หมอยาเสน่ห์หา

ตอนที่ 45 เล่นงานใคร ย่อมมีเหตุผล



ตอนที่ 45 เล่นงานใคร ย่อมมีเหตุผล

ชายหนุ่มสองคนพูดคุยเรื่องราวของซูเซี่ยอยู่ภายในห้อง

นานกว่าครึ่งวัน

ชูเซี่ยสั่งการให้คนเตรียมพู่กันและหมึกให้นาง หญิงสาว พยายามนึกถึงรูปแบบของรถเข็นผู้ป่วยให้ชัดเจนที่สุด ผู้ที่ ทำงานโรงพยาบาลทุกวันอย่างนางรถเข็นเป็นสิ่งที่เห็นได้

ทุกวัน

ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการวาดรูปนางก็วาดออกมาได้ สมบูรณ์แบบ หากแต่อยู่บนกระดาษอย่างเดียวก็คงไม่อาจ ใช้งานได้นางจำเป็นต้องตามหาช่างฝีมือดีเพื่อทำให้มัน ออกมาใช้งานได้จริงๆเสียก่อน

นางเรียกมามา “ในเมืองหลวงมีช่างตีเหล็กฝีมือดีบ้างหรือ

ไม่”

มามาสายศีรษะเบาๆ “เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไม่แน่นักเพคะ ทว่าหม่อมฉันเคยได้ยินมาว่าบิดาของเสี่ยวฉิงเป็นช่างดี เหล็กเพคะ ฝีมือเป็นเช่นไรหม่อมฉันก็ไม่มั่นใจ พระชายา ต้องการช่างตีเหล็กไว้ทำสิ่งใดหรือเพคะ”
“เสี่ยวฉิง?” ยามนี้ความจำของชูเซี่ยดีนัก เพียงไม่นาน นางก็นึกถึงใบหน้าของเสี่ยวฉิงที่เคยถูกนางตบหน้าได้ ทันที ต่อมาสาวใช้นางนี้ก็ถูกหลิวมี่เหอขับไล่ออกจากจวน อ๋อง

“สาวใช้ที่ถูกรองพระชายาขับไล่ออกจากจวนเพคะ” เสี่ยว จีเอ่ยขึ้น

“พวกเจ้าไม่ได้กล่าวว่านางไม่มีเงินรักษาอาการป่วยของ แม่หรือ บิดาของนางเป็นช่างตีเหล็กย่อมหาเงินได้ไม่น้อย ไม่ใช่หรือ” ช่างตีเหล็กในสมัยนางเป็นอาชีพที่ทำรายได้ได้ ดีทีเดียว

มามายิ้มขบขัน “พระชายาที่แสนโง่งมของหม่อมฉัน เป็นเพียงช่างตีเหล็กธรรมดาจะไปหาเงินทองจากที่ใด เล่าเพคะ อย่างมากเดือนหนึ่งก็มีเงินเพียงสองตำลึง เท่านั้น ท่านก็รู้ว่าค่ารักษาท่านหมอไม่ใช่เงินน้อยๆ หากใน ครอบครัวยากจนมีผู้ป่วยก็เท่ากับนอนรอความตายนั่นล่ะ เพคะ”

“อย่างนี้นี่เอง!” ชูเซี่ยครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะเรียกเสี่ยวจี้ ให้เข้ามาใกล้ “เสี่ยวจี้ เจ้าไปนอนบนเตียงเสี่ยวจึงนงง “พระชายาต้องการทำอันใดเพคะ”

ชูเซียยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงกันทุกซี่ “ข้ากับมามาจะออก ไปหาเสี่ยวฉิง ส่วนเจ้าก็นอนอยู่บนเตียงเผื่อท่านอ๋องส่งคน มาตรวจดูจะได้ไม่ถูกสงสัย”

เสี่ยวจและมามาหัวใจหล่นวูบ “ออกจวนไปหานางทำไม กัน หากท่านอ๋องทราบเรื่องเข้าเกรงใจว่าเกิดเรื่องใหญ่นะ เพคะ”

