บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 52 ไม่ใช่เสียว โหลจื่อ



บทที่ 52 ไม่ใช่เสียว โหลจื่อ

หยวนชิงหลิงกำลังนอนอยู่

หลังจากนั้นนางพยายามคิดอยู่นาน ว่าทำไมตัวนางที่ร้องไห้ ข้างๆ หมู่เหวินเท้าจนหลับไป น่าจะเป็นเพราะบนร่างกายเขามี กลิ่นน้ำฆ่าเชื้อ กลิ่นนี้ทำให้นางรู้สึกสบายใจ

เช้าวันต่อมา รู้สึกมีพละกำลังขึ้นมาทั้งร่างกาย

พร้อมหันไปมองหมู่เหวินเท้าด้วยสายตาสับสน หยวนชิงหลิง ค่อยๆ ง้างแขนเขาออก แล้วพูดขึ้นด้วยความเขิน “อรุณ สวัสดิ์! ”

“เมื่อคืนเจ้านอนน้ำลายยืด เต็มชายเสื้อผ้าหมด” หมู่เหวินเท้า

พูดเรียบ

“ขอโทษ! ” หยวนชิงหลิงนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะนอนได้ทุเรศ ขนาดนี้ จึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

หมู่เหวินเท้าหลับตาลง แล้วกลับมาทำท่าทางไม่สนใจ

หยวนชิงหลิงลุกจากเตียง ทั้งหยางกับสวีธีนั้นไม่อยู่ในตำหนัก แล้ว แต่ว่าพวกนางได้เตรียมน้ำล้างหน้าไว้ให้เรียบร้อย นางจึง ล้างหน้าหวีผมแต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้วเปิดประตูออกไป พลัน เห็นแม่นมสี่กับนางกํานัลคนหนึ่งยืนรออยู่ด้านนอก พอเห็น หยวนชิงหลิงออกมาแล้ว แม่นมก็โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “พระ ชายา มีรับสั่งจากไท่ซางหวง ถ้าหากว่าท่านตื่นแล้ว ให้ท่านรีบเข้าไปดูแลพระองค์เพคะ”

ข้าขอล้างแผลให้ท่านอ๋องก่อนได้หรือไม่? ” หยวนซึ่งหลัง ถามขึ้น

“มีหมอหลวงคอยดูแลเพคะ”

“แต่ว่า………

แม่นมสี่ยิ้มอ่อน “ไท่ซางหวงรับสั่งว่า ไอ้เด็กนั่นไม่มีทางตาย หรอก มีหมอหลวงอยู่ ให้หยวนชิงหลิงรีบมาทันที

” หยวนชิงหลิงจึงจําต้องกลับไปบอกกล่าวหยู่เหวิน เห้า “ข้าต้องรีบไปดูแลไม่ห่างหวงแล้ว ตอนที่หมอหลวงล้างแผล ให้ท่านต้องอดทนเอาไว้ ต้องล้างพิษออกจากแผลให้หมด

หมู่เหวินเท้าขมวดคิ้ว “ตอนไหนที่ข้าไม่อดทนกันล่ะ? รีบไป เถอะๆ มัวแต่บ่นอยู่ได้

ให้มันได้อย่างนี้ ทั้งทั้งหลานที่เหมือนกันจริงๆ ไม่มีความ เคารพหมอเลย

ยุคสมัยนี้การเป็นหมอไม่ได้น่าเคารพนับถือเลย

พอมาถึงพระตำหนักฉันคน ก็พลันเห็นอ๋องฉีกับคู่หมิงชุ่ยที่ยืน รออยู่นอกตําหนัก

อ๋องหันมาเห็นนางจึงถามขึ้น “ท่านพี่ห้าอาการเป็นอย่างไร บ้าง? ”

“ก็ดีเพคะ” หยวนชิงหลิงตอบพลางหันไปมองหมิงชัยสายตาของนางนั้นส่อถึงความเกลียดชังอย่างมาก ดูไม่มีปิดบัง เลยสักนิด

หยวนชิงหลิงไม่ได้สนใจนาง แล้วเดินตามแม่นมไป แต่ก็ รู้สึกอดไม่ได้จึงถามแม่นมสี่ “ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่ไม่ยอม เข้าไปล่ะ? ”

แม่นมสี่จึงพูดขึ้น “ที่จริงอ๋องฉีเข้าไปได้เพคะ แต่เพราะพระชา ยาฉี? ที่มีรับสั่งห้ามเข้า แต่ว่าพระชายาเป็นคนกตัญญู จึงรอ ดูแลอยู่ด้านนอก เพื่อฟังรับสั่งของไก่ช่างหวง

