ตอนที่ 55 ท่นวางเดิมพันทั้งหมด
ตอนที่ 55 ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด
ทั้งๆที่เมื่อสักครู่นางเพิ่งจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังจนไม่จากมีชีวิต อยู่ต่อไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน นางค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่มีความอ ยุติธรรมใดๆด้วยเจ้าค่ะ”
พิษไข้ยังคงเล่นงานชูเซียอยู่ตลอดทั้งวัน หมอหลวงกล่าว ว่าอาการบาดเจ็บของนางยังย่ำแย่นักทำให้อ๋องเจิ้นหยวน และพระชายาไม่กล้ารบกวนการพักผ่อนของนางไปมากกว่า นี้ พวกเขาเพียงแค่กล่าวเตือนสตินางอีกสองสามครั้งจากนั้นก็ กลับจวนไป
หลังจากดื่มยาไปแล้วชูเซียก็ค่อยๆผล็อยหลับลงอย่างช้าๆ แต่ร่างกายของนางเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว บาดแผลที่ขาก็ปวด เป็นระยะๆ ยามนี้ใบหน้างามของนางซีดเผือดราวกับกระดาษ เนื่องด้วยก่อนหน้านี้นางเสียเลือดไม่มากนัก ยามที่เสี่ยวจี้เข้า มาเห็นนางในสภาพเช่นนี้ก็ยังต้องหลั่งน้ำตาด้วยความสงสาร
แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วพิษไข้ของนางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะ ลดเลยแม้แต่น้อยจนเหล่าหมอหลวงต่างอับจนหาทาง แม้แต่ หมอเทวดาอย่างจูเก๋อหมิงก็ไม่รู้จะออกเทียบยารักษานางได้อย่างไร บาดแผลของนางนับวันยิ่งอักเสบและเริ่มเน่า มากขึ้นเรื่อยๆ ท่านหมอหนุ่มสอบถามว่าหลายวันมานี้นางได้ ทำอะไรกับแผลของตนหรือไม่ ซูเซียส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ”
จูเก๋อหมิงเป็นผู้ศึกษาวิชาการแพทย์มาหลายปี เขาเจออา การแปลกๆของผู้ป่วยมาไม่น้อย ยามปกติเทียบยาของเขามัก จะมีคุณสมบัติห้ามเลือดและลดการอักเสบของแผล เขาใส่ผง ยา ฉิกลงไปที่แผลของนางแล้ว เลือดควรจะหยุดไหลถึง จะถูกแต่ทว่าบาดแผลของนางยังมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อ เนื่อง อีกทั้งยามที่บาดแผลมีเลือดไหลซึมออกมารอบๆแผลก็ ยังมีตุ่มหนองขึ้นอีกด้วย
ในใจของชูเซี่ยรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายนี้กำลังขับไล่ดวง วิญญาณของนางออกไป ยามที่นางตกอยู่ในภาวะครึ่งหลับ ครึ่งตื่นคนคนนั้นบอกกับนางว่า แรกเริ่มเดิมทีวิญญาณของนาง กับร่างกายนี้ก็ไม่อาจเข้ากันได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในยามนี้ แผลจึงไม่ยอมหายเสียที
หญิงสาวไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าเวลาของ นางเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว ดังนั้นยามที่นางยังสามารถ
รักษาสติของตนเองไว้ได้นางควรจะรีบฝังเข็มช่วยรักษา อาการขาของหลี่เฉินเย่นให้โดยเร็วที่สุด