“ดังนั้นข้าจึงต้องให้เสี่ยวจี้นอนอยู่บนเตียงแทนข้า อย่างไรเล่า วางใจเถิดพวกเข้าจะรีบไปรีบกลับก่อนฟ้ามืด อย่างแน่นอน” ชูเซี่ยว่าพลางกระโดดลงจากเตียง ทำให้ มามาตกลงใจรีบวิ่งมาพยุงนางไว้ “พระชายาของหม่อมฉัน เจ็บตรงไหนหรือไม่ ระวังหน่อยเถิด”

ไม่เจ็บแม้แต่น้อย อย่าพูดมากอยู่เลย ข้าต้องรีบไปตาม หาบิดาของเสี่ยวฉิง เสี่ยวจี้เจ้าไปหยิบเสื้อผ้าของเจ้ามา ให้ข้าสักชุดเถิด ข้าจะเร่งเปลี่ยนแล้วรีบไป” ชูเซี่ยให้มามา ออกไปสั่งการแก่สาวใช้ที่ทำความสะอาดเรือนอยู่ด้านนอก เพื่อไม่ให้พวกนางสงสัย

เสี่ยวจี้ยังต้องการเอ่ยอีกหลายคำ ทว่าชูเซี่ยกลับถอดชุดกระโปรงของนางออกเสียแล้วรอเพียงนางนำเสื้อผ้ามา ให้เสี่ยวจีบจึงรีบเร่งนำเสื้อผ้าของนางมาให้ชูเชี่ยสวมใส่

แต่ไรมาชูเซี่ยก็เป็นคนแน่วแน่ เมื่อนางคิดจะทำนางก็จะ ลงมือทำมันทันที ล่าช้าเพียงครู่เดียวก็ไม่ได้ เมื่อนางสวม ใส่เสื้อผ้าของเสี่ยวจเรียบร้อยดีแล้วนางก็ลากมามาออก จากจวนทันที

แต่ทว่านางจะหลบซ่อนสายตาจากผู้คนได้อย่างไร ด้วย ร่างกายของนางสูงโปร่งกว่าเสี่ยวจี้ค่อนข้างมากทำให้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่พอดีตัวทั้งยังดูแปลกประหลาด จาก ที่นางพยายามจะปกปิดกลับทำให้มันกลายเป็นที่ดึงดูด สายตาผู้คนเสียมากกว่า

ในขณะที่นางเดินผ่านลานกว้างไปหน้าประตูจวนก็ถูกชุน หนิงสาวใช้ข้างกายของหลิวมีเหอพบเข้าเสียก่อน ชุนหนิง เห็นว่าการแต่งกายของนางดูผิดปกติอย่างยิ่งจึงรีบร้อนวิ่ง กลับไปบอกเรื่องนี้ให้แก่หลิวมีเหอได้รับรู้

หลังจากที่หลิวมีเหอได้ฟังเรื่องราวจากชุนหนิงก็รีบเร่ง สั่งการให้คนไปสืบเรื่องราว นางบาดเจ็บถึงเพียงนั้นยังจะ มีเรี่ยวแรงที่ไหนหนีออกจากจวนได้เล่า หรือว่าเป็นเพราะ นางเสแสร้งแกล้งทำ ทว่าบาดแผลของชูเขียนางได้เห็นด้วยตาตแอดมาแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่า แม้แต่บาดแผลบางที่แสร้งทำเป็นยา คงเพราะเป็น เช่นนั้นยามที่ที่จูเก่อทำความสะอาดแผลให้นางจึงไม่รู้สึก เจ็บแม้แต่น้อย

เสี่ยวจีนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง นางหาได้เป็นห่วงหลิวม เหอไม่ เพราะว่ายามนี้หลิวมี่เหอไม่กล้ามาก่อกวนพระ ชายาของตนมาสักพักแล้ว แม้ว่านางจะเคยกล่าวว่าจะมา เยี่ยมเยียนก็เถิด ทว่าก็ไม่มีทางที่นางจะมาหรอก สตรีเช่น นั้นไม่วางยาพิษก็นับว่าประเสริฐยิ่งแล้ว ดังนั้นสิ่งที่นาง หวาดกลัวที่สุดเห็นจะเป็นทางท่านอ๋อง นางเกรงว่าท่าน อ๋องจะส่งคนมาตรวจสอบทั้งยังกลัวว่าสาวใช้ข้างนอกจะ จับพิรุธได้ ยามนี้อารมณ์ของท่านอ๋องไม่สู้ดีนักหากเขารู้ว่า พระชายาไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตนทั้งยังแอบหนี ออกจากจวนจะต้องโมโหมากแน่แท้

