หมอยาเสน่ห์หา

ตอที่ 52 ไม้แข็งไม้อ่อนล้วนไม่มีผล



ตอที่ 52 ไม้แข็งไม้อ่อนล้วนไม่มีผล

ตอที่ 52 ไม้แข็งไม้อ่อนล้วนไม่มีผล

เมื่อหลี่เฉินเย่นกลับไปเขาก็สั่งให้เสี่ยวซานจื่อไปสืบเรื่องราว จากเรือนหรูอี้ เสี่ยวซานจื่อเป็นองครักษ์ประจำกายของเขา มีหน้าที่คอยอารักขาความปลอดภัยของท่านอ๋องในช่วงกลาง

จนกระทั่งช่วงค่ำเสี่ยวซานจื่อก็กลับมารายงานต่อเขา “เรียน ท่านอ๋อง เรื่องราวเป็นดังเช่นที่โหร่วเฟยกล่าวมาจริงพะย่ะค่ะ วันนี้พระชายาใช้เข็มฝังที่บาดแผลบริเวณขาของตนเองจริงๆ ทั้งนางยังใช้มีดเฉือนเนื้อบริเวณแผลอีกด้

หลี่เฉินเย่นบันดาลโทสะออกมา “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!

เสี่ยวซานจื่อรู้สึกลังเลเล็กน้อย “ข้าน้อยไม่เข้าใจเลยว่าเหตุ ใดพระชายาจึงได้ทำเช่นนี้ นางดูไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังดูคุ้นชินอย่างยิ่ง การฝังเข็มของนางยังดูละเอียดไม่ใช่ เพียงแค่ฝังลงไปบนแผลลวกๆ ข้าน้อยคิดว่า พระชายาทํา

เช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่

“เหตุผลอะไรกันเล่า” หลี่เฉินเย่นดูไม่พอใจเล็กน้อย

“บาดแผลของนางจนป่านนี้ก็ยังไม่ตกสะเก็ด แม้กระทั่งจูเก๋อหทำให้บาดแผลของตนเองเป็นเช่นนั้น

“ทว่าหากพระชายาทำเช่นนี้เพียงเพื่อต้องการแก่งแย่งท่าน อ๋องจริง แต่นางก็ไม่เคยเอ่ยถึงอาการบาดเจ็บของตนเองต่อ หน้าท่านอ๋องเลยสักนิด ทั้งยังไม่ได้พยายามทำตัวให้เป็นที่รัก ใคร่ชอบพอของท่านเลยสักครั้ง หากที่นางทำไปทั้งหมดไม่ใช่ เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากท่านแล้วล่ะก็การที่นาง ทำร้ายร่างกายตนเองเช่นนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่ หรือนางอาจ จะเสียใจมากจนทนไม่ไหว เสี่ยวซานจื่อคาดเดาตามที่เขา เห็น ใบหน้าของชูเซียในสายตาของเขาช่างดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก ทั้งหลายวันมานี้นางก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยทั้งยังเก็บตัวอยู่ใน เรือนหรูอี้ตลอดเวลา แต่เขาก็มองออกว่าในใจของนางคงมี ความไม่สบายใจอยู่หลายส่วน

หลี่เฉินเย่นเอ่ยเสียงเย็นชา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การ ที่นางทำเช่นนี้ก็นับว่าใช้มารยาสาไถยทั้งสิ้น” เขาไม่ได้เอ่ย ความในใจของตนออกมาว่าทั้งหมดเป็นเพราะคืนนั้นเขาอยู่ กับหลิวมี่เหอทำให้นางเกิดน้อยใจจนทำร้ายร่างกายตนเอง เพื่อประท้วงเขา

เสี่ยวซานจื่อถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้นจะ

ให้ทําเช่นไรต่อไปขอรับ

หลี่เฉินเยนใบหน้าหมองคลาก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ไม่ต้องสนใจนาง หากนางชอบทำเช่นนี้ก็ให้นางทำต่อไป!”

