หมอยาเสน่ห์หา

ตอนที่ 44 นางที่เปลี่ยนไป



ตอนที่ 44 นางที่เปลี่ยนไป

ตอนที่ 44 นางที่เปลี่ยนไป

จูเก๋อหมิงกลับมายังห้องบรรทมของหลี่เฉินเย่นยามนี้ หลี่เฉินเย่นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ริมหน้าต่างบนนั้นมีกระถางด อกเบญมาศวางไว้อยู่ หมอหนุ่มมองจากด้านหลังก็รู้สึกว่า ภาพตรงหน้าช่างดูอ้างว้างโดดเดี่ยวยิ่งนัก

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าชายหนุ่มก็ค่อยๆหันหน้ามามอง เมื่อ เห็นว่าผู้มาใหม่คือจูเก๋อหมิงใบหน้าคมคายก็เปลี่ยนเป็น หมองเศร้า นางเป็นอย่างไรบ้าง

“ทำความสะอาดบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ใส่ยาอีกไม่กี่วัน ก็คงจะเริ่มตกสะเก็ดจูเก๋อหมิงเอ่ยเสียงเบา เขาลากเก้าอี้ มานั่งข้างกายสหาย มองไปที่เขาสักพักก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง

หลี่เฉินเย่นเอ่ยตอบเสียงเรียบ จะดีหรือไม่ดีชีวิตก็ยัง ต้องดำเนินต่อไปไม่ใช่หรือ ขนาดเจ้ายังบอกว่าขาทั้งสอง ของข้าไม่อาจเดินได้อีกตลอดชีวิต ข้าก็ไม่อยากคาดหวัง อะไรอีกแล้ว ใช้ชีวิตไปวันต่อวันเท่านั้นก็พอ”

จูเก๋อหมิงรู้สึกผิดอยู่บ้าง เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “แผ่นดินกว้างใหญ่หมอมากมีมือก็มือยู่มาก…”

ใครจะมีฝีมือเท่าเจ้าได้อีกเล่า” หลี่เฉินแป่นเป็มแย้ยหยัน “ขนาดเจ้ายังไม่อาจรักษาได้ ยังจะมีผู้ใดสามารถรักษาข้า ได้อีกเล่าเจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำแกลี้ยกล่อมข้าหรอก เรา เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีแล้วมีอะไรพูดตรงๆกันจะดีกว่า

จูเก่อหมิงสายศีรษะ “ข้าไม่ได้หลอกและไม่ได้ปลอบใจ เจ้าด้วย เพียงแต่ข้าได้ยินมาว่าจากเมืองเจิ้นกเขาวนว่ายามที่ พระชายาของเขาต้องพิษมีท่า ผู้หนึ่งสามารถใช้วิธี ผ่าคลอดเด็กออกมาได้ วิธีการเช่นนี้อันตรายอย่างยิ่งอาจ ทำให้ทั้งแม่และลูกตกอยู่ในอันตราย หากเป็นดังที่เล่าลือ จริงข้าก็รู้สึกต้อยกว่าเขาผู้นั้นอยู่มาก ดังนั้นข้า เจ้ากลับไปรักษาตัวอยู่ในวังและตามหาหมอหลว รักษาจะดีกว่าอย่างน้อยจะ โอกาสมากยิ่งขึ้น กให้

ยามที่อยู่ในวังเขาก็ไปเยี่ยมดูอาการหลี่เฉินแผ่นอยู่บ้างแต่ หลี่เฉินเป็นก็ไม่ได้บอกเรื่องท่านหมอพวกนี้แก่เขา ยามนี้ เมื่อได้ยินสหายของตนไล่ขึ้นมาก็คงเป็นแพราะได้ยินข่าว ลือในวังหลวงมากระมัง เขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าเพียงรู้ ความเพียงด้านเดียวหาได้ฟังทั้งสอง!”

“หือ” จูเก๋อหมิงชะงัก “ยังมีอีกด้านที่ข้าไม่ทราบหรือ”

หลี่เฉินเย่นไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่กลับมีเสียงของหญิง สาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของจูเก๋อหมิงเอ่ยขึ้น “หมอผู้นั้นที่ ท่านเอ่ยถึงคือพี่สาวของข้าเองเจ้าค่ะ”

จูเก๋อหมิงตกใจ “เจ้าหมายถึงพระชายาหรือ” เขาหันกลับ มามองหลี่เฉินเย่นในแววตาฉายความไม่เชื่อถืออยู่หลาย ส่วน

