บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 83 ยกหินทุบเท้าตัวเอง



บทที่ 83 ยกหินทุบเท้าตัวเอง

หยูเหวินเท้าใช้พลังในการกวาดอย่างมาก ดูเหมือนการกวาด จะดูง่าย แต่ที่จริงนั้นต้องใช้ความรู้ด้วย

อย่างเช่น ใบไม้ที่ร่วงลงมานั้นควรจะกวาดกองไว้ ถ้ากวาด รวมเป็นกองใหญ่ก็จะไม่โดนลมพัด แต่ถ้ากวาดไว้หลายกอง พอโดนลมพัด ใบไม้ก็จะปลิวทันที

กวาดไปกวาดมา ที่จริงก็ไม่ได้ยากอะไร ความโมโหของเขาก็ พลันดีขึ้นไม่น้อย

“ท่านอ๋อง ระวังตรงตำหนักอุ่นนะพ่ะย่ะค่ะ บนต้นไม้มีรังผึ้ง รอ ให้ถึงตอนค่ำก่อนแล้วถึงจะจุดไฟไล่ อย่าได้ไปแตะต้องเขียว เพราะมันไม่ธรรมดาเลย” ฉางกงกงพูดเตือน

“รังผึ้งงั้นหรือ?” หมู่เหวินเท้าหรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์ ตรง หน้าอกที่โดนกัดยังปวดไม่หาย มันน่าเรียกหยวนชิงหลิงมาทำ จริงๆ

“ใช่พะยะค่ะ ผึ้งพวกนี้น่ากลัวมาก ไม่ช่างหวงไม่ยอมปิด หน้าต่าง จึงต้องจุดตอนกลางคืน” ฉางกงกงพูดขึ้น

“อืม ข้ารู้แล้ว” หยู่เหวินเท้าตอบ

ฉางกงกงไม่ได้สนใจ พลันเดินเข้าไปรับใช้ไปช่างหวงด้านในทันที
หมู่เหวินเท้าคิดแผนในใจ แล้วหันไปพูดกับทั้งหยาง “เจ้าไป เชิญพระชายามา บอกว่าขายินยอมเปลี่ยนสถานที่กับนาง

ทั้งหยางจึงพูดขึ้น “ท่านอ๋อง ห้องทรงพระอักษรคนเข้าออก

มากมาย ท่านไปทำความสะอาดที่นั่นจะถูกต้องหรือ? ” หมู่เหวินเท้ายิ้มมุมปาก “ไม่ต้องห่วง มีมหาดเล็กอยู่ พอถึง ตอนนั้นเรียกเขามาช่วยสอดส่องก็พอ ถ้ามีคนมาข้าก็จะเข้าไป

ซ่อน”

ทั้งหยางจึงไปตามรับสั่ง

หยวนชิงหลิงได้ยินว่าหมู่เหวินเท้ายอมเปลี่ยนที่ ในใจก็พลัน คิด คนคนนี้ก็ถือว่าไม่เลวขนาดนั้น นางจะได้ไม่เสียหน้าด้วย ตกลง นางจึงรับน้ำใจครั้งนี้เอาไว้

นางจึงถือไม้กวาดกลับมาที่ตำหนักฉินคุน พอเห็นเขากวาด ด้านหน้าแล้ว ความเร็วถือว่าใช้ได้

หมู่เหวินเท้าเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น “ห้ามพูดว่าข้าไม่ให้อภัย เจ้า ไม้กวาดนหนักมาก เจ้าไม่ค่อยมีพละกำลัง ทำให้กวาด ลำบาก ดังนั้นข้าเลยช่วยเจ้ากวาดด้านหน้าแล้ว เจ้าแค่เข้าไป กวาดตรงตำหนักอุ่นกับลานข้างๆ ก็พอ”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยความซึ้งใจ “ขอบพระทัยท่านอ๋อง หญ่เหวินเห้าชี้ไปที่ตำหนักอุ่น “ไปเถอะ ไปกวาดตรงนั้น หยวนชิงหลิงชี้ไปตรงที่ใบไม้ยังกวาดไม่เรียบร้อย “แล้วตรง
“ไม่เป็นไร เดี่ยวขากลับมาช่วยเจ้ากวาด

“ขอบพระทัยเพคะ! “หยวนชิงหลิงทั้งยิ้มทั้งยกมือ พลางถือ ไม้กวาดแล้วเดินไปที่ตำหนักอุ่น

หมู่เหวินเท้าหยิบก้อนหินขึ้นมา แล้วแอบเดินอ้อมผนังด้าน นอกมา พอได้ยินเสียงกวาดพื้นของหยวนชิงหลิง เขาก็ยิ้มออก มาอย่างเจ้าเล่ห์

