หมอยาเสน่ห์หา

ตอนที่ 46 ลงมือช่วย



ตอนที่ 46 ลงมือช่วย

ตอนที่ 46 ลงมือช่วย

เสี่ยวจีค่อยๆทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ก่อนจะ ร้องไห้ออกมา ทว่านางก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมาเสียง ดังนักเกรงว่าหลิวมีเหอได้ยินจะย้อนกลับมาหาเรื่องนาง อีก

สาวใช้รีบเข้ามาพยุงร่างของเสี่ยวจี้ให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย ปลอบโยน “พี่เสี่ยวจี้ไม่ต้องเสียใจไปหรอก รอพระชายา กลับมาก่อนเถิด ท่านต้องออกหน้าให้เจ้าแน่”

เสี่ยวจี้กลั้นน้ำตาก่อนจะสายศีรษะ “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ห้ามพวกเจ้าบอกพระชายาเด็ดขาด ยากนักที่ความสัมพันธ์ ของพระชายาและท่านอ๋องจะดีเช่นนี้ได้ บัดนี้ท่านอ๋องไม่มี ท่าทีรังเกียจรังงอนพระชายาอีกแล้ว ถ้าหากเรื่องของข้า ทำให้พระชายาและโหร่วเฟยมีเรื่องกันล่ะก็ท่านอ๋องไม่มี ทางที่จะเข้าข้างพระชายาเป็นอันขาด อีกอย่างเรื่องในวัน นี้ทางเราเป็นฝ่ายผิดก่อน ท่านอ๋องเคยกล่าวไว้ว่าไม่ให้ พระชายาไปที่ใดทั้งสิ้น ให้นางรักษาบาดแผลจนหายดีเสีย ก่อน หากท่านอ๋องทราบว่าพระชายาดื้อรั้นไม่ฟังที่ท่าน อ๋องรับสั่งจะต้องโมโหมากเป็นแน่”
เหล่าสาวใช้ต่างกังวล “แต่ว่าต่อให้พวกข้าไม่พูด โหร่วเฟ ยก็ต้องนำเรื่องที่พระชายาแอบหนีออกนอกจวนไปบอก กล่าวให้ท่านอ๋องฟังอยู่แล้วไม่ใช่หรืออย่างไรเสียท่าน อ๋องก็ทรงรู้อยู่ดี”

เมื่อเสี่ยวจี้ลองนึกดูแล้ว นางก็โศกเศร้ามากกว่าเดิม “อ้า เช่นนั้นทำเช่นไรดี พระชายาและท่านอ๋องเพิ่งจะดีกันไม่กี่ วันเท่านั้น ช่างทำให้ผู้อื่นกังวลเสียจริง” ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “หากท่านอ๋องทราบเรื่องที่พระชายาหนีออก นอกจวนจะต้องโมโหมากแน่ และหากว่าพระชายาต้องมี เรื่องกับโหร่วเฟยทำให้จวนอ๋องไม่สงบแล้วล่ะก็ท่านอ๋อง ยิ่งต้องไม่ยอมเป็นแน่ ดังนั้นเรื่องที่โหร่วเฟยลงโทษข้าใน วันนี้อย่าได้ให้พระชายาทรงทราบเป็นดีที่สุด”

สาวใช้เหลือบมองใบหน้าของเสี่ยวจี้ “ต่อให้ไม่พูด เมื่อ พระชายาเห็นหน้าท่านเป็นเช่นนี้ก็ทรงถามขึ้นมาอยู่ดี ถึง ตอนนั้นย่อมต้องรู้แน่ว่าท่านถูกตบตีไม่ใช่หรือ”

เสี่ยวเอื้อมมือมาแตะใบหน้าของตนเบาๆ น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้ม นางยิ้มขมขื่น “ข้าก็บอกว่าตัวเองขึ้นผืน แดงเสียก็สิ้นเรื่อง พวกเจ้าก็หาผ้าปิดหน้ามาให้ข้าสักผืนก็ แล้วกัน ต้องโกหกพระชายาได้แน่”
เหล่าสาวใช้เมื่อเห็นเสี่ยวจี้เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกละอายใจนัก ที่ไม่สามารถช่วยอะไรนางได้ ทว่ากว่าพระชายาและท่าน อ๋องจะดีกันได้ถึงขั้นนี้ช่างยากนัก แม้แต่พวกนางที่วันๆ ทำความสะอาดยังจับสังเกตได้ ทุกคนในจวนต่างก็ไม่ อยากให้ทั้งคู่กลับมาหมางเมินกันดั่งเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว

แต่ทว่าจะให้พี่เสี่ยวจี้ถูกลงโทษทั้งๆที่ไม่ได้เป็นความ ผิดของนางก็รู้สึกไม่ยุติธรรมไปเสียหน่อย จึงทำได้เพียง ปลอบโยนนางโดยการช่วยใส่ยาทำแผลให้อย่างดี เพียง เท่านี้ก็ทำให้เสี่ยวจีรู้สึกซาบซึ้งมากโขแล้วว

เรือนหรูอี้ไม่เคยมีความสามัคคีและเห็นใจกันเช่นนี้เกิดขึ้น มาก่อน

ด้านชูเซี่ยและมามาหลังจากออกจากจวนอ๋องก็ซื้อข้าว ของบางอย่างไว้ก่อนจะเดินทางไปบ้านของเสี่ยวฉิง ทว่า ความจริงแล้วมามากลับไม่แน่ใจนักว่าบ้านเสี่ยวฉิงอยู่ที่ใด กันแน่ จึงทำเพียงเดินค้นหาไปรอบๆจนเสียเวลาอยู่เกือบ หนึ่งชั่วยามถึงจะทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของเสี่ยวฉิง

บ้านของเสี่ยวฉิงตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทางทิศตะวันออก เฉียงเหนือของเมืองหลวง ที่แห่งนี้เป็นชุมชนเก่าและแอดอัด ตลอดทางที่เดินทางมาชูเซี่ยผ่านบ้านเรือนที่ สวยงามมามากมายเมื่อนางมาเห็นหมู่บ้านแห่งนี้ก็อดถอน หายใจออกมาไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าเมืองหลวงที่เต็มไปด้วย ความสวยงามและความเจริญกลับมีสถานที่ที่น่าสงสารเช่น นี้อยู่ด้วย

บ้านของเสี่ยวฉิงถูกสร้างขึ้นจากแผ่นไม้ดูเรียบง่ายและ ทรุดโทรม เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเสี่ยวฉิงชูเซี่ยก็เห็นว่า นางเดินออกมาจากบ้านพร้อมถังน้ำพอดี เมื่อเสี่ยวฉิงเงย หน้าขึ้นมามองพบว่าเป็นชูเซี่ยก็รู้สึกรังเกียจนัก ยามนั้น นางถูกขับไล่ออกจากจวนก็เป็นเพราะหลิวหยิงหลงเป็นผู้มี ส่วนทำให้นางถูกขับไล่ออกมา

ดังนั้นเสี่ยงฉิงจึงทำเพียงยืนนิ่งๆหน้าประตูบ้านของตนไม่ ได้โค้งคำนับแต่อย่างใด ยามนี้นางไม่ใช่สาวใช้ในจวนอ๋อง อีกแล้ว นางเท้าสะเอวก่อนหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “ห้า เหตุใดวันนี้จึงมีคุณหนูผู้สูงศักดิ์มายืนที่หน้าบ้านข้า เสียได้”

มามาตั้งใจจะเอ่ยปากสั่งสอนนางทว่าชูเซี่ยกลับหยุดนาง ไว้เสียก่อน ชูเซี่ยเอ่ยกับนางอย่างสุภาพ “เจ้าคงจะเป็น เสี่ยวฉิงใช่หรือไม่ อย่าได้เข้าใจผิดไป พวกข้าไม่ได้มาหา เรื่องเจ้าหรอก ข้าเพียงแต่ต้องการพบบิดาของเจ้าก็เท่านั้น ท่านลุงเล่าอยู่ที่ใด”
เมื่อเสี่ยวฉิงเห็นว่าชูเชียพูดจาดีต่อนางทั้งยังเอ่ยเรียก บิดาของตนว่าลุงก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างดังนั้นจึงไม่ได้ แสดงท่าทีเสียมารยาทเช่นเมื่อครู่อีก นางโค้งกายเล็กน้อย ให้ชูเซี่ย “หากพระชายาไม่รังเกียจว่าบ้านข้าทรุดโทรมก็ เข้ามานั่งเถิด!”