หลี่เฉินเย่นพยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

จูเก๋อหมิงถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เขาหาเสียง ตนเองอยู่นานจนในที่สุด “ทว่าข้ารู้มาก่อนว่านางไม่รู้ วิชาการแพทย์แม้แต่น้อยไม่ใช่หรือ”

หลิวมีเหออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากสอดเข้ามา “เรื่องนี้ข้าขอ ยืนยันเจ้าค่ะว่าท่านพี่ไม่เคยเรียนวิชาการแพทย์มาก่อน เลย แต่เล็กจนโตนางป่วยอยู่บ่อยครั้ง ป่วยจนถึงขั้นที่จวน อุปราชจำเป็นต้องเชิญหมอมากฝีมือผู้หนึ่งว่าไว้ประจำจวน เพื่อคอยดูแลนางแต่เพียงผู้เดียวเลยเจ้าค่ะ เท่าที่ทราบมาท่านพี่ไม่มีทางที่จะเรียนวิชาการ แพทย์จากท่านหมอผู้นั้นแน่เพราะท่านหมอผู้นั้นมักจะ บังคับให้นางดื่มยาอยู่เสมอนางจึงเกลียดชังท่านหมอผู้ นั้นมากยิ่งนัก” นางหยุดพักสักครู่ก่อนจะเอ่ยคาดเดาออก มา “เป็นไปได้หรือไม่ว่ว่านางอาจเรียนรู้มาจากตำราที่จวน อุปราชมีหอสมุดหลังใหญ่ดำรามีอยู่มากมายก่ายกอง หรือ ท่านหมอผู้นั้นอาจจะมีตำราการรักษาติดตัวมาใช้สำหรับ อ้างอิงการรักษา นางอาจจะเคยนำมาศึกษาก็เป็นได้นะเจ้า คะ

จูเก่อหมิงนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นางจะเคยศึกษา วิชาการแพทย์หรือไม่มีแต่ตัวนางที่รู้ดีที่สุด อีกอย่างการ ที่นางจะสามารถผ่าตัดทำคลอดได้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้ว ว่าวิชาการแพทย์นางล้ำเลิศยิ่งนัก นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนเราจะ เรียนรู้ในชั่วข้ามคืนได้ ทั้งยังไม่สามารถศึกษาจากตำรามา แน่”

หลี่เฉินเย่นถามขั้น การผ่าตัดเช่นนี้ เจ้ามั่นใจในฝีมือ ตนเองกี่ส่วน

จูเก่อหมิงหัวเราะออกมาเบาๆใบหน้าหล่อเหลาฉายแวว อับอาย ข้าไม่ขอปิดบัง ข้าไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่ส่วน

เดียว”
หลี่เฉินเย่นไม่เอ่ยอะไรอีกเลย เขาหมุนแหวนหยกที่อยู่

ในนิ้วมือเล่น

จูเก๋อหมิงรู้สึกลังเล “พระชายาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาก นัก” แม้รูปโฉมของนางจะไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ทว่า สีหน้าและท่าทีของนางเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนกับนางคน ก่อน ไม่เหมือนกันอย่างไรเขาก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้ อย่างชัดเจน เขาเพียงแค่รู้สึกได้ว่านางต่างจากคนก่อน หน้านี้แทบจะเป็นคนละคน

หลี่เฉินเย่นลอบยิ้มอ่อนโยนแต่เพียงชั่วพริบตาใบหน้าเขา ก็กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง เขาเงยหน้ามองหลิวมีเหอก่อน เอ่ย “มีเหอ เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะปรึกษาจูเก๋อเสีย หน่อย”

ในใจหลิวมีเหอรู้สึกวูบโหวงแต่ใบหน้าของนางก็ยังแสร้ง ยกยิ้มปั้นสีหน้าไร้เดียงสา มีอะไรปิดบังไม่ให้ข้ารู้หรือเจ้า คะ เช่นนั้นข้าไม่ออกไปดีกว่าต้องฟังเสียหน่อยว่าพวกท่าน เอ่ยถึงข้าในทางไม่ดีหรือไม่

หลี่เฉินเย่นกดเสียงให้ต่ำลง “เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกสตรี ชอบทำปากยื่นปากยาวที่ชอบพูดจาต่อว่าผู้อื่นลับหลัง หรือ”
เมื่อหลิวมีเหอเห็นว่าเขาทำสีหน้าจริงจังไม่มีร่องรอย ของการล้อเล่นแม้แต่น้อยนางก็ มีกล้าคื้อชั้นในใจรู้สึกไม่ เต็มใจจะออกจากห้องนี้ไปแม้แต่น้อย นางมองจูเก้อหมิงอ ย่างขอความช่วยเหลือหวังว่าเขาจะช่วยนางกล่าวอะไรบ้าง