ขณะที่นางกำลังกังวลคิดไปต่างๆนาๆก็มีเสียงฝีเท้าดังมา จากลานหน้าห้องบรรทมตามด้วยเสียงสาวใช้ที่แสดงความ เคารพต่อผู้มาใหม่ “ถวายบังคมพระสนมโหร่วเฟย!”

ร่างกายของเสี่ยวจีชาวาบไปทั้งร่าง นางรีบดึงผ้าห่มขึ้นมา คลุมศีรษะของตนก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสั่นเทาโหร่วเฟยมาที่นี่ได้อย่างไรกัน นางเพิ่งจะมากับท่านหมอจู เกือหมิงไม่ใช่หรือ น้ำเสียงของนางไม่ใคร่จะดีนัก นางคง ไม่ได้จงใจจะมาหาเรื่องพระชายากระมัง

“พระชายาเล่า” หลิวมีเหอเอ่ยออกมาเสียงเรียบแต่กลับมี การใช้อำนาจข่มอยู่ในน้ำเสียงนั่นด้วย

เสียงของสาวใช้เอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก “ทูลโหร่วเฟย พระชายากำลังบรรทมอยู่เพคะ รับสั่งว่าห้ามผู้ใดรบกวน”

โหร่วเฟยออกคำสั่งเสียงเย็น “เปิดประตู!”

เหล่าสาวใช้รีบคุกเข่าลงกับพื้น “โหร่วเฟยเพคะ แต่พระ ชายาไม่ให้ผู้ใดรบกวนนะเพคะ”

“พวกเจ้ากล้าขัดขวางโหร่วเฟยหรือ ท่านอ๋องเป็นผู้รับ สั่งให้หน่วยเฟยมากล่าวคำทักทายแก่พระชายาเอง ท่าน อ๋องเป็นผู้รับสั่ง เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ทำความสะอาดกลับ กล้ามาขวางทางโหร่วเฟยงั้นหรือ ไม่ต้องการชีวิตแล้วใช่ หรือไม่” ผู้พูดหาใช่ใคร นางก็คือชุนหนิงสาวใช้หัวสูงข้าง กายโหร่วเฟยนั่นเอง
หัวใจของเสี่ยวชี่รวงลงไปถึงตาตุ่มแล้ว หากเป็นรับสิ่ง จากท่านฮ่องจริงต่อให้พระชายาอยู่ที่นี่ก็คงไม่อาจห้ามได้

ประตูเรือนถูกเปิดออกตามด้วยเสียงฝีเท้าของคนเดิน เข้ามา เสี่ยว ที่ยีดผ้าห่มไว้แน่นก่อนร่างกายนางจะสั่นเทา มากกว่าเดิม ความร้ายกาจของหน่วยเฟยนางรู้ดีตั้งแต่ ยามที่อยู่จวนอุปราชแล้ว ภายนอกดูเป็นคนเรียบงายเข้า อกเข้าใจผู้อื่นทว่าภายในกลับร้ายกาจดั้งอสรพิษ นาง สามารถคิดค้นวิธีการทรมานผู้คนได้มากกว่าพันวิธีเชียวล่ะ

“พี่สาว!” เสียงของโหร่วเฟยดังขึ้นเหนือศีรษะของนาง ใน น้ำเสียงที่เรียกกึ่งขบขันกึ่งเยาะเย้ยราวกับว่ารู้ว่าผู้ที่นอน อยู่บนเตียงไม่ใช่พี่สาวของนางเป็นแน่

เสี่ยวจีกัดฟันแน่นไม่กล้าส่งเสียงออกไป นางไม่กล้า แม้แต่จะขยับล่างกายของนางด้วยซ้ำ เสี่ยวจี้แกลังทำเป็น หลับเพราะนึกว่าเดี้ยวนางคงจากไปเอง

