ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้
ตอนที่21 คนตายกลับมาไม่ได้
เมื่อทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็หน้าถอดสี หันมามองชู เซียด้วยแววตาตื่นตระหนก ใครๆก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อครู่ ยัง…. ไฉนเพียงแค่พริบตาเดียวกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
ชูเซี่ยตกตะลึง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน”เป็นไป ได้อย่างไร? บัวหิมะเทียนซานมิใช่สามารถแก้พิษได้ถึง ร้อยชนิดหรือ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้”
นางรีบร้อนวิ่งเข้าไปในห้อง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ อ๋องเจิ้นหยวนโอบกอดพระชายาของตนในอ้อมแขน ร่ำไห้ อย่างเจ็บปวดทว่าไม่แม้แต่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ ได้ยิน
ชูเซี่ยรีบร้อนตรวจชีพจรของพระชายาเจิ้นหยวน ใบหน้า นางซีดเผือดลงทันที พระเจ้า! นางจับไม่เจอชีพจร พระ ชายาไม่หายใจแล้วจริงๆ เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าไม่มีปัญหาอัน ใดนี่นา แต่เพราะเหตุใดเมื่อกินบัวหิมะไปแล้วผลกลับออก มาเป็นเช่นนี้
เพราะเหตุใดกัน เมื่อครู่อาการยังดีอยู่แท้ๆ แต่เมื่อสังเกต ดูดีให้ถี่ถ้วน นางกลับพบว่าใบหน้าและริมฝีปากของพระ ชายาเจิ้นหยวนดำคล้ำกว่าเมื่อครู่ ทั้งดวงตายังเปิกค้าง บริเวณมุมปากมีเลือดสีดำไหลออกมา ลิ้นแข็งจุกปาก นี่ เป็นอาการของคนถูกพิษ! หรือว่าจะมีคนแอบวางยาในบัว หิมะก่อนนำมารักษาอาการให้พระชายากันแน่ นางไม่มี เวลามาคิดให้มากความแล้ว นางต้องเร่งช่วยชีวิตคนก่อน เป็นสำคัญ จำต้องให้หมอหลวงมาถวายการฝังเข็มรักษา ชีพจรให้ไวที่สุด แค่หวังว่ายังทันอยู่
“รีบไปเตรียมน้ำเกลือมา เร็วเข้า”ชูเซี่ยรีบสั่งการลงไป อย่างรีบร้อน”เอามาให้มากหน่อย นำอ่างใบใหญ่มา ยิ่ง ใหญ่ยิ่งดี”เมื่อครู่นางสั่งให้หมอหลวงฝังเข็มเพื่อระงับ และหยุดการแพร่ กระจายของพิษในร่างกาย แต่ดูเหมือน อาการตอนนี้ของพระชายาจะมีสู้ดีนัก เนื่องด้วยพระชายา เจิ้นหยวนเพิ่งจะให้กำเนิดองค์ชายน้อย เกรงว่าด้วยสภาพ ร่างกายของนางในยามนี้จะไม่อาจทนได้อีกนานมากนัก แต่สถานการณ์คับขันเช่นนี้นางก็ได้แต่เห็นม้าตายรักษา ประดุจม้าเป็น1แล้ว
“ท่านค่อยๆพยุงนางขึ้นมานะเจ้าคะ ระวังบาดแผลตรง ท้องน้อยด้วยเจ้าค่ะ!”นางเอ่ยออกมาพร้อมดันร่างของอ๋อง เจิ้นหยวนขึ้นมา
อ๋องเจิ้นหยวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบร้อนเข้ามาพยุงร่างของ ชายาให้ค่อยๆนอนราบลงกับเตียงอย่างช้าๆ
