บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 11 ไท่ซางหวงประชวรหนัก



บทที่ 11 ไท่ซางหวงประชวรหนัก

ในเวลานี้ หยวนชิงหลิงรู้สึกแยกแยะระหว่างความจริงกับ ความฝันไม่ออกแล้ว นางตัวสั่นขณะผลักกล่องยากลับไปใต้ เตียงอีกครั้ง แต่วินาทีที่กล่องยาเลื่อนเข้าไปใต้เตียง มันกลับ หายวับไปกับตาทันที

นางถึงกับไม่กล้าหายใจไปสามวิ เอื้อมมือออกไปลูบๆแตะๆ ใต้เตียง จนยืนยันกับตัวเองได้ว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นจริงๆ

นางตัวสั่นเทิ้ม ค่อย ๆ คลานกลับไปที่เตียง สูดลมหายใจเข้า ออกแรงๆถี่ๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ มันเกินขอบเขตความรู้ความเข้าใจ ของนางไปไกลมาก ความรู้ทางวิชาการ ทั้งในด้านวิชาชีพเฉพาะ กระทั่งความรู้ที่ไม่ใช่ทางเฉพาะในอาชีพทั้งหลายที่มี ต่างก็ไม่ สามารถให้คำตอบอะไรกับนางได้เลยสักข้อ มนุษย์เราล้วนหวาด กลัวสิ่งที่ตนไม่รู้จัก และในตอนนี้ นางก็รู้สึกหวาดกลัวมากจริงๆ

ประตูถูกผลักเปิดออกเสียงดัง “ปัง” หยวนชิงหลิงยังไม่ทันเลย หน้าขึ้นไปดู ก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกสายหนึ่งแผ่เข้าปกคลุมทั้งสี่ ด้าน รู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะแปลบ จากนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกโยนลง จากเตียงไปกองอยู่กับพื้น

“เจ้าคิดจะแกล้งตายใส่ข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าจะตายเสียตอน นี้ หรือจะใสหัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าวังไปกับข้า?” น้ำเสียง เย็นเยือกแผดลั่นอยู่เหนือศีรษะของนาง ร่างถูกพลิกอย่างรุนแรงป่าเถื่อน แรงนั้นเหวี่ยงจนนางล้มกลิ้งไปกับพื้น เจ็บปวดจนนาง ตัวสั่นสะท้าน ยังไม่ทันที่นางจะหายใจหายคอเอาอากาศเข้าไป คางของนางถูกบีบด้วยมือที่แข็งดังคมเหล็ก ด้วยแรงที่ใช้นั้น มัน แทบจะบดขยี้คางของนางจนแหลกอยู่แล้ว

นัยน์ตาที่เจ็บปวดของนาง สบเข้ากับดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของ เขา ใบหน้าอันเย็นชาห่างเหินเจือแววดูถูก รวมถึงความเกลียด ช้งที่ไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย “ข้าขอเตือนเจ้านะ ไม่ต้องคิด จะเล่นลูกไม้ตื้นๆอะไรของเจ้าอีก ต่อให้องค์ไทเฮาอยู่ตรงหน้า แล้วเจ้าพูดจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระอะไรอีกล่ะก็ ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ ตาย ”

หยวนชิงหลิงโกรธสุดขีด ในสายตาของพวกเขา ชีวิตคนมันได้ ค่าขนาดนี้เลยเชียวเหรอ? นางได้รับบาดเจ็บหนักถึงขั้นนี้แล้ว ยัง จะไม่ยอมปล่อยนางไปอีก

นางฝืนเค้นเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี คว้าจับปอยผมของเขา ขยุ้มหนึ่ง แล้วดึงลงมา ใช้เข่าทรงตัวแล้วกระแทกศีรษะเข้าใส่ หน้าของเขาจัง ๆ แบบเต็มแรง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ นางตัดสิน ใจจะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือแล้ว นางยอมใช้แรงเฮือก สุดท้ายที่มี เพื่อให้ได้โจมตีคืนสักครั้งเลยทีเดียว

อ๋องหมู่เหวินเท้า ไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าสู้กลับ อีก ทั้งยังเป็นการใช้หัวตัวเองโขกใส่หน้าเขาอีกด้วย จึงไม่ได้หลบ ใดๆทั้งสิ้น ส่งผลให้เขาถูกโขกเข้าใส่เต็มๆจนถึงกับหน้ามืด มัน หัวไปชั่วขณะหนึ่ง
หยวนชิงหลิงเองเดิมทีก็แทบจะหมดสติอยู่แล้ว แต่ก็ยังฝืน กัดฟัน ใช้ลมหายใจที่เหลืออีกเฮือก อาศัยจังหวะที่เขายังไม่ฟื้น คืนสติดี คุกเข่าลงทับเข้าบนหลังมือเขาอีกหนึ่งที เลือดสดๆที่ ไหลกบปากหยดลงบนหน้าเขาไม่หยุด ผมยาวแผ่สบาย กระเซอะ กระเซิงราวคนบ้าที่เกิดคลุ้มคลั่งจนเกินการควบคุมก็ไม่ปาน “เกิดมาเป็นคนทั้งที มันจะต้องบีบคั้นกันให้เหลือแค่ทางตายเลย หรือไร ทำไมต้องรังแกกันขนาดนี้ด้วยหา!? ”

ฝ่ามือหนึ่งตบเข้าที่ใบหน้าของนางเต็มๆ

หน้านางสะบัดวูบ ภาพตรงหน้าพลันมืดสนิท ในห้วงภวังค์อัน สับสนคลุมเครือ นางได้ยินเพียงเสียงของแม่นมที่เร่งฝีเท้าเข้า มาหาเร็วรี่ “ท่านอ๋อง โปรดเมตตาด้วย!”

