บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่82 รับโทษจากฝ่าบาท



บทที่82 รับโทษจากฝ่าบาท

หมู่เหวินเท้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางลูกหน้าอกตัวเอง พร้อม กับสัญญากับตัวเอง รอให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลง จะต้องจับ หยวนชิงหลิงเข้าห้องมืด แล้วปล่อยให้หมาบ้ากัดสักร้อยครั้ง ถึง จะสาสมกับแค้นในวันนี้

หยวนชิงหลิงได้ระบายออกมา ก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อย เรื่องกลัดกลุ้มในใจนางก็รู้สึกสบายใจขึ้น

แต่ว่า พอเห็นสีหน้ามืดดำของเขา ก็รู้สึกว่าเมื่อครู่นางกัดแรง ไปหน่อย จึงสำนึกแล้วพูดขึ้น “ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรกับท่าน

หมู่เหวินเท้าจ้องหน้าที่ดูสำนึกของนาง ในใจก็พลันตบหน้าตัว เองว่าห้ามใจอ่อน หญิงผู้นี้ไม่มีทางขอโทษด้วยใจจริง นางกำลัง เล่นละคร

“โธ่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้ ข้า ขอโทษจริงๆ นะ” หยวนชิงหลิงยังคงพูดขอโทษต่อ และท่าทาง ดูเหมือนจะอารมณ์เสียตัวเองพอสมควร “ข้ารู้ว่าท่านทำเพื่อข้า จริงๆ อีกทั้งยังช่วยแสดงละครต่อหน้าคนในตระกูลข้า แล้วยังจำ เรื่องที่ขาอยากกลับบ้านตอนเมาด้วย ที่จริงท่านดีมากเลย แต่ เป็นเพราะข้าที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มักจะหาเรื่องทะเลาะกับท่าน

หมู่เหวินเท้าทำหน้าเย็นชา “ช่างเถอะ ข้าเองก็ขี้เกียจเถียงกับ เจ้า”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างดีใจ “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องเป็นผู้มีเมตตา ต่อคนอื่น งั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าไทเฮา ต้องขอร้องให้ท่านอ๋องช่วย พูดหน่อยนะ”

“เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางผิดสัญญา” หมู่เหวิน เห้าสายมือไปมา

หยวนชิงหลิงยิ้มหน้าบานทันที “ขอบพระทัยท่านอ๋อง

ที่จริงผู้ชายก็ไม่ได้โอยาก แค่พูดชมหน่อยก็ได้แล้ว

ที่จริงหยู่เหวินเท้าเองก็รู้ว่าตัวเองหลงกลแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่ชอบหาเรื่องผู้หญิง โดยเฉพาะคนขี้เหร่อย่างนาง

พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น กลับทำให้รู้สึกว่าการเข้าวังครั้งนี้ไม่ได้น่า กังวลมากแล้ว

ตั้งแต่อภิเษกกับหยวนชิงหลิงมาหนึ่งปี ทุกครั้งที่เข้าวังมาก็จะ

รู้สึกไม่ค่อยดี คนในวังที่เขาสนใจ ต่างก็มองเข้าด้วยสายตาผิด

หวัง

แต่พอนานเข้า ตอนที่เขาเดินอยู่บนทางนี้ ความรู้สึกภายใน ใจกลับไม่ได้แย่

ความทุกข์ทรมานตลอดหนึ่งปี ที่เกิดจากหยวนชิงหลิง และก็ หายไปเพราะหยวนชิงหลิง

เรื่องที่เกิดขึ้ของมนุษย์นั้นยากที่จะอธิบายจริงๆ หลังจากเข้ามาในวัง พวกเขาก็ตรงไปที่ตำหนักฉันคนทันที
หยวนชิงหลิงเข้าไปรับโทษอย่างซื่อสัตย์ พอเข้ามาในตำหนัก ก็ไม่มองอะไรเลย พลางคุกเข่าลงพร้อมกันก้มหน้าเพื่อรับผิด “เสด็จปู่ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว วันนั้นหม่อมฉันไม่ควรดื่มหนัก จนเมาแล้วเสียมารยาท ทำให้พระองค์ต้องตกใจ จนไม่สบายขึ้น มา โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันสักครั้งนะเพคะ”

“เมาแล้วเสียมารยาท? ” เสียงของคนข้างที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น

หยวนซึ่งหลังค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา พลันตกใจจนคิ้วจะเป็นสี ขาว ทำไมฝ่าบาทถึงอยู่ที่นี่?