ชุนหนิงนางเห็นกับตาตนเองว่าชูเซี่ยแอบปลอมตัวเป็น สาวใช้หนีออกจากจวนไปแล้วมีหรือจะติดกับของเสี่ยว แม้ว่านางจะไม่มั่นใจว่าผู้ที่นอนอยู่บนเตียงคือใครทว่านาง มั่นใจถึงสิบส่วนว่าต้องไม่ใช่ชูเซี่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอันใดทั้งสิ้น นางตัดสินใจกระชากผ้าห่มออกทันที เสี่ยวจี้ตกใจลุกขึ้นมา ก่อนจะรีบร้อนก้มลงไปคุกเข่าอยู่ข้างเตียงทันที “ถวายบัง คมโหร่วเฟยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว!”

หลิวมีเหอส่งเสียงฮืออกมาคำหนึ่ง “เจ้ากล้านัก นี่คือ เตียงบรรทมของพระชายา เจ้าเป็นเพียงสาวใช้กลับกล้า ปืนขึ้นไปนอน ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เด็กๆ จับสาวใช้ไม่ ประมาณตนผู้นี้ไปเข้าคุกมืด!”

เสี่ยวจี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ คุกมืดประจำจวนแห่งนี้มีไว้ สำหรับลงโทษนักโทษที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเท่านั้น ผู้ ที่เข้าไปไม่ตายก็พิการ คนอย่างเสี่ยวจี้แค่คุกเข่านานสัก หน่อยก็ไม่มีแรงลุกขึ้นมาแล้วประสาอะไรกับให้นางเข้าไป อยู่ในคุกมืด นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่เกินสองวันแน่

เสี่ยวจี้กลัวจนใบหน้าซีดเผือด นางรีบโขกศีรษะตนเอง กลับพื้นเพื่ออ้อนวอน “โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิด เพคะ หม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว”

หลิวมีเหอยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อหยุดคนที่กำลังจะมาลาก เสี่ยวจี้ออกไป ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “พระชายาไปที่ใด หาก เจ้าตอบข้ามาตามตรงข้าก็จะละเว้นเจ้า หากเจ้ายังดื้อรั้นปากแข็งก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

เสี่ยวจี้รู้ว่าหลิวมีเหอรังเกียจเสี่ยวฉิงอย่างมากจึงไม่ กล้ากล่าวออกไปว่าชูเซี่ยไปที่ใด นางจึงร้องไห้สั่นศีรษะ “หม่อมฉันไม่กล้า พระชายากล่าวเพียงว่าจะออกไปข้าง นอก แต่จะไปที่ใดหม่อมฉันไม่ทราบจริงๆเพคะ”

ไม่ทราบงั้นหรือ” หลิวมี่เหอเลิกคิ้ว “ช่างเป็นสาวใช้ที่ ชื่อสัตย์ต่อเจ้านายเสียเหลือเกิน ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะขึ้น ตรงกับผู้ใด แต่นี่คือจวนอ๋องหากข้านำเรื่องนี้ไปทูลแก่ท่าน อ๋อง ดูเอาเถิดว่าท่านอ๋องจะจัดการกับเจ้าและนายของเจ้า

เช่นไร”

เสี่ยวจี้ถูกคำพูดของนางทำให้ตื่นตระหนกจนใบหน้าไร้สี เลือด นางรีบเอ่ยขอร้อง โหร่วเฟยได้โปรดอย่าทูลเรื่องนี้ แก่ท่านอ๋องเลยนะเพคะ พระชายานาง.”

