หมอยาเสน่ห์หา

ตอนที่ 58 พอแล้ว



ตอนที่ 58 พอแล้ว

ตอนที่ 58 พอแล้ว

สามปีต่อมา

แสงแดดในสารทฤดูร่วงที่สาดส่องลงมายังทางเดินแคบๆ ในหุบเขาฉือวิ๋นทำให้เห็นถึงหญิงสาวในชุดอาภรณ์เหลืองที่ กำลังเดินจูงลาตัวหนึ่ง

หญิงสาวโพกผ้าสีฟ้าลายดอกไม้ไว้บนศีรษะทำให้นางแลดู อ่อนโยนและอบอุ่นท่ามกลางแสงอาทิตย์ ดูเหมือนนางจะ

เดินทางมาเป็นระยะทางไม่น้อยแล้วทำให้หญิงสาวรู้สึก เหนื่อยล้าอยู่บ้าง นางจึงหันซ้ายแลขวาก่อนจะเดินไปนั่งลง ข้างหินก้อนใหญ่ข้างทางก้อนหนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิด ห่อสัมภาระที่เจ้าลาน้อยแบกอยู่เพื่อหยิบน้ำดื่มออกมา เมื่อดื่ม น้ำไปหลายอีกนางก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ “อากาศแบบนี้ สบายดีเหลือเกิน!

ราวกับว่าเจ้าลาฟังที่หญิงสาวพูดมารู้เรื่องเพราะยามที่มันยืน เล็มหญ้าอยู่บริเวณขาของนางมันก็มักจะเงยหน้าขึ้นมา

มองดูนางเป็นระยะๆ
ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉม ใดๆ เพียงแต่ริมฝีปากอิ่มสีแดงรับกับคิ้วโค้งงอน ดวงตากลม โตที่ดูฉลาดมีไหวพริบนั่นทำให้นางจัดได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง

นางเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าลาเบาๆ “ลงจากเขา อวิ๋นไปพวก ข้าก็จะเข้าเขตเมืองหลวงแล้วล่ะนะ ไม่รู้ว่าผ่านมาสามปีจะ ยังมีใครจำข้าได้อยู่หรือไม่นะ” ก่อนที่นางจะชะงักศึกและยิ้ม ขบขันออกมา “จะจําได้อย่างไรกันเล่า ถึงต่อให้จําได้ข้าก็ไม่ เหมือนเดิมแล้วนี่นา

เจ้าลาส่งเสียงต่ำๆออกมาราวกับเห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาว เอ่ยออกมา

หญิงสาวเอ่ยต่ออีกครั้ง “เพียงแต่ว่า ข้าควรใช้ชื่อใดดีนะ เอา เข้าจริงๆบนโลกใบนี้มีชื่อมากมายหลายชื่อให้ข้าเลือก แต่ข้า ยังชื่นชอบชื่อชูเซี่ยมากที่สุดอยู่ดี ก็ชื่อนี่พ่อกับแม่ตั้งให้ข้าเอง นี่ อีกอย่างเขาก็คงลืมชื่อชูเซี่ยไปแล้วกระมัง เขาก็แค่ไม่ชอบ เรื่องผีที่ข้าเล่าให้ฟังจึงนำชื่อตัวละครมาเรียกขาก็เท่านั้น เขา บอกว่าข้าเป็นเพียงโรคระบาด ช่างเป็นผู้ชายที่นิสัยไม่ดีจริงๆ ดีนะที่ข้าออกมาแล้ว

กล่าวจบนางก็ยกน้ำขึ้นมาดื่มอีกสองอึกใหญ่ก่อนจะเก็บน้ำ เค้ากลับคืนไปในหอสัมภาระ “ไปกันเถิด เจ้าลา ลง
เขากัน พวกข้าจะเข้าเมืองหลวงกันแล้วล่ะ!”