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่าง พวกเขานั้น แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง

นางยังไม่ทันเข้าไปด้านใน ก็พลันได้ยินเสียงโมโหของไก่ช่าง หวงดังออกมา “ยกออกไป ไม่เห็นน่าสนุกเลย? ดื่มตั้งแต่เช้ายัน ค่ำ แบบนี้การมีชีวิตอยู่มันจะไปสนุกอะไรล่ะ? ไม่สู้ตายๆ ไปซะ”

นางกงกงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง “ไท่ซางหวงอย่าพูด อะไรไม่ดีแบบนั้น พ่ะย่ะค่ะ

หยวนชิงหลิงจึงรีบสาวเท้าเข้ามา พลันพูดขึ้น “กินอะไรหรือ เพคะ? แบ่งให้หม่อมฉันชิมบ้างได้หรือไม่? ”

ฉางกงกงที่เห็นนางมาแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“พระชายามาแล้วค่อยยังช่วงก็ไม่ช่างหวงเล่นเป็นเด็กพ่ะย่ะค่ะ”

เป่าที่นอนอยู่บนเตียงไม้ก็พลางผงกหัว มองมาที่หยวนชิง หลิงแล้วร้องขึ้นสองที่
หยวนชิงหลิงอมยิ้มแล้วรับถ้วยยามา พลางดื่มไปหนึ่งครั้ง “มี หญ้าหวานเพคะ ไม่ขม หวานมากเลย

นางหันไปจ้องไปช่างหวง หลังจากลุกขึ้นมานั่งแล้วดูผอมกว่า เดิมมาก จนเห็นรอยเว้าตรงรอบดวงตา แก้มทั้งสองก็ตอบเช้า ไม่มีเนื้อเลย สีหน้ายิ่งดูไม่ดีเข้าไปอีก

ตอนนี้เขาเงยหน้ามองหยวนชิงหลิง ด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ เหมือนเคย ที่จริงไม่ว่าจะเป็นโครงหน้าและอวัยวะต่างๆ หมู่เหวิน เช้านั้นได้มาจากไท่ซางหวงทั้งหมด นางรู้สึกว่าถ้าหยู่เหวินเท้า แก่ก็คงเป็นอย่างนี้ ขี้เหร่มาก

“ไม่เชื่อ เจ้าลองกินอีกที ยานมีความขมอยู่ด้านล่าง ไท่ซาง หวงพูดขึ้น

หยวนชิงหลิงจึงกินเข้าไปอีกครั้ง ไม่ขม

“ดื่มเข้าไปอีกสองครั้ง! ” ไม่ช่างหวงพูดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ หยวนชิงหลิงจึงนั่งลง พลางใช้ช้อนคนเบาๆ หลังจากนั้นก็ตก มาจ่อที่ปากเขา พร้อมพูดเสียงข่ม “กินยาหรือว่าฉีดยา?

หาเรื่องนางงั้นหรือ?

ไท่ซางหวงไม่ชอบการฉีดยาเอามากๆ จึงทำได้แค่คล้อยตาม

หน้าตาเขาดูไม่ไหวเลย

หยวนชิงหลิงหลี่ตาพลางลุกขึ้น “ไท่ซางหวง กินยาแล้ว แต่ยาก็ต้องฉีดด้วย”
ไท่ซางหวงส่งสายตาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที และกำลังจะพ่น ค่าออกมา หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นมา “ดูแล้วน่าจะค่อนข้าง แห้ง น่าจะต้องฉีดอีกหนึ่งเข็มเพื่อลดความโมโหด้วย”

เขาอ้าปากค้างทันที และไม่ส่งเสียงออกมา พลันจ้องเขม่น หยวนชิงหลิง

ผ่านไปสักพัก เขาก็จึงถามขึ้น “วันก่อนไม่ใช่ว่าฉีดแขนหรือ? ทําไมต้องถอดกางเกง? เจ้ามีศักดิ์ศรีหรือไม่? ชายหญิงห้าม แตะเนื้อต้องตัวกันไม่รู้หรือ? ”

“บางอันต้องฉีดที่ก้น” หยวนชิงหลิงดันสลิ้งเข็มขึ้น และยาก พุ่งออกมา นางถือเข็มฉีดยาไว้ “ถ้าให้ความร่วมมือดีๆ หม่อมฉัน จะเบามือ ให้เพคะ”

แม้ว่าเขาจะมีท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยอมโดยดี เพื่อให้มี ชีวิตอยู่ต่อ

โดยที่เขาไม่ถามเลยสักคำว่าหยวนชิงหลิง ใช้วิธีอะไร หลังจากฉีดเสร็จ ฉางกงกงก็เข้ามา ไม่ห่างหวงจึงเงยหน้าขึ้น พลางถามขึ้นเสียงเรียบ “พวกนั้นยังอยู่ด้านนอกหรือ?