ชูเซี่ยและมามาเดินตามเสี่ยวฉิงเข้ามาในบ้าน บ้านของ เสี่ยวฉิงทรุดโทรมจริงทว่าก็ไม่ได้เล็กเลยแม้แต่น้อย เป็น บ้านขนาดกลางข้าวของถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย ตรง หลานมีเสื้อผ้าจำนวนมากแขวนอยู่ ดูเป็นเนื้อผ้าราคาแพง ไม่ใช่เสื้อผ้าของคนจนอย่างแน่นอน

เสี่ยวฉิงเห็นว่าชูเชี่ยมองสำรวจเสื้อผ้าเหล่านั้นอย่างสน อกสนใจก็เอ่ยเสียงราบเรียบ “เสื้อผ้าพวกนี้ ข้ารับของผู้อื่น มาซักทำความสะอาดเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวแลกกับเงินอัน น้อยนิด”

ชูเซียตกตะลึง แม้ว่าเสี่ยวฉิงผู้นี้จะมีข้อบกพร่องอยู่ มากมายก็ตาม ทว่าหากพูดตามจริงแล้วบนโลกนี้ก็มีเรื่อง ราวมากมายเกิดขึ้น แม้ว่าเราไม่อยากจะยอมรับมันเราก็ ไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ต้องเอาตัวเองให้รอด ดังนั้นเมื่อ นางมาพบเจอเสี่ยวจี๋ในสภาพนี้แม้นางจะละอายใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
ยามที่เดินผ่านลานบ้านไปยังห้องชั้นในก็มีกลิ่นของยา ลอยมาพร้อมกับกลิ่นหืนของบางอย่างที่เหม็นเน่าลอยมา ตามลม เมื่อมามาได้กลิ่นก็รู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอมขึ้นมา จนต้องหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหายใจเข้าออก

ในเรือนภายในมีห้องสองห้องถูกออกแบบให้หันหน้า เข้าหากัน ห้องโถงมีความกว้างราวๆเจ็ดถึงแปดตาราง เมตร มีโต๊ะไม้เก่าๆและเก้าอี้ที่ทำจากไม้ไม้ไผ่ไผ่อยู่สาม ตัว ตรงข้ามกับประตูทางเข้ามีแท่นบูชาและป้ายวิญญาณ บรรพบุรุษตั้งอยู่

กลิ่นของยาผสมกับกลิ่นเหม็นเน่าลอยมาทางห้องฝั่งซ้าย เสี่ยวฉิงดูปกติราวกับว่านางคุ้นชินต่อกลิ่นนี้เสียแล้ว นาง คงดมกลิ่นนี้ทุกวันจนไม่รู้สึกว่าเหม็น ชูเซี่ยหันกายกลับไป มองมามาก็รู้สึกสงสารจึงเอ่ยขึ้น “เราออกไปนั่งคุยตรงลาน หน้าบ้านกันเถิด”

ชูเซี่ยให้มามาวางข้าวของไว้บนโต๊ะไม้ “ข้าได้ยินมาว่า มารดาของเจ้าร่างกายไม่แข็งแรงจึงซื้อข้าวของมาเยี่ยม เจ้าไม่ต้องเกรงใจไปหรอกนะ”

เสี่ยวฉิงตกใจมองมาทางชูเซี่ย หากว่ากันตามจริงแล้วแค่ พระชายาเช่นนางมาเยือนถึงหน้าเรือนก็ประหลาดใจมากพออยู่แล้ว ยังมีน้ำเสียงอ่อนโยนที่พระชายาเอ่ย ต่อนางอีก ไม่เพียงเท่านั้นนางยังมีข้าวของมาเยี่ยมไข้ มารดาของตนอีกด้วย การที่นางมาเยือนครั้งนี้ต้องมีจุด ประสงค์อื่นแอบแฝงอย่างแน่นอน นางแอบคิดในใจว่าเป็น ไปได้หรือไม่ว่าพระชายาต้องการให้นางกลับจวนอ๋องเพื่อ เปิดโปงความชั่วร้ายของสนมโหร่วเฟย นั่นเป็นความเป็น ไปได้มากที่สุด สตรียามที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไม่ว่า แผนการชั่วร้ายเพียงใดก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น

เสี่ยวฉิงเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “วันนี้ พระชายามาเยือนถึงเรือน คงไม่ใช่เพียงแค่มาดูความเป็น อยู่ของข้ากระมัง” แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะบอกตั้งแต่อยู่ หน้าเรือนแล้วว่ามาตามหาบิดาของตน แต่พระชายาไม่เคย รู้จักกับบิดาของนางมาก่อนจึงไม่ได้แค่มาหาบิดานางง่าย ได้เช่นนี้กระมัง ทั้งนางยังมาด้วยตนเองอีกด้วย นางเป็น สาวใช้ในจวนอ๋องมานานเรื่องราวเช่นนี้นางย่อมดูออก

