่างแน่น พร้อมกระทืบเท้าด้วย ความไม่พอใจอย่างแรง ใช้สายตาอันดุดันมองไปที่เย่หวินกับฉินหยิ่น เพราะสู้กำลังของทั้งสองไม่ได้ ผ่านไปครู่นึงถึงหัวเราะออกมา “พวก เจ้าก็คงรู้กันดี หญิงที่พวกเจ้ากำลังช่วยเป็นคนของเวินอ่อง”

ทั้งสองต่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของโม่หาน เย่หวินสบทไปหนึ่งที “เหลวไหลทั้งเพ”

พระชายาหมิงก็คือพระชายาหมิง ความรู้สึกที่นางมีต่อหมิงอ่องทุกคน ต่างรู้กันดี

ทั้งสองรักกันมาก ไม่มีสิ่งใดมาแปรเปลี่ยนทั้งสองได้เวินอ๋องกับหมิ งอ่องเป็นศัตรูกัน พระชายาหมิงจะอยู่กับเวินอ๋องได้อย่างไร

โม่ฉีหานใช้สายตานิ่งสงบมองไปที่ทั้งสอง คลี่สะบัดพัดออก ดังนึกว่า ตัวเองเป็นชายหนุ่มรูปงาม พลางแสยะยิ้มมุมปากกล่าว “ข้าไม่ได้พูดจา เหลวไหล พวกเจ้าคิดว่าวันนี้หลานเอ่อออกมาคนเดียวเพราะอะไร

ถ้าไม่ใช่นัดพบกับข้า การปรากฏตัวของพวกเจ้าทำเสียเรื่องเลย”

เขาใช่น้ำเสียงแผ่วเบาเรียก “หลานเอ๋อ” ทั้งเรื่องที่นางออกมาคนเดียว และยังเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เขาจะดึงเอาถุงชิงตั๋ยออกจากเอวนางมีการ ถูกเนื้อต้องตัว ทำให้น่าเชื่ออยู่บ้างว่าเป็นเรื่องจริง

ใบหน้าอันนิ่งสงบของเย่หวินขมวดคิ้วขึ้น หันไปมองโหล่วหวินหลาน นางไม่สะทกสะท้าน สีหน้ายังคงไม่มีความกังวลใดๆ ไม่มีแม้แต่เสี้ยว ความวิตก

ฉินหยื่นไม่เชื่อคำพูดเมื่อครู่ของโม่ฉีหานสักนิด เขาเป็นคนไร้ยางอาย มักว่ากล่าวให้ร้ายผู้อื่นเสมอ

“เหวิน ฉินหยิ่น เรารีบกลับกันเถอะ โม่ฉีหมิงกำลังรอยาจากพวกเรา

อยู่นะ” โล่หวินหลานพูดเสร็จ หันหลังเดินออกจากตรงนั้นทันที

ไม่สนใจคำว่าร้ายจากโม่ฉีหานสักนิด นางเชื่อแต่ว่านางบริสุทธิ์ เล่ห์เหลี่ยมเมื่อครู่ของโม่ฉีหานใช้ไม่ได้กับนาง

เห็นโล่หวินหลานเดินจากไป เย่หวินกับฉินหยิ่นก็รีบเก็บดาบเข้าที่ รีบ เร่งฝีเท้าเดินตามนางไปทันที

พอกลับถึงตำหนักภายในเงียบสงบ เสียงใบไม้ตกพัดปลิวเสียงแผ่ว เบา ทุกคนเข้ามาในห้องของโม่ฉีหมิง แต่กลับพบเพียงชายผู้หนึ่งกำลัง นั่งจิบชาด้วยท่วงท่าสบายใจ

ชายผู้นั้นสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ร่างสูงตามมาตรฐาน ท่วงท่าการจิบ ซาเสมือนเตรียมป้องกันรับมือทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พอเห็นคน หลายคนเดินเข้ามาภายในห้องเขาก็ค่อยๆวางแก้วซา ลุกขึ้นยืนซ้าๆ อย่างสง่า

“ยินดีที่ได้พบพระชายาหมิง ข้าคือสวินโม่ เป็นสหายของท่านหมิงอ

อง”

สวินโม่คือเจ้าสำนักอู่อินโหลว รู้จักโม่ฉีหมิงมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ นับว่าเป็นทั้งมือซ้ายมือขวาของเขาเช่นกัน หลายปีมานี้โม่ฉีหมิงทำงาน หนักเหนื่อยมาเยอะแต่ก็ได้เขามาช่วยดูแลกองกำลังฝ่ายเจียงฮู่ นับว่า เป็นคนที่โม่ฉีหานเชื่อใจคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ก็เป็นคนที่เดี่ยวดีเดี๋ยว ร้าย ยากแท้หยั่งถึง คาดเดาไม่ถูก

โล่หวินหลานมองเขาเพียงครู่ แล้วก็หันกลับมามองเยหวินกับฉินหยิ่น พอเห็นเขาสองคนพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าถึงคลายความกังวลลง

