หมอยาเสน่ห์หา

ตอนที่ 59 หัวใจผู้ชายที่อ่อนแอ



ตอนที่ 59 หัวใจผู้ชายที่อ่อนแอ

ตอนที่ 59 หัวใจผู้ชายที่อ่อนแอ

จูเก๋อหมิงรู้สึกพอใจในคำตอบนี้ของนางยิ่งนัก ท่านหมอหนุ่ม เลิกคิ้วเล็กน้อย เจ้าสามารถเริ่มงานได้เมื่อไหร่”

เซียคลี่ยิ้มสดใส “ตอนนี้เลย เริ่มงานได้เลยเจ้าค่ะ”

“ตอนนี้หรือ ที่นี่พวกข้าไม่มีรวมที่พักอาศัย เจ้ามีที่ลงหลักปัก ฐานแล้วหรือ ได้ยินว่าเจ้าจูงลามาด้วยหนึ่งตัว แสดงว่าคงเพิ่ง จะเข้ามายังเมืองหลวงไม่ใช่หรือ เจ้าไปหาที่พักก่อนเถิดหาได้ แล้วไม่กี่วันค่อยมาเริ่มงานอีกทีก็ได้”

ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ โรงเตี๊ยมมีอยู่มากมาย ข้าหา โรงเตี๊ยมไว้พักชั่วคราวก่อนก็ได้เจ้าค่ะ” ชูเซี่ยลุกขึ้นกล่าว “ถ้า เช่นนั้นขาขอไปบอกลาเจ้าลาของข้าเสียหน่อย จากนั้นเราก็ สามารถเริ่มงานกันได้เลยเจ้าค่ะ”

จูเก๋อหมิงนิ่งอึ้ง “บอกลาเจ้าลาเนี่ยนะ ลาของเจ้า เป็นแค่ลา ธรรมดาๆเท่านั้นใช่หรือไม่

ชูเซี่ยเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ “ใช่สิเจ้าคะ แม้ว่าจะเป็นลา ทว่า ยามนี้ก็เป็นเหมือนญาติสนิทเพียงคนเดียวที่ข้ามีเจ้าค่ะ”
สีหน้าของจูเก๋อหมิงอ่อนโยนยามจ้องมองหญิงสาวที่แน่วแน่ และสดใสคนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกทั้งเอ็นดูและ สงสารหญิงสาวผู้นี้นัก

การหาที่พักชั่วคราวใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดเพราะเพียงไม่ นานเกื้อหมิงก็สามารถหาที่พักให้ชูเซี่ยได้แล้ว

ห้องพักอยู่ละแวกเดียวกันกับโรงหมอ เป็นบ้านเช่าหลังเล็กมี สองห้องนอน ห้องโถงนับว่าใหญ่กว่าห้องนอนมากอยู่ ใน

บ้านไม่มีเครื่องเรือนใดๆให้แม้กระทั่งเตียงนอนก็ต้องไปหา ซื้อมาเอง จูเก๋อหมิงไม่ทราบว่าชูเซียมีเงินติดตัวมากี่มากน้อย ดังนั้นเขาจึงเป็นคนออกค่าใช้จ่ายพวกเครื่องเรือนและข้าว ของที่จำเป็นให้แก่นางทั้งหมด ทั้งยังจัดแต่งวางข้าวของให้ เสียเรียบร้อยดูดี

ชูเซี่ยสร้างพื้นที่ในโรงเก็บของสำหรับเป็นบ้านให้นายท่าน เหมา(ชื่อลา)ของนาง และเพื่อไม่ให้เจ้าลาของนางเหงามาก เกินไปนักนางยังเก็บสุนัขจรจัดกลับมาอยู่เป็นเพื่อนายท่าน เหมาของนางอีกด้วย ในบ้านหลังนี้จึงมีคนหนึ่งคน สุนัขจรจัด และลาอีกอย่างละหนึ่งตัวใช้ชีวิตอยู่ร่วม

สุนัขที่นางเก็บกลับมาเป็นสุนัขขนสีดำขลับทั้งตัว ยามที่นางเห็นมันที่ข้างถนนครั้งแรก ทั้งตัวมอมแมมสกปรกทั้งยังมี รอยถูกน้ำร้อนลวกเกือบทั้งตัว ตอนที่นางพยายามจะอาบน้ำ ทำความสะอาดให้มันก็วิ่งหนีไปรอบบ้านทั้งยังส่งเสียงเหม นางอีกด้วย ทว่าหลังจากที่ซูเซียโยนเศษกระดูกไปให้มัน เจ้าสุนัขตัวนี้ก็ยอมศิโรราบและเชื่อฟังนางแต่โดยดี