ผ่านไปไม่นานนัก น้ำเกลือก็ถูกยกเข้ามาภายในห้อง ชู เซี่ยจ่มมือของตนเองลงในน้ำเพื่อทดสอบอุณหภูมิของน้ำ จากนั้นก็สั่งการให้คนจัดเตรียมน้ำต้มถั่วเขียวไว้ชามหนึ่ง ภายในใจทราบดีว่า สตรีที่เพิ่งจะผ่านการคลอดบุตรไม่ สมควรกินของที่มีฤทธิ์เย็นเช่นนี้ เพียงแต่ยามนี้มีชีวิตของ พระชายาเป็นเดิมพัน นางไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายอีก แล้ว นางในตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลย ว่าจะสามารถรักษาชีวิตพระชายาได้ เครื่องไม้เครื่องมือ ทันสมัยของยุคนาก็ไม่มี นางจะสามารถรักษาชีวิตของพระ ชายาไว้ได้จริงๆหรือไม่ก็สุดจะรู้
ชูเซี่ยลงมือป้อนน้ำเกลือแก่พระชายาก่อนเป็นขั้นแรก แต่ ในเวลานี้พระชายาไม่รู้สึกตัว ทำให้น้ำเกลือที่ป้อนไหลคืน ออกมาทั้งหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่อาจรักษาชีวิต เอาไว้ได้แน่นอนแล้ว ชูเซี่ยกลัวจนลนลานไปหมด นางถึง กับร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านต้องอดทนไว้นะ ห้ามถอดใจยอมแพ้เด็ดขาด ลูกของท่านเพิ่งจะคลอดออก มาแท้ๆ เขาอายุเพียงเจ็ดเดือนเท่านั้น ร่างกายก็อ่อนแอ เขายังต้องมีแม่คอยดูแลเขาอยู่นะ ได้โปรดอย่าเพิ่งยอม แพ้ ท่านคิดนึกถึงท่านอ๋องพระสวามีของท่านเถิด เขาจะรู้สึกเสียใจเพียงใด คิดถึง ลูกของท่าน หากไม่มีท่านเขาจะทำเช่นไร ลองคิดถึงบิดา มารดาท่าน พวกเขาจะเจ็บปวดเพียงใด พวกเขาจะทน ได้หรือ พวกเขาคงรับไม่ไหวหรอกที่คนหัวขาวจะต้องมา ส่งคนหัวดำเช่นท่าน” ชูเซี่ยหวนคิดถึงพ่อแม่ของตนเอง ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดมาก เสมือนได้เห็นภาพที่พ่อกับ แม่ของเธอร้องไห้แทบจะขาดใจอยู่หน้าศพของตนเอง แต่ทว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ต่างที่ตายไป ตอนนั้นนางไม่มี โอกาสที่จะบอกลาหรือเอ่ยคำปลอบโยนพวกเขาด้วยซ้ำ
หลังจากการป้อนน้ำเกลือเสร็จสิ้น นางก็ทำการปั๊ม หัวใจและผายปอดทันที ความสามารถทางการแพทย์ ที่เธอสั่งสมมาตลอด ทำให้นางรู้ว่านี้ร่างกายของพระ ชายาเพียงแค่หยุดทำงานชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ได้สิ้นชีพ อย่างแน่นอน เพียงแต่ยามนี้พิษแพร่กระจายไปทั่วร่าง แล้ว อุปกรณ์ช่วยหายใจก็ไม่มีในยุคโบราณเช่นนี้จริงอยู่ ร่างกายในตอนนี้หยุดทำงานชั่วคราว แต่ขึนยังเป็นเช่นนี้ ต่อไป ร่างกายก็สามารถหยุดทำงานได้ตลอดไป ตอนนี้มี เพียงทางเดียวที่จะช่วยพระชายาได้ คือทำให้รู้สึกนางรู้สึก ตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม ขอเพียงแค่นางฟื้นขึ้น มาก็เหมือนหลุดออกมาจากประตูผีมาได้แล้ว ถ้าเป็นเช่น นั้นนางก็มั่นใจได้แล้วว่าพระชายาต้องมีโอกาสรอดอย่าง แน่นอน