“นางทำไมหรือ” ชุนหนิงก้มตัวลงมาใบหน้าฉายแววดุดัน ก่อนจะเหยียบต้นขาของเสี่ยวจื้ออย่างแรง เสี่ยวจีเจ็บจน ต้องกัดฟันตนเอง “ยังไม่รีบพูดอีก” ชุนหนิงกดเสียงให้ต่ำ ลงก่อนจะใช้เท้าอีกข้างของนางเตะไปตรงท้องน้อยของ เสี่ยวจื้อย่างแรงหนึ่งครั้ง เสี่ยวจี้เจ็บแต่ก็กัดฟันไม่กล้าร้อง ออกมาแม้แต่คำเดียว ในหัวของนางความเจ็บและความรู้ในที่สุดนางก็เผลอหลุดปากออกไปอย่างไม่รู้ตัว “พระ ชายาไปหาเสี่ยวฉิงเพคะ”

หลิวมีเหอกัดฟัน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเหี้ยม “จะไปหานาง สารเลวผู้นั้นทำไมกัน” นางรู้สึกแค้นใจนัก ยามที่อยู่ในวัง ชูเซี่ยพูดเสียดิบดีว่าจะใจกว้างไม่คิดแก่งแย่งท่านอ๋องกับ นาง ทว่ายามนี้เมื่อออกจากวังมาแล้วบาดแผลยังไม่ทัน รักษาหายก็รีบร้อนไปตามหัวตัวเสี่ยวฉิงตั้งใจจะเปิดโปงสิ่ง ที่นางเคยทำเสียนี่ ช่างเป็นสุนัขลอบกัดเสียจริง

เสี่ยวจี้สายหน้าอย่างแรง “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”

สีหน้าของหลิวมีเหอเปลี่ยนไป นางหัวกลับไปสั่งบ่าวรับ

ใช้ผู้หนึ่ง “ตบปากของนาง!”

บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งก้าวมาข้างหน้า “ให้กระหม่อมตบปากนาง

กี่ครั้งดีพะย่ะค่ะ”

หลิวมีเหอยิ้มเย็นชา “ตบจนกว่านางจะยอมพูดความจริง

ออกมา!”

เสี่ยวจี้ถูกสาวใช้สองนางกดร่างคุกเข่าลงกับพื้น บ่าวรับใช้ผู้รับคำสั่งก้าวมาข้างหน้าก่อนจะสะบัดมือดบหน้านาง ซ้ายขวาอย่างแรง ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบยาม ปายของจวนอ๋อง มีเสียงนกร้องแว่วอยู่บนท้องฟ้ากลับมี เสียงร้องขอความเมตตาอย่างแผ่วเบาลอยมาตามสายลม ยามนี้จากห้องบรรมทมอันแสนอบอุ่นกลับกลายเป็นห้อง ลงทัณฑ์อันแสนโหดร้ายไปเสียแล้ว เสี่ยวจี้ถูกตบไปสิบ กว่าครั้งจนเลือดกลบไปทั้งปากและจมูก ใบหน้าบวมเป่ง และผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด ยามนี้นางชาหนีบไปทั้งหน้า มีนงงไปหมด

เสี่ยวจีแต่เล็กจนโตไม่เคยถูกลงโทษรุนแรงเช่นนี้มาก่อน มาวันนี้กลับถูกลงโทษอย่างหนักเช่นนี้ ทว่าแม้นางอยาก จะร้องไห้ออกมามากเพียงใดก็ไม่อาจร้องออกมาได้ ทำให้ ผู้พบเห็นรู้สึกสงสารปนอนาถใจเหลือเกิน

บ่าวรับใช้ผู้นั้นรู้สึกสงสารนางขึ้นมาจึงหยุดมือลงหลังจาก ดีไปเพียงสิบกว่าครั้ง บ่าวผู้นั้นหันกายกลับไปถามนายของ ตน โหร่วเฟยพะย่ะค่ะ กระหม่อมยังต้องตีนางอีกหรือไม่

ชุนหนิงที่อยู่ข้างกายมาโดยตลอดผลักร่างของบ่าวรับใช้ ผู้นั้นออก ก่อนๆ พระสนมไม่ได้บอกให้เจ้าหยุดเจ้าจะถาม ทำไมให้มากความกันมือไม้อ่อนปานนี้ไม่ได้กินข้าวมาหรือไร”