ในเมืองหลวงมีโรงหมอขนาดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อว่า โรงหมอ กังหยู เป็นโรงหมอที่หมอเทวดาจูเก๋อหมิงเป็นผู้สร้างขึ้นมา

ภายในไม่ใช่โรงหมอธรรมดาที่มีหมอเพียงแค่คนเดียว โรง หมอกังหยูแห่งนี้มีหมอประจำอยู่ถึงสิบกว่าคน แต่ละคนมีหน้า ที่แตกต่างกันไป

หลังจากผ่านช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์มาแล้ว โรงหมอกังห ยูก็มีการป่าวประกาศรับสมัครหมอเข้าร่วมงานในโรงหมอ

กังหยูแห่งนี้

แน่นอนว่าบรรดาหมอมือใหม่ต่างก็อยากมาร่วมงานที่โรง หมอกังหยูแห่งนี้เพื่อจะศึกษาวิชาการแพทย์จากท่านหมอ เทวดาจูเก๋อหมิง ดังนั้นทันทีที่มีการป่าวประกาศรับสมัครก็มี เสียงตอบรับถล่มทลายทันที

ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาจูเก๋อหมิงอารมณ์ไม่สู้ดีเท่าใดนัก แพทย์ที่เขาต้องการตัวหาใช่แพทย์ทั่วไปไม่ เขาต้องการหา ท่านหมอที่มีฝีมือเชี่ยวชาญในด้านการฝังเข็มต่างหากเล่าหลายปีมานี้เขาพยายามศึกษาการฝังเข็มมาหลายต่อหลาย ครั้ง ทว่าเพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำทำให้แม้ว่าเวลา จะผ่านมานานเพียงใดเขาก็ไม่อาจศึกษาและเข้าใจมันได้อย่า ถ่องแท้และมีความก้าวหน้าเสียที

“คุณชาย ท่านมั่นใจหรือว่าการฝังเข็มจะช่วยทำให้จ่ายเงิน ฟื้นขึ้นมาได้ คุณหนูฉ่ายเงินสลบไสลเช่นนี้มาหลายปีแล้วจะมี โอกาสฟื้นขึ้นมาได้หรือขอรับ” เด็กจัดยาข้างกายเขาถามขึ้น อย่างสงสัย

จูเก๋อหมิงเอ่ยตอบ “เมื่อหลายปีก่อนแม้ว่าข้าจะไม่เห็นยาม ที่พระชายาช่วยเฉินเย่นฝังเข็มรักษาขาของเขา แต่เส้นเลือด และชีพจรที่ขาของท่านอ๋องสามารถถูกกระตุ้นให้กลับมาใช้ งานได้อีกครั้ง ความสามารถที่สามารถรักษาได้อย่างล้ำลึก เช่นนี้ก็เห็นจะมีเพียงการฝังเข็มเพียงเท่านั้น ขนาดอาการ ของเขาขาในตอนนั้นยังไม่อาจรักษาได้แต่การฝังเข็มกลับ ทำได้เพราะฉะนั้นข้าจึงเชื่อว่าการฝังเข็มจะช่วยรักษาจ่ายเงิน ได้อย่างแน่นอน แต่ทว่าดูเหมือนว่าการหาหมอที่มีความ เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด” สุดท้าย จูเก๋อหมิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย

“เมื่อหลายปีก่อนฝีมือการแพทย์ของพระชายาล้ำเลิศยิ่งนัก หากว่าคุณชายสามารถเรียนรู้ได้จากนางสักสองถึงสามส่วนก็ คงจะดีนะขอรับ!” เด็กจัดยาข้างกายของก็มีท่าทีเสียดาย มีผู้มี ฝีมือล้ำเลิศอยู่ข้างกายแต่กลับไม่เห็น เส้นผมบังภูเขาเสียจริง น่าเสียดายยิ่ง!

