หมอยาเสน่ห์หา

ตอนที่11 ร่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง



ตอนที่11เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเดินออกไปถึงหน้าประตูตำหนักชูเซี่ยถึงทราบว่ามีมี เหอเข้าพระราชวังไปด้วยกันวันนี้นางใส่กระโปรงจีบไหมสี ม่วงอ่อนทำให้ผิวดูขาวยิ่งขึ้นปิ่นทองฝังด้วยหยกหนึ่งก้าน เสียบเข้ามวยผมมวยผมอีกด้านหนึ่งมีพูลูกปัดทองห้อย ลงมาดูหรูหราสง่างามมากผมที่หน้าผากมีเครื่องประดับ ทองคำติดอยู่อย่างละเอียดเมื่อเทียบกับการแต่งทรงผม ของมีเหอชูเซี่ยรู้สึกตนเองน่าสังเวชมากที่จริงชูเชี่ยมี เครื่องประดับเยอะอยู่แต่นางรู้สึกพวกนั้นดูแปลกเกินไปดัง นั้นวันนี้นางเลยยืนยันใส่แค่ปิ่นหยกเขียวก้านเดียวโดยไม่ สนใจความไม่ยินยอมของแม่นมกับเสี่ยวจูแต่แม่นมรู้สึก ว่าการแต่งทรงผมนี้ดูเรียบง่ายเกินไปจึงเพิ่มปิ่นทองหงส์ ให้อีกหนึ่งก้านแต่ไม่ว่ายังไงซูเซี่ยก็ดูสังเวชกว่ามี่เหอ

ทั้งสามคนนั่งในรถม้าคันเดียวไม่มีใครพูดสักคำใบหน้า มีเหอเต็มไปด้วยความเครียดเพราะแต่ก่อนนางทำตัวเป็น อ่อนโยนและนอบน้อมต่อหน้าหลี่เฉินเย่นมาตลอดโดย เฉพาะวันนี้วันแรกที่นางเข้าเฝ้าไทเฮานางยิ่งดึงเครียดมาก ถ้าไทเฮาชอบนางงั้นนางจะมีสิทธิ์พอที่จะแข่งกับพระชายา เอกเพียงแค่ในนามผู้นี้
หลี่เฉินเย่นเห็นมีเหอใบหน้าเครียดๆจึงจับมือนางและ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านย่าเป็นคนเมตตาเจ้าเป็นคน รอบคอบและมีมารยาทแถมหน้าตาสวยงามเช่นนี้ท่านต้อง ชอบเจ้าเป็นอย่างยิ่ง”

มีเหอตอบด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวลและพูดอย่างอายเขิน”ข้า ไม่ได้ดีอย่างที่ท่านอ๋องพูดหรอกเพคะ”

“ผู้หญิงที่ข้ารักต้องเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกนี้” หลี่เฉินเย่ นพูดไปพร้อมเหลือบมองไปยังชูเซี่ย

หลังจากชูเซียข้ามภพมาถึงสมัยนี้ยังไม่เคยออกจาก ตำหนักเลยตอนนี้รถม้าวิ่งอยู่ที่ถนนหินควอร์ตเสียงกับ ม้าดังตรอกๆอยู่เรื่อยข้างนอกรถม้าเป็นเสียงผู้คนของ ยุคนี้สำหรับนางทุกสิ่งทุกอย่างที่มองเห็นในเวลานี้ล้วน เต็มไปด้วยความเนืองแน่นและความสมจริงเหมือนใน ประวัติศาตร์นางเปิดผ้าม่านด้างข้างขึ้นดูทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่ภายนอกรถม้าอย่างตื่นตาตื่นใจในเมืองหลวงนี้การ ค้าขายเจริญรุ่งเรืองผู้คนอาศัยและทำงานอย่างสงบสุข สองข้างของถนนที่รถม้าวิ่งผ่านมีร้านค้าตั้งขึ้นมากมาย เสียงผู้คนโวยวายไม่หยุดดูมีชีวิตชีวามากดูละลานตาฟัง เสียงโวยวายนั้นรู้สึกตื่นเต้นจะสนใจการสนทนาระหว่างหลี่ เฉินเย่นกับมี่เหอได้อย่างไรกันหลี่เฉินเย่นเห็นนางทำตัว เหมือนไม่สนใจแอบพูดเหยียดหยามในใจ

“ดีข้าจะรอดูว่าเจ้าแกล้งทำได้ถึงเมื่อไหร่

ที่จริงชูเซี่ยไม่ได้แกล้งทำออกมาเมื่อรถไปถึงประตูทิศ

ตะวันออกของพระราชวัง

นางถึงปิดม่านลงอย่างไม่พอใจแต่ในใจยังคงรู้สึกตื่นเต้น อยู่นางทราบว่าราชวงศ์นี้ไม่ได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่ไม่ได้บันทึกไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้มีอยู่ตอน นี้นางอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆและได้เห็นผู้คนสังคมและการใช้ ชีวิตในยุคนี้กับตาเองจริงๆทำให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาค ภูมิใจมากนางไม่ใช่คนพิการอวัยวะมีครบสมบูรณ์และนาง เชื่อว่าตนเองสามารถอยู่ต่อไปได้ดีในยุคนี้

