บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 75 เขาคือชายมากรักนั้นหรือ



บทที่ 75 เขาคือชายมากรักนั้นหรือ

เขาค้นพบของสองอย่างในแขนเสื้อของนาง

สิ่งแรกคือกล่องไม้อันประณีต กล่องใบนี้เขาเคยเห็นมาก่อน แต่ในตอนที่เขาเห็นนั้นกล่องใบนี้ยังไม่ได้มีขนาดเล็กถึงเพียงนี้

ส่วนของอีกอย่างคือกระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ถูกพับเป็นรูปหงส์อยู่ แล้ว พอเขาคลุกระดาษแผ่นนั้นออกมา ก็เห็นใบสัญญาแจ้งหนี้ เงินหนึ่งพันชั่งที่เสด็จพ่อมอบให้แก่นาง โดยมีรอยตราประทับอยู่ ด้านล่างอีกด้วย

ในใจของเขาสับสนขึ้นมาว่าผู้หญิงที่ทุกคนต่างมองด้วยความ เกลียดชัง เหตุใดเพียงพริบตาเดียวจึงกลายเป็นที่โปรดปราน ของเสด็จพ่อและไท่ซางหวงไปเสียแล้ว

เขาเริ่มกลับมาสำรวจกล่องใบนั้นอีกครั้ง แล้วพบว่ามีจุดปลด ล็อกเล็กๆ อยู่ เขากดตรงนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ เสียงปลดล็อกก็ดังขึ้น แต่ด้านในนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลย

น่าแปลกยิ่งนัก ทั้งที่กล่องใบนี้ควรจะมีของอยู่ด้านใน นาง เคยบอกว่าเป็นยา ทั้งยังมีเข็มยาสลบนั่นของนางก็ถูกหยิบออก มาจากตรงนี้ ใช้จนหมดแล้วหรือ ?

ใช้หมดแล้วก็ดี คราวหลังนางจะได้ไม่มีอะไรมาต่อกรกับเขา ได้อีก

แต่ว่า ในเมื่อนางหวงแหนกล่องใบนี้อย่างมาก เช่นนั้นเอามันซ่อนไว้จะดีกว่า ผู้ใดใช้ให้นางมาเมาอาละวาดแล้วยังจะถือมีด มาฟันผู้อื่นอีก

เขาถือกล่องใบนั้นขึ้น แล้วก้มเอื้อมมือลงไปยังใต้เตียง

จากนั้น เขาก็ต้องถึงกับตกตะลึง

กล่องใบนี้เตะพื้น แล้วขยายใหญ่ขึ้นได้

เดิมที่คิดอยู่แล้วว่ากล่องใบนี้มีความประหลาด แต่เมื่อได้เห็น กับตาว่ากล่องที่เดิมที่มีขนาดเท่ากับนิ้วมือขยายใหญ่กลาย เป็นกล่องยาได้ ก็ถึงกับยิ่งสงสัยยิ่งขึ้น

นี่มันภูตผีงั้นหรือ?

“ท่านขโมยของข้างั้นหรือ? ” เสียงอันน่าตกตะลึงแต่แหบแห้ง ของหยวนชิงหลิงดังแทรกขึ้นมาเหนือศีรษะของเขา

พอเขาเงยหน้าขึ้นไปก็พบเข้ากับดวงตาอันโกรธเคียงของนาง ทันที แววตาประกายความตื่นตระหนกออกมา ก่อนที่เขาจะยก กล่องยาใบนั้นขึ้นมาแล้ววางลงบนเตียงพลันไปยังกล่องยา พลางถามด้วยเสียงที่ขุ่นเคือง “เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ว่าสิ่งนี้มัน คืออะไรกัน?