การผ่าตัดทําคลอด ฝังเข็มรักษาพระราชนัดดาของฝ่าบาท สุดท้ายก็ใช้ร่างกายของตนเองเป็นหนูทดลองสองฝังเข็ม

เพื่อที่จะรักษาขาทั้งสองข้างของเฉินเย่นให้กลับมาเดินได้ อีกครั้ง เรื่องมากมายที่นางทำทำให้ผู้อื่นรู้สึกทึ่งได้เสมอ หาก เปลี่ยนเป็นเขา เขาเชื่อว่าตนคงไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น แน่

แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มแม้แต่น้อยแต่ เขาเชื่อว่าหากจ่ายเงินฟื้นขึ้นมาก็คงจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอย่าง

แน่นอน

เขาต้องการรักษาจ่ายเงินให้หายเพราะตลอดระยะเวลาสาม ปีมานี้หลี่เฉินเย่นสหายรักของเขามุ่งมั่นแต่การฆ่าฟันศัตรู

อยู่ในสนามรบราวกับพวกไม่รักตัวกลัวตาย ในสามปีมานี้เขา เกือบตายก็หลายครั้งทำให้ฮองเฮารู้สึกเป็นห่วงนางยิ่งนัก ดังนั้นฮองเฮาจึงขอร้องให้เขาช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของหลี่ เฉินเย่นให้หายดังเดิม ทั้งๆที่พระองค์ทราบดีอยู่แก่ใจว่าที่หลี่ เฉินเล่นเป็นเช่นนี้ก็เพราะชูเซี่ย
เสียจริง น่าเสียดายยิ่ง!

การผ่าตัดทําคลอด ฝังเข็มรักษาพระราชนัดดาของฝ่าบาท สุดท้ายก็ใช้ร่างกายของตนเองเป็นหนูทดลองสองฝังเข็ม

เพื่อที่จะรักษาขาทั้งสองข้างของเฉินเย่นให้กลับมาเดินได้ อีกครั้ง เรื่องมากมายที่นางทำทำให้ผู้อื่นรู้สึกทึ่งได้เสมอ หาก เปลี่ยนเป็นเขา เขาเชื่อว่าตนคงไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น แน่

แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มแม้แต่น้อยแต่ เขาเชื่อว่าหากจ่ายเงินฟื้นขึ้นมาก็คงจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอย่าง

แน่นอน

เขาต้องการรักษาจ่ายเงินให้หายเพราะตลอดระยะเวลาสาม ปีมานี้หลี่เฉินเย่นสหายรักของเขามุ่งมั่นแต่การฆ่าฟันศัตรู

อยู่ในสนามรบราวกับพวกไม่รักตัวกลัวตาย ในสามปีมานี้เขา เกือบตายก็หลายครั้งทำให้ฮองเฮารู้สึกเป็นห่วงนางยิ่งนัก ดังนั้นฮองเฮาจึงขอร้องให้เขาช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของหลี่ เฉินเย่นให้หายดังเดิม ทั้งๆที่พระองค์ทราบดีอยู่แก่ใจว่าที่หลี่ เฉินเล่นเป็นเช่นนี้ก็เพราะชูเซี่ย
โองการจากฝ่าบาทเพื่อให้พระองค์ประกาศหาคงจะง่ายกว่า”

“ก็ดีนะขอรับ ใต้หล้ามีหมอมากฝีมือมากมาย จะต้องมีผู้มี ฝีมือไม่แพ้พระชายาอยู่แน่ขอรับ” เสี่ยวฟางเอ่ย

“ท่านหมอจูเก๋อ ด้านนอกมีหญิงสาวผู้หญิงกล่าวว่าจะมา สมัครเป็นท่านหมอที่นี่ขอรับ” ท่านหมอที่มีหน้าที่ปรุงยาเดิน เข้ามาบอกเขา

“หญิงสาวงั้นหรือ” จูเก๋อหมิงนิ่งไป “อายุเท่าไหร่แล้ว”

“เป็นเพียงหญิงสาวที่เพิ่งเลยวัยปักปั่นมาขอรับ นางจูงลามา ด้วยกัน ยามนี้รออยู่หน้าโรงหมอขอรับ” ท่านหมอผู้มีหน้าที่ ปรุงยาเอ่ยตอบ

