บทที่ 20 รับสั่งเรียกอ๋อง เข้าเฝ้า
หมอหลวงทุกคนต่างพากันตกตะลึงไปแล้ว
นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ? ไท่ซางหวงยังทรงเสวยพระ กระยาหารลงได้อีกอย่างนั้นหรือ ? สภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิด นั้นร้ายแรงมาก จนถึงขั้นที่เข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ แล้วแท้ๆ พระอาการน่ากลัวจนถึงที่ว่า เพียงจะดื่มน้ำลงไปสักคำ ก็ยังไม่อาจทําได้แล้วด้วยซ้ำ
หมอหลวงผู้วินิจฉัยรีบเข้ามาทันที หลังตรวจจับชีพจรของไท ช่างหวงแล้ว เขาก็ร้องไห้ไปพลางพูดไปพลางว่า “สวรรค์เมตตา เปียถังแล้ว สวรรค์เมตตาไท่ซางหวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!
การเต้นของชีพจรเริ่มดีขึ้นจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
ผ้าม่านพลับพลาสีทองถูกม้วนขึ้น รวมถึงผ้าม่านสีฟ้าก็ค่อย ๆ ถูกเปิดออก ไท่ซางหวงทรงมีพระอาการอิดโรยอ่อนล้า พระองค์ ทอดพระเนตรมองไปยังโถงตำหนักครู่หนึ่ง ตรัสด้วยสุรเสียงอัน แหบพร่าว่า “จะคุกเข่าทำไมกัน ลุกขึ้นมาเถอะ!”
สุรเสียงที่รับสั่งออกมานั้น แม้จะฟังแทบไม่ต่างจากเสียงใบไม้ แห้งที่ปลิดขั้วร่วงหล่น ทั้งแผ่วเบาและอ่อนระโหย แต่กลับเหมือน ว่า มันดังกึกก้องอยู่ในหูของทุกคนอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนต่างแสดงสีหน้ายินดีอย่างยิ่ง หลังจากโขกหัวคำนับ เสร็จก็รีบลุกขึ้น
ไทางหวงทรงถอนพระปัสสาสะเบา ๆ สีพระโอษฐ์ที่เดิมที เขียวคล้ำ ก็ค่อยๆจางหายไป ครั้นพระองค์กวาดสายพระเนตร มองจนทั่วแล้ว ก็ทรงตรัสถามอย่างเชื่องช้าว่า “เจ้าห้าล่ะ?”
ฉางกงกงรีบทูลตอบกลับไปว่า “อ๋องเป็นกังวล ในพระอาการ ของฝ่าบาท จึงเป็นลมหมดสติไป ตอนนี้ถูกพาไปพักผ่อนยัง ตำหนักข้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเรียกเขามาที่นี่” ไท่ซางหวงตบ ๆ ที่หัวเป่าเบา ๆ พระ พักตร์เผยให้เห็นรอยแย้มพระสรวลอย่างรักใคร่เอ็นดู ” ไปเถอะ เด็กดี ขายังไม่ตายตอนนี้หรอก”
ฝูเป่ากระโดดลงไป พร้อมกับกระดิกหางแล้วเดินออกไปทันที “ขอเชิญอ่องเข้าเฝ้า!” ฉางกงกงร้องประกาศเสียงดังกังวาล
“ภรรยาของเขาผู้นั้น…” ไม่ช่างหวงทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พระองค์คล้ายมีพระอาการอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ฝนตรัสค่าออก มาสองสามคำจากพระโอษฐ์อันแห้งผากว่า “ให้พวกเขาเข้ามา พร้อมกัน”
ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นต่างพากันประหลาดใจ
โดยเฉพาะหมิงซุย นางถึงกับผงะไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ไม่ ช่างหวงทรงมีพระประสงค์จะพบหน้าหยวนชิงหลิง
เนื่องจากไม่ช่างหวงทรงมีพระอาการดีขึ้นแล้ว ฮ่องเต้หมิง หยวนจึงมีรับสั่งให้คนอื่นออกไปข้างนอกก่อน
บรรดาท่านอ๋อง ต่างก็ถอยออกไปพักผ่อนที่นอกตำหนักกันจนหมด เหลือเพียงพระองค์ อ๋องชินลุย และฉางกงกงที่คอยอยู่รับ ใช้ข้างพระวรกายไท่ซางหวง และแน่นอนว่าต้องมีหมอหลวง วินิจฉัย ท่านหมอเยวียนพ่านเท่านั้นที่ยังอยู่ในตำหนัก
ณ.ตำหนักข้าง
หยู่เหวินเท้าไม่ได้สลบไปนานนัก หยวนชิงหลิงรอไม่ถึงรับสั่ง ให้เข้าเฝ้าจากองค์ไท่ซางหวง เขาก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อนแล้ว
หยวนชิงหลิงมองดูเขาที่ยืนขึ้น แล้วจ้องมองมาที่นางด้วย สายตาโกรธเกรี้ยวกระหายเลือด เห็นไอสังหารที่แผ่ออกมาจาก ดวงตาคู่นั้น นางในตอนนี้ ไม่เหลือแรงที่จะขัดขืนอะไรอีกต่อไป แล้ว จึงทำได้เพียงยิ้มเศร้า ๆ แล้วพูดขึ้นว่า อยากฆ่าก็รีบฆ่า อย่ามัวเสียเวลาพล่ามให้มากความ! ”
ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างรวดเร็ว มีข้ารับใช้ในวังวิ่งเข้ามา “เรียนอ๋อง พระชายา ไท่ซางหวงทรงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพ่ะย่ะ ค่ะ!”
มือของหมู่เหวินเท้าถูกยกขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินคน จากในวังเข้ามาเชิญ เขาก็ถึงกับตะลึงค้างไปชั่วขณะ “ไก่ช่าง หวง?”
ข้ารับใช้ที่มาเอ่ยอย่างยินดีว่า “เป็นไท่ซางหวงพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงมีพระอาการดีขึ้นแล้ว จึงทรงมีรับสั่งให้ท่านอ๋องและ พระชายาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ
ร่างกายที่ตึงเครียดสุดขีดของหยวนชิงหลิงเมื่อครู่นี้ ค่อยๆ ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด นางไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ ต่อสายตาแสดงความรู้สึกสงสัยอย่างเต็มเปี่ยมของเขา เพียง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นช้าๆ ยกมือขึ้นจัดๆ สางๆผมให้เรียบร้อย แอบหวังไว้ในใจว่า มันคงจะไม่กระเซอะกระเซิงจนเกินไป
ทั้งสองคนเดินออกไป ผ่านห้องโถงด้านนอกตำหนักซึ่งมี บรรดาเชื้อพระวงศ์ เจ้าขุนมูลนายทั้งหลายยืนออกันอยู่ หยวนซึ่ง หลิงหันไปมองหมิงชัยนิ่งๆแวบหนึ่ง หนึ่งชุ่ยก็หันมามอง หยวนชิงหลิงแวบหนึ่งเช่นกัน จากนั้นจึงส่งยิ้มพลางพยักหน้ามา
ให้ แสดงท่าที่เป็นมิตรอย่างยิ่ง หยวนชิงหลิงไม่สนใจนางแม้แต่น้อย เดินตรงเข้าไปอย่างไม่ รอช้า
ชั่วขณะนั้น ใบหน้าของฉู่หมิงชุ่ยก็พลันแข็งค้างขึ้นมาทันที ก่อนที่จะเข้าสู่พระตำหนักด้านใน หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจ เข้าลึก ๆ เชือกหนึ่ง รู้สึกคล้ายว่าบาดแผลเริ่มจะมีอาการปวดๆ ขึ้นมาแล้ว รวมถึงอาการวิงเวียนศีรษะที่เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ รู้สึก ว่าหนาวมาก หนาวจนตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่ที่
ใบหน้ากลับรู้สึกร้อนผ่าว
นางรู้ดีว่าตัวเองกำลังมีไข้ขึ้นสูง
หมู่เหวินเท้าเปิดม่านออกแล้วเดินเข้าไป ลูกปัดที่ประดับม่าน เข้าที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงอย่างจัง ความเจ็บปวดเริ่มรู้สึกได้ ชัดเจนขึ้นมากแล้ว แต่นางไม่กล้าแสดงมันออกมาให้ใครเห็น ได้แต่สาวเท้าเดินตามเขาไปทีละก้าวๆ
ในตำหนักเงียบเหงาอย่างยิ่ง ครั้นฮ่องเต้หมิงหยวนทอดพระเนตรเห็นทั้งคู่เดินเข้ามา สีพระพักตร์กลับดูแล้วไม่ได้อ่อน โยนดั่งที่ควรจะเป็น พระองค์เคยตั้งความหวังไว้สูงมากสำหรับ โอรสองค์นี้ แต่แล้วพระองค์ก็ต้องทรงผิดหวัง หลังจากเกิดเรื่อง งามหน้าขึ้นในจวนเจ้าหญิง ต่อให้คุณงามความดีที่เขาเคยทำมา มันจะมากมายมหาศาลเพียงใด หากขาดคุณธรรมชื่อเสียงด่าง พร้อยไปแล้ว ก็ไม่อาจขึ้นมาทำการใหญ่ใดๆได้อีก
แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ทรงทราบดีว่าแต่ไหนแต่ไรมา ไม่ช่าง หวงทรงโปรดปรานเอ็นดูเขามาโดยตลอด มายามนี้ที่พระอาการ เพิ่งจะดีขึ้นมาบ้าง ก็มีพระประสงค์ให้เขามาอยู่ข้างๆทันที พระองค์ในฐานะที่เป็นโอรส ย่อมไม่มีวันฝนพระประสงค์ของ เสด็จพ่อเป็นธรรมดา
ทั้งสองคุกเข่าอยู่หน้าแท่นบรรทมของไท่ซางหวง หยู่เหวินเท้า มองดูไท่ซางหวงที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ ด้วยสายตาที่แสดงความ รู้สึกว่าแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ผ่านไปเพียงครู่เดียว ดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ เปียกชื้นขึ้นมาช้า ๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