เสี่ยวซานจื่อรู้สึกกังวลใจนัก “แต่ว่า หากปล่อยให้พระชายา ทำเช่นนี้ทุกวัน ข้าน้อยเกรงว่า…

“จะกลัวอะไรเล่า นางเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ” หลี่ เฉินเย่นไล่เสี่ยวซานจื่อให้ออกจากห้องไปก่อนที่จะเหลือ เพียงเขาที่โมโหกระฟัดกระเฟียดอยู่เพียงผู้เดียวในห้อง

เขาโมโหมาก โมโหมากเสียจนไม่อยากจะสนใจนางอีกต่อ ไปแล้ว เขาเป็นห่วงร่างกายของนางมาตลอดจนไม่อนุญาตให้ นางลงจากเตียงโดยเด็ดขาดจนกว่าบาดแผลของนางจะหายดี แต่ทว่าเมื่อนางรู้ว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยนางกลับเลือกที่จะใช้วิธี ทําร้ายตนเองมาเรียกร้องความสนใจของเขาเสียได้

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกดีกับชูเซี่ยก็จริงอยู่แต่ทว่าเมื่อเขารู้ความ จริงว่านางทำร้ายตนเอง ทุกอย่างที่ผ่านมาก็สูญเปล่าแม้แต่

ความรู้สึกผิดที่นางมาเห็นเขาอยู่กับหลิวมี่เหอในคืนนั้นก็หาย

ไปจนสิ้น

บางทีนางอาจจะเป็นหลิวหยิงหลงคนเดิมก็เป็นได้

เมื่อจูเก๋อหมิงมาหาชายหนุ่มในช่วงค่ำ เขาก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หมอหนุ่มฟังโดยละเอียด เมื่อจูเก๋อหมิงได้ฟังก็

ประหลาดใจอย่างยิ่ง “ไม่แปลกเลยที่จนป่านนี้แผลของนาง จึงไม่หายเสียที ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หลี่เฉินเย่นเอ่ยออกมาอย่างสลดใจ “หรือว่าที่ผ่านมาพวกข้า

ถูกนางหลอกลวงมาตลอด

“แม้ว่าการที่นางทำเช่นนี้แต่ข้าก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ดี ไม่ว่าจะ มองเช่นไรนางก็ไม่ใช่หลิวหยิงหลงอยู่ดี ข้าเคยไปปรึกษา เรื่องวิญญาณกลับชาติมาเกิดกับท่านราชครูมาแล้ว ท่าน ราชครูก็บอกกับข้าว่าในโลกใบนี้มีเรื่องราวเช่นนี้อยู่จริงอีก ทั้งท่านยังเคยเห็นมากับตาตนเองอีกด้วย ตามคำกล่าวที่ว่า สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้ ต่อให้นางจะเปลี่ยนแปลงตัว เองแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงนิสัยได้อย่างสมบูรณ์หรอก นะ ข้าเชื่อว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเพราะว่ามีวิญญาณดวงอื่นมา สิงร่างก็เป็นได้” จูเก๋อหมิงเอ่ย

หลี่เฉินเย่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนภูเขาระหว่างเขาและ นางทั้งยังมีความใกล้ชิดของทั้งคู่ในห้องเมื่อหลายวันก่อน

ความสะนิดชิดเชื้อระหว่างเขาและนางค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละ นิด จริงอย่างที่จูเก๋อหมิงกล่าวมา แต่ทว่าขนาดเขาที่เห็นด้วย ตาตนเองยังไม่เชื่อแล้วประสาอะไรกับเรื่องเหลือเชื่ออย่างการกลับมาชาติมาเกิดหรือวิญญาณสิงร่างพวกนี้ เขาไม่ เคยรักหลิวหยิงหลงมาก่อน จนยามนี้แม้ว่านางจะเป็นชูเซีย ดียิ่งนัก ตอนนี้นางชื่อว่าชูเซี่ยจริงหรือไม่เขาก็ยังไม่รู้แน่ ต่อ ให้นางกลับชาติมาเกิดจริงๆ นางก็เป็นแค่วิญญาณดวงหนึ่ง เท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องให้ความสนใจไม่ใช่หรือไงเล่า