แต่ทว่ายามนี้หลี่เฉินเย่นรังเกียจจนไม่อยากพบหน้านาง เพราะเขาคิดว่านางทำเช่นนี้เพียงเพราะต้องการแก่งแย่งเขา มาจากหลิวมี่เหอทำให้อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยินยอมมาพบนาง โดยเด็ดขาด
ร่างกายนี้นับวันก็ยิ่งขับไล่วิญญาณนางแรงขึ้น วันนี้ยามที่นาง ดื่มยาอยู่ก็อาเจียนออกมาจนหมด อาเจียนจนเสื้อผ้าเลอะไป หมดทั้งตัว เสี่ยวจี้ก็เช็ดหน้าให้นางทั้งน้ำตา “ไม่อาจดื่มยาลง ไปได้แล้วเช่นนี้ร่างกายของท่านจะดีขึ้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ พระชายาลองโจ๊กเสียหน่อยแล้วค่อยดื่มยาดูอีกสักครั้งเถิด”
ชูเซี่ยหายใจเข้าลึกๆเพียงแค่ครั้งหนึ่งก็ทำให้หน้าอกของ นางปวดร้าวไปหมดจนแทบหายใจไม่ไหว นางเอ่ยออกมา อย่างอ่อนแรง “พวกเจ้าช่วยไปซื้อของอย่างหนึ่งให้ข้าได้หรือ
ไม่
เสี่ยว รีบร้อนยืนขึ้น “อะไรหรือเจ้าคะ ท่านต้องการอะไรขอ แค่กล่าวมา เสี่ยวจี้จะรีบนำมาให้ท่าน
ชูเซียยกมือขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อเช็ดนับตาให้แก่เสี่ยวจี๋ ก่อนจะแย้มยิ้ม “เด็กโง่ ข้าไม่เป็นอะไรเสียหน่อย เจ้าไปร้าน ขายยาช่วยชา อ… ” นางกดเสียงของตนเองให้เบาลงแต่ทว่า เสี่ยวจี้ก็ยังได้ยินชัดเจนว่านางต้องการอะไร สาวน้อยเบิกตาก ว้างอย่างประหลาดใจ “พระชายา ท่านจะซื้อยาสลบมาทําไมกันเจ้าคะ”
ชูเซี่ยหายใจเข้าลึกๆก่อนรวบรวมกำลังเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “รีบไป
ไม่ต้องถามมาก!”
เสี่ยวจี้พยักหน้าก่อนจะจัดผ้าห่มให้นางจนเรียบร้อย “ข้าจะ รีบไปแล้วรีบกลับนะเจ้าคะ” เอ่ยจบนางก็เรียกสาวใช้นาง
หนึ่งมาคอยดูแลชูเซี่ยอย่างใกล้ชิด จากนั้นนางก็ตรงไปห้อง ครัวเพื่อบอกกล่าวกับมามาที่กำลังต้มโจ๊กไว้สักคำว่าจะออก
ไปทําธุระให้พระชายา
หัวค่ำ เสี่ยวจี้ก็ไปเชิญหลี่เฉินเย่นมาที่เรือนหรูอี้ตามที่ได้รับ มอบหมายจากซูเซีย นางเขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่งให้เสี่ยวจี้ มอบให้แก่เขา นางเชื่อว่าหากหลี่เฉินเย่นได้อ่านจดหมายฉบับ นั้นจะต้องยอมมาพบนางแน่ๆ
เป็นเช่นที่นางคิด เมื่อหลี่เฉินเย่นได้อ่านเนื้อความใน
จดหมายเขาก็ยอมตามเสี่ยว กลับมาทันที
เมื่อมาถึงเรือนหรูอี้ ชูเซี่ยกำลังนอนเอนกายอยู่ที่ตั่งยาวริม หน้าต่าง ใบหน้างามทาแป้งไว้หนาแก้มถูกผัดไว้จนแดงเพื่อ
ปกปิดร่องรอยความเหนื่อยล้าของนาง คิ้วโก่งงานถูกเขียนไว้อย่างปราณีต ริมฝีปากอิ่มถูกทาชาดสีแดงงดงาม ทำให้ผู้ พบเห็นรู้สึกว่านางอาการดีขึ้นมากแล้ว
นางยิ้มแย้มให้แก่ผู้มาใหม่ “ท่านอ๋องมาแล้ว!” ผู้ชายคนนี้ที่ บางรักหมดใจและเป็นผู้ชายที่นางไม่มีวันที่จะได้มา
