บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 78 ทุกคนต่างโกรธเคือง



บทที่ 78 ทุกคนต่างโกรธเคือง

หมิงหยางกล่าวอย่างสลด “ก่อนหน้านี้ท่านแม่ได้บอกให้ข้า อภิเษกกับอ๋อง แต่ข้าไม่ยอมอภิเษกกับอ๋องหรอก ทั้งอภิเษก ไปก็เป็นเพียงพระชายารอง ข้าไม่ยอมเป็นพระชายารองหรอก”

ดวงตาของหมิงชุ่ยเปล่งประกาย “อ๋องนับว่ายังดี ไทเฮามัก จะไม่ค่อยตำหนิพระชายา เพราะเสียนเฟยผู้เป็นท่านแม่ของเขา นั้นเป็นหลานสาวแท้ๆ ของไทเฮา เมื่ออยู่ในความสัมพันธ์ไท เฮาจึงมีความอดทนต่อคน ในจวนอ๋องอย่างมาก เจ้าดูสิ พระ ชายา หลังจากได้รับการแต่งตั้งก็แทบจะไม่ได้เข้าไปถวาย บังคมมากนัก ไทเฮากลับไม่เคยตำหนิอะไรเลย”

“อ๋อง…… ในหัวของหมิงหยางค่อยๆ ปรากฏชายหนุ่มรูป งามขึ้นมา ครั้งสุดท้ายที่ได้พบเขาคือตอนที่อยู่หน้าประตูเมือง ในตอนนั้น เขาน่าชัยชนะกลับมาอย่างเมืองหลวง เขาควบอยู่บน หลังม้า สวมเกราะทอง ดูสง่างามอย่างมาก

ซึ่งแท้จริงแล้วนางรู้จักกับอ๋องมาตั้งแต่เล็กแล้ว เพราะว่า ตอนนั้นเขาเดินทางมาที่จนบ่อยครั้ง แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขามา หาท่านพี่ใหญ่

นางตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “ข้าไม่ยินยอมอภิเษกกับอ๋อง

หรอก”

หมิงชุ่ยตะลึงงัน “เพราะเหตุอันใด? ” ที่จริงแล้วนางเข้าใจ ความคิดของน้องสาวเป็นอย่างดี เพราะแต่ก่อนที่อ๋องเดินทางมาที่นี่ นางมักจะแอบดูอยู่ที่หน้าประตู

“เขาอภิเษกกับบุตรสาวของตระกูลหยวน สตรีอย่างหยวนซึ่ง

หลังเขายังอภิเษกด้วย ข้าไม่ชื่นชอบเขา” หมิงหยางตอบ “เป็นเพราะการจัดฉากของตระกูลหยวน จึงไร้ซึ่งทางเลือก อีก ทั้งเสด็จปยังกล่าวอีกว่าหากเจ้ายอมอภิเษกไป ก็จะให้ อ๋อง

หย่าร้างกับหยวนชิงหลิงเสีย”

หมิงหยางมองดูนางพลางกระตุกริมฝีปากขึ้น เพราะเหตุใด ท่านพี่ถึงได้พูดโน้มน้าวให้ข้าอภิเษกกับอ๋องด้วยเล่า?

ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวตอบ “เพราะข้าหวังดีกับเจ้า อ๋องเป็นคนดีที่ นับว่าหาได้ยาก เจ้าอภิเษกกับเขาจะต้องมีความสุขเป็นแน่

หมิงหยางแสร้งยิ้ม “งั้นหรือ? ดีเช่นนี้ เหตุใดท่านถึงไม่ อภิเษกกับเขา? ”

หมิงซุ่ยซักสีหน้าลงเล็กน้อย “นั่นเป็นเพราะว่าเขาอภิเษกกับ

หยวนชิงหลิงแล้ว”

“สาเหตุที่เจ้าพระยาจึงสามารถจัดการเรื่องที่จวนเจ้าหญิง ได้? ไม่ใช่ว่าท่านพี่ใหญ่คอยแอบช่วยเหลือด้วยไม่ใช่หรือ? ” หมิงหยางกล่าวเย้ยหยัน

ฉู่หมิงชุ่ยถึงกับตกใจหนัก “เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน? ”

หมิงหยางยักไหล่ “ในตอนที่ท่านพี่ยังไม่อภิเษก ข้าตัวติดอยู่ กับท่านไม่เคยห่าง ในใจท่านคิดสิ่งใด ท่านทำสิ่งใดไป ข้านั้น เข้าใจเป็นอย่างดี ข้าไม่พูดออกมาไม่เป็นหมายความว่าข้าจะเป็นคนเขลา ท่านพี่กลับเถอะ ไม่ต้องหากข้าอภิเษกกับอ๋อง นั่นเพราะใจยินยอมจะอภิเษก กับเขา แต่ไม่ทางอภิเษกเพราะความหวังของท่าน แต่นั้นรู้ว่าเป็นท่านเอง ต่างหากเป็นคนเปลี่ยนใจก่อน

หมิงชัยนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก จ้องมองยังน้องสาวนางปัญญา แต่คิดว่าจะความ ละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้

นางก็นึกถึงพูดของท่านย่าเคยพูดไว้ตระกูล ไม่มีสตรี

คนไหนไร้ปัญญา

ในขณะเดียวกันความสงบไหวพริบของตัวนางนั้นเป็นเสแสร้งเท่านั้น ส่วนหมิงหยางท่าทีนิสัยเสียเอาแต่ใจนั้น เป็นเพียงการแสร้งนี้ ภายในนั้นมันแอบซ่อนรูปแบบไหนกัน? นางกับ ประหลาดใจอย่าง

และแล้วก็สาวนางหนึ่งมา พระชายา หนูหยินใหญ่เกิดเรื่องแล้วค่ะ”

ฉู่หมิงถึงตกใจ เรื่องอันใดขึ้น?