เขาเคยพูดไว้ว่า การแก้แค้นของนักรบ สิบปีก็ยังไม่สาย เขาคว้างลูกหินที่อยู่ในมือออกไปทันที ลูกหินลอยละลิ่วขึ้นไป อย่างสวย และเข้าตรงรังผึ้งบนต้นไม้อย่างแม่นยำ

ผึ้งตรงนั้นแตกออกเหมือนกับน้ำเดือด บินวิ่งวิ่งวิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียง “หนึ่งหวั่งหนึ่ง” ดังขึ้น

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นว่าตรงหน้านั้นถูกปิดไว้

พอเพ่งมองก็ถึงรู้ว่าเป็นฝูงผึ้ง

“อ๊ายย…..” นางร้องออกมาสุดเสียง “ออกไป! ”

หยู่เหวินเท้าได้ยินเสียงร้อง ก็พลันรู้สึกสุขสบายใจจนแทบ อยากกระโดดลงไปในน้ำ พร้อมกับยกไม้กวาดขึ้นอย่างพอใจ และจังหวะที่เขาจะออกไปจากห้องพระอักษร กลับได้ยินเสียง “หวึ่งหวั่งหนึ่ง” อยู่ด้านหลัง พอหันกลับมา ฝูงผึ้งฝูงนั้นกำลังบิน ตรงเข้ามาหาเขา

พลันบินวนรอบหัวและหน้าอกเขา โดนทั้งใบหน้า ทั้งหัว และ ใบหู ตอนที่เขารู้สึกเจ็บปวดพลันยกไม้กวาดขึ้นมา ก็โดนต่อยไปหลายทีแล้ว บาดแผลเขายังไม่ทันหายดี จึงไม่สามารถใช้ ไม้กวาดพัดไปมา และทำได้เพียงหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป

“ท่านอ๋องรีบหมอบแล้วมุดหัวลง วิ่งหนีไม่พ้นหรอกพะย่ะค่ะ ” ทั้งหยางเห็นเข้า จึงรีบร้องเรียกหมู่เหวินเท้า

หมู่เหวินเท้ากอดศีรษะตัวเองแล้วหมอบลง ทั้งหยางรีบวิ่ง เข้าไปทันที พลางถอดเสื้อคลุมแล้วปิดศีรษะของหมู่เหวินเท้าเอา ไว้ อีกมือหนึ่งก็ยกไม่กวาดขึ้น สะบัดไปมา คนในวังที่เห็น เหตุการณ์ก็รีบจุดไฟ เพื่อไล่ผึ้ง ชุลมุนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายถึงไล่ไป

หยวนชิงหลิงที่ได้ยินเสียงเอะอะ จึงวิ่งออกมา กลับพบว่าทั้ง หยางกำลังพยุงหยู่เหวินเท้าเดินมา หน้าเขาบวมเป่ง หนังตาซ้าย ถูกผึ้งต่อยบวมจนแทบไม่เห็นลูกตา

“ท่านโดนผึ้งหรือ? ” หยวนชิงหลิงมองหน้าอันหล่อเหลาของ

เขา พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ แล้วทำท่าเป็นห่วงเป็นใย

ฉางกงกงได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจึงเดินออกมาจากตำหนัก ก็เห็นหมู่เหวินเท้าในสภาพนี้ จึงส่ายหน้าทันที “ท่านอ๋อง ข้าน้อย เตือนท่านแล้ว อย่าแตะต้องรังผึ้ง ทำไมท่านถึงยังโดนต่อย อีก? ”

“ใครจะรู้ว่ามีรังผึ้ง? ” หยู่เหวินเท้าพูดออกมาอย่างเจ็บปวด ปากเริ่มบิดเบี้ยว ริมฝีปากที่โดนต่อยรู้สึกแสบร้อนมาก

“ไม่ใช่ว่าข้าน้อยเตือนท่านแล้วหรือ? ” ฉางกงกงเดินเข้ามา “โห่ ต่อยหนักมาก ต้องเรียกหมอหลวงแล้ว
หยวนชิงหลิงมีสีหน้าเย็นชาทันที พร้อมทั้งเก็บความห่วงใย คืน เขารู้แต่แรกแล้วว่ามีรังผึ้ง แต่จงใจให้ทั้งหยางไปเรียกนาง มา แล้วทำให้รังผึ้งแตกเพื่อให้ต่อยนาง

ชายผู้นี้ใจแคบและร้ายกาจมาก

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นเสียงแข็ง “เรียกหมอหลวงต้องทำอยู่แล้ว แต่ว่าท่านอ๋องรีบไปที่หอทรงพระอักษรดีกว่า เรื่องการทําความ สะอาดจะล่าช้าไม่ได้