เสี่ยวฟางรีบกล่าวขึ้น “ไม่พบแล้ว แค่หญิงสาวเพียงผู้เดียวจะ ไปมีความสามารถอะไรกัน คุณชายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทั้งยัง มีนัดร่ำสุรากับท่านอ๋องยามค่ำอีก ไล่นางกลับไปเถิด”

จูเก๋อหมิงลองเงยหน้าขึ้นมองแสงอาทิตย์ข้างนอก “ยังเช้า มากนัก พานางเข้ามาเถิด”

ท่านหมอปรุงยารับคำก่อนจะเดินออกไป เมื่อเขากลับมาอีกทีก็มีหญิงสาวในชุดเหลืองเดินตามเข้ามาด้วย “แม่นาง ท่านผู้ นี้ก็คือท่านหมอจูเก๋อของโรงหมอแห่งนี้

หญิงสาวเสื้อเหลืองโค้งคำนับอย่างอ่อนช้อย “คำนับท่าน หมอเทวดาจูเก๋อ”

สามปีที่ผ่านมามี้จูเก๋อหมิงไม่ให้ผู้ใดเรียกเขาว่าหมอเทวดา อีกเลย ไม่ใช่เพราะเรื่องของเฉินเย็น แต่มันเป็นเพราะว่าเขา ยังคิดว่าฝีมือการแพทย์ของตนเองยังไม่ล้ำเลิศถึงเพียงนั้น อย่างน้อยเมื่อเทียบกับขู่เซี่ยฝีมือเขาก็เทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำ ดังนั้นสามปีมานี้เขาจึงไม่ยอมให้ใครมาเรียกขานเขาว่าหมอ เทวดาอีกเลย

แต่ในยามนี้หญิงสาวในชุดเหลืองกลับเรียก ทำให้ท่านหมอ หนุ่มขวดคิ้วไม่ชอบใจ เรียกข้าว่าจูเก๋อหมิงหรือท่านหมอจู เก๋อก็พอ!”

หญิงสาวในชุดอาภรณ์สีเหลืองแย้มยิ้มออกมา “เจ้าค่ะ ท่าน หมอจูเก๋อ”

“เชิญนั่งก่อนเถิด ขอถามว่าแม่นางมีนามว่าอะไรหรือ” จูเก๋ อหมิงจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา นางดูเหมือนจะ อายุยี่สิบต้นๆเท่านั้น ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดู บนศีรษะของนาง โพกผ้าสีฟ้าลายดอกไม้จนดูเหมือนกับเป็นหญิงสาวที่มาจากชนบท ทว่าขนาดใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉมแล้ว นางยังดูน่ารักถึงเพียงนี้ หากว่าแต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่และ ประทินโฉมให้งดงาม นางจะงดงามสักเพียงใดกันนะ

หญิงสาวชุดเหลืองกอดห่อผ้าในอ้อมกอดก่อนเอ่ยตอบ “ข้า ชื่อชเชีย!”

จูเก๋อหมิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ ดวงตาคมมองใบหน้า ของหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามอย่าง ยากลำบาก “เจ้า อชูเซี่ยหรือ ชูเซี่ยไหน สะกดเช่นไร

“ ทำไมหรือเจ้าคะ” ใบหน้าของซูเซียยังคงยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย แต่ทว่าในใจกลับรู้สึกตื่นตระหนก ดูจากสีหน้าและแววตาของ เขาราวกับว่าตกใจชื่อของนางอย่างมาก หรือว่าหลี่เฉินเย่น เคยเล่าเรื่องของนางให้เขาฟังงั้นหรือ

จูเก๋อหมิงมองสบดวงตากลมโตของนาง “บ้านเดิมของแม่ นางอยู่ที่ไหนหรือ แม่นางเคยเดินทางมาที่เมืองหลวงหรือไม่

