บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 66 กลับบ้านแม่



บทที่ 66 กลับบ้านแม่

ทั้งหยางสะดุ้งในใจ หากเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้กับไก่ช่างหวง คงจะเกรี้ยวมาก

อย่างไรก็ตาม ความเกรี้ยวมันเป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราว หย่า กับพระชายา จวนก็จะได้สงบเสียที อีกอย่างก็ไม่ต้องถูกเจ้าพระ ยาจิ้งมาตอแย หากมองในระยะไกล ผลดีมากกว่าผมเสีย

“แล้วเรื่องแต่งงานกับคุณหนูรองตระกูล ท่านอ๋องมีความ เห็นว่าอย่างไร?” ทั้งหยางถาม

หมู่เหวินเท้าแม้ว่าจะเบื่อกับหัวข้อสนทนานี้ แต่ว่าเสด็จพ่อกับ ท่านแม่เอ่ยถึงมันตลอด เป็นปัญหาที่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ เขาย้อนถามทั้งหยาง “แล้วเจ้ามีความเห็นอย่างไร?”

ทั้งหยางวิเคราะห์แล้วกล่าว”ดูจากภาพรวมแล้ว มันมีผลดีต่อ ท่านอ๋องจริง แม้ว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลจะแต่งกันอ๋องฉี แต่ ว่าโสวฝูไม่เคยแสดงออกว่าจะสนับสนุนอ๋องฉี เป็นเพราะไทเฮา โสวก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง บวกกับไท่ซางหวงชื่นชมท่าน อ๋องมาโดยตลอด มันก็เลยทำให้ตระกูลต้องทำการอย่างเพื่อ เลือก มันเป็นภาพรวมในวันนี้ แต่เมื่อท่านอ๋องแต่งงานกับคุณหนู รองของตระกูล ไม่ว่ามากน้อยตระกูลก็ต้องดูแลท่านอ๋อง หา กอ๋องนี้ไม่ได้เรื่อง โสวก็จะเอากำลังทั้งหมดที่มีมาทุ่มให้กับ ท่านอ๋อง”

หมู่เหวินเท้ากล่าวอย่างเรียบเฉย “ดูแล้ว เจ้าก็เห็นพร้อมกับคําพูดของท่านแม่”

ทั้งหยางส่ายหัว ไม่ วิเคราะห์จากภาพรวมมันเป็นเช่นนี้ แต่ กระหม่อมรู้ว่าในใจท่านอ๋องนั้นไม่มีความคิดเช่นนั้น เพียงแต่ กระหม่อมก็ยังคงอยากให้ท่านอ๋องแต่งงานกับคุณหนูรองของ ตระกูล ถ้าหากคุณหนูรองของตระกูลยอมเป็นชายารอง

“ทำไมคำพูดเจ้าหน้าหลังมันย้อนแย้งกัน?” หมู่เหวินเท้าขมวด

“ไม่ย้อนแย้งหรอก ท่านหญิงเสียนเฟยอยากให้ท่านแต่งงาน กับคุณหนูรองตระกูลเพราะแย่งชิงตำแหน่ง แต่ความหวังของ กระหม่อมคือท่านอ๋องจะได้รับการดูแลปกป้องจากตระกูล

“ข้ายังต้องการการปกป้องของตระกูลอีกเหรอ?” หมู่เหวิน เห้ากล่าวอย่างเย็นชา

“ท่านอ๋อง เรื่องบางเรื่อง ท่านไม่อาจจะทำได้ แต่ตระกูล ทำได้” ทั้งหยางแสดงอย่างชัดเจน อย่างครั้งนี้ที่อ๋องลงมือ หากตระกูลยืนข้างท่าน มีหรือจะไม่สั่งสอนอ๋องจี้? บัดนี้อ๋อง ช่างทําเริบเสืบสานนัก

ทหารที่อวดเก่งเกินไปจะพ่ายแพ้ แต่ก่อนที่จะพ่ายแพ้ มันก็ยัง

มีแรงฆ่าอยู่มาก

หมู่เหวินเท้ากล่าวอย่างเรียบเฉย “ความหมายของเจ้า ข้า เข้าใจแล้ว”

“แล้ว..……..….. ทังหยางถามอย่างลองเชิง “ในใจของท่านอ๋องนั้นคิดยังไง?”

“ไม่มีความจำเป็นนี้!” หมู่เหวินเท้ากล่าว

ทั้งหยางรับรู้ก็ไม่พูดอีกเลย

หมู่เหวินถามกลับถามขึ้นมาหนึ่งว่า “หย่ากับหยวนซึ่งหลัง เจ้ามีความเห็นอย่างไร?”