ความจริงแล้วพวกสุนัขก็มีสัญชาตญาณแช่นกัน มันเป็นเพียง สุนัขที่หาเช้ากินค่ำอยู่ข้างทาง หากวันใดพบเจอพวกคน ใจร้ายที่อารมณ์ไม่ดีก็มักจะลงไม้ลงมือทำร้ายมัน ไม่เคยมีผู้ใด ใจดีมอบอาหารให้พวกมันเลยสักครั้ง

ชูเซี่ยช่วยอาบน้ำให้มันทั้งยังเชิดขนของมันให้อย่างเหมือ อีกด้วย จากนั้นนางก็เริ่มจับแขนขามันไว้และพวกเร ให้

เจ้าสุนัขที่อยู่ตรงหน้าซูเซียช่างว่าง่ายยิ่งนัก เซียตั้งชื่อ ให้มันว่าเจ้าถ่าน เพราะตัวของมันเป็ สนิทตลอดทั้งตัว เหมือนก้อนถ่านอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากที่ซูเซี่ยเข้ามาทำงานที่โรงหมองหมูเลที่ผ่านไป หลายวันแล้ว นางรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันของนางข้างคุ้ม ค่าอย่างยิ่ง ตอนที่นางเริ่มทำงานวันแรกทุกคนในโรงหมอต่าง ก็ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาคิดว่าทักษะการแพทย์ของนางนั้น ธรรมดา แต่ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่านางมีฝีมือด้านการฝังเข็ม พวกเขาก็ค่อยๆยอมรับนางอย่างช้าๆ
จูเก๋อหมิงเฝ้าสังเกตนางอยู่ตลอดเวลา ทุกการเคลื่อนไหว ของนางจะมีคนมาคอยรายงานให้เขาฟังอยู่เสมอ เขาหวัง เหลือเกินว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นคนเดียวกันกับพระชายาชู เซี่ย มีอย่างที่ไหนจะมีเรื่องบังเอิญได้ถึงเพียงนี้ นางชื่อชูเซี่ย สามารถฝังเข็มได้เหมือนกันอีก ทั้งยังเป็นหญิงสาวที่สดใส ร่าเริงราวกับแสงอาทิตย์ และที่สำคัญที่สุดคือนางทำให้ผู้อื่นมี ความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือชูเซี่ย

แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามสืบหาข้อมูลมากมายเพียงใดก็ ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถจําเรื่องราวในอดีตได้เลยแม้แต่ น้อย สีหน้าท่าทางของนางก็ดูไม่มีพิรุธเลยสักนิด เขาเป็นคน รู้จักมองดูสีหน้าของคน แต่ทว่าสีหน้าของนางกลับไม่มีร่อง รอยของการโกหก ดังนั้นหลังจากลองคิดไตร่ตรองดูอย่างถี่ ถ้วยแล้วเขาก็ลงความเห็นว่านางคงไม่ใช่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาจงใจเล่าเรื่องของหลี่เฉินเล่นที่ แทบเสียสติยามที่พระชายาของตนเองเสียชีวิตนางก็เพียงแค่ ชื่นชมสรรเสริญในความรักที่ท่านอ๋องมีต่อภรรยาของเขาก็ เท่านั้นจากนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาอีกเลย หากนาง เป็นพระชายาจริงๆและทราบเรื่องที่หลี่เฉินเย่นทำเพื่อนางถึง เพียงนี้ก็จะต้องเผยสีหน้าหรือท่าทางอะไรออกมาบ้างแล้ว

แต่ทว่านางไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว!
หากไม่ใช่ว่านางจิตใจด้านชาเหมือนก้อนหินก็คงเป็นเพราะ นางไม่ใช่พระชายาชูเซี่ยจริงๆ

