บทที่ 76 เป็นฝีมือของเจ้าหรือไม่
แน่นอนว่าหยวนชิงหลิงไม่อาจรู้ได้ถึงความคิดภายในใจของ เขา นางเพียงแค่รู้สึกว่าเขาคงไม่ถึงขนาดมะลายจิตใจที่ดีไป หากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาอภิเษกกับหมิงหยาง นั่นจะ ทำให้ไม่เกิดเรื่องอันตรายกับเขา แต่เขากลับเต็มใจที่จะไม่ ทำร้ายชีวิตของหมิงหยาง และยอมละทิ้งข้อได้เปรียบนั้นไป
ยังไม่นับว่าเป็นชายมักรัก แต่ยังเป็นชายที่ชอบใช้ความ รุนแรงในครอบครัวอยู่ดี
“ดีกันได้หรือไม่? ” หมู่เหวินเท้ามองนางพร้อมคำถาม
น้ำเสียงของเขานั้นไร้ซึ่งอำนาจและการข่มขู่ หยวนชิงหลิงจ้อง มองเขา ก็เห็นความจริงใจที่อยู่ในแววตา
นางในตอนนี้ถูกโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ แน่นอนว่าไม่มีความ จําเป็นที่จะต้องต่อสู้กันภายในกับหมู่เหวินเท้า นางพยุงหัวตัวเอง ขึ้น พยายามมองหน้าเขาให้ชัดเจนที่สุด ก่อนจะกล่าวอย่างหนัก แน่น “ดีกันก็ได้ แต่ข้ามีข้อแม้
“พูดมา! ” หยู่เหวินเท้าตอบกลับอย่างทันควัน
ประการแรก อย่างที่ข้าเคยกล่าวว่าห้ามทำร้ายข้า
“ยินยอม! ”
ประการที่สอง คือห้ามใช่ข้าเป็นโล่กำบังเรื่องท่านไม่ต้องการอภิเษกพระชายาอีก หากจะต้องมีการเจรจาเรื่องอภิเษกอีกครั้ง
หมู่เหวินเท้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ยินยอม! ”
“ประการที่สาม ห้ามมาก้าวก่ายอิสรภาพของข้าเกินไป
ประการนี้แน่นอนว่าได้” เขาไม่เคยคิดจะไปก้าวก่ายนางอยู่ แล้ว ทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยอยากจะไปสนใจด้วยซ้ำ
ประการที่สี่ก็คือหากมีโอกาส อยากจะขอให้ท่านหย่าร้างกับ ข้าเสีย พวกเราเลิกรากันแต่โดยดีจะดีกว่า” หยวนชิงหลิงกล่าวอ ย่างจริงใจ
หมู่เหวินเท้าเองพยักหน้ารับ “เจ้าวางใจได้ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้า คิดเช่นกัน”
“ประการที่ห้า……..
เขาขมวดคิ้วขึ้น “เจ้าจะจบหรือไม่? หากไม่ ก็อย่าดีกันเลย”
“ประการสุดท้าย” หยวนชิงหลิงจึงรีบพูดทันที “ก็คือเรื่อง กล่องยาของข้า ท่านจงอย่าได้กล่าวกับผู้อื่นเด็ดขาด”
หมู่เหวินเท้าขยับเข้าไปใกล้นาง “หากต้องการให้ข้าเก็บ ความลับนี้เอาไว้ ก็เทียบเท่ากับว่าเป็นการให้ข้าแบกรับความ เสี่ยงนี้ด้วย หากเป็นเช่นนี้เจ้าจะต้องบอกกับข้าด้วยว่ากล่องยา นั้นมีที่ไปที่มาอย่างไร ใช้ทำสิ่งใด และสาเหตุที่มันสามารถ เปลี่ยนขนาดได้อีกด้วย”
หยวนชิงหลิงที่เมื่อสักครู่นี้พอจะลองหาข้ออ้างเอาไว้แล้ว เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้จึงได้ตอบกับทันที
“กล่องยาใบนี้ตัวข้าเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ท่านตอน ที่ข้าถูกท่านตีเพราะเรื่องของหกเกอเอ๋อได้หรือไม่? ในตอนนั้น ข้าได้หมดสติไปแล้วก็ได้ฝัน ซึ่งในความฝันของข้ามีคนๆ หนึ่ง เรียกตัวเองว่าหมอผีแล้วบอกว่าต้องการถ่ายทอดวิชาการรักษา ให้กับข้า ตอนนั้นขาคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระสิ้นดี แต่พอ ข้าฟื้นขึ้นมา ก็มีกล่องยากล่องนี้อยู่ข้างกายเสียแล้ว พอข้าเอื้อม นายกมันขึ้นมา กล่องยาก็หดเล็กลงแล้ว จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังรู้สึก ราวกับว่ากำลังฝันอยู่อย่างนั้น
ในยุคโบราณเช่นนี้ นางเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องหมอ อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วสารทิศ ซึ่งก็คือหมอผีใน ตำนานอันเลื่องลือ แต่เขานั้นไม่ใช่คนเปียถัง ทั้งยังตายไปตั้ง นานแล้วด้วย ทว่าทั้งห้าประเทศก็ยังมีการสืบทอดเล่าต่อตำนาน เรื่องหมอผีนี้อยู่ตลอด
ส่วนหมู่เหวินเท้าที่ได้ฟังนางพูดเช่นนี้ ก็เชื่อไปไม่น้อย เพราะ เรื่องของหมอผีนั้นเขาก็เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังรู้สึกว่าหมอผีนั้น มีความชำนาญในการใช้เข็มเป็นอย่างมาก และยังเป็นเข็มชนิด พิเศษอีกด้วย ซึ่งก็คงจะเป็นเข็มแบบเดียวกับเข็มที่อยู่ในกล่อง ยาของหยวนชิงหลิง
สิ่งที่เขาเชื่อนั้นเน้นตามหลักของความเป็นจริง เพราะเขาเคย สืบมาว่าหยวนชิงหลิงนั้นไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิชาการรักษา และ ไม่นานมานี้นางก็ไม่ได้ออกไปข้างนอก อีกทั้งการเปลี่ยนแปลง ของนางก็เกิดขึ้นหลังจากเรื่องของหกเกอเอ๋อ
และยิ่งตามด้วยเรื่องที่ว่านางสามารถที่จะหาคำพูดหลอกลวง ได้มากมาย แต่เรื่องของหมอผี ได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้ สาระ คิดแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกล่าวชื่นชมผู้อื่น และ นางเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปั้นเรื่องขึ้นอีกด้วย
จากการวิเคราะห์แล้ว เป็นเรื่องแท้จริงแน่นอน
เขากล่าวต่อ “ข้างในกล่องยานี้มันว่างเปล่า เป็นเพราะเจ้าใช้ ยาด้านในนั้นหมดแล้วงั้นหรือ? ”
หยวนชิงหลิงประหลาดใจ “ว่างเปล่า? ”
นางจึงรีบเปิดกล่องยาขึ้น ปรากฏว่าด้านในนั้นเต็มไปด้วยยา มากมาย ไม่ใช่เสียหน่อย
ดวงตาทั้งสองข้างของหมู่เหวินเท้าเกือบแทบจะหลุดออกมา เมื่อสักครู่นี้เขาเห็นกับตาว่าด้านในกล่องยานี้มีแต่ความว่าง เปล่า
ผ่านไปสักพัก ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “หยวน ชิงหลิงเจ้าเป็นผีล่ะมั้ง?
ที่จริงแล้วช่วงนี้หยวนชิงหลิงพยายามที่จะทำความเข้าใจเกี่ยว กับกล่องยานี้ เพราะกล่องยาจะเปลี่ยนตามสถานการณ์หรือ ความคิดในสมองของนาง หรือจะกล่าวว่าสามารถควบคุมด้วย ความคิดได้
และการตายของนางในยุคปัจจุบันนั้น เป็นเพราะการได้รับยา พัฒนาสมองที่ตัวเองเป็นคนทดลองศึกษาอีกด้วย
ซึ่งในระหว่างการทดลองนั้น ได้ทำการฉีดยาให้กับลงมาก่อน แล้วปรากฏว่าลิงตัวนั้นสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ ซึ่งในตอนที่ การทดลองกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น เป็นเพราะเจ้าลิงแอบไป ขโมยดื่มไวน์ของท่านประธาน ทำให้เมาจนวิ่งไปโดนรถชนตาย
และนางก็มั่นใจอย่างมากว่าสมองของตัวเองนั้นกำลังได้รับ การพัฒนา แต่ทว่าเป็นสาเหตุใดที่ทำให้หลังจากที่สมองมีการ พัฒนาแล้วนางถึงได้กลายเป็นวิญญาณล่องลอยทะลุมิติหรือ จิตใจที่ล่องลอยนั้น สิ่งนี้ก็ยังต้องมีการสืบค้นต่อไป
และแน่นอนว่าตอนนี้นางไม่มีความสามารถใดที่จะทำการ สืบค้นทดลองได้แล้ว เวลาก็มีไม่มากพอ ทั้งยังสถานการณ์ใน ตอนนี้ก็ค่อนข้างจะซับซ้อนอีกด้วย เพราะความเป็นตายวนอยู่ รอบหัว
และด้วยความน่าประหลาดของกล่องยา จึงทำให้ทั้งยุติการ ต่อเถียงไปชั่วขณะ
ไม่ว่าจะอย่างไร จวนอ๋อง นับว่าเกิดความปรองดองกันอย่าง ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และยังเป็นครั้งแรกด้วยที่พวกเขาทั้งสองได้ ร่วมโต๊ะอาหารกัน ในขณะที่ทางฝั่งของพวกเขากำลังรื่นรมย์ แต่ ทางฝั่งจวนตระกูลฉกำลังเกิดความดุเดือดขึ้น
วันนี้ พระชายาฉีจะกลับบ้านแม ส่วนอ๋องฉีเพราะว่ามีธุระจึงไม่ ได้กลับไปด้วย ทางด้านโสวได้กลับมาก่อนนานแล้ว จึงสั่งให้ คนใช้ไปเรียกตัวพระชายาที่กำลังพูดคุยกับท่านย่าให้ไปเข้า พบยังห้องหนังสือ
ทันทีที่หมิงซุ่ยเข้าไปในห้องหนังสือ โสวก็ถามด้วยความ ฉงนทันที “เรื่องที่ไท่ซางหวง โดนยาพิษของนั้น มันเรื่องอันได กัน? ”
ฉู่หมิงชุ่ยตกใจ “เสด็จปู่ เรื่องนี้หลานจะทราบได้อย่างไรเจ้า คะ? ”
“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ? ” โสวมองด้วยสายตาอันเฉียบแหลม หมิงซุ่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เป็นอ๋องหรือเปล่าเจ้าคะ? ”
“อ๋องจี้ไม่ใช่คนโง่เขลา ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้คิดว่าเป็น ช่วงที่เขาเหมาะจะลงมือกับไก่ช่างหวงงั้นหรือไร? ” โสวฉู่จ้อง ฉู่หมิงซุ่ย “เจ้ากำลังแอบกระทำบางอย่างลับหลังข้าอยู่ชาหรือ ไม่? ”
หมิงซุ่ยส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา “สิ่งที่หลานทำทั้งหมด ล้วน ทําตามคําสั่งของเสด็จปู่ โดยไม่มีสิ่งใดปิดบังเสด็จปู่เลยแม้แต่ น้อยเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของ โสวฉู่เยือกเย็นอย่างมาก เช่นนั้นเรื่องของ แม่นมสี่มันเป็นเช่นไร? เพราะเหตุใดนางถึงได้รับฟังจากเจ้าแล้ว นำไข่มุกหนันของพระชายาส่งไปยังทางฮองเฮานั้นหรือ ?
เป็นเพราะเรื่องนี้ฉู่หมิงชุ่ยเคยถูกฮองเฮาตำหนิมาแล้ว ดังนั้น นางจึงคิดว่าเป็นฮองเฮาที่เป็นผู้แจ้งความเรื่องนี้ จึงเตรียมที่จะ หาข้ออ้าง “ครั้งนี้เป็นเพราะหลานประมาทไป เดิมที่มัวแต่หวัง อยากจะให้เกิดความบาดหมางระหว่างเรียนเฟยและพระชายา กลับคิดไม่ถึงว่าจะทำให้ท่านน่าจะไปแจ้งให้กับฝ่าบาท”
“ข้าเพียงอยากจะถามเจ้า ว่าเหตุใดถึงได้เป็นแม่นม โสวจ้องนางเขม็งด้วยสายตาที่เยือกเย็น
หมิงซุ่ยที่ถึงแม้จะต้องเผชิญกับสายตาที่น่าเกรงขามดุจ สายฟ้า จนทำให้ใจสั่นแต่นางก็ยังตอบกลับอย่างน้ำไหล ใน ตอนที่อยู่ในวัง แม่นมนั้นให้การดูแลข้าเป็นอย่างดี การลงมือ ครั้งนี้ของหลาน ก็นับว่าเป็นการช่วยจัดการแผนของแม่นมด้วย แต่เสด็จปู โปรดวางใจได้ เพราะฝ่าบาทนั้นไม่ได้ถือโทษอันใด ท่านน้าเองก็ให้การช่วยเหลือข้า โดยบอกว่าข้าเพียงแค่ต้องการ ให้พระชายาและฮองเฮานั้นมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเท่านั้น”
“เมื่อวานนี้ข้าเข้าวัง และฝ่าบาทเป็นกล่าวตักเตือนข้าเอง ให้ ข้ากลับมาอบรมสั่งสอนเจ้า เจ้าคิดว่าท่านน้าของเจ้าเป็นคนที่ แจ้งกับข้างั้นหรือ ? ” โสวฝูฉู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
ฉู่หมิงซุ่ยถึงกับใจสั่น “ฝ่าบาทพิโรธงั้นหรือเจ้าคะ? ”
“แม่นมที่ไม่มีทางที่จะได้ดูแลเจ้าหรอก เจ้าข่มขู่นาง ใช่หรือ ไม่ใช่? ”
หมิงชุ่ยส่ายหน้า “ไม่ใช่จริงๆ เจ้าค่ะ หลานจะกล้าไปข่มขู่คน ของพระตำหนักฉินคุนได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าหลานจะสะเพร่ามาก เพียงใดก็ไม่อาจทำความผิดเช่นนี้ได้หรอกเจ้าค่ะ”
โสวฉู่ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้สะเพร่าหรอก เป็นเพราะเจ้า รู้ความสัมพันธ์ของแม่นมสี่กับข้า เจ้าเลยรู้ว่าครั้งนี้นางจะต้อง ช่วยเจ้าแน่ แม้แต่เรื่องการวางยาใน พระตำหนักฉันคน ก็เป็น เจ้าที่บงการให้นางทำ
หญิงชุ่ยตกใจอย่างหนัก “ไม่เจ้าค่ะ จะเป็นไปได้อย่างไร? หลานจะทำเช่นนี้ไปเพื่อเหตุใดเล่า?
โสวจ้องมองนาง “ทางที่ดีเจ้าควรจะยอมรับมาแต่โดยดี ตำแหน่งของ พระชายา ข้าสามารถที่จะยกเจ้าขึ้นไปได้ ก็ สามารถที่จะดึงเจ้าลงมาได้เช่นกัน ทางที่ดีเจ้าอย่ามาท้าทาย ความอดทนของข้าจะดีกว่า”
หมิงชัยยงคงนิ่งสงบ “เสด็จปู่ท่านฟังข้าพูดก่อน……
“พูดมา! ” โสวฝรามออกมาทำให้หมิงซุยตกใจจนต้อง คุกเข่าลงทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