สาวหน้าซีดเผือดเพราะความตกใจเช่นกล่าวกลับ “เมื่อ สักครู่ฮูหยินใหญ่ดื่มยาบำรุงไปถ้วยหนึ่ง แล้วจู่ก็ไอออกมา เป็นเลือด ตอนหมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ”
หมิงซุ่ยจิตใจล่องลอย พลางคร่ำครวญออกมา “สวรรค์ สวรรค์!

ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมาขัดคอนางเอาไว้ จนเสียงของ นางไม่ยอมหลุดออกมา หายใจก็ไม่ออก จนรู้สึกว่าโลกกำลัง หมุนไปมา ก่อนที่ตาจะมืดแล้วหมดสติลงไป

พอนางได้สติขึ้นมา ก็ได้อยู่ในจานอ๋องแล้ว

อ๋อง นั่งอยู่ข้างกายเฝ้าดูนางด้วยความกังวลใจ “ฟื้นแล้ว หรือ? ”

นางรีบลุกขึ้นนั่ง กุมมืออ๋องฉี พลันถามด้วยร่างที่สั่นเครือ “ท่านย่าเป็นอย่างบ้างเจ้าคะ? ”

อ๋องฉีโอบกอดนาง แล้วลูบหลังปลอบประโลมนาง “วางใจ เถอะ ท่านไม่เป็นอันใดแล้ว ลำคอได้รับบาดเจ็บ จากนี้ไปไม่ สามารถพูดได้อีกแล้ว

ไม่สามารถพูดได้อีก

ฉู่หมิงชุ่ยราวกับคนไร้สติ ร้องไห้ไป แล้วก็พลันหัวเราะออกมา

“ช่างโหดร้าย ชางโหดร้ายจริงๆ

อ๋องมองนางด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป? ผู้ใดโหด ร้าย?

หมิงชัยนึกถึงท่าทางอันเย็นชาของเสด็จปู่ แล้วก็คิดถึงความ โหดร้ายของเขา เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี เพียงแค่กล่าว ว่าร้ายแม่นมสี่เพียงแค่ประโยคเดียว ก็ถึงกับได้รับพิษจนเป็นใบ้
นางถึงกับนิกหวาดกลัวขึ้นมา

นางที่อยู่ในอ้อมกอดของอ๋องร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ท่าน ย่าชรามากแล้ว ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ ช่างโหดร้ายจริงๆ

อ๋อง ลูบผมปลอบใจนาง

“ข้าได้ยินมาว่า เป็นสาวใช้นางหนึ่งในจวนอ้างว่าได้นำยา บำรุงมาต้มเป็นซุปให้ท่านย่าของเจ้าด้วยความผิดพลาด ร่างกายของท่ายาของเจ้าไม่รับยาบำรุง จึงติดอยู่ที่คอจนไร้เสียง วันหลังส่งให้หมอหลวงเข้าไปตรวจดูอาการ ไม่ได้รุนแรงอะไร มากนัก”

หมิงซุยได้แต่ด่าทอความโง่เขลาของอ๋องอยู่ในใจ ข้ออ้าง ไร้สาระเช่นนี้เขายังเชื่อได้อีก

คนที่โง่เขลาไร้เดียงสาเช่นนี้ จะเป็นที่พึ่งพาของนางได้อย่างไร กัน ? แล้วไหนจะเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทอีก เล่า? นี่เป็นครั้งแรกที่หมิงซุ่ยรู้สึกว่าตัวเองได้เลือกผิดคนเสีย แล้ว

หากเป็นท่านพี่เค้า เขาก็คงจะสังเกตเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ง่าย ทั้งยังจะเตรียมการรับมืออีกด้วย ซึ่งเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกถึงความ ปลอดภัยอย่างมาก

เมื่อนึกถึงหมู่เหวินเท้า ใจของนางก็เจ็บปวดขึ้นมา

ตอนแรกที่จัดฉากให้เขา เป็นเรื่องที่ขัดไม่ได้ เพราะเสด็จใน ตอนนั้นตัดสินใจที่จะสนับสนุนอ๋องนี้อย่างเต็มที่ ประกอบกับการที่ไท่ซางหวงป่วยหนักจนไม่อาจปกป้องส่งเสริมท่านพี่เท้า นางจึง ต้องจำใจทอดทิ้งเขาไป