“เสด็จ……..เสด็จพ่อ พระองค์ก็อยู่ด้วย! ” นางพูดขึ้นด้วย เสียงติดขัด

ไม่ช่างหวงและหมู่เหวินเท้าหันไปมองนางพร้อมกันทันที ถ้า วันหนึ่งนางจะต้องตาย ก็คงเป็นเพราะความโง่เขาของนางเอง

“ดื่มหนักจนเมาแล้วเสียมารยาทจนทำให้ไม่ช่างหวงไม่สบาย งั้นหรือ? พระชายาลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นเสียงเรียบ

หยวนชิงหลิงอยากจะเอาหัวมุดลงพื้น หยวนชิงหลิงจึงพึมพำ “วันนั้นหม่อมฉันดื่มหนักไปหน่อย จึงขาดสติ แล้วล่วงเกินไท่ซาง หวง ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษเพคะ”

“บังอาจ! ” ฮ่องเต้หมิงหยวนตบเก้าอี้ทันที จนคนทั้งตำหนัก ต่างคุกเข่าลง รวมถึงมู่หรูกงกงเองก็รีบคุกเข่าลงไปพลางพูดขึ้น “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ!
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่สนใจ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างโมโห “เป็น ถึงพระชายา การกระทำต้องรู้จักสำรวม การดื่มเหล้านั้นก็ถือว่า ผิดแล้ว แต่ยังบังอาจกระทำต่อหน้าไท่ซางหวงด้วย จนทำให้ไม่ ช่างหวงล้มป่วย แล้วยังไม่สนใจ ผ่านไปนานถึงสามวันถึงมา ขอรับโทษ ในสายตาเจ้ายังมีขนมธรรมเนียมในวังหรือไม่? และ ยังจำว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรหรือไม่? ถ้าหากวันนี้ข้าไม่ ลงโทษเจ้า เกรงว่าต่อไปเจ้าก็จะทำผิดต่อไป

“กระหม่อมน้อมรับโทษเพคะ” หยวนชิงหลิงรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ตาของนางไปอยู่ข้างหลังหรือยังไง? ถึงไม่เห็นว่าฝ่าบาทนั่งอยู่ ตรงนี้ นางหันไปมองไม่ช่างหวงอย่างร้องขอชีวิต หวังว่าพระองค์ จะช่วยนางพูดสองสาวความ เพื่อให้นางได้รับโทษเบาหน่อย

ไท่ซางหวงกลับไม่สนใจ เขาจะสนใจทำไม เรื่องความผิดตัว เองจะเอาไปพูดกับคนอื่นทำไม?

ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงพูดต่อ “เห็นว่าเจ้าทำผิดครั้งแรก และโชค ดีที่ตอนนี้ไม่ช่างหวงไม่เป็นอะไรมาก ข้าขอลงโทษเจ้าด้วยการ ทําความสะอาดตำหนักฉินคุนและห้องทรงพระอักษร ทำเสร็จ ค่อยกินข้าว ลูกห้า เจ้าก็รับโทษด้วยกัน”

หมู่เหวินเท้าเบิกตากว้างทันที เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขา “เป็นอะไรไป? ไม่พอใจหรือ? ” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเสียง

แข่ง

“ลูกยินดีพ่ะย่ะค่ะ! “หมู่เหวินเท้ารีบพูด ฮ่องเต้หมิงหยวนสบถออกมา “ดูพวกเจ้าสองคนไม่เอาเรื่องกันเลย ข้าโมโหยิ่งนัก สงสัยจะว่างกันมาก ถ้าหากว่าเจ้าอาการ ดีขึ้นแล้ว ก็ให้ไปทำงานที่กรมพระนคร ถ้าไม่ให้ทำงานบ้าง ก็ คงจะไม่ทําการทำงาน

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดจบ พลันหันไปคำนับไท่ซางหวง “เสด็จ พ่อ ท่านพักผ่อนเถอะ อย่าสนใจคนไร้ประโยชน์พวกนี้เลย กับคน พวกนี้ห้ามใจอ่อนและสงสารเด็ดขาด ยิ่งท่านเอ็นดูพวกเขาก็ไม่รู้ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ลูกขอตัวก่อนพะย่ะค่ะ”

“ไปเถอะ! ” ไม่ช่างหวงเงยหน้าขึ้น เหมือนจะพอใจอะไรบาง

อย่าง

ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินออกไปพร้อมกับมหรูกงกงด้วยท่าทาง ฉุนเฉียว

