บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 30 คุยกันให้รู้เรื่อง



บทที่ 30 คุยกันให้รู้เรื่อง

แต่ทว่า หยวนชิงหลิงแค่ยืนแน่นิ่งไป แววตาของนางดูไม่โกรธ ไม่มีแม้แต่ ความสนใจหรือใส่ใจ

หญิงชุ่ยไม่อยากเชื่อว่านางไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ นางยั่วโมโห หยวนชิงหลิงเรื่อยๆ “เจ้าไม่อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเล่าเรื่องเหล่า นี้ให้ข้าฟัง? ”

หยวนชิงหลิงจับข้อมือของนางไว้แน่ ดึงนางเข้ามายังตำหนัก ด้านใน “อยากรู้ แต่ข้ารู้สึกว่า เราทั้งสี่คนสามารถพูดคุยตกลง กันดีๆได้”

นางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหมู่เหวินเท้าและฮ่องนี้อยู่ตำหนักด้าน ใน จากสถานการณ์ที่นางคาดเดาไว้ และเป้าหมายที่ต้องมาหา หมู่เหวินเท้านางรู้ว่าเพราะอะไร ดังนั้น หมิงซุยถึงได้ยืนอยู่หน้า ประตู และไม่เข้ามาด้านใน

พอเห็นนางเข้ามา ก็หาเรื่องยั่วโมโห ใช้ข้ออ้างต่างๆ และสร้าง เรื่องทำให้นางอับอาย เพื่อให้นางถูกขับไล่ออกจากวังและไม่ได้ เข้าใกล้ไก่ช่างหวง

“เจ้าปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้! “หมิงชุ่ยคิดไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิง จะมีเคลื่อนไหวแบบนี้ นางตกใจมาก นางใช้เล็บเกี่ยว ปลายเล็บ คมเกี่ยวไปที่ข้อมือของนางเพื่อให้นางปล่อยมือ

หยวนชิงหลิงมีความดื้อรั้นหัวแข็งตั้งแต่เด็ก หากคิดจะทำสิ่งใดแล้ว แม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแรกก็ยอม

ฉะนั้น ระหว่างทางที่เข้าไปในตำหนัก มีเลือดหยดตามทาง เดิน บนพื้นมีคราบเลือดที่สีสันเหมือนกับดอกทับทิม

“อ๋อง อ๋อง! “หลังจากหยวนชิงหลิงล้มลุกคลุกคลานพา นางมาถึงด้านใน ก็ไม่ได้คำนึงถึงมารยาทอะไรทั้งสิ้น นางผลัก หมิงซุยนั่งลงไปบนเก้าอี้ จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันแผล ปากนางพูดไปด้วยพระชายานี้มีเรื่องที่จะต้องอธิบายกับพวก เรา”

หมู่เหวินเห้ามองดูพฤติกรรมที่หยาบคายของนางที่ทำต่อห มิงชัย ดวงตาเคร่งขรึม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าคิดจะทำสิ่ง ใด? ”

ก่อนหน้านั้นสีหน้าของหมิงซุยร้ายกาจมาก แต่พอนางมา ถึงที่นี่และในตอนนี้นางก็เปลี่ยนหน้าท่าทางเป็นอีกคน นางมอง หยวนชิงหลิงด้วยแววตาเดียงสา

นางไม่เชื่อว่าหยวนชิงหลิงจะกล้าพูดเรื่องที่นางพูดเมื่อครู่ เพราะที่นี่ไม่ใช่มีแค่อ่อง แต่ยังมีอ๋องอยู่ เพราะเรื่องนี้ก็เป็น เรื่องที่น่าอับอายพอสมควร นางไม่มีทางพูดเรื่องบนเตียงออกไป แน่

แต่นางคิดผิด หลังจากหยวนชิงหลิงพันแผลตัวเองเสร็จ เงย หน้าจ้องมองไปที่อ๋อง เมื่อครู พระชายาฉีบอกกับข้าว่า ตอนที่ เจ้าอยู่กับนางบนหอเหวินชาน เจ้าบอกกับนางว่าตอนที่มีอะไรกับ ข้าเจ้าต้องกินยาเพราะขยะแขยงข้า และนางบอกว่าชาตินี้เจ้าก็จะไม่มีวันลืมนางได้ และเรื่องสุดท้ายที่ทำให้ข้าเชื่อสนิทใจคือ นางบอกว่าเป็นคนโยนเป่าลงมาเอง เรื่องนี้ นางกล้าพูดกับข้า แน่นอนว่า นางก็ต้องกล้าพูดต่อหน้าพวกเจ้า

หน้าของหญิงชุ่ยเปลี่ยนไปทันที นางจึงรีบบีบน้ำตาร้องไห้ ออกมา ทั้งตัวสั่นเทา “เจ้า………………….ไปเรื่อย? ทำไม เจ้าต้องใส่ร้ายข้า? ”

หมู่เหวินเท้าเดินไปข้างหน้ายืนอยู่ตรงหน้าของนาง เขาโมโห และเยือกเย็นมาก แววตาดุดันน่ากลัวโกรธจัด ยกฝ่ามือขึ้น มือ หนากำลังจะตบเข้าหน้า

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ และความโกรธ “ตบเลย ตบอย่างมือ หากตกข้าแล้ว ขาสัญญา ว่าพวกเราสี่คนจะไม่มีใครรอด ข้าเดิมพันด้วยชีวิต!