แต่ไหนแต่ไรมาเกือหมิงก็รักใคร่เอ็นดูนางราวกับน้อง สาวคนหนึ่งเขาไม่อาจทนเห็นนางผิดหวังได้จึงเล่ยออก มาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ช่างเถิด ไม่มีเรื่องอะไรที่เราต้อง ปิดบังนางอยู่แล้วก็ให้ันางอยู่เถิด”

จูเก่อหมิงและหลี่เฉินเป็นเป็นสหายรักกัน ขอเพียงแต่ เกือหมิงเอ่ยปากหลี่เฉินเช่นไม่มีทางที่จะปฏิเสธเด็ดขาด ทว่าในวันนี้เขากลับใจแข็งไม่ยอมอ่อนข้อให้ทั้งยังเป็น กรานเสียงแข็ง “ข้ามอกให้เจ้าออกไปเจ้าก็จงออกไปเสีย วาจาที่เอ่ยออกมาแข็งกระด้างเหลือเกิน นับตั้งแต่เขามาด เจ็บชายหนุ่มก็แสดงท่าที่เช่นนี้ต่อหลิวมีเหอมาโดยตลอด ภายในใจของหลิวมีเหอรู้สึกร้อนรนและสับสนมากขึ้น ยาม นี้แม้กระทั่งคำขอของจูเก๋อหมิงเขาก็ยังไม่ยอมฟังเสียแล้ว นั่นยิ่งทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เมื่อไม่มีทางใดที่จักขัด คำสั่งของเขาได้นางก็จำใจต้องยอมถอยกายออกไปจาก ห้องแต่โดยดี
จูเก๋อหมิงถอนหายใจออกมา “เจ้าก็รู้ว่านางคิดอย่างไรต่อ เจ้า เหตุใดยังปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นเล่า”

หลี่เฉินเย่นเงียบไปเล็กน้อย ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด นับ ตั้งแต่แต่งนางเข้ามาในจวนอ๋องนางช่างแตกต่างจากมีเห อคนก่อนมากยิ่งนัก”

จูเก๋อหมิงนิ่งงัน “เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้ เจ้าพูดเช่นนี้ หมายความว่าสองพี่น้องคู่นี้ต่างก็เปลี่ยนนิสัยกลายเป็น คนละคนงั้นหรือ ช่วงที่ข้าออกนอกเมืองหลวงในระยะเวลา อันสั้นนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เจ้ารีบเล่ามาให้ข้าฟังเร็ว เข้า”

หลี่เฉินเย่นเล่าตั้งแต่เรื่องที่หลิวหยิงหลงวางยาปลุก กำหนัดเขา จนถึงตอนที่พระชายาเจิ้นหยวนถูกวางยาพิษ จนเขาและนางต้องไปหุบเขาเทียนหลางเพื่อตามหาหญ้า หลินเฉ่า เขาเล่าอย่างละเอียดทุกๆเรื่องให้จูเก๋อหมิงฟัง รวมทั้งเรื่องที่หลิวมี่เหอวางแผนกลั่นแกล้งชูเซี่ยต้วยการ ยั่วยุถากถางนางอีกด้วย

มีเรื่องราวมากมายที่ต่อให้เขาไม่เอ่ยออกมาก็ไม่ใช่ว่า เขาไม่ทราบ แต่แรกเริ่มดูเหมือนกับว่าชูเชี่ยเป็นคนคอย หาเรื่องหลิวมีเหอมาโดยตลอด ทว่าเมื่อรองตรวจสอบให้ ชัดเจนจึงได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของหลิวมีเหอทั้งสิ้น เรื่องจริงเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกลำบากใจอย่าง ยิ่ง ทว่าก่อนหน้านี้ที่เขาแสดงความรักต่อหลิวมีเหอก็เพื่อ ชั่วยุให้นางโมโหเพียงเท่านั้น ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ ของเขาและนางที่เต็มไปด้วยความหึงหวงก็จะเริ่มระหอง ระแหงกันในที่สุดนั่นคือสิ่งที่เขาคิดมาโดยตลอด

หลังจากที่จูเก๋อหมิงฟังเรื่องราวทั้งหมดก็นิ่งเงียบขบคิด เรื่องราวอยู่ราวๆครึ่งวัน ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยสักคำ

เมื่อเขาหาเสียงตนเองได้ก็ค่อยๆเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ตอนข้า ท่องโลกภายนอกเคยได้ยินว่ามีวิชาเปลี่ยนหน้า”