ครอบครอง ชายหนุ่มเดินมานั่งเก้าอี้ที่ห่างจากนางถึงสาม จั้ง เมื่อไม่มีรถเข็นแล้วยามนี้เวลาไปไหนมาไหนเขาก็นั่งเก้าอี้ ที่หลิว เหอสั่งทำมาพิเศษก่อนหน้านี้แทน ใบหน้าหล่อเหลา ฉายแววเย็นชา ดวงตาคมที่จับจ้องมาที่นางเย็นเยียบ ดูจาก สภาพเจ้าแล้ว ก็ดูดีขึ้นไม่เลวน
ได้ทั้งหมอหลวงและหมอเทวดาคอยรักษาและดูแลอย่าง ใกล้ชิด ขาย่อมไม่เป็นอะไรอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ชูเซียยังคงเอนกาย นอนอยู่บนตั้งยาวพลางมองเขาด้วยใบหน้าเกียจคร้าน
“เกื้อหมิงบอกว่าเจ้าอาการไม่สู้ดี แต่ยามนี้ข้ามาเห็นด้วยตา ตัวเองก็เห็นว่าเจ้าดีเสียยิ่งกว่าดี” คำพูดที่เขาเอ่ย
ออกมาแฝงไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ทว่าชูเซียกลับฟัง ไม่เข้าหูแม้แต่น้อย ยามนี้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง หัวใจ ของนางเจ็บปวดเสียใจ ในใจของเขาก็คงไม่อยากให้นางหาย ดีเลยสินะ จริงสิ อำนางตายไปเขาคงดีใจนะ ถ้านางตายเขาก็จะได้แก้แค้นให้กับฉ่ายเงินอีกด้วย เขาคงพอใจ
เสียยิ่งกว่าพอใจสินะ
นางในยามนี้ใกล้ความตายเข้าไปมากขึ้นทุกขณะ นางเริ่ม รู้สึกว่ายามนี้วิญญาณของนางเริ่มค่อยๆหลุดลอยออกจาก
ร่างกายอย่างช้าๆ ถ้าครั้งนี้วิญญาณนางออกจากร่างกายนี้ไป แล้วนางจะไปที่ไหนกันนะ เป็นไปได้ไหมว่านางจะได้กลับไป ยุคปัจจุบันของนาง นางอยากเจอหน้าพ่อแม่เหลือเกิน
“หมอเทวดาจูเก๋อกล่าวเกินจริงไปแล้ว ความจริงข้าดีขึ้นมา แล้วต่างหากเล่า อีกไม่กี่วันก็คงลงจากเตียงได้แล้วเจ้าค่ะ” ชู
เซี่ยกล่าวออกมา
หลี่เฉินเย่นแค่นยิ้มเย็น “อาการเจ้าจะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแม้แต่น้อย”
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันเคยชินกับคำพูดเย็นชาของเขาเอา เสียเลย นางมองเขานิ่งๆ ใบหน้างามอ่อนโยนเอ่ยถามเขา
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ในใจของท่านเกลียดเกลียดข้ามาก
ขนาดนั้นเชียวหรือ
หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมา “เกลียดเจ้า เพราะเหตุใดจึง
ต้องเกลียดเจ้าด้วยเล่า
ชูเซี่ยรับคำก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ไร้รักไร้เกลียด ถ้าเช่นนั้น ต่อให้ข้าคายไปท่านก็ไม่เสียใจใช่หรือไม่
หลี่เฉินเย่นตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย “ถ้าเจ้าตายไป ข้าคงรู้สึก สบายใจไม่น้อย” คำพูดที่ร้ายกาจเช่นนี้เขาก็ไม่ได้
อยากจะเอ่ยออกมาทำร้ายจิตใจนางแม้แต่น้อยเพราะในใจ ของเขาหาได้คิดเช่นนั้นไม่ แต่เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้านางเช่นนี้ เขากลับแกล้งทําเป็นไม่สนใจความผิดของนางไม่ได้ เพราะ นางถึงกล้าใช้เข็มมาทำร้ายร่างกายตนเองเพื่อมาทดสอบขีด
จำกัดความอดทนของเขา
