หัวใจอสุเรศ

ตอนที่67เรื่องตลก



ตอนที่67เรื่องตลก

บรรยากาศในห้องทรงพระอักษรเต็มไปด้วยความตึงเครียด เหล่าบรรดาองค์ชายนั่งอยู่กับที่ประจำตำแหน่งตัวเองที่เยียบ เย็นหที่นั่งหินสละที่ถูกขัดจนแวววาวทำให้ทุกคนต่างเห็นแต่ แสงไม่ชัด

ขณะนั้นเองบนบัลลังก์ก็มีเสียงขว้างตำราลงกับพื้นฮ่องเต้ โกรธจนตัวสั่นยื่นมือตบที่โต๊ะอย่างแรง แม่น้ำหวงเห่อที่กำลัง มีปัญหาอยู่พวกเจ้าไม่มีใครแก้ปัญหาได้เลยรึ?ข้าเลี้ยงพวก เจ้าไว้มีประโยชน์อะไร?

หลังจากที่มีการเข้าพบเขาในพระตำหนักเฉินฮุยเสร็จเขาก็ เรียกบรรดาองค์ชายเข้าห้องทรงพระอักษรถามถึงเรื่องที่เป็น ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเมืองในตอนนี้

เรื่องนี้จะไม่มีอะไรเลยแต่เงินทองที่หมดไปเป็นลังสองลังที่ ถูกแจกจ่ายออกไปแต่เมื่อถึงหวงเห่อกลับเหลือเพียงน้อยนิด เพราะปัญหาของประชาชนที่เจออยู่ยังไม่ถูกแก้ปัญหา

“รัชทายาทเรื่องนี้พ่อให้เจ้าไปจัดการเจ้าพูดสิว่าควรต้องทำ ยังไง?”ฮ่องเต้ที่คิดได้ว่าด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ก็เลยใช้วิธีที่

เห็นว่าสมควรที่สุดกับการแก้ปัญหาในครั้งนี้ขึ้น

รัชทายาทที่เห็นเรียกโดนชื่อตัวเองก็รีบก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว รีบตอบ ตอนนี้ลูกได้ส่งคนไปดูแลประชาชนพบว่ามี ประชาชนที่เดือดร้อนเป็นจำนวนมากแล้วได้ให้คนจัดเตรียม เสบียงแบ่งแจกจ่ายประชาชนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงที่พึ่งพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจของฮ่องเต้ดังขึ้นเสียง โกรธดังขึ้น”สิ่งที่ข้าต้องการคือแก้ปัญหาของหวงเห่อไม่ใช่ การเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ”

คนที่อยู่ด้านหลังเริ่มมองหน้ากันไปมาไม่มีใครกล้าช่วย รัชทายาทพูดองค์ชายที่อายุยังน้อยก็พยายามรีบหดตัวตัว เองทันทีให้ชางซิงเจียงมองไม่เห็นตัวเอง

โม่ฉีกมิงแววตาเย็นชามองลงกับพื้นหินอ่อนด้านล่างสองมือ กำล้อรถเข็นแน่นบนใบหน้าที่สวมใส่หน้ากากอยู่ทำให้ทุกคน ไม่เห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขา

เวลาผ่านไปนานบรรยากาศในห้องทรงพระอักษรก็เยือก เย็นขึ้นทันใดนั้นเวินอ่ฮงก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพูดเสียง ต่ำ”ท่านพ่อลูกมีวิธีปัญหาของหวงเห่อที่เป็นอยู่ในตอนนี้เป็น เพราะพวกเราแก้ไขไม่ตรงจุดตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแก้ ปัญหาต้องขุดคันดินเพิ่มทำเป็นขั้นบันไดกำหนดเวลาการ ทำความสะอาดแม่น้ำการขุดลอกให้หวงเห่อไหลสะดวกพอ ถึงหน้าฝนถึงจะช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งได้”

สีหน้าของฮ่องเต้ดีขึ้นใบหน้าเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ดีๆๆ ไม่เสียทีที่เกิดเป็นลูกชายข้างั้นเรื่องนี้ข้าก็จะให้องค์ชายหก เป็นคนจัดการแล้วกัน”

พูดพลางยื่นป้ายรับราชโองการให้โม่ฉีหานโม่ฉีซิวที่มอง ป้ายราชโองการถูกชิงไปต่อหน้าต่อตารอยยิ้มบนใบหน้าไม่ ได้ลดลงแต่มือที่อยู่ในแขนเสื้อกลับกำไว้แน่น พอแก้ปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้เสร็จสีหน้าของฮ่องเต้ ขึ้นไม่ใช่น้อยจึงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ตอนที่ออกมาโม่ฉีหานตั้งใจเดินชนไล่โม่ฉีซิวแล้วอ้อมมาอยู่ ด้านข้างโม่ฉีหมิง

