กระบี่อัคคีล้างปฐพี

เจ้าต้องมีชีวิตอยู่!!!



เจ้าต้องมีชีวิตอยู่!!!

ทันใดนั้น เงาร่างทั้งหมดต่างหยุดลง เผยเห็นร่างที่ตั้ง ตระหง่านของหวงอวถัง ยืนแนวนึ่งท่ามกลางชายชุดตาที่สวม หน้ากาก ใบหน้าของหวงอวถังซีดขาวและเต็มไปด้วยหยาด เหงื่อ ส่วนชายชุดดำสวมหน้ากาก 7คน หลั่งเหงื่อโซมกาย แต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

“หนะ… หนีไปฟงเอ๋อ”

หวงอถังกัดฟันพูด ที่แท้บนหน้าอกของหวงอวถังถูกตรึงไว้ ด้วยเข็มทองอาบยาพิษหลายเล่ม ซึ่งเข็มทองอาบยาพิษเป็นวิชา ของฝ่ายอธรรม

“ท่านพี่!!” หวงเฉินฟงน้ำตานองหน้า พร้อมกับลุกขึ้นกำหมัด

“เฉินฟง เจ้าอย่าออกไป” หลิวม่ออิงเสียงสั่น

“เจ้าหนูไม่ต้องรีบร้อน ต่อไปก็ถึงตาของพวกเจ้าแล้ว” ชายชุด สวมหน้ากากคนหนึ่งแสยะยิ้มพูด

“ม่ออิง.. ข้าขอฝากฟงเอ๋อไว้กับเจ้าแล้ว ไปซะ!!!”

หวงอวี้ถังกัดฟันตะโกนพูดอีกครั้ง พร้อมล้วงมือเข้าไปใน กระเป๋าเสื้อที่ขาดรุ่งริ่ง

“เจ้าเด็กบ้า คิดจะทำอะไร!!!

ชายชุดดำตะโกนพร้อมเพรียงกันพร้อมพุ่งทะยานเข้าหาหวงอวถังอีกรอบ

เสียงดินประสิวดังสนั่นหวั่นไหว พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยม่าน ควันสีดำ

“ม่าย… ท่านพี่” หวงเฉินฟงตะโกนลั่นพร้อมกับจะวิ่งเข้าไปใน ม่านควัน แต่ขณะนั้นเองรู้สึกที่ท้ายทอย โดนสิ่งของกระทบอย่าง หนักหน่วงจนถึงกับสลบไป

ที่แท้เป็นหลิวม่ออิงลงมือโดยใช้สันมือฟาดไปที่ท้ายทอยของ

หวงเฉินฟง

“เอวถังต้องไม่ตายเปล่า เฉินฟงเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

พร้อมกันนั้นหลิวม่ออิงได้แบกหวงเฉินฟงวิ่งออกจากเขตหมู่ บ้านเฟิง วิ่งไปวิ่งไปโดยไม่รู้ว่าจะไปแห่งหนใด…

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลิวม่ออิงแบกร่างหวงเฉินฟงมาถึงริมแม่ น้ำเจียงซู ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านหมู่บ้านเฟิง หลิวม ออิงวางร่างหวงเฉินฟงลง

กับพื้น แล้วค่อยเดินไปตักน้ำที่ริมแม่น้ำ

ซ่าส์

เสียงสาดน้ำใส่ใบหน้าของหวงเฉินฟง หวงเฉินฟงจึงค่อย

ลืมตาขึ้นมาช้าๆ

“ที่นี่คือที่ไหน”
“พวกเราอยู่ที่ริมแม่น้ำเจียงซู ข้าพาเจ้าวิ่งออกมาจากนอกเขต หมู่บ้านสิบกว่าแล้ว”

“แย่แล้ว ท่านพี่ข้า” หวงเฉินฟงท่าท่าจะลุกขึ้นมา

“เจ้า ใจเย็นลงก่อน” หลิวม่ออิงกลับกดไหล่ของหวงเฉินส่งให้ นั่งอยู่ที่เดิม

“เอวถึงเขาสละชีวิตเพื่อช่วยพวกเรา ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ เขาผิดหวังนะ”

“ท่านพี่!!!” สิ้นสุดค่าตะโกน หวงเฉินฟงก็สลบลงไปอีกครา ความเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นนี้ เกินกว่าที่เด็กน้อยวัย 8-10 ขวบ จะแบกรับไว้ได้ ท่านว่าจริงหรือไม่….

ณ เมืองเป่ยเจี้ยน

เมืองเป่ยเจี้ยน เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความคึกคัก และแสงสี ยามนี้เป็นยามพลบคล่ำ ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้คนออกมา เดินจับจ่ายใช้สอยกัน ร้านค้าริมทางต่างขายของกินกันอย่าง เนืองแน่น

ตึก ตึก ตึก

เสียงรถม้าวิ่งมาตามทาง จากนั้นจึงหยุดที่หน้าร้านหมั่นโถว ร้านหนึ่ง พร้อมกันนั้นเป็นชายวัยกลางคนไว้หนวดเครารูปร่าง รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์รายหนึ่ง ก้าวลงจากรถม้ามาอย่าช้าๆ

“เถ้าแก่ ข้าเอาหมั่นโถวห้าลูก”
“ได้ขอรับนายท่าน รอสักครู่นะขอรับ” พร้อมกันนั้นเถ้าแก่ร้าน หมั่นโถวจึงหยิบหมั่นโถวห้าลูก ใส่ถุง ส่งให้กับชายวัยกลางคน อ้วนท้วมคนนั้น

“เอานี่ ไม่ต้องทอน” ชายวัยกลางคนอ้วนท้วมคนนั้นเหมือนไม่ อยากเสียเวลามากความ จึงโยนทองแท่งให้เถ้าแก่ไปเลย

“ขอบคุณ นายท่านๆๆๆ” เถ้าแก่ร้านหมั่นโถวรีบรับทองแท่ งด้วยความยินดี ลำพังทองแท่งนี้ก็สามารถเลี้ยงชีวิตน้อยๆของ เขาไปได้ทั้งชีวิตแล้ว

จากนั้นชายอ้วนท้วมคนนั้นก็เดินไปถึงข้างหน้าต่างรถม้า พร้อมยื่นถุงหมั่นโถวเข้าไปในรถม้า

“เยวเอ๋อ กินไอนรองท้องไปก่อน พวกเรายังต้องเดินทางอีก ไกล”

ภายในรถม้าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ แต่กลับมีมือที่ขาวผ่อง เป็นยองใยข้างหนึ่งยื่นมารับถุงหมั่นโถวไป แต่พวกเขาไม่ทันได้ สังเกตุว่า บริเวณมุมกำแพงตึกด้านหลังพวกเขา กับมีประกาย ตาแห่งความหิวโหยของขอทานน้อยสองคนจับจ้องอยู่..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