ภายนอกห้องนั้น ห้องเด็กรั้วอย่างยิ่ง มีบัญชาให้สืบหา ต้นตอนการวางยาในบัวหิมะอย่างละเอียด จะไม่ให้ฮ่องเต้ ครั้วได้อย่างไร ต่อหน้าช่องเดีผู้ที่มีอำนาจใหญ่ที่สุดยังมี ผู้อาจหาญกล้ามาทำเรื่องต่ำช้าอย่างการวางยาพิษเช่น นี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว สำหรับ ฮ่องเต้นั้นการตายของพระชายาเจ้นหยวนอาจไม่ได้เป็น เรื่องใหญ่มาก แต่การที่มีคนมาอาจหาญท้าทายอำนาจ ของฮ่องเต้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้มิอาจยอมได้
หลี่เฉินเย่นสั่งการคนให้ตรวจสอบการวางยาพิษตามพระ บัญชาของเสด็จพ่อของตน เขาลงมือตรวจสอบสำนักหมอ หลวงอย่างละเอียดด้วยตนเอง เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการต้ม ยา การจัดส่งยา หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่กระนั้นก็ ยังหาผู้ต้องสงสัยไม่พบแม้แต่ผู้เดียว
เริ่มจากตัวยาถูกนำออกมาจากช่องก๊กเก็บความเย็น โด ยมีเว่ยกงกงซึ่งเป็นข้ารับใช้คนสนิทของฝ่าบาทได้ออกคำ สั่งให้นางกำนัลสองนางเป็นผู้นำออกมา โดยระหว่างนั้น เวียกงกงเองก็คอยควบคุมดูแลตัวยาอย่างใกล้ชิดไม่ได้ คลาดสายตา
เมื่อตัวยาถูกส่งมายังสำนักหมอหลวง แต่เนื่องด้วยบัวหิมะเทียนซานเป็นตัวยาล้ำค่ายิ่งนัก หมอหลวงเฉินจึงเป็น ผู้ลงมือปรุงยาด้วยตนเอง ในระหว่างต้มตัวยานั้นก็มีเว่ยก งกงคอยควบคุมดูแลตลอดเวลาไม่ได้ไปไหนอีกเช่นกัน
เมื่อตัวยาถูกต้มจนเสร็จ นางกำนัลรับใช้คนสนิทข้า งกายหยงเฟย(นางสนม)อู้จื่อก็เป็นผู้นำยามาถวาย โดยใน ระหว่างนั้นก็เป็นเว่ยกงกงเช่นเคยที่คอยตามดูแล ซึ่งนั้น ก็เท่ากับว่านางกำนัลผู้นั้นเองก็มีพยานหลักฐานแน่ชัดว่า ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ในตลอดระยะเวลา ที่มีการนำบัวหิมะออกมาจากช่องเก็บความเย็น จนถึงขั้น ตอนการปรุงยานั้น เว่ยกงกงล้วนแล้วแต่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งสิ้น
แม้หลี่เฉินเย่นจะรู้สึกสงสัยในตัวเว่ยกงกงไม่น้อย แต่ แม้ว่าเว่ยกงกงจะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น แต่ตัว เขาเองก็ไม่ได้ลงมือแตะต้องตัวยาเลยแม้แต่ปลายนิ้ว ทำ หน้าที่เพียงคอยควบคุมดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นผู้ลงมือไปได้
ทว่าตัวยาก็ถูกใส่ยาพิษไปแล้ว นั่นเป็นความจริงที่ทุก คนล้วนแต่ประจักษ์เห็นกันทั้งสิ้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าในระหว่างการส่งมอบยามาถึงที่ห้องมีผู้ลงมือวางยาพิษอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่มีผู้ ใดสังเกตหรือพบเห็นเท่านั้น หากแต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาทั้งหมดอาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน!