ชูเซียตอบกลับ “ข้าเคยมาที่เมืองหลวงกับท่านอาจารย์ครั้ง หนึ่งเมื่อยังเด็ก อยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น จากนั้นเมื่อโตมาก็ ไม่เคยมาอีกเลยเจ้าค่ะ”
“ขอถามว่าอาจารย์ของแม่นางคือผู้ใด” จูเก๋อหมิงรีบถาม น อย่างสนใจใคร่รู้

ชูเซียส่งเสียงกระดากอายเล็กน้อย “เอ่ยขึ้นมาข้าก็รู้สึกอาย เล็กน้อย อาจารย์ของข้าไม่ใช่มีผู้เสียงอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขา

เป็นแค่ท่านหมอท่านหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเขาเท่านั้น

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าสอบถามอีกแล้ว

จูเก๋อหมิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาก้มลองมองถ้วยชาในมือก่อนจะ เงยหน้ามองชูเซียนิ่งๆ ชูเซี่ยเองก็ดื่มชาอย่างใจเย็นทำเป็นไม่ เห็นสายตาของจูเก๋อหมิงที่มองมาที่นางอย่างสนอกสนใจ

“แม่นางเชี่ยวชาญด้านใดหรือ” จูเก๋อหมิงเอ่ยถามขึ้น

“ไม่อาจกล่าวได้ว่าเชี่ยวชาญ อยู่ต่อหน้าท่านหมอจูเก๋อห มิงใครจะกล้าเอ่ยคำว่าเชี่ยวชาญออกมากันเล่า ชื่อเสียงของ ทานข้าได้ยินมานานแล้ว ขอกล่าวตามตรงไม่ปิดบังท่าน การที่ ขาเข้าเมืองหลวงมาครั้งนี้ก็เพื่อท่านหมอจูเก๋อโดยเฉพาะ ข้า อยากมาฝึกฝนวิชาการแพทย์กับท่าน ไม่ทราบว่านท่านหมอ จูเก๋อพอจะให้โอกาสข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” ชูเซี่ยจ้องมองเขา ด้วยสายตาเปล่งประกาย
สายตาของจูเก๋อหมิงพร่าไปชั่วครู่ วาจาสามารถหลอกลวง กันได้ แต่ลักษณะนิสัยไม่สามารถโกหกได้ หากเป็นชูเซี่ย

เมื่อก่อนจะมาส่งสายตาออดอ้อนเขาเช่นนี้ทำไมกันเพราะ วิชาการแพทย์ของนางสูงส่งกว่าเขาทั้งหลายเท่า

ยามที่เขาได้ยินชื่อนางครั้งแรก แวบหนึ่งที่เขาคิดว่าเป็นไป ได้หรือไม่ว่านางจะกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ความเป็นไปได้

ไม่ใช่ว่าจะไม่มี นางเคยเข้าสิงร่างของหลิวหยิงหลงได้เหตุ ใดจะเข้าร่างของหญิงสาวผู้อื่นไม่ได้กันเล่า

แม้ว่าในยามนี้เขาจะอดรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยไม่ได้ แต่ทว่า เขาก้ไม่คิดจะถอดใจในตอนนี้หรอกนะ

“ใช่แล้ว แม่นางเคยได้ยินตำราแพทย์โอสถมาก่อนหรือไม่ จูเก๋อหมิงเอ่ยถามขึ้นราวกับว่าเขาแค่กำลังชวนนางสนทนา

ชูเซี่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม วิชาแพทย์ขานําต้อย ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเจ้าค่ะ ไม่ ทราบว่าตำราแพทย์โอสถนี้เป็นบทประพันธ์ของท่านหมอท่าน ใดหรือเจ้าคะ”

“เจ้าไม่เคยอ่านหรือ” จูเก๋อหมิงถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตำราเล่มนี้ เป็นตำราที่ข้าตามหามา โดยตลอด ข้าไม่มีวาสนาได้อ่านหรอกเป็นสหายของข้าผู้หนึ่ง ที่เล่าให้ฟังก็เท่านั้น