ดังนั้นในท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกปลงขึ้นมาบ้างแล้ว “ช่างเถิด ไม่ ต้องสนใจนางแล้วล่ะ นางอยากทําเช่นไรก็ปล่อยนางเถิด” เขา วางฝ่ามือลงบนเข่าของตนก่อนลองลูบดูเบาๆก็ยังไม่มีความ รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย “ยามนี้ข้าก็เป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง เท่านั้น ยังจะไปสนใจอาการบาดเจ็บของผู้อื่นให้ได้อะไรขึ้น มากัน ต่อให้นางเป็นหลิวหยิงหลงที่ทำร้ายจ่ายเงินจริง ต่อให้ นางพิการขาเดินไม่ได้ข้าก็ไม่สงสารนางแม้แต่น้อย ต่อให้นาง ไม่ใช่หลิวหยิงหลง เป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น ต่อ ให้นางทําให้ขาตนเองบาดเจ็บแค่ไหนก็ไม่ใช่ร่างของนาง ไม่ จําเป็นต้องเสียดายอะไร”

ชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้ทั้งที่ใจไม่ได้คิดเช่นนั้นแม้แต่น้อย เมื่อ เอ่ยออกมาหัวใจของตนเองก็ปวดหนึบขึ้นมาราวกับว่าชูเซี่ยจะ หายไปจากชีวิตเขาจริงๆ

จูเก๋อหมิงสังเกตเห็นว่ายามนี้จิตใจของอีกฝ่ายเริ่มหดหู่ขึ้นมา อีกครั้งแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่บันดาลโทสะกับเก้าอี้รถเข็นเช่นนั้นหรอก แม้แต่ในยามที่เขาเอ่ยถึงเรื่องที่นางทำร้าย ตนเอง ปากก็พร่ำบอกว่าไม่สนใจนางแม้แต่น้อยแต่กลับปล่อย ให้นางมีผลกระทบต่อจิตใจของเขาถึงเพียงนี้ ภายในใจของ คนก็เหมือนกับกล่องลับใบหนึ่งที่บางครั้งแม้แต่เจ้าของมันจะ พยายามสอดส่องมองหาเพียงใดก็ไม่แน่ว่าจะเจอ ก็เหมือน กับความรู้สึกที่ท่านอ๋องมีต่อชายาของตน ทั้งที่ชายหนุ่ม ตกหลุมรักหญิงสาวเข้าแล้วแต่ก็ไม่ยอมรับมันเสียอย่างนั้น

ดังนั้นหลายวันมานี้ชูเซียไม่ได้มาเยี่ยมเยียนหลี่เฉินเช่น ทาง ด้านหลี่เฉินเย่นเองก็ไม่ได้มาหาชูเซียอีกเลย

แต่กระนั้นเขาก็ยังคงให้เสี่ยวซานจื่อคอยจับตาดูการ เคลื่อนไหวของชูเซียอย่างใกล้ชิดและกลับมารายงานเขาทุก คืน ทุกครั้งที่เสี่ยวซานจื่อกลับมารายงานเขา หัวใจของเขาก็ ดำดิ่งลึกลงไปทุกขณะ

ในคืนนี้ยามที่เขากำลังดื่มสุราขณะฟังเสี่ยวซานจื่อรายงาน เรื่องของพระชายา วันนี้เกือบทั้งวันนางใช้เวลาไปกับการ

ฝังเข็มบนร่างของตนเอง ไม่เพียงแค่ขาทั้งสองข้าง แม้แต่ หน้าผากของนางก็ยังกล้าฝังเข็มลงไป เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่น นั้นก็โกรธเสียจนขว้างขวดสุราจนแตกกระจาย ร่างกายของ เขาเย็นเฉียบจนเลือดในกายแทบจะจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง
ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามออกมา “แท้จริงแล้วนางกำลังคิดสิ่ง โดอยู่กันแน่ เพียงแค่นนั้นข้าร่มเตียงกับหลิวมีเธอเท่านั้นงั้น เลย เพียงเท่านั้นจริงๆนะหรือ

เกี่ยวซ่านจื่อเห็นนายของตนเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้มีหรือจะ กล้าส่งเสียงอะไรออกไป เขาทำแค่เพียงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยืนนิ่งๆไม่เอ่ยหรือส่งเสียงอะไรออกไป

หลี่เฉินเย่นยิ่งมาก็ยิ่งทวีความเดือดดาลมากขึ้น ฝ่ามือหนา กระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังอยากจะผุดลุกขึ้นมาแต่ทว่าขาของ เขายังไล่เรี่ยวแรงจนทำให้ร่างกายเกือบจะทรุดลงไปกับพื้น แต่เดี๋ยวซานจอก็มาพยุงร่างของเขาไว้ได้ทัน ท่านอ๋องโปรด ระงับโทสะก่อนเถิด อย่าได้ขยับกายส่งเดช หากท่านไม่อยาก เห็นพระชายาทำเช่นนี้ท่านก็ไปดูนางหน่อยเถิดขอรับ!”