หลี่เฉินเย่นล่ายศีรษะ “ไม่ ก่อนหน้าที่นิสัยนางจะเปลี่ยน นางไม่เคยก้าวขาออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว อีกทั้งวิชา เปลี่ยนหน้าที่ชาวยุทธเล่าลือกันก็ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมา ก่อนไม่ใช่หรือ

ร่างกายจูเก๋อหมิงสั่นสะท้านเล็กน้อย “เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถอธิบายได้อีกแล้วล่ะ แม้จะบอก ว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตก็ตาม นิสัยคนเราอาจจะ เปลี่ยนได้หากได้รับการกระทบกระเทือนต่อจิตใจ ทว่าวิชาการแพทย์ที่ล้ำเลิศปานนั้นไม่มีทางที่จะเข้าใจอย่าง ถ่องแท้ในชั่วข้ามคืนได้แน่”

มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของหลี่เฉินเย่น ดวงตาเขาส่องประกายวาบ “เจ้าเชื่อเรื่องฟื้นคืนชีพหรือไม่”

จูเก๋อหมิงชะงักก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ “พูดตามตรง เรื่องผี สางเทวดาข้าไม่เชื่อเลยสักนิด”

“ข้าก็ไม่เชื่อเรื่องงมงายเช่นนี้ ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมัน แปลกประหลาดเกินไป”

“ต่อให้เรื่องผีสางเทวดามีอยู่จริง ต่อให้การฟื้นคืนชีพมี อยู่จริงเช่นที่เจ้ากล่าว ทว่าพระชายาของเจ้าก็ต้องเสียชีวิต ก่อนไม่ใช่หรือถึงจะฟื้นคืนชีพมาได้อีกครั้ง” จูเก๋อหมิงเอ่ย อย่างครุ่นคิด

หลี่เฉินเย่นรับคำ เขานึกถึงการเปลี่ยนแปลงของนางนับ ตั้งแต่วางยาปลุกกำหนัดเขา ตัวนางเมื่อก่อนแม้จะพยายาม เรียกร้องความสนใจจากเขามากเพียงใดก็ไม่เคยใช้วิธีการ ที่ชั่วช้าสามานย์เช่นนี้ เมื่อลองจริงดูให้ดีอาจเป็นเพราะนาง ต้องพบเจอเรื่องอะไรเข้าจึงทำให้นางเปลี่ยนแปลงนิสัยเดิม

“วันนี้ตอนท่านไปเยี่ยมดูอาการนางมีอะไรผิดปกติหรือ ไม่” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถาม

“ยามที่ข้าช่วยนางล้างแผล นางไม่ร้องออกมาแม้แต่น้อย คิ้วของนางไม่ย่นเสียด้วยซ้ำ แม้แต่ข้ายังอดที่จะชื่นชม ความอดทนของนางไม่ได้!”

“นางไม่กลัวเจ็บแม้แต่น้อย ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ยามที่ข้า กระโดดลงน้ำไปช่วยนางขึ้นมาชีพจรนางก็ไม่เต้นเสียแล้ว ตอนนั้นข้าคิดว่านางสิ้นใจไปแล้วเสียอีก ยามนั้นต่อให้ข้า ถ่ายทอดพลังลมปราณให้นางเกือบทั้งหมดนางก็ยังไม่ฟื้น กลับมา แต่ทว่าเมื่อข้าฟื้นขึ้นมากลับพบว่านางยืนจ้องข้า อยู่ ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลแต่นางไม่ร้องออกมา สักแอะ” หลี่เฉินเย่นนึกถึงเรื่องราวครั้งนั้นในใจเขาก็รู้สึก หวาดกลัวขึ้นมา

“ใช่แล้ว องค์ชายน้อยก็ได้นางช่วยชีวิตไว้ใช่หรือไม่ ข้า เคยดูอาการของเขามาก่อน ลำพังข้ายังไม่อาจรักษาเขาได้ แต่นางกลับทำได้”

“ไม่ผิด เดิมทีอานเหยียนใกล้จะสิ้นใจอยู่แล้ว เหล่าหมอหลวงในวังต่างก็ถอดใจไปกันหมด ด้านเสด็จพ่อก็ เตรียมพระราชพิธีศพไว้แล้ว นึกไม่ถึงว่าทันทีที่นางเดิน เข้าไปในห้องอานเหยียนก็หายดีเสียอย่างนั้น ไม่มีผู้ใด ทราบว่านางใช้วิธีการใดรักษาอานเหยียนทว่าที่ข้ามั่นใจ อย่างยิ่งคือหมอหลวงที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่านางไม่ได้ ใช้ยาในการรักษาแน่นอน”