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาความเป็นความตายของโม่ฉีหมิง ทุกอย่างต้องทำ อย่างระมัดระวังรอบคอบ โล่หวินหลานพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย “หาก ท่านเป็นสหายของโม่ฉีหมิง ก็ตามสบายเถอะ ตอนนี้ข้ามีเรื่องอื่นต้อง ทำ ประเดี๋ยวข้าจะมาต้อนรับท่านแทนโม่ฉีหมิงด้วยตัวเอง”

สีหน้าของสวินโม่เย็นชาในทันที เขาได้ข่าวคราวจากข้างบนว่ามีคน คิดปองร้ายหมิงอ๋อง สถานการณ์ตอนนี้อันตรายรอบตัว พอได้ยินข่าว เขาก็รีบเร่งมาที่นี่ทันที แต่คนที่เป็นถึงสนมของหมิงอ่อง กลับออกไป ทำธุระข้างนอก ตั้งแต่เขามาถึงจวนจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป แล้ว

แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นพระชายาของท่านอ่อง จะทำอะไรผลีผลาม ไม่ได้ สวินโมสะบัดชายเสื้อคลุมอย่างแรง แล้วนั่งกลับไปใหม่ พลางกล่าว ด้วยเสียงเย็น “ข้าไม่รบกวนพระชายาดีกว่า ท่านมีเรื่องต้องสะสาง ข้า ดูแลตัวเองได้ ท่านไปทำธุระของท่านเถอะ”

โล่หวินหลานไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของสวินโม่นัก หันหลังกลับไปที่ ครัวทันที

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรีบผสมยาให้เร็วที่สุด ยาสมุนไพรที่ฉินหยิ่น หามาจากร้านขายยาจีนยังวางอยู่ในห้องครัว ตอนนี้ก็ได้ชิงตั้ยมาอยู่ใน มือแล้วรีบต้มยาให้โม่ฉีหมิงก่อนจะไม่ทันการณ์

โล่หวินหลานนำยาที่หามาได้ทั้งหมดเข้าไปในครกตำจนละเอียด จาก นั้นก็น้ำยาที่ตำจนละเอียดใส่กรองในผ้าขาวบาง นำยาที่งหมกที่ได้บีบ ใส่ลงในถ้วย กลิ่นยาค่อยๆกระจายความหอม พอเสร็จจากนั้นก็นำยา ที่ได้ เทใส่ในหม้อต้มเพียงครู่เดียว ก็นำยาเทใส่ถ้วยแล้วนำเข้าไปใน ห้องของโม่ฉีหมิง

มียาถ้วยนี้แล้ว โม่ฉีหมิงก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้แล้ว เพียงแค่คิดโล่ห วินหลานก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว

ภายในห้องทั้งสามคนต่างนั่งที่มุมริมโต๊ะกลม พอเห็นโล่หวินหลาน ยกถ้วยยาเข้ามา สวินโม่คือคนแรกที่ลุกขึ้น

เขามีความตกใจเล็กน้อย พระชายาหมิง นี่คือยาอะไร”

“ยาถอนพิษ” มัวแต่พูดพร่ำ โล่หวินหลานยกถ้วยยาในมือเดินตรงไป ที่ข้างเตียงโม่ฉีหมิง ค่อยๆเป่ายาในซ้อนให้คลายความร้อน ใครจะไปรู้ ว่าสวินโม่จะถือวิสาสะแย่งยาในมือของนางไป

โล่หวินหลานรีบลุกขึ้นทันที สายตาอันเย็นชามองไปสวินโม่ทันที น้ำเสียงเจือไปด้วยความโกรธ “ตอนนี้ชีวิตคนสำคัญ รีบคืนยาให้ข้า

ซะ ท่านทำกับคนที่ท่านเรียกว่าสหายเยี่ยงนี้หรือ?” สวินโปดมยาในมือ แล้วรีบคืนยาให้โสหวินหลานทันที พลางถาม “นี้ คือยาถอนพิษของหมิงอ่องจริงๆ เพียงแต่ข้าได้ให้คนไปหาชิงตั้ยรอบ เมืองหลายเมืองแต่ก็หาไม่พบ ตอนนี้ได้ให้คนไปที่ซีอันแล้ว คาดว่า ภายในสามวันก็ไม่น่ากลับมาได้ ท่านหามาได้อย่างไร?”

โล่หวินหลานเป่ายาในช้อน ป้อนยาให้โม่ฉีหมิงทีละคำๆ ดื่มไปได้ เพียงครึ่งนึง อีกครึ่งนึงหก ทั้งหมดก็ดื่มไปเพียงครึ่งถ้วยเท่านั้น

“ข้าก็ต้องใช้ความสามรถของข้าเพื่อตามหาอยู่แล้ว วิธีการของก็ ต่างไม่เหมือนกัน ท่านก็อย่าใส่ใจนักเลย”

โล่หวินหลานวางถ้วยลงข้างๆ ค่อยๆใช้มือเช็ดไปที่ปากของโม่ฉีหมิง

เบาๆ แล้วก็ดึงผ้าห่มคลุมขึ้นไป

อะไรคืออย่าใส่ใจ? หรือความหมายของนางคือนางเก่งกว่าเขาอย่าง นั้นหรือ ถึงหาชิงตั้ยไม่พบเป็นเรื่องที่ถูกแล้วหรือ?

สวินโม่ถูกคนอื่นโดนเยี่ยงนี้เป็นครั้งแรก จ้องหน้าโม่หวินหลานไม่ วางตา ทันใดนั้นก็เห็นรอยช้ำที่คอของนาง ไม่เหมือนรอยแผล แต่เป็น รอยดูด

สวินโม่ไม่เพียงแต่คาดเดาอะไรบางอย่างในใจ แต่เพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขา คาดการณ์ เขาก็ถือวิสาสะดึงมือนางออกจากแขนเสื้อทันที ก็พบว่าไม่ เจอแต้มพรหมจรรย์ของนางแล้ว?

เขาจำได้เป็นอย่างดีว่าหมิงอ่องเคยบอกกับเขาว่า ไม่เคยแตะต้องโล่ห วินหลานเลย แล้ว ทำไมจึงไม่พบแต้มพรหมจรรย์ของนางล่ะ?

สวินโม่อดถามไม่ได้ว่า “พระชายาหมิงท่านช่วยอธิบายให้ข้าทีเถอะ นี่ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดอ่องหมิงเจ็บไข้ได้ป่วยถึงเพียงนี้ท่านไม่อยู่ดูแล แต่กลับออกไปข้างนอกนานขนาดนี้ กลับมายังมีรอยซ้ำที่คอ แต้ม พรหมจรรย์ก็หาไม่พบ ท่านทำอะไรที่ผิดต่ออ๋องหมิงหรือ?” โล่หวินหลานดึงชายเสื้อลงด้วยท่าทีสงบ นัยน์ตานิ่งสงบตั้งสายน้ำ มองไปที่สวินโม “ข้าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่ออ่องหมิง ท่านจะให้ข้า อธิบายอะไรเล่า? อีกอย่าง นี่มันก็เป็นเรื่องของข้ากับอ๋องหมิง มันเกี่ยว อะไรกับท่าน?”

ท่านใดนั้นเสียงอันแหบพร่าแผ่วเบาก็ดังมาจากที่เจียงของโม่ฉีหมิง “สวินโม่ โล่หวินหลานคือสนมของข้า ข้าดีขึ้นแล้ว ท่านกลับไปก่อน เถอะ”

ลมพัดจากด้านหลังของเย่หวินกับฉินหยิ่นทั้งสองพอได้ยินเสียงของ โม่ฉีหมิงจากในห้อง ก็รีบเดินเข้าไปในห้องพอเปิดประตู สวินโม่ก็เดิน ส่วนออกมา

พอโล่หวินหลานพบโม่ฉีหมิงฟื้น นางก็รีบเดินมาข้างเตียงเขาทันที หลายวันมานี้จิตใจที่ไม่สงบคอยแต่กังวลเป็นห่วงเขาตอนนี้ก็สงบขึ้น เยอะ

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? คิดไม่ถึงว่ายาจะเห็นผลเร็วขนาดนี้ ถ้าหาก รู้สึกไม่สบายตัวท่านไม่ต้องพูดก็ได้ ถึงแม้โล่หวินจะไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยก็ได้บอกไปทุกอย่างแล้ว

“ข้าไม่เป็นไร บาดแผลแค่นี้ยังผ่านไปไม่ได้ ยังจะคิดเรื่องแก้แค้น อะไรอีก? ฉินหยิ่น มาช่วยพยุงข้าที” บทสนทนาของโล่หวินหลานกับส วินโม่เมื่อครู่เขาได้ยินหมดแล้วทำให้เขารับไม่ได้ในตอนนี้

ฉินหยิ่นมีอาการงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนเอ่ยขานชื่อเขา แต่ว่าก็รีบไป พยุงโม่ฉีหมิงขึ้นมา โล่หวินหลานก็อยู่ข้างๆ ทำไมไม่เรียกพระชายา ของตนพยุงล่ะ?

โล่หวินหลานหลังจากที่ถูกมองข้างสีหน้ามีความอึดอัดเล็กน้อย หัวใจ ของเธอเจ็บชาไปหมด นางกับพระมเหสีมีข้อตกลงกัน เมื่อครู่ก็มีเรื่อง ทะเลาะกับสวินโม่ นางคิดว่าเขาจะเชื่อใจนางมากกว่านี้ แต่เขากลับไม่ เข้าใจนาง โล่หวินหลานก้มหน้ามองพื้น ตอนนั้นนางไม่อยากพูดอะไรแล้ว ที่นี่คง ไม่ต้องการนางแล้ว ก็ดี นางจะได้ไปอย่างสบายใจ

เปิดประตู ออกจากห้องของโม่ฉีหมิง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