“กล่องยาไงเล่า!” นางลูบหัวอันเจ็บปวดของตัวเองที่ยังคง รู้สึกเวียนศีรษะอยู่ ทั้งอารมณ์ของนางก็ยังไม่ดีขึ้นด้วย

“แล้วเหตุใดกล่องยานี้ถึงเปลี่ยนขนาดได้? ” หยู่เหวินเท้า สอบถามอย่างจริงจัง
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน? ” หยวนชิงหลิงมึนงงไปหมด จนลืม ไปแล้วว่าจะโทษเขาที่บังอาจมาขโมยของของนาง

“เจ้าอธิบายมาให้ชัดเจน นี่เป็นสำคัญ อาจจะทำให้ศีรษะหลุด ออกจากบ่าได้” หยู่เหวินเท้าพูดอย่างเคร่งขรึม ราวกับว่ามันเป็น ปัญหาใหญ่โต

หยวนซึ่งหลังค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง แล้วมองไปยังกล่องยาด้วย

ท่าทางที่เฉยชา “เหตุใดศีรษะถึงจะหลุดออกจากบ่าด้วยเล่า?

หมู่เหวินเท้ากล่าวอธิบายอย่างเย็นชา “เพราะเสด็จพ่อเกลียด ซึ่งสิ่งของที่มีคุณไสยมนต์ดำมากที่สุด กล่องยาใบนี้ของเจ้าจะว่า เป็นภูติปีศาจก็ว่าได้ ซึ่งหากเสด็จพ่อทราบเรื่องเข้า การตัดหัว เจ้ายังนับว่าเป็นเรื่องเล็ก เกรงแค่ว่าชีวิตนับร้อยในจวนเจ้าพระ ยาจิ้งจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

หยวนชิงหลิงไม่เชื่อ “ท่านอย่ามามองว่าข้าเป็นกระต่ายตื่นตูม ก็เพียงกล่องยาอันเดียว จะไปมีคาถาอาคมได้อย่างไร ? แล้ว ไหนจะขึ้นด้วยชีวิตของคนอีกนับร้อยด้วย ท่านกล่าวเกินไปหรือ เปล่า? ”

“เจ้าน่าเชื่อตายล่ะ!” หยู่เหวินเท้ามองดูใบหน้าของนางที่ไม่ แสดงอาการใดๆ ทั้งสิ้น

“เมื่อห้าปีก่อนเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ในตอนนั้นมีท่านเจ้า อำเภอนายหนึ่งนำของกำนัลมาถวาย ซึ่งในกล่องสมบัตินั้นมี ความแปลกประหลาดยิ่ง เพียงแค่ใส่ของมีค่าเข้าไปอย่างหนึ่ง มันก็จะกลายเป็นของมีค่าสองชิ้นปรากฏขึ้น ในตอนนั้นเสด็จพ่อยินดียิ่งนักที่รับกล่องสมบัติใบนี้เข้ามา แต่ทว่าในเวลาเดียวกัน กลับมีคดีโจรกรรมขึ้นไปทั่วสารทิศ ท้ายที่สุดเมื่อได้ทำการ ไต่สวนถึงได้รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้มีของอีกชิ้นปรากฏขึ้นมาใน กล่องสมบัตินั้น ที่แท้เป็นเพราะเป็นการลักมาจากเหล่าราษฎร เสด็จพ่อที่เกิดความพิโรธ จึงสั่งให้ทำการตรวจสอบเจ้าเมืองผู้ นั้น นี่ถือเป็นคดีที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก เจ้าคงจะเคยได้ยิน

หยวนชิงหลิงส่ายหน้าอย่างใสซื่อ “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ไม่เคยได้ยินงั้นหรือ? ” หยู่เหวินเท้ามองนางอย่างประหลาด ใจ “ไม่น่าแปลกเลยที่เจ้าจะโชคดีเช่นนี้

หยวนชิงหลิงตอบกลับ “แต่นี่มันไม่ได้มีคาถามนต์ดำอะไรเสีย หน่อย” “ในสายตาของเสด็จพ่อ ของเช่นนี้ล้วนเป็นของต้องอาคม

มนต์ ”

หยวนชิงหลิงเริ่มเชื่อขึ้น จนเกิดความกลัว เอาชีวิตนางก็ว่าไป อีกอย่าง …….ไม่ จะเอาชีวิตนางไม่ได้ นางไม่ยินยอม อีกทั้งหาก เพราะสาเหตุนี้ทำให้คนจากจวนเจ้าพระยาจิ้งมาเกี่ยวข้องด้วย เช่นนั้น โทษของนางก็เยอะเกินไป