พอออกมา ฮ่องเต้ก็พลันแสยะยิ้ม ถือว่าได้พูดต่อว่าบ้าง เรื่อง

ที่หยวนชิงหลิงดื่มเหล้าเมาแล้วอาละวาด คิดหรือว่าจะปิดเขา

ได้? ทำไมนางถึงดื่มจนเมาน่ะหรือ? ก็คงเพราะให้นางแบกหม้อ

นางจึงรู้สึกไม่พอใจ ถึงได้ใช้โอกาสนี้ระบายความทุกข์ออกมา

และเป็นเพราะไท่ซางหวงคอยปกป้อง เขาจึงไม่มีโอกาสจะ จัดการนาง คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้กลับมีโอกาสได้จัดการเอง มัน ช่างมีความสุขจริงๆ เลย

หยู่เหวินเท้ายังไม่ทันได้สติ และคิดว่าตัวเองฟังผิดไป ที่ฝ่า บาทรับสั่งให้เขาไปทำงานที่กรมพระนครอย่างนั้นหรือ? การไป รับตำแหน่งที่พระนครนี้ ถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง เสด็จพ่อเชื่อใจเข้าขนาดนั้นเลยหรือ?
“ยังจะคุกเข่าอยู่อีกหรือ? ไปทำความสะอาด ไม่ช่างหวง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็ง

ทั้งสองคนพยุงกันขึ้น อีกด้าน นางกงกงเองก็ได้สั่งให้คน

เตรียมอุปกรณ์ปัดฝุ่นไว้ที่หน้าประตูเรียบร้อย

ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน พร้อมทั้งมองหน้ากัน อย่างเคียดแค้น แล้วแยกกันไปหยิบอุปกรณ์พลันออกไปทันที

ในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้ร่วงหล่นลงมา ทั้งภายในตำหนักรวม ถึงระเบียงทางเดิน ทุกที่ล้วนแต่เป็นสีเหลืองอร่าม

“ต้องโทษเจ้า ตาของเจ้าอยู่ที่ตาตุ่มหรือ? ถึงมองไม่เห็นว่าฝ่า บาทอยู่ด้วย? ” หมู่เหวินเท้ารู้สึกโมโหมาก ตนเป็นถึงอ๋อง กลับ ต้องมาทําความสะอาด ล้วนแต่เป็นเพราะนาง

หยวนชิงหลังทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ “ท่านมองเห็นเสด็จ พ่อแล้วทําไมถึงไม่คารวะล่ะ? ถ้าท่านพูดออกมาข้าเองก็คงรู้ แล้ว”

“เสด็จปู่อยู่ด้วย ข้าจำเป็นต้องคารวะเสด็จก่อน แต่เจ้ายัง ไม่ทันได้คารวะเลย กลับพูดออกไปแล้ว เจ้ามีสมองหรือไม่? ” ห ยู่เหวินเห้าพูดด้วยความโมโห

“พูดอะไรออกมาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว โชคดีที่แค่ให้ ทําความสะอาด ถ้าหากว่าโดนฟาดคงอนาถแน่ ทำต่อเถอะ หยวนชิงหลิงพูดออกมาอย่างพอใจ ที่จริงนางได้เตรียมใจใน การลงทัณฑ์ด้วยการโบยไว้แล้ว
“ข้ายอมโดนโบย เพราะเป็นชาย จับดาบมาตลอด ไม่เคย จับไม่ปัดฝุ่นเลย” หยู่เหวินเท้าพูดด้วยความไม่พอใจ ถ้าหากว่า องคนอื่นมาเห็นเข้าละก็ ต่อไปเขายังจะมีหน้ามองใครได้อีก หรือ?

“พล่ามอยู่นั่นแหละ ท่านไปทำความสะอาดหออักษร ข้าจะทำ ที่นี่ แบ่งหน้าที่กัน” ที่จริงหยวนชิงหลิงไม่อยากฟังคำพูดพิมพ์ ของเขา

“ไสหัวไป! ” หมู่เหวินเท้าพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว

นางยกไม้ปัดฝุ่นขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เขาจึงเหลือบมอง นางพลันพูดขึ้น “ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าทำงาน

หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างเบื่อหน่าย ดูแล้วก่อนหน้านี้คงไม่ เคยทำงานแบบนี้มาก่อน

“เพียงแค่ให้ทำความสะอาดไม่ใช่หรือ? ” หยวนชิงหลิงถาม

“ไม่ใช่พะยะค่ะ ยังต้องเข้าไปปัดฝุ่นด้วย” มหาดเล็กพูดขึ้นขึ้น

ในหออักษรหรือ? หยวนชิงหลิงตาโตขึ้นมาทันที ที่แห่งนี้คน เข้าออกมากมาย พลางมองเห็นพระชายากำลังทำความสะอาด อยู่ ช่างน่าอับอายนัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