อ๋องไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆทั้งสิ้น เงื่ออีกฝ่ามือตบ ลงไปอีก หลังจากระบายความโกรธออกไป ก็เหลือบเห็นรอย เลือดบนแผ่นหลังของหยวนชิงหลิง จึงสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จัดการกับบาดแผลของนางซะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พัน ปิดบาดแผลให้แน่น กรอกน้ำจือจินไปซามหนึ่งให้นางอยู่ได้สัก ครึ่งวัน ”

หยวนชิงหลิงเห็นเพียงปลายรองเท้าผ้าสีดำ ซึ่งปักด้วยด้ายสี ทอง ก้าวเดินห่างออกไปทีละก้าวๆจากลานสายตาของนาง ค่อยๆคลายความตึงเครียด ฝืนสูดลมหายใจต่อไปจนสุดชีวิต

แม่นมฉีกับลู่หยารีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงนาง พวกนาง ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ช่วยพยุงนางไปที่เตียงให้นอนลง เมื่อพวกนางตัดเสื้อผ้าของนางออก ทั้งคู่ก็ถึงกับต้องผวาอ้าปากค้าง

ลู่หยาพูดด้วยน้ำเสียงติดสะอื้น “ทัณฑ์โดยสามสิบไม้ พวกเขา ช่างไร้ความปรานีเหลือเกินแล้ว พวกเขาโบยเต็มแรงจริงๆ”

“รีบไปเอาน้ำร้อนมาเร็วเข้า ยาผง แล้วก็เคี่ยวน้ำจือจินมาด้วย !” แม่นมณีร้องสั่งด้วยน้ำสั่งเครียดเขม็ง

หยวนชิงหลิงเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่ต้องตัดเสื้อผ้าที่มันติดแน่นเป็นเนื้อเดียวกับนาง ร่าง ของนางสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ทว่า นางกลับไม่ได้ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาสักแอะ ในลำคอของนางร้อนผ่าวราวกับมีไฟลุกไหม้ กระทั่งอยากจะพูดอะไรบ้าง ก็ยังไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่ คําเดียว

ทั้งการล้างแผล ขูดซับรอยเลือด ทายาผง นางล้วนกัดฟัน อดทนกับกระบวนการทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ ราวกับว่านางกำลัง อยู่ในฝันร้ายสักฉากหนึ่ง รอเวลาที่นางตื่นขึ้นมาจากฝันนั้น นาง ก็จะไม่เป็นไรแล้ว

นางได้ยินหยาถามขึ้นว่า “แม่นม ต้องกรอกน้ำจือจินจริงๆ

หรือเจ้าคะ?”

“เอาเข้ามาเถอะ หากไม่แล้ว น่ากลัวว่าคงจะรักษาชีวิตเอาไว้ ไม่ได้เป็นแน่” แม่นมฉีก็ถอนหายใจดังเฮือก

พูดจบ

” แต่น้ำจื่อจนมัน……..

“อย่ามัวพูดจาเหลวไหล รีบไปช่วยพยุงพระชายาเร็วเข้า”
พวกนางตัดเสื้อผ้าของนางออก ทั้งคู่ก็ถึงกับต้องผวาอ้าปากค้าง

ลู่หยาพูดด้วยน้ำเสียงติดสะอื้น “ทัณฑ์โดยสามสิบไม้ พวกเขา ช่างไร้ความปรานีเหลือเกินแล้ว พวกเขาโบยเต็มแรงจริงๆ”

“รีบไปเอาน้ำร้อนมาเร็วเข้า ยาผง แล้วก็เคี่ยวน้ำจือจินมาด้วย !” แม่นมณีร้องสั่งด้วยน้ำสั่งเครียดเขม็ง

หยวนชิงหลิงเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่ต้องตัดเสื้อผ้าที่มันติดแน่นเป็นเนื้อเดียวกับนาง ร่าง ของนางสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ทว่า นางกลับไม่ได้ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาสักแอะ ในลำคอของนางร้อนผ่าวราวกับมีไฟลุกไหม้ กระทั่งอยากจะพูดอะไรบ้าง ก็ยังไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่ คําเดียว

ทั้งการล้างแผล ขูดซับรอยเลือด ทายาผง นางล้วนกัดฟัน อดทนกับกระบวนการทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ ราวกับว่านางกำลัง อยู่ในฝันร้ายสักฉากหนึ่ง รอเวลาที่นางตื่นขึ้นมาจากฝันนั้น นาง ก็จะไม่เป็นไรแล้ว

นางได้ยินหยาถามขึ้นว่า “แม่นม ต้องกรอกน้ำจือจินจริงๆ

หรือเจ้าคะ?”

“เอาเข้ามาเถอะ หากไม่แล้ว น่ากลัวว่าคงจะรักษาชีวิตเอาไว้ ไม่ได้เป็นแน่” แม่นมฉีก็ถอนหายใจดังเฮือก

พูดจบ

” แต่น้ำจื่อจนมัน……..

“อย่ามัวพูดจาเหลวไหล รีบไปช่วยพยุงพระชายาเร็วเข้า”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