ภายในห้องชูเซี่ยยังคงป้อนน้ำเกลือแก่พระชายาเป็นระ ยะๆ ก่อนหน้านั้นนางป้อนน้ำถั่วเขียวให้พระชายาไปหลาย ถ้วยแล้ว แต่คงไม่สามารถป้อนมากกว่านี้ได้อีก พระชายา เพิ่งคลอดบุตรได้ไม่นาน ร่างกายอ่อนแอมากกว่าปกติ น้ำ ต้มถั่วเขียวสำหรับหมอทุกคนนั้นต่างลงความเห็นว่าไม่ เหมาะกับสตรีเพิ่งคลอดเนื่องจากออกฤทธิ์เย็นกับร่างกาย จึงเป็นของห้ามและควรหลีกเลี่ยง
ในยุคนี้เมื่อไม่มีอุปกรณ์ล้างท้อง ชูเซียจึงเลือกที่จะใช้มือ ของนางเองล้วงคอของพระชายาเพื่อให้อาเจียนพิษที่รับ เข้าออกมาแทน วิธีนี้อาจจะทำให้ช่องคอของพระชายาได้ รับบาดเจ็บจนเกิดแผลได้ แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
เมื่อเวลาผ่านไปเจิ้งหยวนอ๋องเริ่มเกิดความสิ้นหวังใน ที่สุด เขาทรุดลงอย่างอ่อนแรงบนเก้าอี้ ยกมือทั้งสอง ปิดบังหน้าอย่างคนหมดสิ้นหนทาง ไหล่ทั้งสองข้างห่อลง น้ำตาของท่านอ๋องไหลรินลงมาตามรอยแยกของฝ่ามือที่ ถูกปิดไว้ ค่อยๆหยดลงสู่พื้นหยดแล้วหยดเล่าราวกับกำลังระบายความเศร้าเสียใจที่กลั่นออกมาจาก
หัวใจของเขาเอง
ชูเซี่ยไม่คิดถอดใจยอมแพ้ วิชาการแพทย์ทั้งหมดที่นาง เคยร่ำเรียนมาในยุคของนางถูกงัดขึ้นมาใช้ทั้งหมดเพื่อ ยื้อพยายามยื้อชีวิตของพระชายาเอาไว้ให้ได้ ออกคำสั่ง ให้คนนำเห็ดหลินจือกับปักคั้มาต้มน้ำแกง ปักกี้มีสรรพคุณ ช่วยในการไหลเวียนโลหิตและสูบฉีดเลือดเข้าสู่หัวใจ เพราะเวลานี้หัวใจของพระชายาลัมเหลวเนื่องจากได้รับ พิษเข้าไป การกินปักคิ้จะช่วยบำรุงหัวใจ เพิ่มเลือดไปหล่อ เลี้ยงหัวใจมากขึ้นทั้งยังลดความดันโลหิตและบำรุงเลือด ลมอีกด้วย ส่วนหลินจือก็มีสรรพคุณรักษาพิษในร่างกาย ได้อย่างน่าทึ่ง เวลานี้ร่างกายของพระชายาย่ำแย่นัก จึง ทำได้เพียงยื้อชีวิตและค่อยๆรักษาไปตามอาการเท่านั้น
เมื่อพระชายาอาเจียนพิษออกมาบ้างแล้ว นางจึงค่อยๆ ป้อนน้ำแกงต้มเห็ดหลินจือผสมปักคี้ให้อย่างช้าๆจนหมด ถ้วย แต่พระชายาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นคืนสติ จริงอยู่ว่า ในยุคนี้ไม่มียาบำรุงหัวใจ แต่ว่าร่างกายของคนสมัยก่อน ไม่เคยได้รับยาฮอร์โมนมาก่อน ได้แต่ภาวนาว่าการบำรุง หัวใจด้วยวิธีนี้จะสามารถช่วยรักษาลมหายใจของนางไว้ ได้ด้วยเถิด
ผู้คนที่รออยู่ภายนอกห้องต่างก็ร้อนใจยิ่งนัก ด้านไทเฮา และหยงเฟยเร่งเดินทางไปอารามหลวงเพื่อคุกเข่าสวด มนต์ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพระชายาเจิ้นหยวน ให้รอดพ้นปลอดภัย ด้านฝ่าบาทเองก็ไม่ยอมเสด็จไปที่ใด ทั้งสิ้น ดึงดันจะรอฟังความคืบหน้าอาการของพระชายา เจิ้นหยวน ทอดพระเนตรมองนางกำนัลที่เข้าๆออกๆห้อง บรรทมของพระชายาอยู่เรื่อยๆ ก็กลัดกลุ่มพระทัยยิ่งนัก ฮ่องเต้ทราบถึงจิตใจบุตรชายของฮ่องเต้ดี ความเจ็บปวด จากการสูญเสียคนรัก ฮ่องเต้เองก็เกือบสูญเสีย….จึงไม่ น่าแปลกที่ฮ่องเต้จะเห็นองค์เห็นใจ แต่ทว่าก็จนปัญญาไม่ สามารถช่วยอะไรอีกฝ่ายได้