เสียวซาน อบตาดูพระชายาอยู่หลายวันก็มองไม่เห็น เหตุผลที่อีกฝ่ายทําเช่นนั้น จิตใจของเขาจึงเริ่มเอนเอียงว่าที่ซู เซียทำเช่นนี้เพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องเพียง เท่านั้นจึงได้แสดงท่าทีแง่งอนอีกฝ่ายจนทําร้ายตนเอง มิฉะนั้น จะมีคําอธิบายแบบไหนที่ดูเข้าท่ากว่านี้อีกเล่า

หลี่เฉินเล่นเกรี้ยวกราดยิ่งนัก “เอาเก้าอี้นี่ไปทิ้งเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ อยากติดหนี้บุญคุณนาง!”
เสียวซ่าน อตื่นตกใจยิ่งก่อนจะรีบร้อนเอ่ย “ท่านอ๋องได้ โปรดอย่าวู่วาม รถเข็นคันนี้ทำงานได้ดีเลิศทั้งยังต้องใช้ความ

พยายามและใส่ใจอย่างมากกว่าจะทําออกมาได้ หาได้ ยากนัก อีกทั้งรถเข็น พระชายาก็สู้อุตส่าห์ลำบากหามาเพื่อ

ท่าน…

“พูดพล่ามอันใดอยู่ ข้าบอกให้เจ้าทิ้งเจ้าก็ทิ้ง ข้าไม่อยากรับ น้ำใจเสแสร้งแกล้งทำของนาง!” หลี่เฉินเย่น

คำราม ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ แม้แต่ริม ฝีปากก็สั่น

บ่าวรับใช้ต่างรีบกรูกันเข้ามาแต่เมื่อมองดูสถานการณ์ต่างก็ ตระหนกตกใจ เสี่ยวซานจื่อรีบร้อนเอ่ยขึ้น “ยังไม่รีบมาพยุง ท่านอ๋องไปนั่งเก้าอี้อีก

บ่าวรับใช้รีบร้อนจนมือไม้แทบจะพ้นกันเข้ามาพยุงร่างสูง ของหลี่เฉินเย่น เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะพยุงให้ท่านอ๋องนั่งลง บนรถเข็นแต่ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้ท่านอ๋องกลับใช้กำลังเจ็ดแปด ส่วนในการใช้พลังซัดฝ่ามือไปที่รถเข็นจนมันก็กระจัดกระจาย กลายเป็นกองเศษเหล็ก
ทุกคนต่างอกสั่นขวัญแขวนเสียวซานอพยุงร่างของนาย ตนเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างก่อนจะรีบร้อนสั่งคนให้ไปตาม

ท่านหมอจูเก๋อหมิงมาโดยด่วน

จูเก๋อหมิงที่รีบร้อนมาถึงจวนอ๋อง เมื่อชายหนุ่มเหลือบไปเห็น ซากรถเข็นที่อยู่กลางห้องก็สายศีรษะก่อนจะถอนหายใจ

ออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “เหตุใดจึงต้องเอาความโกรธไป ลงกับรถเข็นด้วยเล่า

ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นเต็มไปด้วยความเย็นชาจ้องมองจูเก๋ อหมิง “วิชาแพทย์ของเจ้าล้ำเลิศเพียงนี้ เจ้าก็มอบยาพิษให้ นางสักห่อให้นางรีบตายต่อหน้าข้าเสียก็สิ้นเรื่อง

จูเก๋อหมิงมองไปที่สหายรักของตน “กล่าวออกมาเช่นนี้จะมี ประโยชน์อะไรกันเล่า หากนางตายจริงเจ้าต่างหากที่จะเสียใจ ยิ่งกว่าผู้ใด”