ภายในใจของชูเซี่ยยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตาของเขาที่มอง มายังนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง นางไม่อาจสัมผัสความรู้สึกอื่น
ใดนอกจากความเฉยชาได้เลย
“ท่านให้พวกเขาออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับ
ท่านเพียงแค่สองคน” นางเอ่ยเสียงเบา
หลี่เฉินเย่นโบกมือไล่ข้ารับใช้ข้างกายออกไป
ชูเซี่ยเงยหน้ามองไปที่เดี๋ยวก่อนเอ่ย “ไปยกน้ำชามาให้ ท่านอ๋อง”
เสี่ยวจี้รับคำก่อนจะออกไปเตรียมน้ำชามารับรองท่านอ๋อง ตามที่พระชายารับสั่ง จิตใจนางกระวนกระวายยามที่วางถ้วย ชาลงตรงหน้าท่านอ๋อง “น้ำชาเจ้าค่ะท่านอ๋อง จากนั้นนางก็ ถอยออกไปพร้อมปิดประตูห้องเรียบร้อย
หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว แท้จริงแล้วเป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ทำร้าย จ่ายเงิน* จดหมายที่นางส่งมาให้เขามีการเอ่ยถึงว่านางรับรู้ว่า ใครเป็นผู้ทำร้ายจ่ายเงิน นางรู้ดีว่าหากยกเรื่องนี้มาอ้างเขาจะ ต้องยอมมาพบนางแน่
“ท่านอ๋องดื่มชาสักหน่อยเถิด แล้วข้าจะค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง ชูเซี่ยเอ่ย
หลี่เฉินเย่นยกชาขึ้นมาดื่มคำหนึ่งก่อนเอ่ยช้าๆชัดๆ “หากยัง ไม่เอ่ยอะไรอีก ข้าก็จะกลับ
ชูเซี่ยอยากจะลุกขึ้นมาห้ามเขาแต่ก็ไม่กล้าขยับกายส่งเดช นางเกรงว่าหากใช้พลังงานมากเกินไปจะไม่เหลือไว้ใช้ในการ ฝังเข็มให้เขา แม้แต่น้ำเสียงยามที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็ดูอ่อน แรงจนน่าสงสาร “คนที่ทำร้ายจ่ายเงินไม่ใช่หลิวหยิงหลง ข้า มั่นใจ!” ในหัวของนางยังคงหลงเหลือความจําของหลิวหยิงหลง ดังนั้นนางจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าผู้ที่ทำร้ายจ่ายเงิน ไม่ใช่หลิวหยิงหลงอย่างแน่นอน แต่นางก็ไม่ทราบจริงๆว่าผู้ใด เป็นคนทำร้ายจ่ายเงิน นางเพียงแค่หาข้ออ้างเพื่อหลอกเขา มาเท่านั้น
หลี่เฉินเย่นยิ้มเย็น “คำพูดนี้ข้าได้ยินมาเป็นร้อยรอบแล้ว เจ้า บอกว่าเจ้ารู้ว่าผู้ลงมือผลักฉ่ายเงินตกน้ำคือใคร ตกลงมันคือ ฝีมือของผู้ใด
ใบหน้าของเขาเย็นยะเยือกอยู่ภายใต้แสงเทียนที่นุ่มนวล ดวงตาคมเป็นประกายล้ำลึก นางพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะ อ่านอารมณ์ของเขาให้ได้แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล นางเห็นเพียง แค่ท่าทางรังเกียจและร่องรอยของความอดทนรวมไปถึงความ ผิดหวังที่เขาแสดงออกมาเพียงเท่านั้น
เขาผิดหวังในตัวนาง หรือเขาไม่คิดว่านางรู้สึกผิดหวังในตัว
เขาหรืออย่างไร
ชูเซี่ยมองเขานิ่งๆ “ท่านอ๋อง ข้าขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ เป็นข้าที่ โกหกท่าน ข้าไม่ทราบจริงๆว่าผู้ใดเป็นคนลงมือผลักจ่ายเงิน ตกนํา
หลี่เฉินเย่นสูดหายใจลึกๆอย่างต้องการระงับอารมณ์ ชาย หนุ่มขมวดคิ้วแน่น “เจ้าตั้งใจโกหกให้ข้ามาหางั้นหรือ