“อยู่พ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงตอบ

หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาหมายถึงอ๋องฉีกับชายา ถึงแม้ว่านางจะ รู้สึกแปลกใจที่ไท่ซางหวงไม่ยอมเจอพวกเขา แต่ก็ไม่กล้าถาม

ไท่ซางหวงหลับตาลง “งั้นก็ให้พวกเขายืนต่อไปเถอะ”
หยวนชิงหลิงเดินไปหาผู้เป่า แผลที่ปากของเปาไม่เป็นอะไร มากแล้ว สุนัขมีการรักษาตัวเองที่ดีมาก พอใส่ยานิดหน่อย ก็ดี ขึ้นแล้ว

เพียงแต่ยังไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นข้างนอกได้

“เป็นเด็กดีหรือไม่? ” หยวนชิงหลิงลูบหัวมัน แล้วถามขึ้น เป่าร้องหงิงหงิง เหมือนกับไซบีเลี่ยน

หยวนชิงหลิงยิ้ม “จริงหรือ? ฉางกงกงไม่ยอมให้เจ้ากินเนื้อ งั้นหรือ? เจ้ายังไม่สบายอยู่ กินเนื้อยังไม่ได้มีนมแพะให้กินก็ดี แค่ไหนแล้ว?

ฉางกงกงหันมามองนางด้วยความแปลกใจ “โห พระชายา ท่านฟังออกหรือว่าเขาพะยะค่ะ? เป่าฟองท่านจริงๆ หรือพ่ะย่ะ ค่ะ? ”

หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น “ถ้าฟังข้าก็ฟังไม่ออก แต่ว่าดูท่าทาง มันก็พอจะดูออก บางครั้งดูจากท่าทางที่มันร้องออกมาก็สามารถ รู้ได้ว่ามันต้องการพูดอะไร

“แล้วทำไมท่านถึงมองออกว่ากระหม่อมไม่ให้กินเนื้อ แต่ให้ กินนมแพะล่ะพ่ะย่ะค่ะ?

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ข้าเดา เพราะว่าท้องมันดูโล่งๆ แต่ในตัวกลับมีกินของนมแพะ

ไท่ซางหวงจึงหันไปพูดกับฉางกงกง “นางไม่ใช่สุนัขซะหน่อย นางจะฟังภาษาสุนัขออกได้อย่างไร? เจ้านช่างโง่เขลาจริงๆ”
หยวนชิงหลิงยิ้มแห้ง เพราะนางฟังภาษาสุนัขออกจริง ฝูเป่า ยังบอกอีกว่าช่วงนี้ไม่ช่างหวงชอบใช้อารมณ์

ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงก็นึกขึ้นได้ เป่าอยู่ในตำหนักตลอด คนที่เข้าออกในตำหนักมันต้องมองเห็น และก็ต้องเห็นตอนที่ เสี่ยวโหลจื่อเปลี่ยนยาแน่

นางค่อยๆ อุ้มเป่าขึ้น พลางกระซิบถามที่ข้างหมัน “เจ้ารู้ว่า

ใครเป็นคนเปลี่ยนยาหรือไม่? เป่าร้องฮ่องฮ่องฮ่องออกมาสามครั้งเพื่อบอกชื่อคนนั้น และ

ทําให้นางตกใจมาก

พอหยวนชิงหลิงได้ยิน ก็ชะงักทันที

คนที่เป่าเอ่ยนั้น ไม่ใช่เสียว โหลลื่อ

“เป่าห้ามพูดโกหกนะ เห็นจริงๆ ใช่ไหม? ” นางไม่สนใจ ฉางกงกงกับไท่ซางหวงที่มองด้วยสายตาสงสัย ที่เห็นนางถาม เป่าอย่างจริงจัง

เป่าก็ยิ่งร้องขึ้นมาสามครั้งอีกรอบ และก็ยังเป็นชื่อคนนั้น

เป็นไปไม่ได้ คนผู้นี้ไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องเสียงอะไร แบบนี้ ถ้าหากว่าเป็นคนคนนั้นจริง อย่างนั้นก็ไม่เท่ากับว่าเสียว โหลจื่อกลายเป็นแพะรับบาปหรอกหรือ?

หยวนชิงหลิงเริ่มรู้สึกว่าเรื่องในวังนี้มันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเถาวัลย์ที่คดเคี้ยวค่อยๆ พันรอบคอนาง จนนางเริ่ม หายใจไม่ออก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