ทั้งหยางลังเลไปสักพักแล้วกล่าว “กระหม่อมเห็นด้วย หยู่เหวินห้านิ่งเงียบ

เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงก็ให้แม่นมไปเอาพวกโสมรังนก ในโกดังเพื่อนำกลับไปบ้านแม่ของนาง

นางไปในครั้งนี้ ไม่ได้พาแม่นม หรือแม่นมไปด้วย พาแค่ลู่ห ยาไปเท่านั้น

เมื่อรถม้ามาเทียบหน้าประตูจวนเจ้าพระยาจิ้ง ข้ารับใช้ก็มา

เชิญเข้าไป

เจ้าพระยาจึงได้สั่งการไปแล้ว ว่าวันนี้นางจะกลับมา ดังนั้น หยินรองพาเหล่าผู้หญิงในตระกูลหยวนรออยู่ที่ห้องโถงแล้ว เมื่อ เห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ฮูหยินรองก็ยิ้มแล้วลุกขึ้นมา “ชิงเอ๋อก ลับมาแล้ว? มารีบมานั่ง”

ตามกฎแล้ว นางต้องเรียกพระชายา ยังต้องทำความเคารพ แต่คำว่าชิงเอ๋อ ก็ได้แบ่งแยกสถานะไปก่อนแล้ว

หยวนชิงหลิงก็ไม่ใช่คนโง่ ฟังออกแล้ว แล้วก็มองดูคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง ฮูหยินรองลุกขึ้นแล้ว พวกนางจึงได้ลุกขึ้นตาม ท่าทางไม่ค่อยจะเคารพนัก ทักทายเรียกพี่สาวเรียกน้องสาว อย่างเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ใช่เรียกพระชายา

หยวนชิงหลิงไม่ตอบ ได้เดินผ่านไปโดยตรง

มองแค่แวบเดียวก็รู้ คนที่ยืนอยู่ข้างกายฮูหยินรองก็คือลูก สะใภ้คนโตของนางนางหลวน สวมใส่ชุดปักลายดอกไม้สีเขียว คิ้วบาง หางตาเชิด ไม่มีสันจมูก หางตามรอยตีนกาเล็กน้อย แต่ ก็ไม่ได้ชัดมากนัก ดูแล้วก็รู้ว่าบำรุงเป็นอย่างดี

คนที่ยืนอยู่ด้านข้างคือนางซุย เป็นภรรยาของหยวนหมุนเหวิน พี่ชายของเจ้าของร่างเดิม สวมชุดขนนกผ้าไหมลายดอกไม้สี เหลือง ข้อมือสวมกำไลหยกไว้ชั้นหนึ่ง มุกหยกบนหัวก็เป็นของที่ มีราคามาก นางเกิดในชาติตระกูลที่ร่ำรวย นิสัยค่อนข้างหยิ่ง ยโส บัดนี้มองหยวนชิงหลิง สายตาก็ยังคงมีความหยิ่งผยองเล็ก น้อย

ข้างกายนางก็คือน้องสาวของเจ้าของร่างหยวนชิงผิง อายุสิบ ห้าปี เพิ่งจะเป็นสาว ทาแป้งหอม จ้องมองนางด้วยดวงตาที่ บ้องแบ๊ว ตาขาวมากว่าตาดำ มันดูเหมือนตาสามเหลี่ยม ปากก ค่อนข้างที่จะบางมาก ดูแล้วเหมือนจะเป็นคนปากร้าย เพียงแต่ แวบแรกที่มองไป ก็ยังรู้สึกสวยอยู่ดี

นอกจากนี้แล้ว ก็เป็นลูกสาวของเมียน้อยสองคน ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเรียบร้อย ก้มหน้าก้มตาอยู่ เพราะเป็นลูกเมียน้อย การแต่ง กายก็เลยไม่ได้ดีมาก
ในจวนมีสมาชิกที่เป็นผู้หญิงตั้งมากมาย ที่ยังไม่ได้ออกมา เป็นเพราะว่าฮูหยินใหญ่เห็นว่าคนน้อยเกินไป จึงได้เรียกลูกเมีย น้อยสองคนมาเพิ่มจำนวนคน

หยวนชิงหลิงมองฮูหยินรองอีกครั้ง ตอนนี้นางค่อนข้างที่จะ อวบ ใบหน้ากลม รอยตีนกาน้อยมาก เส้นผมดูก็รู้ว่าผ่านการ ย้อมมาแล้ว ไม่เห็นผมหงอกแม้แต่เส้นเดียว การแต่งกายของ นางดูหรูหรามาก สวมผ้าไหมทั้งชุด ผมทั้งหมดถูกรวบไว้ด้านบน ปิ่นปักผมก็มีราคามาก ไม่เหลือเค้าข้ารับใช้ที่น่าสงสารเลย หาก คนที่ไม่รู้ก็คงจะคิดว่านางนั้นเกิดมาในชาติตระกูลที่สูงส่ง

ใบหน้าของทุกคนต่างมีรอยยิ้มที่บางๆ รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยไว้ ความเป็นหยันเล็กน้อย แค่คิดก็รู้ เจ้าพระยาจึงไม่เคยเห็นพระ ชายาคนนี้ในสายตาเลย