“ข้าก็บอกไปแล้วว่าต้องการพบบิดาของเจ้า” ชูเซี่ยตอบ

เสี่ยวฉิงยิ้มเย็น วันนี้พระชายาคงมาขอร้องนางกระมัง ยิ่ง นางคิดเช่นนั้นความกล้าก็มีมากขึ้นจึงกระตุกยิ้มอย่างเย้ยหยัน “พระชายามีอะไรให้ข้าช่วยก็พูดออกมา ตามตรงเถิด ขอแค่ข้อเสนอท่านดีจะให้ข้าทำอะไรก็ย่อม

ได้”

แต่ไรมานางก็ไม่ใช่ผู้มีคุณธรรมสูงส่งอยู่แล้ว ทั้งยังไม่ใช่ ผู้มีเมตตา นางยังต้องออกเรือนคลอดบุตร เงินทองยัง จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ในบางครั้งต่อให้ผิดต่อมโนธรรม นางก็ต้องยอมทำ

ชูเซี่ยเป็นคนเรียบง่ายอยู่แล้ว นางตั้งใจจะมาหาบิดาของ เสี่ยวฉิงจึงไม่คิดว่าเสี่ยวฉิงจะดีจุดประสงค์การมาของนาง เป็นอื่นไปได้ เมื่อได้ยินเสี่ยวฉิงเอ่ยออกมานางก็เข้าใจ ดีว่าอีกฝ่ายมีความคิดเช่นไร นางก็โบกมือปฏิเสธพัลวัน “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาตามหาบิดาของเจ้าจริงๆ ข้ามีของ อย่างหนึ่งอยากให้บิดาของเจ้าช่วยทำให้สักหน่อย เรื่อง เงินไม่ต้องเป็นห่วงค่าจะให้สูงกว่าราคาในตลอดแน่นอน”

ดวงตาของเสี่ยวเบิกกว้าง “พระชายาจะให้บิดาข้าทำสิ่ง ใดหรือ ถนนเส้นนี้ตลอดทางมีช่างดีเหล็กอยู่รายหลายเหตุ ใดจึงเจาะจงว่าต้องเป็นบิดาข้า”

ชูเซี่ยพูดช้าๆชัดๆ “ของที่ข้าจะให้บิดาเจ้าทำให้ค่อนข้าง ซับซ้อน ข้าเกรงว่าช่างตีเหล็กภายนอกจะไม่ยอมรับคำขอของข้า”

เสี่ยวนึงเรียบไปสักทักก่อนละเงยหน้ามองซูเชีย โบยหน้า ของนางฉายแววเหน็ดเหนื่อยและผมเผ้ายุ่งเหยิง เฮย เสียงเบา “ขอเพียงได้เงิน ไม่ว่าซับซ้อนเพียงใดบิดาข้าย่อม สามารถทำออกมาได้

ชูเชียยืมอย่างพอใจ “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก บิดาเจ้าเล่า เรียก เขาออกมาคุยกับข้าหน่อยเถิด

“อีกไม่นานพอข้าก็กลับมาแล้ว พระชายาโปรดรอสักครู่ ข้านี่ช่างไม่มีมารยาทเสียเลย พวกท่านก็มาตั้งนานแล้ว ข้า ต้องรีบไปต้มชามาต้อนรับพวกท่านเสียก่อน

คล้อยหลังเสี่ยวฉิงไปภายในห้องก็มีเสียงดังออกมา เป็น เสียงของหญิงสาวที่เล่ยออกมาเสียงแหบแห้ง “เสี่ยว นิ่ง หางเสียงของนางถูกลากยาวก่อนจะหลายเป็นเสียง ครวญครางอย่างเจ็บปวด

ชูเซียยิ่งไปก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปตามเสียง ทว่า มามากลับดึงแขนนางไว้เสียก่อน มามาเอ่ยห้ามนางเสียง เบา ระวังติดโรคนะเพคะพระชายา พวกข้ายังไม่ทราบว่า แน่ชัดว่านางเป็นโรคอะไรนะเพคะ”
ชูเซี่ยไม่สนใจ “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย”

มามาเห็นว่าพระชายาของตนเดินเข้าไปมีหรือนางจะไม่

ยอมตามไปด้วย

ภายในห้องมืดสลัวเพราะไม่มีหน้าต่าง บนโต๊ะภายใน ห้องมีตะเกียงวางอยู่แสงไฟเม็ดเท่าเม็ดถั่วจนแทบจะมอง อะไรไม่เห็น