ด้วยอารมณ์เช่นนี้นางเผยรอยยิ้มที่มั่นใจออกมาหลี่ เฉินเย่นได้สังเกตรอยยิ้มของนางในใจอดรู้สึกประหลาด ใจขึ้นมาไม่ได้ตั้งแต่คืนนั้นแล้วนางเหมือนเปลี่ยนเป็นอีก คนหนึ่งแต่พอจ้องมองอย่างละเอียดแล้วหน้าตาของนาง ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนก็ยังเป็นจมูกหูปากนั้นเหมือนเดิมสายตา ของเขามองไปที่ดวงตาของนางเขาตกตะลึงขึ้นมาทันที ใช่หน้าตานางไม่ได้เปลี่ยนที่เปลี่ยนไปคือสายตาสีหน้า อารมณ์ของนาง
นึกถึงครึ่งเดือนที่ผ่านมานางไม่จงใจก่อเรื่องเหมือนเมื่อ ก่อนและไม่ได้ใช้ข้ออ้างส่งถ้วยยามาหาเขาที่เรือนเฟยหลี งเหมือนเมื่อก่อนตอนนั้นเขายังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะท่าน แม่ออกจากพระราชวังไปทำบุญนางไม่มีที่พึ่งถึงจะเจียม ตัวขึ้นมา

แต่ตอนนี้เห็นสภาพนางใจเย็นจิตสงบแบบนี้ไม่ใช่เป็น แบบที่แกล้งทำออกมาและคิดย้อนกลับไปถึงวันที่นางทั้ง ถ้วยยาและตบหน้าสาวใช้กับมี่เหออย่างมีเหตุมีผลไม่ได้ โกรธและไม่ได้กระตุ้นราวกับว่านั่นแค่เป็นเรื่องเล็กน้อย สำหรับเรื่องนั้นเขารู้อยู่แก่ใจว่านางถูกใส่ร้ายถ้าตามนิสัย เมื่อก่อนของนางถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อาจจับมีดไปสู้กับคนนั้น แล้วจะใจเย็นเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันนางรู้วิธีที่ไม่ทำร้ายตัว เองแต่กลับให้ฝ่ายตรงข้ามเผยความผิดออกมา

เขาอดนึกถึงฉากที่นางช่วยรักษาบาดแผลให้ตนเองไม่ ได้ถ้าไม่ได้ประสบด้วยตัวเองเขาอาจจะรู้สึกว่านั่นเป็นแค่ ภาพลวงตา

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสายตาที่นางมองเขาไม่มีความรักที่ คลั่งไคล้เหมือนเมื่อก่อนตอนนางมองเขาแววตานิ่งสงบ เหมือนน้ำเปล่าไม่มีอารมณ์แสดงว่าในใจนางไม่ได้รักเขา อีกแล้ว
เขาไม่รู้สึกเสียใจแค่มีข้อสงสัยอยู่เท่านั้นในระหว่างที่คิด รถม้าจอดที่หน้าประตูตำหนักโซ่วอันแล้ว

คนขับรถม้าเปิดม่านขึ้นและยกหินสำหรับใช้ลงรถมาวาง เรียบร้อยจึงพูดว่า “ท่านอ๋องพระชายาเอกพระชายารอง หราวเชิญลงมาขอรับ”

หลี่เฉินเย่นลงมาก่อนแล้วหันกลับไปประคองมีเหอลงรถ ม้าอย่างระมัดระวัง“ระวังหน่อย”

มีเหอพูดอย่างอายเขิน”ขอบคุณท่านอ๋องเพคะท่านอ๋อง ไปช่วยท่านพี่เถอะ”พูดจบนางก็ถอยไปด้านข้างอย่างมี มารยาท

แต่ชูเซี่ยกลับกระโดดลงจากรถม้าไปแล้วท่าทางราบรื่น ตั้งแต่นางข้ามภพเข้ามาในร่างกายนี้ท่าที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม ตั้งเยอะทีแรกนางคิดว่าคงเป็นเพราะหลิวหยิงหลงอายุ น้อยท่าทางเลยยืดหยุ่นแต่มีครั้งหนึ่งนางบังเอิญเตะหินใน สวนหินนั้นกลับทะลุผ่านกำแพงไปแล้วนางถึงรู้ว่าต้องมี เรื่องบางอย่างที่นางไม่รู้เกิดขึ้นกับเจ้าของร่างเดิมแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