นางไม่เต็มใจที่จะแบกภาระทางใจไปด้วย จึงทำได้เพียงแอบ ส่งคนให้ไปตีสนิทกับฮูหยินรองของเจ้าพระยาจิ้ง แล้วให้ฮูหยิน รองแจ้งแผนการกับ เจ้าพระยาจิ้ง ซึ่งในระหว่างดำเนินแผนที่ จวนเจ้าหญิง นางเองก็จงใจที่จะให้โอกาสหยวนชิงหลิง เดิมที คิดเพียงว่าฝ่าบาทเป็นคนที่รักในเกียรติยศ ก็คงจะให้ท่าพี่เค้า อภิเษกนาง ในฐานะพระชายารอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะให้ อภิเษกเป็นพระชายา โดยตรง

ทำให้นางเกิดความเกลียดชังอยู่พักหนึ่ง จนหลังจากที่อภิเษก กับอ๋องฉี นางก็ลืมเรื่องราวไปหมดแล้ว แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปหมดเช่นนี้ ?

อ๋องที่ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าร่างกาย ของนางอ่อนแรงลง ก็คิดเพียงว่านางกังวลถึงอาการป่วยของ ท่านย่า เขาจึงกอดนางแน่นขึ้น

ณ จวนเจ้าพระยาจิ้ง

ช่วงนี้เจ้าพระยาจิ้งนั้นโมโหจนแทบคลั่งแล้ว เดิมที่ได้รับความ เห็นตรงกับโสวฝูฉู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ทั้งสองตระกูลจะได้สาน สัมพันธไมตรีกันดังเดิม เพียงแค่หยวนชิงหลิงยอมสละตำแหน่ง พระชายาก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเขาเองก็ให้คำมั่นอยู่เสมอว่าหยนชิง หลังจะยินยอมแน่นอน แต่เขายังไม่ทันได้วางแผนการ เพียงแค่ ให้ฮูหยินรองออกไปปล่อยข่าวลือ โสวก็เข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน ทั้งข่าวที่ได้รับคือหยวนชิงหลังคัดค้านการอภิเษกพระ ชายารอง ฉะนั้นยังไม่ต้องไปกล่าวถึงเรื่องกรสละตำแหน่งเลย และพอเขากลับไปเข้าพบโสวฝูที่จวนตระกูลอีกครั้ง แม้แต่

ประตูหน้าของจวนยังเข้าไม่ได้เลย

ไม่เพียงเท่านั้น การประเมินกระทรวงขุนนางก็กำลังจะเริ่มแล้ว ทั้งขุนนางหัวหน้าใหญ่ของเขาก็ได้มีหมายแจ้งกับเขาด้วยว่าจะ ทําการประเมินเขาอย่างเคร่งครัดอีกด้วย

ซึ่งขุนนางพวกนั้นล้วนเป็นแหล่งอำนาจของตระกูลฉี่ และเขาก็ รู้ว่านี่เป็นคำเตือนจากโสว

พอเขากลับมาก็ได้ลองคิดแล้วคิดอีก ซึ่งในเวลานี้ยังพอมี หนทางเอาตัวรอดอยู่ ดังนั้นจึงควรเรียกตัวหยวนชิงหลิงกลับมา แล้วสั่งสอนเสียหน่อย แล้วทางที่ดีที่สุดคือสละตำแหน่งพระชายา แต่โดยดี

เขาจึงรีบสั่งให้คนใช้ไปยังจวนอ๋อง โดยอ้างว่าฮูหยินใหญ่ กําลังป่วยหนักดังเดิม เพื่อให้นางกลับจวน

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคนส่งสารจะกลับมาแจ้งว่าพระชายาจะอยู่ ดูท่านอ๋องที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่อาจกลับจวนได้ และเรียนให้ เจ้าพระยาเชิญหมอเข้ารักษาอาการป่วยของฮูหยินใหญ่

เจ้าพระยาจิ้งโมโหอย่างมาก จนตะโกนด่าขึ้นมาในห้อง หนังสือโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น “นางปีกกล้าขาแข็ง แล้วหรือไร? ยังจะดูแลท่านอ๋อง ตั้งแต่อภิเษกไปนางได้เจอกับ ท่านอ๋องแค่ไม่กี่ครั้ง นางลืมไปแล้วหรือไร? บังอาจจริงๆ เจ้ารีบไปบอกให้นางกลับมา หากนางไม่กลับมา นางจะต้องเสียใจ” คนใช้จึงต้องกลับไปอีกครั้งเพื่อรายงานข่าว

หมอหลวงในจวนอ๋องนั้นแซ่เฉา แต่การได้ยินของหยวนซึ่ง หลิงนั้นมีปัญหา จึงได้ยินเป็นหมอหลวงเฉ่า ซึ่งตอนนี้หมอหลวง เจ้าก็มักจะมาทำแผลให้หมู่เหวินเท้าทุกวัน จนบาดแผลก่อตัว เป็นสะเก็ดแล้ว เขาที่มองดูรอบเย็บแผล ถึงกับตะลึงเป็นอย่าง มาก เพราะหากเป็นช่างปักผ้า ก็คงจะเทียบได้กับช่างปักในวังได้ เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