หยวนชิงหลิงได้สะกิดต่อม โมโหของหมู่เหวินเท้าแล้ว แววตา ของเขาโกรธมากขึ้น เขาเอามือลง อ๋องลุกขึ้นยืนและจับมือห เหวินเท้า “พี่ห้า อย่าไปสนใจหญิงใจหยาบเช่นนางเลย

หยวนชิงหลิงดึงปิ่นปักผมออก เพื่อป้องกันตัวเอง อารมณ์นาง เดือดพล่านจนตัวสั่น “อ๋องฉีเจ้าหุบปาก หากข้าเป็นหญิงใจ หยาบ พระชายาของเจ้าก็คือนางงูพิษ เจ้าเองก็แต่งนางงูพิษเข้า มาฉะนั้นไม่มีสิทธิ์มาพูดเช่นนี้กับข้า? เจ้าคิดว่านางรักเจ้าจริงๆ ? ที่นางรักคือฐานะะะเจ้าที่เป็นลูกชายฮองเฮาของฝ่าบาท

เท่านั้น”

อ๋องฉีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าเคยเห็นผู้หญิงที่ปากจัดมาก่อน แต่ถ้าไม่เคยพบเห็นหญิงใจหยาบและปากจัดเซนเจ้ามา ก่อน เจ้ากล้าใส่ร้ายหมิงชุ่ยเพียงนี้ บิดเบือนข้อเท็จจริง เจ้าไม่ กลัวถูกฟ้าดินลงโทษ? ”

เมื่อหยวนชิงหลิงฟังประโยคนี้ นางกั้นหัวเราะไม่อยู่ ฟ้าดิน ลงโทษ? นี่เป็นคำพูดที่ออกจากปากอ๋อง

ไม่แปลกเลยที่หมิงชุ่ยจะต้องลงมือด้วยตนเอง ไปแต่งกับคน ที่หัวใจโหดเหี้ยมเช่นนาง หากนางไม่เริ่มแผนการ คงไม่มีวันที่จะ ได้อำนาจที่นางต้องการ ?

หมิงซุ่ยยังคงร้องไห้อยู่ แต่ในใจนางกำลังด่าสามีอ๋องว่าโง่

เง่า

นางรู้ว่า อ๋องนี้ต้องเชื่อนาง แต่เขาไม่ได้ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้น นางจึงหันไปพึ่งอ๋อง

นางลุกขึ้น แววตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาจ้องไปที่หมู่เหวิน เจ้า”อ๋อง ข้าว่าเจ้าเกลียดข้า แต่สิ่งที่นางกล่าวมาเมื่อครู ข้า ไม่ได้เอ่ยแม้แต่คำเดียว เรื่องเช่นนี้ ต่อให้ข้าหญิงชุ่ยต้องตายก็ ไม่มีวันพูดเรื่องเช่นนี้ ไม่มีวันออกจากปากของข้า

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นางไม่ใช่หญิงไร้ยางอาย ที่จะนำเรื่องราว แบบนี้มาพูด

“ส่วนเรื่องที่นางกล่าวหาข้าว่าโยนเป่าลงมา นั่นยิ่งเป็นเรื่อง ไร้สาระ ข้าถือศีลกินเจตลอดหลายปี ไม่ฆ่าสัตว์ แม้แต่มดก็ไม่ กล้าเหยียบ ยิ่งเป็นผู้เป่าด้วยแล้ว
น้ำตานางรินไหลออกมา น้ำหูน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่า จะหยุด น้ำตาไหลอาบแก้มขาวใส อ๋องสงสารนางจับใจ อ๋อง ก็ไม่รู้ต้องทําอย่างไร

อ๋องเองก็สงสารภรรยาตัวเอง หัวใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บ ปวด เอื้อมมือเข้าไปกอดนางไว้แน่น ความจริงก็คือความจริง จิตใจคนรู้ดีที่สุด อย่าไปสนใจหญิงใจหยาบปากจัดเช่นนี้เลย

หญิงชุ่ยที่อยู่ใต้การสวมกอดของอ่อง แต่สายตานางยังคง จ้องมองไปที่หมู่เหวินเท้า

หยวนชิงหลิงเมื่อเห็นสายตาคู่นั้น นางกลับรู้สึกไม่โกรธและ อยากหัวเราะความโง่ของพวกนั้น

