บทที่ 61 ตาแก่ต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน
เมื่อถึงพระตำหนักฉินคุน ไท่ซางหวงกำลังนั่งแทะเมล็ด ทานตะวันอยู่
ในตำหนักนอกจากฉางกงกงแล้ว ยังมีใครอีกคนหนึ่ง ใครคน นี้ใส่เสื้อสีดำ มีดาบ ผมด้านข้างหงอก ดูมีอายุแล้ว เขาเห็น หยวนชิงหลิงเดินเข้ามาในตำหนัก ก็หันมากวาดมอง แววตาเย็น ราวกับฟ้าผ่า
ไก่ช่างหวงที่แทะเมล็ดทานตะวันอยู่ก็กล่าวขึ้น “เจ้าออกไป เถอะ”
ชายเสื้อ ยกมือคำนับแล้วถอยไป
ฝีเท้าของเขาเบามาก ถ้าจะจับตามองให้ดี ก็ยังรู้สึกว่าขณะที่ เขาเดินส้นเท้าไม่แตะพื้นเลย เพียงเวลาสั้นๆ คนก็หายไปอยู่นอก นําหนักแล้ว
“มองอะไร? เขาคือองครักษ์ลับของข้า เรื่องของเจ้าจัดการ เรียบร้อยแล้ว?” ไท่ซางหวงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ถามอย่าง เรื่อยเปื่อย สีหน้าดูไม่เลวทีเดียว
หยวนชิงหลิงจู่ๆก็มีภาพลวงตา ตาแก่คนนี้รู้ทุกอย่างจริงๆ ด้วย รวมทั้งคนที่บงการแม่นมสี่
ตาแก่มองดูนาง ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แปลกๆ
หยวนชิงหลิงหนังหัวชา นางต้องเดาไม่ผิดแน่ ตาแก่ต้องรู้ทุก อย่างอย่างแน่นอน
“ฉางกงกง ข้ามีเรื่องจะคุยกับไท่ซางหวงเป็นการส่วนตัว เชิญ ท่านออกไปก่อน” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเป็นคน โง่ได้อีก ต้องถามให้แน่ใจ
ฉางกงกงไหวพริบดีมาก แล้วรีบออกไปทันที
ไท่ซางหวงยังคงแทะเมล็ดทานตะวัน ใบหน้าท่าทางดูแล้วก วนประสาทมาก “มีอะไรจะถาม? ข้าอาจไม่ตอบเจ้าก็ได้”
“ใครเป็นคนเปลี่ยนยา? หยวนชิงหลิงกรูเข้าไปถาม ท่านรู้ใช่ หรือไม่?”
“รู้!” พูด โดยไม่เงยหน้าขึ้นเลย “เสี่ยวโหลจื่อ
“อย่ามาแกล้งโง่กับข้า
“บังอาจ!” ไท่ซางหวงตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้ากำลังพูดกับ
ใครอยู่?”
หยวนชิงหลิงก้มหน้าลง ทนเก็บความคับข้องใจลงไป “ขอโทษเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว
ไท่ซางหวงทําเสียงฮืมไปหนึ่งที่ยังคงแกะเมล็ดทานตะวันต่อ ยอมรับแต่โดยดี “ไม่ผิดหรอก ข้ารู้”
หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ ทั้งทุกคนต่างก็ ห่วงใยความรู้สึกของเขา แต่เขานั้นกลับเข้าใจทุกอย่าง? ในเมื่อเข้าใจ ทำไมเขายังให้แม่นมอยู่รับใช้ในตำหนักอีก? ไม่กลัวว่า นางจะวางยาอีกครั้งเหรอ?
“มองไม่ทะลุ?” ไท่ซางหวงทำเสียงอิ่มไปหนึ่ง แล้วคลาย เปลือกเมล็ดทานตะวันออกมาจากปาก
“ท่านเป็นเก่ง” หยวนชิงหลิงชื่นชมด้วยความจริงใจ ไท่ซางหวงมองนางกวักมือเรียก “มานี่”
หยวนชิงหลิงรีบนั่งเข้าไปใกล้ รอเขาพูดอย่างตั้งใจ
ไท่ซางหวงกลับหยิบเมล็ดทานตะวันให้นางหนึ่งกำมือ “แกะ เปลือก!”
หยวนชิงหลิงอัดอั้น แต่ก็ทำได้เพียงช่วยเขาแกะเปลือก
เมล็ดทานตะวันหลายเม็ดวางอยู่บนฝ่ามือเขา เขาก็ไม่ได้รับ กินมัน รอจนแกะได้แปดถึงสิบเม็ด จึงกินมันทีเดียว เคี้ยวไปสอง สามที ก็พูดอย่างขยะแขยง “ไม่ได้แทะเอง ไม่อร่อยเลย
หยวนชิงหลิงกล่าว “การกินเมล็ดทานตะวันไม่ใช่เพื่อกินเมล็ด ของมัน แต่เพื่อเพลิดเพลินกับการแทะมากกว่า”
“รู้ก็ดีแล้ว!” ไท่ซางหวงกล่าวอย่างเรียบเฉย “แล้วเจ้าจะถาม ทําไมเยอะแยะ? ก็ค่อยๆแกะมันออก แล้วค่อยๆสังเกตวิเคราะห์ มันก็พอ”
ดีเลย ที่แท้เขากำลังใช้วิธีมาเปลี่ยนความคิดของนาง “เจ้าไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติในวังแล้ว พาท่านอ๋องของเจ้ากลับไปที่จวนอ๋องเถอะ หากข้าต้องการพบเจ้า ก็จะให้ไปตามเอง ไม่ ช่างหวงโบกมือไล่ ร่างกายพิงอยู่ด้วยท่าทางที่เฉื่อยชา
คิดถึงต้องกลับจวนอ๋อง ในใจหยวนชิงหลิงก็หดหู คนทั้งคน อารมณ์ก็เศร้าไปหมดเลย
“ไม่ดีใจ?” ไท่ซางหวางสังเกตสีหน้า แล้วถาม
“ไม่มีอะไรน่าดีใจเลย”
ไท่ซางหวงหัวเราะ “เป็นเพราะเรื่องชายารองของหลานห้า ใช้ มั้ย? เรื่องนี้เป็นความคิดของเสียนเฟย ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่ได้ สนใจหลานห้ามากนัก ทำตามก็พอ ทำไมต้องเรื่องมากด้วย?”
เขาก็รู้เรื่องนี้ด้วย? ดูเหมือนเรื่องแต่งตั้งชายารองคงคุยกัน นานแล้ว
“เรื่องนี้ สำหรับข้า ไม่ใช่เรื่องอะไร ถ้าจะเป็นเรื่องก็เป็นเรื่องที่
ดี แม่นมสี่จะออกจากวังไปกับหม่อมฉันแล้ว ท่านรู้หรือเปล่า?”
รู้? เรื่องนี้เพิ่งจะสรุปเอง ก็มีคนมารายงานเขาเร็วขนาดนี้เลย เหรอ? ใครช่างเร็วเพียงนี้? หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชาย เสื้อคนนั้น น่าจะเป็น ชายเสื้อคนนี้น่าจะเป็นหูเป็นตาของ เขาละมั้ง?
“ดีกับเขาหน่อยละกัน แม้ว่าข้าจะผิดหวังในตัวนาง แต่ก็ไม่ เคยเกลียดนาง” ไท่ซางหวงก้มหน้าเช็ดมือ กล่าว
เขาที่ฐานะสูงส่งแบบนี้ มีคนจะปองร้ายเอาชีวิตตัวเอง เขา กลับไม่เกลียด ยังบอกให้นางดีกับแม่นมสี่หน่อย มันช่างแปลก เหลือเกิน
ตำหนักด้านข้างห้องทรงพระอักษรนั้น อ๋องซุนรู้ว่าหมู่เหวินเท้า กําลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในวัง แต่ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บจะ สาหัสเพียงนี้ มองดูอยู่เหวินเท้าที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่มีพลัง ชีวิต หัวที่เหมือนลูกบอลของอ๋องซุน โกรธจนผมเกือบจะตั้งขึ้นมา แล้ว ใบหน้าบึ้งตึง “ไอ้ชั่วคนไหนเป็นคนทำ? ข้าจะสับมันเป็น หมิ่นๆชิ้น”
ขณะที่ค่าด้วยความโกรธ ก็หยิบผลไม้เชื่อมที่กินแก้ยาขมของ หมู่เหวินเท้าเข้าปาก เคี้ยวอย่างโกรธเคือง
หมู่เหวินเท้านั้น ใจเย็นมาก มองปากที่ปุ๋ยของเขา “ทางโน้นมี
ขนม ฉางกงกงเป็นคนเอามา
เอามาให้หยวนชิงหลิง คำพูดประโยชน์นี้เขาไม่ได้พูด จริงๆ แล้วเขาร้อนใจมาก มองดูด้านนอกตลอดเวลา
ทั้งหยางได้หยิบของว่างมาวางตรงหน้าอ๋องซุน อ๋องซุน โบกมือขึ้น “กินไม่ได้ …………………..นี้ ฉางกงกงเป็นคน เอามาเหรอ? ห้องเครื่องของเสด็จเป็นคนทำเหรอ? ดูแล้ว ประณีตมากเลย กินชิ้นนึงละกัน”
เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ทั้งหยางก็จะยกไปเก็บ อ๋องซุนจึงคว้า เอาไว้ “เจ้าจะทำอะไร? วางไว้ตรงนี้แหละ ทั้งหยางเจ้าดูนิสัยที่ เหนียวของเจ้า ข้ากินของเจ้าเหรอ?”
ทันหยางหัวเราะกล่าว “ท่านอ๋อง ข้าน้อยกลัวว่าจะจุกน่ะ” “ข้าเคยกินจนจุกตั้งแต่เมื่อไหร่?” อ๋องซุนถลึงตาใส่
“ใช่ ใช่!” ท่านเคยกินจนจุกเมื่อไหร่กัน?
ใจของหมู่เหวินเท้าว้าวุ่นมาก อยากให้เขากินเสร็จแล้วรีบไป เขาไม่มีแรงที่จะมาคุยเรื่องขนมเลิศรสกับเขา “กิน ให้เขากิน เถอะ กินมากไปเดี่ยวออกไปเดินย่อยก็ได้แล้ว”
ขณะที่อ๋องซุนทานขนม ก็กล่าวขึ้น “ใช่แล้ว ข้าเพิ่มจะมาจาก ตรงเสด็จพ่อ โดนต่อว่ามาเป็นชุดเลย เสด็จพ่อกำลังโกรธ ชายา ของท่านเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะว่านางด้วยหรือเปล่า”
หมู่เหวินเท้ายกหัวขึ้น “เสด็จพ่อโกรธเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพียงนั้น ข้า แค่ไปเข้าน้อมทักทาย ถูกตำหนิเป็นการใหญ่เลยว่าข้าไม่ เอาการเอางาน รู้แต่กินไปวันๆ เหมือนถูกใส่ร้ายเลย ท่านให้ข้า ไปรับตำแหน่งที่กรมการพระนคร ข้าทำเป็นที่ไหนกันเล่า? ก็เลย เสนอเจ้า”
“กรมการพระนคร?” หมู่เหวินเท้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้า เสนอขาทำไม? ให้ข้าไปเป็นมือปราบเหรอ?”
“เจ้ากรมการพระนครน่ะ”
“อะไรนะ?” หมู่เหวินเท้าตกใจ “เสด็จพ่อแต่ตั้งให้เจ้าเป็นเจ้า กรมการพระนคร?”
กรมการพระนคร ที่ทําการปกครองเมืองหลวง ตรวจสอบ ความอุดมสมบูรณ์ สำรวจสิ่งแวดล้อมประชาชน ลงโทษอย่าง เป็นธรรมกำกับดูแลข้าราชการ อำนาจยิ่งใหญ่น่าตกใจ เสด็จ พ่อจะให้พี่รองเป็นเจ้ากรมการพระนคร
เขาเข้าใจทันทีว่า เสด็จพ่อไม่ได้จะแต่งตั้งลูกคนที่สอง แต่จะ เลือกหนึ่งคนจากฮ่องทั้งหมดเพื่อรับตำแหน่งเจ้ากรมการ พระนคร
เจ้ากรมการพระนครไม่ใช่ตำแหน่งโปรดปราน พูดอย่างเข้ม งวดหน่อยก็คือตำแหน่งที่ล่วงเกินคนได้ง่าย แต่ถ้าหากจะเลือก จากลูกทั้งหมดของเสด็จพ่อ สำหรับอ๋องที่มากมายพวกนี้แล้ว มัน เป็นตำแหน่ง โปรดปราน เสด็จพ่อต้องการฝึกฝนคนคนนี้
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครส่วนใหญ่จะ เป็นอ๋องที่ได้รับตำแหน่งนี้ ตอนที่ไท่ซางหวงยังครองบัลลังก์อยู่ ก็ได้เปลี่ยนแปลงระบบแล้ว ให้ใช้ข้าราชการคนนอกได้เลย จะ ได้สอดเนมเชื้อพระวงศ์ไปด้วยอีกทาง อย่างไรเสีย หากไม่ใช้เชื้อ พระวงศ์ มันก็จะไม่มีเรื่องน้ำใจที่มีต่อกันมากมายขนาดนั้น
หมู่เหวินเท้าตกใจมาก เสด็จพ่อจะทำอะไรกันแน่? หากข่าวนี้ ถูกแพร่ออกไป เดิมคนที่แอบลอบทำร้าย เกรงว่าคงต้องออกมา เข่นฆ่ากันแล้ว จะได้สอดแนมเชื้อพระวงศ์ได้ด้วย อย่างไรเสีย เมื่อไม่ใช่เชื้อพระวงศ์เข้ารับตำแหน่ง ก็จะไม่มีเรื่อง
“พี่รอง แล้วท่านเสนอกับข้ากับเสด็จพ่ออย่างไร?” หยู่เหวิน เท้าต่อว่าอ๋องซุนอยู่ในใจ เสด็จพ่อนั้นไม่เชื่อใจเขาอยู่แล้ว บัดนี้พี่รองไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ไปเสนอชื่อเขา ในใจเสด็จพ่อจะคิดยัง ไง? เกรงว่าคงจะเดาความคิดของเขาออกนานแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