ชูเซียมชนขึ้น “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าหากไม่บอกไปเช่นนี้ท่าน จะไม่ยอมมาหาข้า
หลี่เฉินเช่นเริ่มบันดาลโทสะ แต่ทว่าจู่ๆเขาก็รู้สึกเวียนหัว เมื่อดวงตาคมเห็นถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อน กัดฟันเอ่ย “เจ้าวางยาในน้ำชางั้นหรือ” ชายหนุ่มสายศีรษะ พยายามต่อสู้กับสติที่เริ่มเลือนลาง แต่ตัวยานี้เป็นชูเซียผสม มันขึ้นมา เพราะนางเรียนรู้ด้วยาสลบนี้มาจากคัมภีร์ร้อยพิษที่ ยืมมาจากจเก้อหมิง ต่อให้กำลังภายในเขาจะล้ำเลิศเพียงใด แต่ไม่อาจทนฤทธิ์ยาสลบที่นางปรุงขึ้นมาเองได้อย่างแน่นอน หลี่เฉินเป็นค่อยๆหลับตาลงช้าๆจากนั้นก็สลบไป
ชูเซียค่อยๆขยับกายที่เป็นอยู่บนตั้งเป็นเวลานาน กำลังของ นางใกล้จะหมดแล้ว
นางลงจากฝั่งยาวด้วยความอ่อนแรงจนแม้แต่แรงเดินก็แทบ ไม่มี หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขานางหยิบมีดขึ้นมา เล่มหนึ่งเพื่อคัดชายกางเกงของเขาออก นางไม่เหลือกำลังที่ จะเปลื้องผ้าเขาและพาเขาไปนอนที่เคียงอีกแล้ว
นาง ด้วยกำลังภายในที่แข็งแกร่งของเขา อีกไม่นานเขาก็ คงฟันขึ้นมา นางเหลือเวลาไม่มาก
หญิงสาวเอ่ยกระซิบเสียงเบา “ข้าอยากให้ท่านเชื่อมั่นในตัว ข้าแต่มันก็ยากเหลือเกิน ดังนั้นข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ท่านได้ โปรดอย่าเกลียดข้าเลยนะ”
นางหยิบเข็มทองออกมาพร้อมหายใจเข้าลึกๆ อาการวิง เวียนเริ่มเข้ามาจู่โจมนางช้าๆ ชูเซียพยายามฝืนสติตนเอง อย่างสุดความสามารถ ยามฝังเข็มนางจะผิดพลาดไม่ได้ หญิง สาวตัดสินใจฝังเข็มทองสี่เล่มลงบนจุดไปฮุยบนร่างกายของ ตนเองเพื่อคืนสติก่อนจะกลั้นใจฝังเข็มให้เขา
เพียงแต่การบังคับร่างกายของนางเป็นไปได้อย่างยาก ลำบาก การฝังเข็มจุดไปฮุยบนตัวนางจะส่งผลร้ายกับร่างกาย นางค่อนข้างมาก นางรู้อยู่แก่ใจดีแต่ไม่อาจคิดเล็กคิดน้อยได้ อีก แม้แต่เทวดาผู้นั้นยังกล่าวว่านางไม่อาจพ้นเคราะห์นี้ไปได้ แล้ว เพียงแต่ก่อนนางตาย นางก็ยังอยากจะช่วยเขาให้หายดี ดังเดิม
นางฝังเข็มได้เร็วและแม่นยำเพราะการฝึกฝนมาโดยตลอด ในระยะเวลาที่ผ่านมา นางใช้ร่างกายของตนเองทดลองฝัง เข็มไปตามจุดต่างๆของร่างกายตนเองจนนางมั่นใจดีแล้ว
เข็มทุกเล่มที่นางฝังลงไปจำเป็นต้องฝังค้างอยู่เช่นนั้นอย่าง น้อยหนึ่งก้านธูป ทว่านางคงไม่อาจอยู่รอได้จนถึงตอนนั้น อีกแล้ว แต่ก็ไม่สำคัญอีกแล้วตราบใดที่เขามีเลือดไหลผ่าน เส้นเลือดลงมา กำลังภายในของเขาจะช่วยเปิดจุดให้เลือดไหลทะลักลงมาเลี้ยงขาได้อยู่ดี