สตรีที่ปากหวาน เมื่อเทียบกับนางพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็กลาย เป็นคนเลวทราม

แต่ ความโกรธของหมู่เหวินเท้าค่อยๆจางหายไป ในที่สุด เขา

ก็สงบสติอารมณ์ลง เขาพูดกับอ๋อง “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

“ได้ พวกข้าไปก่อน พี่ห้าอย่าทรงโกรธไปเลย ให้มันเป็น เหมือนคำพูดของคนบ้า”อ๋องเกรงว่าหมู่เหวินเท้าจะทำร้ายพระ ชายา เรื่องอาจไปถึงหูเสร็จได้ เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่

เมื่อพูดเสร็จ เขาก็พาฉู่หมิงซุยออกไป

หมิงชุ่ยหมดคำพูดกับอ๋องนี้แล้ว เวลาเช่นนี้จะออกกลับไปได้ อย่างไรกัน? ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย

นางไม่ไม่สมัครใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ก่อนจะออกนางพันหลังจ้องไปที่หมู่เหวินเท้า กล่าวด้วยเสียงสะอื้น “หวังว่าท่านอ๋อง จะคืนความยุติธรรมแก่ข้า

หมู่เหวินเท้าพยักหน้า “พวกเจ้ากลับไปก่อน

หมิงซุยนางยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอน ยิ่งทำให้นางรู้สึก โมโหและกังวลมาก แต่จะแสดงท่าทีอะไรออกมามากไม่ได้ จึงจำ ต้องออกไปกับอ๋อง

นางไม่กล้าแม้แต่หันไปมองหยวนชิงหลิง

แววตาของหมู่เหวินเท้าเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา มองไปที่ใน มือของหยวนชิงหลิงที่ถือปิ่นปักผมไว้แน่น มวยผมของนางหลวม หลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง

ผมที่หน้าผากเปียกไปด้วยเหงื่อ เอียงหางตา ชำเลืองมองใคร บางคนด้วยความโกรธ

“เจ้าอย่าเข้ามา! “หยวนชิงหลิงยกขึ้นปักผมขึ้น จ้องไปที่เขา

“อย่าคิดมารังแกฉันอีก ฉันไม่กลัวหรอก”

นางเตรียมรับมือเขาไว้แล้ว หากเขาคิดทำร้ายนางจริงๆ แม้ว่า พละกำลังจะสู้ไม่ไหว แต่จะต้องเอาคืนเขาบ้าง

หมู่เหวินเท้าเดินเข้ามาใกล้นาง หยวนชิงหลิงตกใจกลัวมาก

เผลอยกปิ่นปักผม และเสียบปิ่นปักผมลงไปที่แขนของเขาอย่างจังปิ่นปักผมเสียบเข้าไป
นางใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี

หลังจากปิ่นปักผมเสียบเข้าไปแล้ว ทำให้นางเองก็ตกใจมาก เป็นครั้งแรกที่นาง ใช้อาวุธทําร้ายคน

เลือดไหลออกมาจากแขนเสื้อของเขา หลังจากนั้นเลือดไหล ออกมาไม่หยุด

หมู่เหวินเท้ามองไปที่หยวนชิงหลิงที่ตกใจกลัวอย่างคนไม่มี สติ พอเขานึกย้อนไปตอนที่นางรักษาเป่า ยังล้วงมือเข้าไปใน ช่องท้องรักษา เย็บแผล

เป็นคนเดียวกันจริงไหม?

หมู่เหวินเท้าดึงปิ่นปักผมออก โยนลงข้างนาง นางรีบเก็บทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “กินข้าว! ”

เขาเดินผ่านนางไป นั่งลงยังโต๊ะอาหาร

แต่แขนของเขา ยังมีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆ

หยวนชิงหลิงมวยผมขึ้น และใช้ปั่นปักผมม้วนบิดแล้วม้วนขด ให้เป็นมวย นางดูเขาอย่างระมัดระวังตัว ไม่รู้ว่าเขามีแผนอะไร

หมู่เหวินเท้าเหลือบมองไปที่นาง “นั่งลงกินข้าว! ”

หยวนชิงหลิงส่ายหัว “เจ้ามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“ไม่ใช่เรื่องทุกอย่างที่จะสามารถจัดการได้ ต้องรับรู้เข้าใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ข้าเองก็เกือบจะ ทำร้ายเจ้าข้าขอโทษเจ้าด้วย” หมู่เหวินเท้าวางตะเกียบไว้บนถ้วยของอีกฝั่ง พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

ขอโทษ?

หยวนซึ่งหลังค่อยๆเดินเข้ามา สับสนและนั่งตรงข้ามกับเขา ห เหวินเท้าไอขึ้น นางตกใจกลัวมากจนลุกออกไป และนางดึงขึ้น ปักผมออกมาอีกครั้ง ตะโกนขึ้น “เจ้าคิดจะทำอะไร ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