“อ่อ เป็นเช่นนี้นี่เอง!” ซูเซียเอ่ยขึ้นอย่างไร้เดียงสา “หากว่า ท่านหมอหาพบ กรุณาให้ข้ายืมอ่านด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ

“แน่นอน” จูเก๋อหญิงรับปากนางก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ไม่ทราบ ว่าแม่นางเคยเรียนวิชาฝังเข็มมาก่อนหรือไม่

ซูเซียยิ้มแย้มตอบ เคยเรียนมาบ้างเจ้าค่ะ ไม่นับว่า เชี่ยวชาญ

ดวงตาของจูเก๋อหมิงเป็นประกาย มองมาที่ชูเซี่ย ก่อนตั้ง คําถาม “หากว่ามีผู้ป่วยคนหนึ่ง ได้รับความทุกข์ทรมานจาก

อาการปวดหัวลมเล่า จะรักษาโดยการฝังเข็มอย่างไร

“ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวลม สาเหตุมาจากอาการร้อนใน เมื่อ ลมหนาวภายนอกมาปะทะความร้อนในร่างกายจะทำให้เกิด อาการปวดหัวลมที่ยากจะรักษาให้หายขาด ดังนั้นยามที่ผู้ป่วย ที่เป็นโรคนี้เกิดอาการปวดหัวขึ้นมาก็จะทุกข์ทรมานแสนสาหัส รวมไปถึงอาการปวดจมูกและวิงเวียนหน้ามืด การรักษาด้วย ยาจะได้ผลน้อยกว่าการฝังเข็มเจ้าค่ะ แม้ว่าโรคนี้จะดูยุ่งยากแต่การรักษาด้วยการฝังเข็มนับว่าง่ายดายนัก เพียงแค่ฝังเข็มลงไปในจุดเฟียซูและไปฮุ่ยเพียงครึ่งเดือนก็จะ รักษาได้หายขาดเจ้าค่ะ”

“ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ โรคนี้เป็นโรคที่กำเริบได้บ่อย ครั้ง สามารถระงับได้ชั่วคราวแต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ได้ แค่ฝังเข็มก็สามารถหายได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยางั้น หรือ” จูเก๋อหมิงถาม

ใช้ยาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเจ้าค่ะ แต่จะช่วยเพียงการล้างหลอด เลือดทำให้เลือดลมไหลเวียนง่ายขึ้นเพียงเท่านั้น ประโยชน์ ของยาก็นับว่ามีอยู่ ทว่าขึ้นชื่อว่าเป็นยาอยู่แล้วก็นับว่ามีพิษอยู่ ถึงสามส่วนต่อให้เป็นตัวยาที่ดีเลิศเพียงใดก็ตาม ดังนั้นหาก เป็นไปได้ข้าก็เลือกที่จะใช้วิธีฝังเข็มมากกว่าการให้ดื่มยาอยู่ แล้วเจ้าค่ะ”

จูเก๋อหมิงมองใบหน้านางด้วยแววตาชื่นชม “เจ้ากล่าวไม่ผิด ขึ้นชื่อว่าเป็นยาก็มีพิษถึงสามส่วน ต่อให้เป็นตัวยาดีเลิศ

เพียงใดก็นับว่าใช่ ดังนั้นเราจึงไม่ควรใช้ตัวยาเพื่อที่บั่นทอน พลังในร่างกายของผู้ป่วย ผู้ที่ดื่มหรือบำรุงของที่มีสรรพคุณ ดีเลิศมาตลอดก็ใช่ว่าจะร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปเสีย

ที่ไหน”
ซูเซี่ยอมยิ้ม แน่นอบเจ้าค่ะ นอกจากนี้ยาที่กินบำรุงหรือ รักษามากเกินไปก็อาจจะทำให้ร่างกายเกิดอาการต่อต้านคว ยาขึ้นมาได้อีกด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