“นี่ท่านกำลังข่มขวัญข้าใช่หรือเปล่า? ” หยวนชิงหลิงจ้องเขา เขม็ง ด้วยความรู้สึกว่าเบื้องหลังความเคร่งขรึมของเขา น่า สงสัยยิ่งนัก

หมู่เหวินเท้าตอบอย่างนิ่งเฉย “หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองนำกล่อง ไปนี้เข้าวังไป แล้วลองดูว่าหัวของเจ้าจะยังคงสามารถอยู่บนคอเจ้าอย่างสงบได้หรือเปล่า? ”

หยวนชิงหลิงไม่เคยเลยจริงๆ ว่าการดำรงตำแหน่งพระชายา ในสมัยโบราณจะเป็นงานที่อันตรายเช่นนี้ ในประวัติศาสตร์อัน ยาวนานพระชายาเหล่านั้นล้วนแต่ได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีความสุขไม่ใช่หรือไรกัน ? เหตุใดตัวนางถึงได้มี ชีวิตน่าสลดเช่นนี้?

หลังจากที่ข้ามภพมายังยุคโบราณไม่ถึงครึ่งเดือน นางก็คิดว่า ตัวเองแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนางก็มีแต่ความ ตาย ในใจก็หงุดหงิดขึ้นมา นางจึงเก็บกล่องยาตรงหน้าเขา แล้วกล่องยาก็หดเล็กลง ก่อนจะนำเอากระดาษเงินและกล่องเก็บ กลับเข้าไปในแขนเสื้อ พลางแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า

“ข้าจะเอาคืนแล้ว วันหลังหากท่านยังกล้ารังแกช้า ข้าก็จะพา ท่านไปตายด้วยกัน

เพียงแค่กล่องใบนั้นหดเล็กลงก็ทำให้หมู่เหวินเท้าตะลึงมาก แล้ว แล้วคำพูดนั้นของนางอีก ทั้งยังยโสโอหังเช่นนี้ เขาจึงเคือง ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“เพียงแค่เจ้าถือมีดมาไล่ฟันผู้คน แล้วยังโง่เขลาจนฟันไม่โดน ผู้ใดเลยแต่กลับโดนตัวเอง แล้วยังกล้ามาขู่ข้าอีก? เจ้าไม่มี ยางอายแล้วหรือไรกัน? ”

“ไม่มีอะไรข้าก็ไม่ต้องการมีแล้วทั้งนั้น ข้าไม่ต้องการยางอาย ไม่มีสมบัติผู้ดี และไร้ซึ่งศีลธรรม และหากวันใดที่ข้าไม่สามารถ ปกป้องหัวเล็กๆ ของข้าอันนี้เอาไว้ได้แล้ว ท่านนั่นแหละจะเป็นคนแรกที่จะต้องทุกข์ทรมาน” หยวนซึ่งหลังตอกกลับอย่าง เดือด

แต่นั่นกลับทำให้หมู่เหวินเท้ารู้สึกขำขึ้นมาทันที

ราวกับว่าเขาได้เห็นภาพมดตัวหนึ่งที่แบกโคลนมาก้อนหนึ่ง แล้วบอกว่าจะตายไปพร้อมกับเสื้อเสียอย่างนั้น

“ฮ่าๆๆ ! ” เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง

หยวนชิงหลิงซักสีหน้าลง มองดูเขาหัวเราะจนปากไม่หุบ ความขุ่นเคืองและดุเดือดเมื่อสักครู่นี้หายไปในพริบตา

ทั้งโมโห……….สึกพูดไม่ออก

แต่นางไม่คิดที่จะร่วมมือกับเขาเป็นอันขาด เพราะปัญหา ระหว่างพวกเขานั้นใหญ่หลวงเกินไป

รอจนเขาหัวเราะเสร็จ นางจึงกล่าวขึ้นมาอย่างเฉยชา “ท่าน

อย่าหัวเราะ คราวนี้เป็นเพราะท่านที่ทำร้ายข้าท่านติดหนี้……

“ช้าก่อน” เขาขัดคำนางทันที การหัวเราะเมื่อสักครู่นี้ทำให้ แววตาของเขาดูอบอุ่นไร้ซึ่งพิษภัย

“เรื่องที่พวกเจ้าสองพ่อลูกจัดฉากให้ข้าที่จวนเจ้าหญิง จะว่า อย่างไร? ”

หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่นาน

จนหมู่เหวินเท้าพูดออกมาอย่างเรียบนิ่ง “พวกเราเสมอกันแล้ว”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนหัวหมุนไปหมด ราวกับว่า กำลังถูกลอบกัดอย่างไรก็ไม่รู้ ?

