บทที่ 7 ช่วยเหลือตัวเอง
ทั้งหยางสั่งให้หยาไปรับยาตามใบสั่งที่หมอเขียนให้มา เอ่ยปลอบใจแม่นมอีกสองสามประโยค ก็หันหลังจากไป แม่นมนั่งเฝ้าสังเกตอาการอยู่ไม่ห่าง เมื่อถึงยามค่ำ นางก็
เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
ลู่หยาก็มาอยู่เป็นเพื่อนด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกัน แม้เพียงครึ่งคำ แทบจะกลั้นหายใจมองดูหกเกอเอ๋ออย่างไม่ให้ คลาดสายตา คล้ายหวาดกลัวว่าเขาอาจจะหยุดหายใจได้ทุก เมื่อ
แต่ในความเป็นจริง หกเกอเอ่อกลับหลับสนิทอยู่ตลอดเวลา กระทั่งล่วงเข้าใกล้ยามจื่อ (ช่วงเวลา 23.00 น. – 01.00 น.) เขา ก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด เขาลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมองแม่นมณี “ท่านย่า ข้าหิว!”
แม่นมตื่นเต้นยินดีเสียจนแทบจะกระโดดขึ้นมาอยู่แล้ว นับ ตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เด็กคนนี้ก็ไม่สามารถกินอะไรได้ อีกเลย กระทั่งนมแพะที่นางไปขอมาได้อย่างยากลำบาก เขาก็ยัง ผืนดื่มมันลงไปไม่ไหว
นางเอื้อมมือออกไปแตะหน้าผากของเขา พบว่าไม่ได้ร้อนเท่า ไหร่แล้ว
“ยาของท่านหมอได้ผลแล้ว!” แม่นมฉีพูดกับลู่หยาด้วยความตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด
“ใช่แล้ว! ยาของท่านหมอได้ผลแล้วจริงๆ!” ลู่หยาก็ตื่นเต้น ยินดีมากเช่นกัน
ในวันถัดมา หมอจึงถูกเชิญมาที่จวนอ๋องอีกครั้ง เมื่อได้ยินว่าเด็กคนนั้นยังไม่ตาย หมอเองก็รู้สึกว่า มันช่าง เป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง “เจ้าเด็กคนนี้ชะตาแข็งเสียจริง เดิมที่ยังคิดอยู่ว่าอย่างไรก็คงต้องตายแน่แล้ว”
แม่นมคุกเข่าลงโขกหัวคำนับ พูดขึ้นว่า “ท่านหมอ ท่านได้ โปรดสั่งยาอีกสักเทียบหนึ่งเถิดเจ้าค่ะ ช่วยหลานชายของข้า น้อยด้วย”
หมอถึงกับสะดุ้งไปเฮือกหนึ่ง ยาที่สั่งให้เมื่อวานนี้ ล้วนไม่ อาจนําไปใช้รักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ส่วน ใหญ่จะใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด กับระงับประสาท มีผลต่อ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่นี่มันอาจจะเป็นความผิดพลาด ที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ คิดไตร่ตรองให้ดีก็เป็นได้
เขาตรวจชีพจรของหกเกอเอ๋อ พบว่ามันดีขึ้นกว่าเมื่อวานบ้าง แล้วจริงๆ อีกทั้งตัวเขาก็ไม่ร้อนมากเท่าวันก่อนแล้วด้วย
จากนั้นเขาจึงออกใบสั่งยาเพิ่มอีกใบ” ให้แม่หนูนี่กลับไปรับ ยากับข้ายาเทียบนี้ต้องกินติดต่อกันสองวัน รวมถึงมียาผง สำหรับใส่แผลด้วย ถ้าเห็นผลดีขึ้น ค่อยมารับยาต่อไป ”
*ขอบพระคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ!
“แล้วค่ายา ใครเป็นคนจ่าย?” หมอเอ่ยถาม
เมื่อวานนี้ เป็นทั้งหยางที่ช่วยจ่ายค่ายาให้ แต่วันนี้ ด้วยราคา ค่ายาทั้งหลายที่ต้องใช้ คงมีแต่ต้องให้แม่นมณีจ่ายเองแล้ว แม่นมมองดูมือที่ยกขึ้นมาของหมอ จึงลองถามหยั่งเชิงไป
ว่า “ห้าสิบเหวินหรือเจ้าคะ?”
“ห้าตาลึง!” หมอลี่กล่าวอย่างไม่พอใจ
เขาไม่ใช่พวกหมออาสาหน้าใหญ่เหล่านั้น ไม่มีวันสั่งยาที่มี ราคาแค่ไม่กี่เหวินเป็นอันขาด
ลูกตาแม่นมณีแทบจะถอนจนหลุดออกจากเบ้าอยู่แล้ว
เงินห้าตำลึง? นั่นเท่ากับเงินเดือนของนางตลอดครึ่งปีเลยที
เดียว
นี่มันแค่ยาสองเทียบเองไม่ใช่
แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของหลานชายแล้ว เป็นธรรมดาที่ชีวิต ย่อมต้องมีค่ามากกว่าเงินทองเหล่านั้น นางจึงกัดฟัน แล้วเอาเงิน ห้าตำลึงให้กับหมอไป
ลู่หยาตามหมอไปรับยา เมื่อนางกลับมาเห็นแม่นมกำลัง ร้องไห้ ก็เอ่ยปลอบใจออกไปว่า “แม่นม อย่าได้เสียใจเลย เจ้าค่ะ หกเกอเอ๋อจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
แม่นมฉพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นขมขื่น” ทำไมถึงได้มีคนที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่นะ ข้านึกถึงตอนที่กระแทกเปิดประตูเข้าไป เห็น
นางถือมืดในมือ แล้วกรีดเข้าที่ดวงตาของหกเกอเอ๋อ ข้าแค้นจน
แทบอยากจะฆ่านาง ให้ตายไปเสียให้พ้นๆ หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น
กับหกเกอเอ่อล่ะก็ ข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไปเช่นกัน ข้าจะยอม
แลกด้วยชีวิตของตัวเอง อย่างไรก็จะฆ่านาง ให้ตายตกไปตามกัน
ให้จงได้! ”
ลู่หยารีบเอ่ยปลอบ “อย่าโกรธอีกเลยเจ้าค่ะ ท่านโกรธมากไป เกิดไปทำลายสุขภาพตัวเองเข้ามันก็ใช่ว่าจะคุ้ม ถึงอย่างไรท่าน อ๋องก็มีคําสั่งออกมาแล้ว นางอยากทำตัวเองก็ให้นางรับผล กรรมเองนั่นล่ะ นางถูกโบยจนเจ็บหนักปานนั้น ดีไม่ดีก็อาจจะไม่ รอดแล้วก็เป็นได้ จากนี้ไป ถึงตายข้าก็จะไม่ไปส่งอาหารให้นาง อีกเด็ดขาด ให้นางเจ็บป่วยจนตายไปได้เลยยิ่งดี อย่างน้อยก็นับ ว่าได้ชำระความแค้นในใจนี้ลงไปได้บ้าง ”
ณ.หอเฟิงหยี
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าตัวนางนั้น อยู่ในอาการโคม่ามานานแค่ ไหน นางค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ภายในห้องนั้นมืด สนิท
นางรู้สึกผิดหวังมาก ที่ไม่เกิดความฝันซึ่งจะช่วยพานางกลับ ไปยังห้องทดลอง
นางคลานไปอย่างทุลักทุเล ปีนป่ายขึ้นจนถึงบนโต๊ะได้ในที่สุด นางจำได้ว่าบนนั้นยังมีชากับหมั่นโถวเหลืออยู่
นางจำเป็นต้องดื่มน้ำ จำเป็นต้องกินอะไรบ้าง
ในกล่องยาไม่มีกลูโคส ดังนั้นนางจึงไม่สามารถให้น้ำเกลือ ตัวเองได้
แค่ระยะทางเพียงไม่กี่ก้าว นางกลับต้องใช้เวลาคลานอยู่นาน กว่าจะไปถึง นางพยายามฝืนลุกขึ้นช้าๆ แต่ก็ยืนไม่ไหว พลันทรุด ฮวบลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น แต่มือนางยังสามารถคว้าหมั่นโถวมา ได้ลูกหนึ่ง นางนอนแผ่ลงไปกับพื้น แล้วกัดกินหมั่นโถวเข้าไปที ละค่าๆ
นางรู้ว่าตัวเองเริ่มมีไข้แล้ว จึงไม่กล้ากินมากเกินไป เพื่อจะได้ ไม่ไปเพิ่มภาระให้กับกระเพาะอาหาร
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