“หญิงใจร้ายอย่างเจ้า เห็นชัดๆ ว่าผึ้งบินตรงไปหาเจ้า ทำไม มันถึงบินมาหาข้าได้? ” เขาเริ่มพูดช้าแล้ว พลางโมโหจนปาก บิดเบี้ยว

“ยกหินทับเท้าตัวเอง” หยวนชิงหลิงยกไม้กวาดขึ้นอย่างสะใจ พร้อมกับหมุนตัวออกไป

นางเองก็แปลกใจเหมือนกัน ก็เห็นชัดๆ ว่าผึ้งบินมาหานาง

นางตะโกนออกมาเพื่อไล่มัน มันก็บินหนีไปจริงๆ

หมู่เหวินเท้าเอาแต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห แต่เพราะโดน หยวนชิงหลิงพูดดักแล้ว เขาจึงทำอะไรไม่ได้มาก เลยตั้งหน้าตั้ง ตากวาดพื้นฟังเสียงนกเสียงกาไป

ทั้งหยางหันไปมองหมู่เหวินเท้าด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจ จริงๆ เลยว่าทำไมท่านอ๋องถึงคิดจะให้ผึ้งไปต่อยพระชายาแบบนี้ ทำไมเขาถึงทำอย่างกับเป็นเด็กไปได้?

แบบนี้ไม่เหมือนกับนิสัยของเขาเลย
ท่านอ๋องถูกผีสิงอย่างนั้นหรือ?

เขาหันไปมองหยวนชิงหลิงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พระ ชายาเองก็ดูต่างไปจากเมื่อก่อน ก็ถูกผีเข้าเหมือนกันอย่างนั้น หรือ?

หมู่เหวินเท้ามาถึงหอทรงพระอักษร มหาดเล็กก็มองอย่างกับ ว่าเขาเป็นหัวหมู แล้วพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ “ทำไมท่านถึง เป็นแบบนั้น? ไปแหย่รังผึ้งมาหรือ?

“ห้ามพูด! “เขายกไม้กวาดขึ้น พลางออกแรงกวาด ในใจนั้น ปะทุเดือดสุดขีด ทำไมหยวนชิงหลิงถึงไม่ได้กวาดเลย? ใบไม้ยัง กองเต็มพื้นอยู่เลย

ไปให้หมอหลวงทายาให้ก่อนเถอะ แล้วก็กินยาแก้พิษด้วย “มหาดเล็กพูด

“ไม่จำเป็น มันไม่มีพิษ ข้าดูแล้ว มันแค่ผึ้งทั่วไป แค่ปวดสักพัก

“พูดจบ เขาก็บีบปากตัวเองอย่างโมโห มันปวดมากจริงๆ

มหาดเล็กจึงไปจับแขนเขา “ในเมื่อไม่เป็นอะไรมาก งั้นก็อย่าง ฟังกวาด เข้าไปปัดฝุ่นในตำหนักก่อนเถอะค่ะย่ะค่ะ? ”

หมู่เหวินเท้าทั้งอึ้งและนิ่งไปเลย “ไม่ใช่กวาดพื้นหรือ? ทำไม ถึงต้องปัดฝุ่นด้วย?

“ฝ่าบาทตรัสว่า ในห้องทรงพระอักษรมีฝุ่นหนาทึบ ต้อง ทําความสะอาดพ่ะย่ะค่ะ

“ห้องทรงพระอักษรทุกวันก็มี………….เหนเค้าหยุดพูดทันที เข้าใจแล้ว เสด็จพ่อจงใจ

เขาเองก็รู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้าที่พระองค์ไม่ยอมให้เขาเข้าไป ยุ่ง แต่ตอนนี้กลับให้เขาไปทำงานที่กรมพระนคร แถมยังให้เขา เข้าออกห้องพระอักษร เหมือนกับปีก่อนๆ ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เลย

นานวันเข้าเขาก็เริ่มมองความคิดของเสด็จพ่อออกแล้ว

ตำแหน่งในกรมพระนครนั้นสำคัญมาก ขนาดฝันเขายังไม่เคย ฝันเลย ว่าเสด็จพ่อจะส่งเขาไปที่นั่น

ที่จริง พอหลังจากได้ยินพี่รองพูด เขาเคยคิดว่าสุดท้ายอาจจะ เป็นตอนที่พี่ใหญ่ขึ้นครองราชย์ และพี่ใหญ่เองก็คงอยากได้ ตำแหน่งนี้มาก

เขาวางไม้กวาดลง พร้อมถือน้ำ และมีผ้าเช็ดหน้าพาดบ่า ใน ตอนที่มหรูกงกงกำลังมอง เขาก็รีบเข้าไปด้านในทันที

เขาพยายามก้มหน้าลง เพื่อไม่ให้เสด็จพ่อเห็นหน้าบวมเป่งที่ น่าอับอายของเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