“นั่นมันน่าแปลกยิ่งนัก” 3เก๋อหมิงถึงกับตื่นตะลึง “หาก ไม่ใช่ยา เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะใช้เข็ม มีผู้ใดเห็นนาง ใช้เข็มหรือไม่”

“เจ้าหมายถึงการฝังเข็มหรือ” หลี่เฉินเป็นสายศีรษะ ที่ข้า ได้ยินมายามนั้นในห้องของอานเหยียนมีเพียงแค่หยงเฟย ผู้เดียวเท่านั้น แต่ยามที่นางลงมือรักษาอยู่นั้นแม้กระทั่ง ยงเฟยก็ไม่ได้รับอนุญาติให้อยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดพบเห็น

จูเก่อหมิงมีสีหน้าสับสน ยามนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องนับว่า นางเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง หากองค์ชายน้อยเกิดเรื่องขึ้น มานั่นจะกลายเป็นความผิดของนางแต่เพียงผู้เดียว นาง กล้าเสี่ยงชีวิตตนเองถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วนางเป็นผู้กล้า หาญมากหรือสิ้นหวังมากกันแน่

“หากเป็นอย่างที่ข้าคิด นางเองก็คงไม่มั่นใจในฝีมือนางเช่นกัน หากไม่จวนตัวจริงๆนางก็คงไม่ดัดสินใจทำนั้น แม่ๆ นับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง

“นับตั้งแต่ผ่าท้องทำคลอดจนถึงขึ้นเขาเก็บหญ้าหลินเม่า มีสิ่งใดบ้างที่ไม่อันตราย หากพูดถึงเรื่องอันตราย เรื่องที่ นางเอ่ยทูลต่อเสด็จพ่อขออภัยโทษให้ยกเลิกโทษประหาร ก็นับว่าเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือเสเด็จ พ่อเป็นผู้ที่ตรัสคำใดออกไปย่อมเป็นไปตามนั้นไม่อาจ เปลี่ยนแปลงได้ เจ้ายังจะเรื่องราวของเหลียลได้หรือ ไม่ยามนั้นที่รับสิ่งโทษประหารเหลียงอิง ขุนนาเสนับร้อย ต่างอ้อนวอนขอร้องให้พระองค์เปลี่ยนพระทีบ ขอมคุก เขานอกห้องอักษรทั้งคืนแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปiลสทระที่ม เสด็จพ่อได้เลยแม้แต่น้อยทั้งยังตรัสจะลตตำแหi่งขุมนาม ที่มาอ้อนวอนพระองค์อีกด้วย” นางเป็นเพียงแต่สารน้อยผู้ หนึ่งไม่รู้ว่านางกลัวไม่เป็นหรือกล้าหาญมากกันแม่

ทว่าต่อให้นางกล้าหาญเพียงใดก็ไม่ค2รอกหนักชาม เหลือหมอหลวงผู้นั้นจนตนเองต้องเสี่ยงตัวไม่ใช่หรือ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือไปมาหาสู่กันมา ก่อนเสียด้วย

ในหัวของจูเก๋อหมิงผุดคำคำหนึ่งขึ้นมา พวกเดียวกัน!”
“อะไรหรือ ” หลี่เฉินเย่นดื่มตะลึง “เหตุใดกล่าวเช่นนี้เล่า

ในใจจูเก่อหมิงสับสนวุ่นวายไปหมด หากจะกล่าวว่าเป็น พวกเดียวกันก็ไม่ถูกต้องนักหรือแท้จริงแล้วนางเอกก็เป็น หมอเช่นกัน ทว่าหลิวหยิงหลงเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ที่ถูก เลี้ยงดูอย่างดี ออกเรือนก็แต่งเข้าจวนอ้อง ได้ดำแหน่ง เป็นถึงพระชายา ได้รับความรักและเอ็นดูจากฮองเฮา เป็น สตรีสูงศักดิ์เปี่ยมด้วยอำนาจมีชีวิตเช่นนี้นิสัยเอาแต่ใจ ของนางย่อมต้องมีมากโขที่เดียว หากนางมี ความสามารถ เพียงเล็กน้อยก็คงไม่ลังเลที่จะแสดงออกมาทันที อย่าว่า แต่วิชาการแพทย์เลยหากนางรู้จริงก็คงจะวางตัวสูงสิ่งเย้ย หยันไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเป็นแน่

อย่างน้อยหลิวหยิงหลงที่เขารู้จักก็เป็นคนเช่นนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