กล่าวจบนางก็หยิบไม้บรรทัดไม้บนโต๊ะเข้ามาดบหน้าของ เสี่ยวจต่อทันที เดิมที่ไม้บรรทัดไม้นี้มามาไว้ใช้ในการตัด เย็บเสื้อผ้า ไม้บรรทัดนี้หนากว่าไม้บรรทัดทั่วไปอยู่เล็ก น้อยเมื่อเสี่ยวจีถูกตีต่อไป ยามนี้ใบหน้านางเต็มไปด้วย รอยเลือดซ้ากระจายไปทั่วหน้า ดีไปเพียงไม่กี่ครั้งใบหน้า ของเสี่ยวจีก็ปูดบวมไปหมดราวกับหัวหมูอย่างไรอย่างนั้น

เหล่าสาวใช้ประจำเรือนเมื่อเห็นเหตุการณ์ก็ไม่อาจทนต่อ ไปได้ รีบร้อนกันเข้ามาขอร้องแทนเสี่ยวจี้

เมื่อหลิวมีเหอเห็นว่าเสี่ยวจี้ถูกตีจนใบหน้ากลายเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกราวกับระบายความอัดอั้นไปได้ไม่น้อย วันนี้ที่ข้าตบ ดีเจ้า หนึ่ง เป็นเพราะเจ้าไม่เจียมตัวปีนขึ้นไปนอนบนเตียง ของพระชายา นั่นเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่งนัก สอง พระชายาบาดเจ็บอยู่เจ้ายังปล่อยให้นางหนีออกไปนอก จวน หากเกินเรื่องอันใดขึ้นกับนางเจ้าจะรับผิดชอบไหวงั้น หรือ ดังนั้นการลงโทษครั้งนี้ข้าลงโทษแทนนายของเจ้า ที่อ่อนแอเกินกว่าจะเข้มงวดกับเจ้า เจ้าพอใจหรือไม่ หาก ไม่พอใจก็ไปพบท่านอ๋องด้วยกันกับข้า แต่ท่านอ๋องจะ ลงโทษเจ้าเช่นไรข้าก็ไม่กล้ารับประกันหรอกนะ”
ในใจของเสี่ยวจี้รู้สึกโศกเศร้ามาก ทว่าแม้แต่ร้องไห้นาง ยังไม่กล้าร้องออกมา จึงทำได้เพียงกัมหน้ายอมรับแต่โดย ดี “ไม่กล้า โหร่วเฟยช่างปรานีต่อหม่อมฉันยิ่งนัก หม่อมฉัน มีหรือจะไม่พอใจ”

หลิวมีเหอพยักหน้าอย่างพอใจ “พอใจก็ดีแล้ว เช่นนั้นก็ รู้จักสงบปากสงบคำอย่าได้โพนทะนาไปทั่วเล่า หากเรื่องนี้ หลุดไปถึงหูท่านอ๋องรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอันใดขึ้น”

เสี่ยวจี้ก้มตัวลงก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแหบแห้ง “หม่อม ฉันรับทราบ เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นผู้กระทำผิด พระสนม ลงโทษหม่อมฉันเป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่ง พระสนมลงโทษ หม่อมฉันตามกฎของจวนอ๋องไปเรื่องที่เหมาะสมแล้วเพคะ วันหน้าหม่อมฉันไม่กล้าแล้ว หม่อมฉันจะไม่ให้เรื่องนี้หลุด ไปถึงหูท่านอ๋องอย่างแน่นอนเพคะ”

ชุนหนิงยิ้มเยาะออกมาก่อนจะเอ่ยเสียงเย้ยหยัน “ในใจ รู้จักคิดเช่นนี้ก็ดีแล้ว พระสนมไม่สั่งให้จับเจ้าเข้าคุกมืดก็ เป็นพระคุณหนักหนาแล้ว เจ้าต้องระลึกถึงพระคุณนี้ไว้ให้ ดีเชียวเข้าใจหรือไม่” กล่าวจบก็ค่อยเดินไปพยุงร่างของ หลิวมีเหอก่อนจะเอ่ยเสียงประจบ “พระสนมเพคะ พวกเรา กลับกันเถิด ท่านอ๋องรอให้ท่านกลับไปหาอยู่นะเพคะ”

หลิวมีเหอรับคำก่อนจะเดินออกไปอย่างเย็นชา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