บนโต๊ะข้างเตียงสะอาดสะอ้านมีถ้วยยาวางไว้ มีกระโถน วางไว้อยู่ปลายเตียง ภายในห้องมีกลิ่นของปัสสาวะและ กลิ่นเหม็นเน่าอบอวลอยู่ ทำให้เกิดความรู้สึกคลื่นไส้ กลิ่น เหม็นเน่าโชยมาจากบนเตียง ชูเซี่ยเดินเข้าไปดูก็พบว่าบน เตียงมีหญิงวัยกลางคนท่าทางขี้โรคซีดเชียว ผมเผ้าของ นางกระจัดกระจายอยู่บนหมอน แม้จะย่างเข้าช่วงเดือน แปดเดือนเก้าแต่นางก็ยังใช้ผ้าห่มผืนหนา มือของหญิง สาวนางนั้นพยายามพยุงกายลุกขึ้นเพื่อมองดูผู้ที่เข้ามาใน ห้อง ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ขนที่มามาเอง ก็ตกใจเช่นกัน หญิงสาวนางนี้ผอมซูบเซียวราวกับภูตผีที เดียว

ชูเซี่ยเอื้อมมือมาจับมือของหญิงสาวบนเตียงไว้ ก่อนจะ ใช้สองนิ้วจับชีพจรของผู้ป่วย แม้นางจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนแต่ทักษะการจับชีพจรนางก็ นับว่าใช้ได้

เมื่อลองจับชีพจรดูนางก็รู้สึกว่าชีพจรของคนตรงหน้าเต้น อ่อนแรง ร่างกายของหญิงวัยกลางคนผู้นี้อ่อนแออย่าง มาก หญิงสาวนางนั้นเอ่ยถามขึ้น “ท่านเป็นใคร”

ชูเซี่ยเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “ท่านป้ารู้สึกไม่สบายตรง ไหนเจ้าคะ”

หญิงวัยกลางคนถอนหายใจออกมาหนักๆ “ข้าก็บอกแล้ว ว่าไม่จำเป็นต้องตามท่านหมอมาดูอาการข้า ต้องใช้เงิน ทองมากมายไม่ใช่หรือ ปล่อยให้ข้าตายๆไปก็จบ”

ชูเซี่ยเอ่ยเสียงเบา ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย กันทั้งนั้น ผู้ใดจะอยากตายกันเล่า ท่านป้าบอกข้ามาเถิดว่า รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง”

“พวกท่านทำอะไรกัน” เสี่ยวฉิงรีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้อง เมื่อนางเห็นว่าชูเซี่ยจับมือมารดาของนางอยู่ก็ยิ่งร้อนใจ ถามขึ้น
มามาเอ่ยเสียงเรียบ “มารดาของเจ้าเรียกหาเจ้า พระชายา

ได้ยินจึงเดินเข้ามาดู”

เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินที่มามาพูดก็เบิกตากว้าง เอ่ย ออกมาอย่างตะกุกตะกัก “พระ..ชายา พระชายามาหรือ สวรรค์ เสี่ยวฉิง เร็วเข้า รีบเชิญพระชายาไปนั่งข้างนอก ก่อน ที่นี่ไม่เรียบร้อย สกปรก…” คงเพราะรีบร้อนพูดมาก เกินไปทำให้เสมหะติดคอของนางจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสี ม่วงคล้ำเพราะหายใจไม่ออก

ชูเซี่ยเห็นว่านางหายใจไม่ออกก็รีบร้อนพยุงนางลุกขึ้นมา นอนบนตักมือบางก็คอยลูบหลังนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะ หันหน้าไปพูดกับเสี่ยวฉิง “เจ้าไปเอาน้ำเข้ามา”

เสี่ยวหนิงเห็นการกระทำของชูเซี่ยก็ตกใจนิ่งอึ้งไปก่อน จะตั้งสติทำตามที่ชูเซี่ยสั่งรีบวิ่งไปตักน้ำเปล่ามาถ้วยหนึ่ง เสี่ยวฉิงตั้งใจว่าจะพยุงมารดาตนเองมาดื่มน้ำทว่าถ้วยใน มือกลับถูกชูเซี่ยหยิบไปถือเองเสียก่อน ชูเซี่ยค่อยๆป้อน น้ำมารดาเสี่ยวฉิงอย่างช้าๆ แม่ของเสี่ยวฉิงก็พยายามถอย ห่างจากนางด้วยเกรงว่าจะทำให้เสื้อผ้าของชูเซี่ยสกปรก ทว่าชูเซี่ยกลับไม่ยอมปล่อย “ท่านป้า ดื่มน้ำก่อนเถิด!”
เมื่อมารดาของเสี่ยวฉิงทนไม่ไหวนางก็พยายามจะยื้อยุด ถ้วยน้ำมาถือไว้เองทว่าก็ไม่สามารถสู้แรงชูเชี่ยได้ นางจึง ยอมดื่มน้ำจากมือของซูเซี่ยแต่โดยดี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