หลิวมีเหอและเหล่านางสนมต่างก็รอคอยอยู่ภายนอก ตำหนัก ต่างคนต่างก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจกับเรื่องที่เกิดยิ่ง ละไว้เพียงหลิวมีเหอผู้เดียว นางเป็นเพียงผู้เดียวในยามนี้ ที่อยากจะเห็นชูเซี่ยร้องไห้วิ่งออกมาจากห้อง พร้อมกล่าว กับทุกคนว่าพระชายาได้สิ้นชีพไปแล้ว นางไม่สามารถ รักษาชีวิตพระชายาไว้ได้
แม้นางจะไม่เคยมีความแค้นอันใดกับพระชายาเจิ้นหยวน มาก่อน แต่นางก็มิอาจทนเห็นชูเซี่ยรักษาพระชายาเจิ้น หยวนได้สำเร็จเพียงเท่านั้น เดิมทีนั้นชูเซี่ยก็ได้พระทัย ของฮองเฮาอยู่แล้ว หากวันนี้นางยังสามารถรักษาพระราชนัดดาได้อีก ถ้าเป็นเช่นนั้นพระทัยของไท่ เฮาและหยงเฟย รวมถึงสายพระเนตรชื่นชมจากฝ่าบาทนั่น อีก หากวันนี้ให้นางรักษาพระชายาได้สำเร็จนางก็จะมีบุญ คุณต่ออ๋องเจิ้นหยวน ถ้าเป็นเช่นนั้นการที่ตัวนางเองจะขัด ขวางเส้นทางของชูเซี่ยไม่ให้นั่งตำแหน่งพระชายาในการ หน้าก็ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก
เหล่านางสนมทั้งหลายกำลังพร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาอาการของพระชายา แม้ว่าพวก นางอาจมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่ค่อยจะดีนัก แต่ยามนี้ผู้ ที่นอนป่วยอยู่ภายในตำหนัก แม้คนที่อยู่ในนั้นนางจะไม่ได้ เป็นพระสนมในวังหลวงแห่งนี้ หรือเคยมีความสัมพันธ์อัน ดีต่อกัน พวกนางก็ควรที่ทำเช่นนี้ต่อไปเพราะนางเป็นถึง พระชายาเจิ้นหยวน
สตรียามคลอดบุตร ก็เหมือนกับก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้า ประตูผี นั่นเป็นสิ่งที่นางสนมทุกนางต่างรู้ไม่ว่าพวกนางจะ เคยผ่านการคลอดบุตรมาแล้วหรือไม่ เพราะเช่นนั้น เกิด เป็นสตรี กระต่ายตายหมาจิ้งจอกร้องไห้ แม้จะเป็นสัตว์ เดรัจฉานก็ต้องมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อีก ทั้งยังเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงยามนี้พวกนางจึงไม่มี กระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ได้แต่หวังว่าพระชายาจะ สามารถฟื้นได้ในไม่ช้า
อ๋องเจิ้นหยวนนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ ฝ่ามือกำกระบี่ ที่เหน็บติดเอวไว้ เขาเพียงรอเวลาเท่านั้น เมื่อใดที่หมอ หลวงประกาศว่าพระชายาสิ้นแล้ว เมื่อนั้นเขาก็จะปาดคอ ตัวเองทันที นางทั้งเขาไว้ให้มีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว ช่าง โหดร้ายยิ่งนัก โหดร้ายเหลือเกิน นางจะให้เขาต้องเผชิญ หน้ากับวันเวลาเป็นพันเป็นหมื่นปีโดยปราศจากนางงั้น หรือ ใครๆต่างก็กล่าวว่าเขาเองเป็นวีรบุรุษ แข็งแกร่งดั่ง เหล็กกล้า แม้ยามสู้ในสนามรบก็ไม่เคยขลาดกลัว แต่ไหน แต่ไรไร้ซึ่งความเมตตา