นางไม่ได้โง่เขลาเสียหน่อย นางล้มตัวลงนอน พลางหลับตา แล้วใช้มืออันไร้เรี่ยวแรงดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าเอาไว้ “ข้าเมาหนัก เกินไป รอให้ข้าได้สติก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที

หมู่เหวินเท้าใช้มือดึงผ้าของนางออก “อย่ามาเสแสร้ง พูดมา หลังจากที่เจ้าเข้าวังเสด็จพ่อพูดอย่างไรกับเจ้า? เขาตำหนิเจ้านั้น หรือ? ”

“ท่านก็ไปถามเองสิ” หยวนชิงหลิงไม่ให้ความร่วมมือเลย แม้แต่น้อย

หมู่เหวินเท้ากล่าว “หากเจ้าไม่พูด ข้าก็ไร้หนทางที่จะช่วย วิเคราะห์ให้กับเจ้า เก็บเรื่องไว้ตัวเองนั้นเจ้าก็หาทางออกเอาเอง แล้วกัน”

หยวนชิงหลิงนั้นทั้งโมโหและเอือมระอา จึงได้เพียงแต่ลุกขึ้น มานั่งอีกครั้ง แล้วกลอกตามองเขา “เสด็จพ่อเพียงถามข้าว่าเหตุ ใดถึงได้กลับไปมา ทั้งที่ทีแรกยินยอมที่จะให้ท่านอภิเษกพระ ชายารอง แต่สุดท้ายกลับไม่ยินยอม แต่พอสีหน้าเขาแล้วเหมือน จะไม่ได้โกรธอันใด ทว่าที่ข้าอยู่ที่หน้าประตูห้องทรงพระอักษรได้ พบกับโสว เขาเหมือนจะเคืองใจเป็นอย่างมาก

“แล้วเขาพูดสิ่งใดกับเจ้าหรือไม่? ” หมู่เหวินเท้าถาม

“ไม่ ไม่แม้แต่จะทักทายแล้วเดินจากไปเลย” หยวนชิงหลิงจ้องเขา
“เหตุใดท่านถึงไม่อภิเษกกับหมิงหยางเล่า?

หมู่เหวินเท้าสะบัดชายกระโปรง “ไม่อยากอภิเษก”

หยวนชิงหลิงกล่าวต่อ “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบที่ท่านผลักไสให้ ข้าไปเป็นแพะรับบาป แต่ว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ท่านทำเช่นนี้นั้น ถูกแล้ว”

หมู่เหวินเท้าเหลียวหน้ามองนาง “ถูกงั้นหรือ?”

หยวนชิงหลิงตอบ “ท่านอย่าเข้าเจ้าผิดไป ข้าไม่ได้คัดค้าน ท่านที่จะอภิเษกพระชายารอง เพียงแต่คิดว่าหากในใจของท่าน ยังมีใครอีกคนอยู่ ก็ไม่ควรที่จะไปทำร้ายผู้หญิงอีกคน ท่านไม่ได้ ชื่นชอบ หมิงหยางอภิเษกนางเข้ามา นางก็ไม่มีความสุขหรอก สำหรับท่านแล้วนางเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในการที่ท่านจะใช้ได้ ขึ้นสู่สิ่งดีกว่า สำหรับนางนั้นมันคือทั้งชีวิต ไม่มีผู้ใดที่มีสิทธิ์จะไป ทําลายชีวิตของนาง นอกจากตัวนางเองเท่านั้น”

หญ่เหวินเห้ามองด้วยความตกตะลึง ถึงคำพูดของนางจะ ชื่นชมเขา แต่เขากลับรู้สึกละอายใจ เพราะเขาไม่เคยนึกถึงห มิงหยาง และไม่เคยคิดด้วยว่าจะทำร้ายชีวิตนางด้วยหรือไม่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