นางล้มลงบนหน้าอกของเขา ยามนี้นางไม่เหลือเรี่ยวแรงจะ ขยับอีกแล้ว ชูเซี่ยได้แต่ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่อย่าง นั้น น้ำตาของนางไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้อีกต่อ ไป เวลาของนางมาถึงแล้วสินะ นางไม่ขออะไรอีกแล้วในชีวิต นี้ นางเพียงแค่ขออยู่อย่างสงบและอบอุ่นเช่นนี้ไปจนวินาที สุดท้ายเพียงเท่านั้น จากนี้ไปนางก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีก แล้ว เขาจะไปร่วมเตียงกับผู้ใดนางก็ไม่ต้องทนเห็นภาพเช่น นั้นอีกแล้ว
ความจริงมีหลิวมี่เหออยู่เคียงข้างเขาก็เป็นเรื่องดี หญิงผู้ นั้นรักเขาจากใจจริง ส่วนนางก็เป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่ง ที่บังเอิญผ่านมาเข้าร่างก็เท่านั้น ส่วนเขาก็เป็นเพียงแค่ฝัน ที่สวยงามและเจ็บปวดแค่ตื่นหนึ่งเท่านั้น นางรู้สึกขอบคุณ เทวดาท่านนั้นเหลือเกินที่ทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อมาตลอด หลายเดือนมานี้ ทำให้นางมีโอกาสได้รู้จักผู้ชายอารมณ์ร้าย คนหนึ่ง คนที่ไม่เคยทำดีกับนางเลยสักนิด
“ท่านใจร้าย…กับข้าเหลือเกิน แต่ว่าข้าก็ยังรักท่านเข้าจน ได้…” ชูเซี่ยหอบหายใจก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบาก “ข้าชอบเวลาท่านเรียกข้าว่าซูเซี่ย แต่ทว่าสำหรับท่านแล้ว ข้าอาจไม่ใช่โรคระบาด ไม่ใช่ภัยพิบัติของท่าน แต่สําหรับข้า ท่านเป็นทั้งภัยพิบัติและโรคระบาดของข้า ภัยพิบัติที่ท่านมอบ ให้ข้า…มันคือความรัก!
นางอยากจะพยุงกายขึ้นมามอบจุมพิตที่หวานล้ำและลึกซึ้ง ให้แก่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างพวกเขา มีแต่ทะเลาะกันจนแทบไม่มีช่วงเวลาหวานซึ้งกันแม้แต่น้อย นางพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดพยุงตัวลุกขึ้นมาประทับ ริมฝีปากลงบนริมฝีปากเขา
ยาสลบในร่างกายของหลี่เฉินเย่นเริ่มเสื่อมลงช้าๆ ชายหนุ่ม
ค่อยๆคืนสติเปิดเปลือกตาขึ้นมาก็พบว่าริมฝีปากของตนถูก ผนึกด้วยริมฝีปากอันเย็นชืดของนาง ทันใดนั้นความจําก่อน หน้าก็สว่างวาบในหัวอย่างแจ่มชัด ครั้งแรกที่เขาพลาดร่วม เตียงกับนางก็เป็นเพราะนางวางยาเขา ความเดือดดาลฉายชัด ขึ้นบนใบหน้าคม เล่ห์กลร้ายกาจ ช้าอย่างการวางยานางยัง กล้าใช้มันกับเขาอีกเป็นครั้งที่สองงั้นหรือ ยิ่งเมื่อเขารู้สึกได้ ว่าเสื้อผ้าช่วงล่างของตนไร้ซึ่งกางเกงก็ถึงกับโมโหจนขาดสติ ไปในทันที เขายกขาขึ้นเตะร่างของหญิงสาวที่อยู่บนร่างจน นางลอยละลิ่วไปกระแทกผลังจากนั้นก็ล่วงลงสู่พื้น
หญิงสาวกระอักเลือดออกมาคำโต นางนอนนิ่งอยู่บนพื้น เหลือบมองเขาที่ผุดลุกขึ้นมายืนก็ค่อยๆผุดยิ้มขึ้นมา มันเป็น รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจราวกับว่าตนเองเป็นนรีแพทย์ที่ได้ ส่งเด็กทารกในมือมอบให้สู่มือผู้เป็นมารดาได้สำเร็จ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