“พูดจาไร้สาระ ยามนี้ข้าเกลียดนางจนไม่รู้จะเกลียดอย่างไร แล้ว หากนางตายไปเสียก็ดีข้าจะได้สบายใจขึ้นบ้าง” คำพูด ของเขาช่างเย็นชาและโหดร้าย
จูเก๋อหมิงไล่เสี่ยวซานจื่อและบ่าวรับใช้ออกไปจนหมดเหลือ เพียงแค่เขากับท่านอ๋องเพียงลำพัง “หากไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เจ้าก็คงไม่เดือดดาลต่อการที่นางทำร้ายตนเองเช่นนี้หรอก เห็นได้ชัดว่าเจ้าให้ความสำคัญกับนางเพียงใดแต่เจ้ากลับไม่ ยอมรับมันเอง ในสายตาของข้า ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เจ้าจะ ยอมเปิดใจยอมรับความรู้สึกของตนเอง ยอมรับว่าเจ้าเองก็รัก นางมันยากมากนักหรือไง”

หลี่เฉินเย่นเพียงปรายตามองมาที่เขาก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ สนใจ “เจ้าคิดว่าเจ้ารู้จักข้าดีขนาดนั้นเชียว

“ก็จริงว่าข้าอาจจะไม่รู้จักเจ้าดี แต่ทว่าเจ้าเองก็ไม่รู้จักตัวเอง ดีเช่นกัน” จูเก๋อหมิงเอ่ยต่อไป “เจ้าไม่อยากยอมรับก็ไม่มีผู้ใด บังคับเจ้าหรอก”

ดูเหมือนว่าหลี่เฉินเย่นหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมรับว่าตนเอง ชอบพอชูเซี่ยเข้าแล้ว ชายหนุ่มส่งเสียงร้องเรียกบ่าวรับใช้ เสียงดัง “ให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะเข้าวังกราบทูลกับเสด็จพ่อ ว่าขาจะหย่าขาดกับนาง

เป็นอีกครั้งที่จูเก๋อหมิงไล่ตะเพิดคนออกไปก่อนจะรีบปิด ประตูหันกลับมามองสหายของตน “เอาเถิด ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้า
ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางแม้แต่น้อย แต่ถึงขั้นจะหย่าร้างกับ พระชายา เจ้าไม่กลัวผู้คนครหางั้นหรือ ข้ายอมรับว่าการที่ นางทำตัวเช่นนี้เป็นเรื่องโง่เขลาสิ้นคิด ทว่านางก็ทำเพียงเพื่อ ต้องการให้เจ้าห่วงใยนางบ้างเพียงเท่านั้นไม่ใช่หรือ

“หากข้าจะเป็นห่วงนาง ต่อให้นางไม่ทำเช่นนี้ข้าก็ยังเป็นห่วง หากข้าไม่ได้เป็นห่วงนาง ต่อให้นางตายลงตรงหน้าข้าก็ไม่คิด ใส่ใจ ข้าจะไม่แม้แต่จะชายตามองนางด้วยซ้ำ ทุกวันเจ้าต้อง ไปรักษาแผลให้นางอยู่แล้วนี่ ก็เล่าให้นางฟังก็แล้วกัน”

จูเก๋อหมิงรู้ดีว่าไม่อาจพูดอะไรได้อีกแล้ว หากเขายังดึงดัน ต่อไป ปล่อยให้อีกฝ่ายตกกลับมาอีกเขาก็คงกลายเป็นฝ่าย

บันดาลโทสะขึ้นมาเสียเองก็เป็นได้

ในวันต่อมา จูเก๋อหมิงก็เดินทางมาทำแผลให้นาง เมื่อเขา

เปิดดูบาดแผลของนางก็เห็นว่าบริเวณแผลมีร่องรอยการฝัง เข็มเต็มไปหมด หมอหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เหตุใด จึงต้องทำถึงเพียงนี้

ชูเซี่ยไม่เข้าใจในคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ นางจึงเอ่ยถาม อย่างงุนงง “อะไรหรือ
จูเก๋อหมิงใส่ยาให้นางพลางเอ่ย “คนอย่างเฉินเช่นน่ะ เดิม เขาก็ไม่ใช่คนแข็งอะไรหรอกนะ แต่คนอย่างเขาเกลียดที่สุด คือคนที่ชอบใช้มารยาสาไถย

ในมือของซูเซี่ยยังคงถือตำราฝังเข็มไว้ แต่เนื่องด้วยตัวตำรา มันเริ่มเสื่อมสภาพไปแล้ว ดังนั้นนางจึงให้เสี่ยวจี้ใช้ผ้าห่อ