หยวนชิงหลิงถาม “คนในจวนไปส่งข่าว บอกว่าท่านย่าอาการ แย่ลง บัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ฮูหยินรองมองไปข้างนอกแวบหนึ่ง เห็นนางพาสาวใช้มาเพียง แค่คนเดียวและไม่ได้พาแม่นมมา ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเชื่องช้า ลงมา แล้วกล่าว “ท่านย่าของเจ้าก็ยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ครั้ง นี้ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนเรียกเจ้ากลับมา เจ้าไปหาเขาที่ห้อง หนังสือเถอะ”

หยวนชิงหลิงรู้ความคิดของนางดี นางไม่ได้พาคนมา ก็ไม่ จำเป็นต้องไว้หน้าจวนอ๋อง และก็ขี้เกียจที่จะคุยกับนาง ก็เลยให้ นางไปที่ห้องหนังสือ โดยตรง
หยวนซึ่งหลังขมวดคิ้ว ต้องการเจอนาง ก็ไปหานางที่จวนของ ก็ได้แล้ว ทำไมต้องโกหกว่าท่านย่าอาการแย่ลง?

ในเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ท่านย่าอาการแย่ลง นางก็ไม่รีบร้อน กล่าว

อย่างเรียบเฉย “ข้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้า ไม่ใช่นางอยากจะวางอำนาจแต่อย่างไร เร่งกลับมาแต่เช้า อาหารเช้ายังไม่ตกถึงท้องเลย หิวจนมือไม้สั่นไปหมดแล้ว

ฮูหยินรองมองนางไปแวบหนึ่ง แล้วกล่าว “งั้นเจ้าไปที่ห้อง หนังสือก่อน ข้าจะส่งคนไปเตรียมข้าวต้มให้เจ้า

“ตอนนี้!” หยวนชิงหลิงสบตานางโดยตรง

ฮูหยินรองมองนางไปครู่หนึ่ง หันกายไปสั่งการ “เด็กๆ ไปเอา ข้าวต้มมา”

ลูกสะใภ้คนโตของฮูหยินรองนางหลวนก็นั่งลง เบ้ปากไปหนึ่ง

ที่ “ช่างสง่าผ่าเผยจริงๆ กลับมาที่จวนก็จะกินข้าวต้ม อยู่ที่จวน

อ๋องไม่มีของอร่อยกินหรืออย่างไร?”

เมื่อนางหลวนพูดเช่นนี้ สมาชิกหญิงคนอื่นๆก็หัวเราะขึ้นมา

นางหลวนเป็นลูกสาวของข้าราชการชั้นสูง สำหรับจวน เจ้าพระยาแล้ว ถือเป็นตระกูลเล็ก ก่อนที่พ่อของนางหลวนยังไม่ ได้เป็นข้าราชการนั้น นางหลวนตั้งแต่เด็กก็ออกไปช่วยแม่นาง ขายผ้าปัก ซินกับตลาด นิสัยแม่ค้ายังคงอยู่ ได้ดีแล้วลืมตัว หยวนชิงหลิงวางอำนาจ ก็อดไม่ได้ที่จะประชด

หยวนชิงหลิงไม่แม้กระทั่งที่จะเงยหน้าขึ้น ก็กล่าว “ความหมายของท่านป้าก็คือจวนอ๋องจนถึงขึ้นไม่มีแม้กระทั่งข้าวต้ม

นางหลวนตกใจ “ข้าไม่ได้พูดว่าจวนฮ่องจนนะ”

“งั้นก็หมายถึงพระชายาอย่างข้าล้มเหลวละสิ อยู่ในจวน แม้แต่ข้าวก็ไม่มีจะกิน ต้องกลับมาบ้านแม่เพื่อมาของข้าวต้มกิน

หยวนชิงหลิงกะพริบตาอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องมองไปที่นางหลวน

นางหลวนอัดอั้นตันใจแล้ว เห็นผีแล้วหรือนี่? โดยปกติหยวน ซึ่งหลังกลับมาที่บ้าน มักจะเอาอกเอาใจคนที่บ้านมิใช่หรือ? วัน นี้ทำไมถึงได้วางอำนาจเช่นนี้ละ

ฮูหยินรองกล่าวอย่างหน้าบึง “เอาละ เจ้าสองคนทำไมถึง ทะเลาะกันแล้วละ? อาหารเช้ายังไม่มาอีก? รีบให้คนไปดูหน่อย ใช่แล้ว วันนี้จางมามาทำขนมกุ้ยชาวมิใช่? เอามาให้พระชายา ด้วย”

คนพวกนี้ชอบประจบประแจงคนมีเงินมีอำนาจ หากยอมฝืน ทน ก็จะได้กินแค่ข้าวต้ม

วางอำนาจไปหน่อย ก็มีขนมกุ้ยฮาวกิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