รักษาชายแดนอย่างเคร่งครัด ข่ม ขวัญศัตรูจนพวกมันไม่กล้ามารุกรานดินแดนของเรา แต่ ตัวของเขาเอง ทั้งชีวิตนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องการ คือการ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีหญิงที่รักคอยเคียงข้าง มีบุตรที่สืบ เชื้อสายมาจากเขาและนาง ทั้งชีวิตนี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หากไม่มีนาง เขาไหนเลยจะมีความ กล้าหาญในการใช้ชีวิตต่อไปอีกเล่า
ใครจะกล่าวหาว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดก็ได้ ประนามว่าผิดต่อ องค์ฮ่องเต้ก็ได้ เขาเพียงแค่ต้องการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ของตนเพียงเท่านั้น เขาทำผิดอันใดวันที่เขาไปสู่ขอนาง เขาเคยเอ่ยว่าจากนี้เราสองคนจะร่วมเป็นร่วมตายกัน นาง ตาย เขาไม่ขออยู่ และเขาก็เชื่อหมดใจว่าหากเขาตาย นาง ก็คงไม่ขออยู่เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดหมอหลวงก็เริ่มถอดใจแล้ว ชูเซี่ยเองก็มีสภาพ แย่ไม่ต่างจากศพ แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็ยังไม่ยอมแพ้ ยัง คงพยายามต่อไป
“น้องสะใภ้ พอเถอะ พอได้แล้วล่ะ อย่าเหนี่ยวรั้งนางไว้ เลย ให้นางได้จากไปอย่างสงบเถอะ”อ๋องเจิ้นหยวนบอก กับนางด้วยเสียงแผ่วเบา
ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมามองญาติผู้พี่ของตน สีหน้าของนาง เต็มไปด้วยความกังวล ไม่ นางยังไม่ตาย ยังมีทางช่วยอยู่ ขอแค่นางรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเท่านั้น”
อ๋องเจิ้นหยวนยิ้มอย่างขมขื่น”ลมหายใจก็ไม่มีแล้ว ข้า ไม่ต้องการให้นางต้องทรมานอีกแล้ว!”เขาผลักร่างของชู เซี่ยออก ก้าวไปยังเตียงเพื่ออุ้มพระชายาของตนขึ้นมาใน อ้อมกอด “เย่เอ๋อ สามีจะพาเจ้ากลับบ้าน!”
ชูเซี่ยรีบก้าวเข้าไปขวางทางทันที นางคุกเข่าต่อหน้าท่าน อ๋อง หน้าผากของเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อมากมาย น้ำตา คลอเต็มหน่วยมองสบกับบุรุษตรงหน้า “ท่านอ๋อง ได้โปรด อย่าเพิ่งถอดใจ ขอเพียงแค่นางรู้สึกตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ข้าก็จะสามารถช่วยรักษานางได้อย่างแน่นอน ข้าขอร้อง ท่าน โปรดให้ข้าลองดูด้วยเถอะ”
อ๋องเจิ้นหยวนทำเพียงส่ายหน้าไม่คิดฟังคำทัดทานใด แล้วอุ้มร่างของพระชายาเดินจากไป
ชูเซี่ยยืนขึ้นมา ยกมือตบหน้าของอ๋องเจิ้นหยวน กล่าว ออกมาด้วยความโกรธ”ปล่อยนางลงมานะ นางคือผู้ป่วย ของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องนาง!”
อ๋องเจิ้นหยวนมองตอบสตรีตรงหน้า นัยน์ตาฉาบด้วย ความโมโหวบหนึ่ง”นางจากไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังไม่เลิกดื้อ รั้น”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