หน้าปกและเย็บมันไว้เข้าด้วยกัน ทำให้จูเก๋อหมิงไม่ทราบว่า นางกำลังอ่านอะไรอยู่กันแน่ ชูเซียนั่งอ่านหนังสือพลางฟังคำ พูดของจูเก๋อหมิงพลาง ทำให้สมาธิไขว้เขวอยู่บ้าง นางเพียง แค่ส่งเสียงอึมออกไปแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

หลังจากที่ เก๋อหมิงพันผ้าพันแผลให้นางเรียบร้อยแล้ว ชาย หนุ่มก็เอ่ยถาม “คำพูดเมื่อครู่ของกระหม่อม พระชายารับฟัง และจําใส่ใจบ้างหรือไม่

ชูเซี่ยเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้านางอย่างงงงวยแต่ก็ พยักหน้า “จ๋าใส่ใจแล้ว” ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะสื่อให้นาง

เข้าใจว่าคนอย่างหลี่เฉินเย่นไม่ชอบคนที่มารยาสาไถยแต่ ใครบางเล่าจะไม่ชื่นชอบคนตรงไปตรงมา ใครบ้างที่จะชื่นชอบ พวกชอบใช้มารยากันเล่า คำพูดเช่นนี้มันค่อนข้างไร้สาระเกิน ไปหน่อยกระมัง
เยี่ยหนึ่งค่อยๆยิ้มออกมาจนได้ ข้ารู้ว่าพระชายาเป็นคน ฉลาด จะต้องเข้าใจสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่ออย่างแน่นอน พระ ขายารักใคร่เดินเป็นอย่างลึกซึ้ง ควรจะต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ถึงจะถูก ไม่ควรใช้ความรุนแรงมากจนเกินไปนัก

เขียวาง เราเองก่อนหน้า ของเก๋ หมิง ท่าน เอาตาข้างไหนมองว่าข้ารักใคร่เขาอย่างลึกซึ้งไม่ทราบ

จูเบื่อหนึ่งยิ้ม “คำพูดนี้ ต่อให้ข้าไม่พูดพระชายาก็คงจะรู้ดีอยู่ แล้ว คืนก่อนที่ท่านเห็นเฉินเย็นอยู่ที่เรือนเฟยหลัง ท่านตอบ สนองมากจนเกินไป ความเจ็บปวดที่แสดงออกมาเห็นได้ชัดว่า ต้องรักมากจึงเจ็บมาก เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ

ชูเซี่ยจนปัญญาที่จะหาข้ออ้างมาลบล้างเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในคืนนั้น ในวันนั้นนางสะเทือนใจเกินกว่าจะสร้างกำแพงขึ้น มาป้องกันตัวเองจึงเผยความรู้สึกออกมาบนใบหน้าจนสิ้น แต่ ในยามที่ถูกคนมาเอยจี้ปมขึ้นมาก็ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึก อับอายและตะขิดตะขวงใจ “ครั้งนั้นขาอาจจะเสียความรู้สึกอยู่ บ้าง แต่ทว่ายามเข้ากลับชัดเจนในความรู้สึกของตนเองอย่าง ยิ่ง

“หม?” ยามนี้กลายเป็นว่าจูเกื้อหมิงเป็นฝ่ายงุนงงเสียเอง
ชูเซี่ยยิ้มบาง “พูดไปท่านก็ไม่เข้าใจ!” นางก้มลองมา

บาดแผลของตนเอง “พันผ้าพันแผลดีแล้วใช่หรือไม่ ความจริง ท่านไม่จำเป็นต้องมาก็ได้นะเจ้าคะ บาดแผลก็ผ่านมานานแล้ว แต่ก็ไม่ยอมตกสะเก็ดเสียที

“พระชายาโปรดรักษาพระวรกายด้วย ร่างกายที่ได้มาจาก บิดามารดา ค่าเกินกว่าที่ท่านจะใช้มันเป็นเครื่องมือรองรับ

อารมณ์หรือเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ” จูเก๋อหมิง แนะนําอย่างบริสุทธิ์ใจ

ชูเซี่ยยังคงสนใจแต่ตำราการฝังเข็มทองจึงไม่ได้สนใจเขา นัก “อึม ข้าทราบแล้ว เสี่ยวจี้ ส่งหมอเทวดาจูเก๋อออกไปด้วย

จูเก๋อหมิงสายศีรษะ เขาบอกนางชัดเจนถึงเพียงนี้แล้วนางจะ รับรู้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวนางแล้วล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