“พี่สี่ไม่คิดใช่ไหมว่าข้าจะกลับมาได้?”โม่ฉีหานก้มตัว กระซิบข้างหูเขาเสียงเบาในน้ำเสียงมีความเย้ยหยันค่อยเน้น ที่ละคํๆอย่างชัดเจน

สายตาของโม่ฉีหมิงเยียบเย็นลงทันตานัยน์ตาดำสนิทดุจ ดั่งหินแกรนิตแก้วหลุบตาลงต่ำทั้งตัวรู้สึกมีพลังอำนาจบาง อย่างแผ่กระจายออกมาใบหน้าที่ถูกหน้ากากครอบไว้เย็นลง

น้ำเสียงเย็นชา“ในหัวของข้ามีเรื่องให้คิดมากเรื่องของน้อง หกพี่ไม่มีเวลามานั่งคิดหรอก”

เขานิ่งทำเหมือนไม่ใส่ใจโม่ฉีหานยิ่งรู้สึกให้ความสนใจ

“พี่สี่เรื่องในหัวของท่านน่าจะไม่ได้คิดเรื่องของเจ้าเมืองหง เฉิงหรอกใช่ไหม?แล้วของหาเจอรึยัง?”โม่ฉีหานก้าวไปใกล้ อีกก้าวประชิดข้างกายเขาน้ำเสียงต่ำทุ่มค่อยๆพูดทีละคำ อย่างช้าๆชัดๆผ่านลอดเข้าไปในหูของเขา

เป็นอย่างที่เขาคิดเรื่องของฉินเจี้ยนโม่ฉีหานเป็นคนทำหรือ โม่ฉีหานจะรู้เรื่องที่เขาจะกลับเมืองหลวงจึงให้คนไปจัดการ เป้าหมายเพื่อเตือนเขาในนัยแล้วก็จะดูปฏิกิริยาของเขาด้วย ให้เขารู้ว่าความลับถูกเขาโม่ฉีหานกำไว้ โม่ฉีหมิงยิ้มเย็นในใจสายตาแลดูน่าสงสารมองไปที่เขาพูด อย่างถอนหายใจ”น้องหกไม่โสว่ของหงเฉิงฆ่าตัวตายเองเจ้า ไม่ต้องคิดแทนข้าหรอกสำหรับเรื่องของที่พูดข้าไม่รู้ว่าเจ้า พูดอะไร”

ท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนของเขาทำให้โม่ฉีหานขมวดคิ้ว ขึ้นสายตาจ้องเขม็งไปที่เขาที่แท้เขาวางกับดักไว้เขาเป็นคน ก้าวเข้ามาเอง

แต่ว่าเขาต้องการให้โม่ฉีหมิงรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเขาที่ทำ เองทําลายความห้าวหาญของเขา

พอรู้สึกตัวอีกทีโม่ฉีหมิงก็หมุนล้อรถเข็นไปทางสวนดอกไม้ ในวังเขาก็รีบก้าวเท้ายาวตามไป

โม่ฉีหมิงที่พึ่งเข้าในสวนดอกไม้ก็เห็นศาลาที่เด่นอยู่ตรง กลางสวนมีร่างบางที่สวมชุดสีเขียวอ่อนอยู่กับผู้หญิงที่สวม ชุดเป็นทาฃการสีม่วงกำลังรังควานนางอยู่ในใจเขารู้สึกโกรธ เป็นไฟรีบหมุนล้อรถเข็นทางนั้นทันที

โม่ฉีหานที่อยู่ข้างหลังเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นรีบตามไป

ทันที

เห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งดึงคอเสื้อของโล่หวินหลานอย่าง แรงนางรู้แค่ว่าคอเสื้อนางนัดอยู่ที่คอแน่นกลัวว่าเดี๋ยวจะขาด อากาศหายใจตายก่อนขณะที่นางกำลังหายใจอ่อนอย่าง รวยรินเสื้อก็ถูกคลายออกนางก็ค่อยตกลงสู่อ้อมกอดเย็น คนที่ก้าวเข้ามามีอกใหญ่ผายกว้าง นางสำผัสได้ถึงความ โกรธของเขา เขาโกรธจนตัวสั่นเทา ทำให้คนรอบกายรู้สึก ขนลุก

“เย่เซียวโหล!เจ้าทำอะไร?”ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังมา จากข้างหลังเสียงนี้ทุกคนต่างรู้สึกคุ้นชินเป็นเสียงของโม่ฉี หาน

ที่แท้ผู้หญิงคนนี้คือเย่เขียวโหลคุณหนูสามตระกูลเปถึงว่า ทั้งหน้าจึงมีความหยิ่งยโสโอหังอาศัยอำนาจบารมีบรรพบุรุษ ยกตนข่มท่านผู้คนมานักต่อนัก

โล่หวินหลานค่อยๆลุกขึ้นจากอ้อมอกของโม่ฉีหมิงเห็นสอง มือของเขากดตรงไหล่ของตัวเองแน่นนางก็เลยยิ้มให้เขา อย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นไรเจ้าไม่ต้องห่วงนะ

สีหน้าของโม่ฉีหมิงลึกเข้มขึ้นสายตาดุจดั่งน้ำแข็งจ้องไปที่ เย่เซียวโหล

โม่ฉีหานสาวเท้านาวก้าวไปข้างหน้าดึงไหล่ของเย่เซียวโหล ผลักนางออกไปอีกข้างอย่างแรงใบหน้าเต็มไปด้วยความ โกรธอย่างดุดันร่างของนางกระแทกกับกระดานไม้ที่ถูก เคลือบด้วยน้ำยาทาสีไม้กระแทกจนร่างบางบอบช้ำไปหมด

สาวใช้ที่เห็นอย่างนั้นรีบไปพยุงนางลุกขึ้นเย่เซียวโหลไม่ เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนแค่ตอนที่นางหนีออกจากบ้านไปเหิง ชางก็เป็นแค่นางที่คอยรังแกคนอื่นมาวันนี้มาโดนโม่ฉีหาน ผลักจนล้มทำเพื่อช่วยโล่หวินหลานอีกทำให้ใจของนางเดือด ขึ้นเป็นไฟ

“โม่ฉีหานเจ้ากล้าผลักข้า?เจ้ากินอะไรถึงกล้าขนาดนี้?ข้า จะไปฟ้องฮ่องเต้! “เย่เซียวโหลน้ำตาคลอตาแดงก่ำมองไปที่ โม่ฉีหานผู้หญิงตัวเล็กที่ถูกทำร้าย

ทั้งๆที่โล่หวินหลานพูดจาไม่ดีกับนางก่อนนางแค่พลั้งมือไป จับเท่านั้นกลับถูกสายตาเย็นชาขององค์ชายจ้องมองนางจน นางแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งยังถูกองค์ชายอีกคนผลักจนล้ม อีก!นางเป็นคนที่ถูกทำร้ายต่างหาก!

โม่ฉีหานที่ได้ยินเสียงตัดพ้อของเย่เซียวโหลถึงรู้สึกตัวเอง ทำเกินไป ดูตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า ถึงได้รู้สึกตัวว่าเพราะโล่ หวินหลานเขาถึงกับขวัญหาย สายตาแข็งกร้าวมองไปที่ นาง”เจ้าก็ไปเถอะ ข้าเป็นคนผลักเจ้า ข้ายอมรับโทษทุก อย่าง”

พูดพลางใช้วิชาตัวเบาหายตัวไปอย่างไวจากสวนดอกไม้

เห็นร่างของโม่ฉีหานจากไปเย่เซียวโหลโกรธจนพูดอะไรไม่ ออกน้ำตาก็พลันไหลออกมาอย่างช้าๆ

โม่ฉีหมิงก้มลงมองที่คอของโล่หวินหลานแล้วจึงให้เย่หวิน บไปหายาทามาจูงมือนางค่อยๆไปที่ศาลาด้านใน

ขณะที่เดินผ่านเย่เซียวโหลโม่ฉีหมิงเหล่ตามองน้ำเสียง เยียบเบ็นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง”คุณหนูสามตระกูลเย่ถ้าหวังเฟย ของบาดเจ็บตรงไหนแม้แต่นิดเดียวข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” น้ำเสียงเย็นช้าทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกขนลุกซู่เยเซียวรู้สึก เพียงมีลมเย็นพัดผ่านร่างบางทำให้นางตัวแข็งทื่อ

ได้ยินแค่คำเล่าขานว่าองค์ชายสี่มีนิสัยเย็นช้ามาวันนี้ได้ เห็นกับตาถึงได้รู้ว่าอะไรคือเย็นชาเหมือนกับหิมะฤดูหนาว ไม่มีผิด

ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นคือโล่หวินหลานหวังเฟยแห่งจวนหมิงอ๋อง ฝีมือการแพทย์ของนางดังไปทั่วเมืองหลวงทุกคนต่างลือ กล่าวขานกันให้ทั่วแต่ถึงจะเก่งกาจอย่างไรนางก็เป็นเพียง สตรีนางหนึ่งทำไมถึงแต่งกายเหมืองหญิงชางบ้านมาเดินใน สวนหลวงได้ล่ะ?

เย่เซียวโหลได้ยินแค่เสียงดังวิ่งๆไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก

พอเขาเดินจากไปเย่เซียวโหลต้องอ่อนล้มพับลงอย่างดิน เหนียวไร้เรี่ยวแรงลงกับเก้าอี้หลังสวยกลับมีเหงื่อผุดขึ้นเต็ม หลังไปหมด

ทั้งๆที่เป็นความผิดของโล่หวินหลานทำไมทุกคนต้องเอา โทษทุกอย่างไว้ที่นางด้วยล่ะ?

นางเตะไปที่เสาศิลาข้างๆอย่างแรงรองเท้าอ่อนนุ่มถูกเท้า นางสัมผัสโดนเสาศิลาเย็นๆจึงทำให้นางรู้สึกกัดฟันจนเจ็บ

สาวใช้รู้จักนิสัยนางดีต่างไม่กล้าเข้าไปปลอบนาง ได้แต่ยืน อยู่ข้างๆรอให้นางเดินจากไปถึงรีบตามหลังกันออกไป โม่ฉีหมิงก้มหน้ามองสำรวจไปทั่วคอของโล่หวินหลานบน คอมีแค่รอยแดงอ่อนๆหนึ่งเส้นหากไม่ตั้งใจดูดีๆก็ไม่เห็นแต่ สายตาของเขากลับมองด้วยความเจ็บปวด

โล่หวินหลานเห็นสีหน้าของเขาไม่ดีได้แต่มองรอยแดงรอบ คอนางอย่างละเอียดนางก็เลยรีบดึงเสื้อตัวเองขึ้นปิดบังรอย พูดด้วยเสียงตัดพ้อ ไม่ต้องดูแล้วรอยแค่นิดเดียว ”

น้ำเสียงของเขาเย็นจนไม่สามารถเย็นได้อีก อะไรคือแค่ รอยนิดเดียว?เจ้าบาดเจ็บนิดเดียวก็ไม่ได้ทำไมถึงฉุด กระชากกับนางได้?”

“ไม่มีอะไรหรอกแค่ถกเถียงกันนิดหน่อยที่แท้นางก็คือคุณ หนูสามตระกูลเย่ถึงว่าทำไมถึงหยิ่งยโสนัก”เห็นชัดว่าโล่หวิน หลานไม่อยากพูดถึงอีกไม่อยากให้โม่ฉีหมิงลำบากไป มากกว่านี้

ถึงแม่นางจะทำให้เรื่องมันเล็กลงด้วยการให้เห็นว่าเป็นแค่ เรื่องถกเถียงกันแต่โม่ฉีหมิงไม่ต้องเดาก็ดูออกว่าเรื่องมันเกิด อะไรขึ้นโล่หวินหลานเป็นคนที่ใครไม่ทำอะไรให้ไม่มีทาง ลงมือก่อนแน่มาวันนี้ฉุดกระชากกับเย่เซียวโหลได้ต้องเป็น เรื่องที่นางเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแน่

“ตระกูลเย่มีลักษณะนิสัยหยิ่งยโสย่อมมีที่มาที่ไปแต่พวก เราก็ไม่ต้องเป็นกังวลคราวหลังถ้าพบเจอเรื่องอย่างนี้อีกฉีก หน้านางไปเลยไม่ต้องไว้หน้า

โม่ หมิงพูดอย่างไม่ใส่ใจแสงในดวงตายิ่งอยู่ยิ่งมืดลงจ้อง ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่วางตาไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่พอดีกับที่เย้ หวินเดินหยิบยาเข้ามา

“ทายาหน่อยจะได้หายเร็วขึ้น”โม่ฉีหมิงพูดเบาๆ

ยื่นมือรับยาจากเย้หวินหวินแล้วก็ค่อยๆทาลงไปที่คออ่อน ของโล่หวินหลานช้าๆเนื้อครีมเย็นๆซึมเข้าตรงรอยแดงที่คอ นางแรงฉุดกระชากที่เจ็บแสบค่อยๆทุเลาลงด้วยเนื้อยาเย็นๆ

พอทายาเสร็จทั้งสองก็พูดคุยหยอกล้อกันในสวนสักพักก็ ไปรวมตัวกับทุกคนที่งานเลี้ยง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