ตามหลักความเป็นจริงแล้วใครจะสามารถตายแล้วเกิด เกิด แล้วตายซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้เล่า เขาเป็นหมอ รับรู้ดีเสียยิ่งกว่า ใครว่าชีวิตคนเรามีค่ายิ่งนัก ชีวิตเมื่อแตกดับแล้วก็ยากจะฟื้น คืนกลับมาเริ่มต้นใหม่ เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าใจว่าเหตุใดนาง จึงสามารถเข้ามาอยู่ในร่างของหลิวหยิงหลงได้ อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ามันบางทีมันอาจเป็นอุบัติเหตุที่อาจบังเอิญเกิดขึ้น ได้น้อยมาก หรือความจริงแล้วนางอาจจะไม่มีวิญญาณของผู้ หญิงที่ชื่อว่าชูเซี่ยเข้าสิ่งด้วยซ้ำ แต่เรื่องทั้งหมดเขาก็ทำได้ เพียงคาดเดาเท่านั้น

เขาคาดหวังอยากให้มีเรื่องวิญญาณสลับร่างได้จริงๆ ทว่า หลายปีมานี้เขาต้องเผชิญกับความผิดหวังมากี่ครั้งแล้ว ยังจะ เหลือความคาดหวังอะไรให้เขาผิดหวังอีกเล่า โชคดีที่เขายัง ไม่คิดจะเล่าเรื่องนี้ให้เฉินเย่นฟังก่อน มิฉะนั้นหากหลี่เฉินเย่น ต้องผิดหวังเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ชูเซียของตนก็อาจจะสิ้น หวังและท้อแท้เกินกว่าตัวเขาจะรับได้

และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขายังไม่ทราบถึงฝีมือด้านการแพทย์ ของหญิงสาวแน่ชัดเท่าใดนัก

ดังนั้นหลังจากผ่านมาได้ครึ่งเดือน ในช่วงบ่ายวันนี้ท่านหมอ หนุ่มก็ได้เชิญให้หญิงสาวเข้ามาในห้องหนังสือส่วนตัวเพื่อปรึกษาหารือถึงวิธีการรักษาอาการป่วยของจ่ายเงิน

“ผู้ป่วยคนนี้ นอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรามาถึงสี่ปี สี่ปีมานี้ ต้องคอยอาศัยพวกโสมและเครื่องดื่มบำรุงเพื่อพยุงชีวิตให้อยู่ ได้นานจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่านหมอ หรือเหล่าหมอหลวง ก็เคยรักษานางแล้วแต่สุดท้ายก็จนปัญญา ดังนั้นข้าเลยอยาก ให้เจ้าลองหาวิธีรักษานางดูดูสักหน่อยเถิด เผื่อเจ้าจะมีความ สามารถมากพอที่จะช่วยให้จ่ายเงินฟื้นขึ้นมาได้

ชูเซี่ยนั่งฟังอย่างเงียบๆ หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะ เงยหน้าขึ้นมา “แต่ว่าขนาดหมอหลวงยังจนปัญญา ข้าเกรงว่า ความสามารถของข้าจะไม่มากพอ”

จูเก๋อหมิงเอ่ย “เจ้าก็ลองพยายามอย่างสุดความสามารถเสีย ก่อน อย่างไรเยฉ่ายเงินก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว ต่อให้เจ้าไม่อาจ รักษานางได้สภาพนางก็ไม่อาจแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ

ชูเซี่ยพยักหน้าหมึกๆ “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะลองดูสักครั้ง”

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ตามข้าไปจวนอ๋องด้วยกันเถิด” จูเก๋อหมิงกล่าว แต่เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของนางก็เอ่ยเสริม “ข้า ลืมบอกเจ้าไปอย่างหนึ่งว่าผู้ป่วยเป็นศิษย์น้องหญิงของท่าน อ๋องหนิงอาน ยามนี้นางอยู่ในจวนอ๋องเพื่อรักษาตัว!”
ท่านอ๋องหนังอานหรือ ท่านอ๋องที่ท่านเคยกล่าวว่าแม้ภรรยา จะเสียไปแต่ก็ยังไม่อาจลืมได้ใช่หรือไม่” ชูเซี่ยถาม

“ไม่ผิด!” จูเก๋อหมิงสังเกตสีหน้าของนางก่อนเอ่ยตอบ

ชูเชี่ยร้อง ‘อ๋อ’ ออกมาก่อนลอบถอนหายใจ “ท่านอ๋องท่านนี้ ดีต่อภรรยาเหลือเกิน ดูท่าว่ายามนี้พระชายายังมีชีวิตทั้งสอง คงรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งนัก

จูเก๋อหมิงรับคำ “ใช่แล้ว พวกเขารักใคร่กันลึกซึ้งจริงๆ

“ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!” ชูเซี่ยถอนหายใจ

จะเสียดายก็ดี สงสารก็ดี ในยามนี้นางก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ออกมาเท่านั้น

ในเช้าวันนี้ ชูเซี่ยตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางนางอาบน้ำแต่งตัว และเกล้าผมโดยใช้ปิ่นปักผมเรียบง่ายปักลงไปอย่างเรียบร้อย อากาศในช่วงสารทฤดูค่อนข้างเย็นและแห้ง หญิงสาวตรวจ ตราดูผู้ป่วยมาดึกดื่นหลายคืนทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ เท่าใดนักจึงมีรอยคล้ำใต้ตาอย่างเห็นได้ชัด นางจึงคิดจะหา แป้งฝุ่นมาทาทับเพื่อปกปิดใต้ตาตัวเองเสียหน่อยแต่ทว่าเมื่อ มองหาไปรอบบ้านก็ไม่พบ นางถึงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่านางไม่ได้ ซื้อแป้งฝุ่นหรือเครื่องประทินโฉมอื่นๆมาไว้ติดบ้านเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจตัวเองเล็กน้อยยาม ที่มองดูใบหน้าตนเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก เมื่อเห็นว่าผิว หน้าของตนเองแห้งเล็กน้อยก็ถอนหายใจออกมา “ช่างเถิด อย่างไรเสียท่านก็ไม่รู้ว่าข้าคือใครอยู่ดี”

ทว่าในเมื่อวันนี้นางต้องเข้าไปในจวนอ๋องจะให้แต่งกายเรียบ ง่ายดังเช่นยามปกติก็คงไม่เหมาะสมนัก หญิงสาวจึงลุกขึ้นไป เปลี่ยนเป็นชุดผ้าไหมเรียบลื่นสีน้ำทะเลสดใสแทน จากนั้นก็ ตอกไข่ไก่ออกมาฟองหนึ่งแยกไข่ขาวออกมาเอาไว้พอกหน้า

ในช่วงเวลานั้นเองที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน หญิงสาวจึงเดินออกไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ที่ยามนี้สวมใส่ เสื้อผ้าสีขาวหยก ใบหน้าของท่านหมอหนุ่มอบอุ่นอ่อนโยนทั้ง ยังประดับด้วยรอยยิ้ม “ตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวงดงามถึงเพียงนี้ จะไปเขาผู้นั้นหรือ ดูท่าฤดูใบไม้ผลิกำลังเบ่งบานสินะ

ซูเซี่ยถลึงตามองเขา “ตอนนี้ข้าทำหน้าโมโหไม่ได้ ยิ้มก็ไม่ ได้เดี๋ยวหน้าจะเหี่ยว

“การดูแลผิวพรรณเป็นสิ่งที่สมควรทำทุกวันอยู่แล้ว เพิ่งจะมา เร่งร้อนพอกหน้าในวันนี้จะไม่มีประโยชน์อะไร” ผู้มาใหม่คือ จางจื่อเชียว ลูกบุญธรรมของอดีตแม่ทัพใหญ่ทั้งยังเป็นร่วม โลกที่หลงยุคมาเหมือนกับนางอีกด้วย ช่วงหลายปีมานี้นางส่งจดหมายติดต่อกับเขามาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงทราบ เรื่องที่ชูเซี่ยเดินทางเข้ามาอาศัยในเมืองหลวง บ้านพักหลัง เล็กของนายท่านเหมาก็เป็นเขานี่ล่ะที่ช่วยสร้างให้

ชูเซี่ยขมวดคิ้ว “จะไปมีเวลาทำเช่นนั้นที่ไหนเล่า

จางจื่อเชียวเหลือบมองนางเล็กน้อยก่อนจะหันไปทักทาย นายท่านเหมาต่อ “นายท่านเหมา วันนี้ข้าจะพาเจ้ากับเจ้าถ่าน ไปเดินเล่นกัน!

ซูเซี่ยรีบร้อนเอ่ยขึ้น “ครั้งที่แล้วที่เจ้าพาเจ้าถ่านไปเดินเล่น ริมทะลาสาบมันลงไปเล่นน้ำจนเป็นหวัด มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ หายดี เพราะฉะนั้นวันนี้ก็อย่าพามันไปเดินเล่นแถมริมหาดอีก เลย”

“วางใจเถิด วันนี้ข้าแค่จะพาพวกมันออกไปเดินเล่นเท่านั้น ให้พวกมันวิ่งเล่นสักหน่อยเดี๋ยวก็พากลับมา” จางจื่อเซียวอุ้ม เจ้าถ่านขึ้นมาในอ้อมกอดมองไปที่จมูกน้อยๆของมันพลางเอ่ย ขู่ “เป็นหวัดจริงๆเสียด้วยหากยังไม่หายดีข้าจะให้ชูเซี่ยเอา เข็มทิ่มเจ้า”

ราวกับว่าเจ้าถ่านฟังที่ชายหนุ่มพูดรู้เรื่องมันรีบเท่าส่งเสียง ประท้วงทันที
นางส่งจดหมายติดต่อกับเขามาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงทราบ เรื่องที่ชูเซี่ยเดินทางเข้ามาอาศัยในเมืองหลวง บ้านพักหลัง เล็กของนายท่านเหมาก็เป็นเขานี่ล่ะที่ช่วยสร้างให้

ชูเซี่ยขมวดคิ้ว “จะไปมีเวลาทำเช่นนั้นที่ไหนเล่า

จางจื่อเชียวเหลือบมองนางเล็กน้อยก่อนจะหันไปทักทาย นายท่านเหมาต่อ “นายท่านเหมา วันนี้ข้าจะพาเจ้ากับเจ้าถ่าน ไปเดินเล่นกัน!

ซูเซี่ยรีบร้อนเอ่ยขึ้น “ครั้งที่แล้วที่เจ้าพาเจ้าถ่านไปเดินเล่น ริมทะลาสาบมันลงไปเล่นน้ำจนเป็นหวัด มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ หายดี เพราะฉะนั้นวันนี้ก็อย่าพามันไปเดินเล่นแถมริมหาดอีก เลย”

“วางใจเถิด วันนี้ข้าแค่จะพาพวกมันออกไปเดินเล่นเท่านั้น ให้พวกมันวิ่งเล่นสักหน่อยเดี๋ยวก็พากลับมา” จางจื่อเซียวอุ้ม เจ้าถ่านขึ้นมาในอ้อมกอดมองไปที่จมูกน้อยๆของมันพลางเอ่ย ขู่ “เป็นหวัดจริงๆเสียด้วยหากยังไม่หายดีข้าจะให้ชูเซี่ยเอา เข็มทิ่มเจ้า”

ราวกับว่าเจ้าถ่านฟังที่ชายหนุ่มพูดรู้เรื่องมันรีบเท่าส่งเสียง ประท้วงทันทีเลือดลมไหลเวียนได้สะดวกขึ้นซึ่งมันจำเป็นต้องใช้เวลาอย่าง น้อยครึ่งเดือน มิฉะนั้นเขาอาจจะต้องเป็นเหมือนเมื่อก่อนเลือด ลมขัดข้องและเป็นอัมพาตในอีกไม่ช้า” ชูเชี่ยอธิบายเสียยืด ยาว แต่เรื่องพวกนี้นางก็อธิบายกับจางจื่อเซียวมาตั้งแต่แรก แล้วไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก ดังนั้นต่อให้นางไม่พูดจาง จื่อเดียวก็เข้าใจในรูปการณ์ทั้งหมดอยู่แล้ว

นางเพียงแค่พูดให้ตัวเองฟังเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าการกลับ มาครั้งนี้ก็เพียงแค่รักษาอาการที่ขาให้กับเขาเท่านั้น ห้ามคิด บอกเหนือไปจากหน้าที่ของตน

จางจื่อเชียวทำตัวตามสบายราวกับเป็นบ้านของตนเองก็ไม่ ปาน ชายหนุ่มเดินไปตักน้ำใส่กาพร้อมใส่ใบชาเรียบร้อย มือ หมาคนมซาปากก็เอ่ยชวนสนทนา “ความจริงแล้วข้าไม่เข้าใจ เจ้าเลยจริงๆ เจ้ากลับมาก็เกือบครึ่งเดือนมาแล้ว แต่ครึ่งเดือน มานี้เจ้าไม่ยอมไปพบหน้าเขาเลยสักครั้ง เขากลับมาที่จวน อ๋องสักพักแล้วทั้งยังได้ยินว่าบาดเจ็บกลับมาอีกด้วย สาหัสจน แทบจะเอาชีวิตไม่รอด สามปีมานี้เขาออกรบเพื่อปกป้องแคว้น ของตนกับดินแดนคืนมาได้มากโขทั้งยังได้รับคำยกย่อง สรรเสริญจากองค์ฮ่องเต้ ลือกันว่าตำแหน่งรัชทายาทก็คงต้อง ตกมาถึงมือเขาในอีกไม่นาน ไม่มีผู้ใดเหมาะกับตำแหน่งนี้มาก ไปกว่าเขาแล้ว แต่ทว่าเจ้าก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือว่าที่เขาทำเช่น นี้ไม่ใช่เพราะหวังในตำแหน่งรัชทายาท แต่เป็นเพราะเขายัง ไม่เคยลืมเจ้าได้ค่างหาก
ชูเซียวักน้ำในอ่างขึ้นมาล้างหน้าก่อนจะเดินไปนั่งหน้าโต๊ะ เครื่องแป้ง นางมองไปที่หญิงสาวที่สะท้อนอยู่ในกระจกก่อน เอ่ยเสียงเรียบ หากข้าไม่บอกเจ้าว่าข้าคือซูเซียเจ้าจะข้า ได้หรือไม่

“ช้าเชื่อว่าเขาที่เขาสนใจไม่ใช่รูปโฉมของเจ้าหรอก อีกอย่าง รูปโฉมก่อนหน้าของเจ้าก็ไม่ใช่หน้าจริงของเจ้าเสียหน่อย จางจื่อเขียวกล่าว

เซี่ยมชมขืน “ใช่แล้ว ร่างก่อนก็ไม่ใช่ร่างกายของข้า แต่ ว่าท่านเทวดาผู้นั้นก็บอกกับข้าว่าร่างกายนี้ก็ไม่เหมาะกับ วิญญาณของข้าเช่นกัน แม้ว่าท่านเทวดาจะไม่พูดข้าก็รู้ได้ว่า ชีวิตในร่างของข้าก็คงไม่ยืนยาวนักหรอก ถึงตอนนั้นข้าก็ อาจจะไม่โชคดีหาร่างอื่นมาใช้สิ่งได้เหมือนตอนนี้แล้วก็ได้ ข้า เองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของตนเองต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรแล้ว จะให้ข้าถือสิทธิ์อะไรไปผูกมัดเข้าเล่า ไหนๆตอนนี้เขาก็เข้าใจ ว่าขาตายไปแล้วก็ให้เขาค่อยๆทำใจเถิด อีกอย่างข้ากลับเขา ก็รู้จักกันไม่นานนัก เขาอาจจะไม่ได้รักข้าจริงก็ได้ เขาอาจจะ เพียงแค่รู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกผิดกับข้าก็ได้

จางจื่อเชียวถอนหายใจอย่างระอา เขาเป็นบุรุษย่อมรู้ดีว่า ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณกับรู้สึกปิดไม่สามารถทำให้นิสัยคน เราเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้หรอก สิ่งที่บุรุษจะเปลี่ยนตัวเองจาก หน้ามือเป็นหลังมือมีแค่สองสิ่งเท่านั้น คือความแค้นและความ

รัก
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรชูเซี่ยก็คงไม่เชื่ออยู่ดี แต่ต่อให้นาง เชื่อว่าท่านอ๋องรักนางจริงแล้วจะทำอะไรได้ พวกเขาสองคน ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อยู่ดี ผู้มีพระคุณของซูเซี่ย ท่านเทวดาผู้ นั้น ท่านบอกว่าวิญญาณของซูเซียเข้ากับร่างกายนี้ไม่ได้ ไม่ ว่าช้าเร็วนางก็ต้องถูกร่างกายนี้ขับวิญญาณออกไปอยู่ดี ขึ้นอยู่ กับเวลาเท่านั้น

หากถึงเวลานั้นหลี่เฉินเช่นก็จะต้องทนต่อความสูญเสียคนรัก อีกครั้ง เขาจะทนได้หรือ สู้ไม่ให้เขารับรู้ว่าชูเซี่ยยังมีชีวิตอยู่ ไปเลยจะดีกว่า จิตใจของบุรุษผู้ใดว่าเปราะบางหรืออ่อนแอไม่ เป็นกันเล่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