กระบี่อัคคีล้างปฐพี

น้ำใจเหล่าศิษย์พี่



น้ำใจเหล่าศิษย์พี่

ณ ห้องเก็บฟืน ตำหนักบินหลุน

เพียะ เพียะ

เสียงแส้ฟาดดังสนั่นหวั่นไหว

“หึ เจ้าเด็กแซ่หวง กฎของตำหนักบินหลุนไม่เคยมีใครฝ่าฝืน มาก่อน เจ้าอย่าคิดว่าสนิทกับหงเอ๋อ แล้วนางจะช่วยเจ้าได้นะ” หยางเกาเชิงกำลังยืนแสยะยิ้มอยู่ด้านข้าง สายตากำลังมองดู หวงเฉินฟงที่กำลังถูกชายฉกรรจ์ผิวคล้ำผู้หนึ่ง ลงแส้อย่างหนัก หน่วง

หวงเฉินฟงซึ่งตอนนี้ร่างกำลังถูกตรึงอยู่กับเครื่องลงทัณฑ์ แข นทั้งสองข้างถูกโซ่ตรวนไว้อย่างแน่นหนา ร่างกายเต็มไปด้วย บาดแผลของแส้ เสื้อผ้าขาดวิ่น มุมปากของเขามีโลหิตไหลออก มาไม่ขาดสาย ตอนนี้เขาได้แต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เหมือนกับว่า สลบไปแล้ว

“เหล่าไฉ เหลืออีกกี่ที” หยางเกาเชิงหันหน้าไปถามชาย ฉกรรจ์ร่างผิวคล้ำผู้นั้น

“เรียนเจ้าสังกัด เหลืออีกสิบที่ขอรับ” ชายฉกรรจ์ผิวคล้ำที่ เรียกว่าเหล่าไฉ หันหน้ามาตอบอย่างเคารพ

“แล้วเจ้ายังจะรออะไรล่ะ”
“ครับ”

เพียเพีย เพีย

เสียงแสลงมาไม่ขาดสาย จนในที่สุดก็ครบตามจำนวนที่

กําหนด

แต่ว่า หวงเฉินฟงได้แน่นิ่งไปแล้ว……….. ณ ห้องพักศิษย์ ตำหนักบินหลุน

ภายในห้องเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องบอกว่าทั้งเหม็นทั้งสกปรก เนื่องจากห้องแห่งนี้ถูกปล่อยว่างมานานแล้ว ภายในห้องมีเตียง เล็กๆเตียงหนึ่ง

เวลานี้บนเตียงกำลังนอนไว้ด้วยคนผู้หนึ่งอยู่ ซึ่งคนที่นอนก็คือ หวงเฉินฟงนั่นเอง รอบๆเตียงต่างมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงดู หวงเฉินฟงอยู่ บุคคลเหล่านั้นล้วนแต่ใส่ชุดฝึกของสำนักนภา สวรรค์ ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือ เหล่าศิษย์พี่ในตำหนักบินหลุนนั่นเอง

หวงเฉินฟงได้ลืมตารับแสงสว่างอย่างช้าๆ เมื่อเขาได้เห็น เหตุการณ์ที่เบื้องหน้าก็รู้สึกตกใจ จึงรีบถอยตัวไปยังริมเตียงที่ ติดกับผนังห้อง

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไม่ต้องกลัว พวกเราแค่จะมาดูอาการของ เจ้า” บุรุษที่ใบหน้ามีรอยแผลเป็นผู้หนึ่งกล่าวอย่างห่วงใย

“ท่านคือ…” หวงเฉินฟงยังคงหวาดระแวง

“ข้าคือ ศิษย์พี่ใหญ่เจ้า หวังฉือ”
หวงเฉินฟงยังคงตะลึงลาน เนื่องจากรอยแสบนตัวเขา ทำให้ เขาไม่กล้าที่จะไว้วางใจใครง่ายๆอีกต่อไป หวงเฉินฟงคิดจะขยับ ตัวลุกขึ้นมา

“แผลเจ้ายังไม่หายดี เจ้าไม่ต้องลุกขึ้น มา ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์ พี่ใหญ่จะแนะนำศิษย์พี่คนอื่นๆ ให้เจ้า เริ่มจาก….”

“ศิษย์ รอง หลู่ซุน”

“ศิษย์ สาม ติงเซียน”

“ศิษย์พี่สี่ ฟานเหนิง”

“ศิษย์ ห้า กงซุนเจ๋อ”

“ศิษย์พี่หก เจิ้งซูเจี้ยน”

หวังอี้เดินไปพลางชี้มือแนะนำทีละคนให้หวงเฉินฟงรู้จัก หวงเฉินฟงได้แต่มองตามอย่างเหม่อลอย

“ศิษย์น้องเล็ก พวกเราทราบเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัว ถึงอาจารย์จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ แต่ในเมื่อเจ้าเข้ามาในยิน หลุนแล้ว เจ้าก็จะเป็นศิษย์น้องเล็กของพวกเรา” หวังพูดอย่าง มีเมตตา

“ใช่ๆ ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง ถึงอาจารย์จะ ไม่สอนวิชาให้เจ้า แต่ข้าจะแอบสอนให้เจ้าเอง” เจิ้งซูเจี้ยนอด เห็นใจหวงเฉินฟงไม่ได้

“เรื่องอาหารการกินที่อยู่ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงศิษย์พี่รองจะจัดการให้เจ้าเอง” หลู่ซุนเอ่ยปากบ้าง

“ใช่ๆๆ เดี๋ยวอีกสักครู่พวกเราก็จะมาทำความสะอาดห้องนี้ให้ เจ้าแล้ว” ติงเซียนมือวางบนขอบเตียงปัดเศษฝุ่นไปมา

“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราได้เวลาฝึกกระบี่กันแล้ว หากอาจารย์ เกรงว่า ” ฟานเหนิงพลันเตือนสติ

“จริงด้วย ศิษย์พี่ใหญ่ งั้นพวกเราไปกันเถอะ” กงซุนเจือกล่าว

อย่างร้อนรน

หวังทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันหน้าไปยังเหล่าศิษย์ น้องของตน

“ก็ได้”

จากนั้นจึงหันมายังหวงเฉินฟง

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้ารักษาตัวดีๆล่ะ เดี๋ยวข้าจะมาเยี่ยมเจ้าใหม่ .” หวงเฉินฟงไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ใช้สายตาตอบรับคำ ของหวังฉือี้

“ให้ตายสิ ข้าก็เกือบลืม” กงซุนเจือล้วงมือไปในแขนเสื้อล้วง ขวดยาขวดหนึ่งออกมา

“ศิษย์น้องเล็ก นี่คือยาธาราไหลริน มันสามารถช่วยลดอาการ เจ็บปวดแล้วช่วยสมานแผลให้เร็วขึ้นได้” กงซุนเจืออธิบายสรรพ คุณแล้วจึงวางขวดยานั้นไว้ที่มุมเตียง

หวงเฉินฟงมองขวดยานั้นด้วยความซาบซึ้งและสำนึกขอบคุณ
“ศิษย์น้องกงซุน เจ้าไปได้ยาวิเศษอย่างงี้มาได้ยังไง” หลู่ซุน

ถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่รองพวกเราไปกันก่อนเถอะ ไว้ข้าจะเล่าให้ฟัง” กงซุน

เจ๋อพูดจบก็พุ่งทะยานออกจากห้อง

หลู่ซุน ติงเซียน ฟานเหนิง เจิ้งซูเจี้ยน เห็นดังนั้นจึงรีบพุ่ง ทะยานไปเช่นกัน

“ศิษย์พี่ใหญ่ไปเร็ว” เสียงของเหล่าศิษย์น้องจากดังค่อยๆเบา ไปทีละน้อย ตามระยะทาง

หวัง ยังคงมองดูหวงเฉินฟง เนื่องด้วยเด็กคนนี้มีอายุห่าง กับตัวเองเกือบสิบปี หวัง จึงมีความรู้สึกเห็นหวงเฉินฟงเป็น เหมือนน้องชาย

“ขอบ…ขอบคุณ…ศิษย์พี่ใหญ่” หวงเฉินฟงน้ำตาไหลแล้ว “ข้าไปก่อนนะ” หวังอี้พูดจบพลันบังเกิดแสงสีขาวสายหนึ่ง พุ่งไปยังนอกประตู

{เหลือเชื่อ} หวงเฉินฟงมองดูแสงสีขาวนั้นอย่างตะลึงลาน ดู จากท่าร่างนั้น ก็สามารถบอกได้ว่า หวังฉือมีฝีมือเหนือกว่า บรรดาศิษย์น้องคนอื่นๆ อยู่หลายเท่าตัว

ทุกคนต่างไปกันหมดแล้ว ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงแต่ หวงเฉินฟงคนเดียวเท่านั้น

หวงเฉินฟงมองดูขวดยานั้นที่กงซุนเจือทิ้งไว้ให้ แล้วจึงหยิบ ขึ้นมาดู เปิดจุกขวดออกอย่างช้าๆ ในใจหวงเฉินฟงพลันบังเกิดความปิติยินดี เนื่องจากถึงแม้ว่าหยางเกาเชิงจะทําเช่นนี้กับเขา แต่ว่าเขาก็ยังมีศิษย์ทั้งหลายยืนอยู่เคียงข้างเขา

หวงเฉินฟงเทยานั้นออกมาไว้ใจกลางฝ่ามือ ยานั้นเป็นยาเม็ด สีน้ำตาลเม็ดหนึ่ง ในขณะที่หวงเฉินฟงกำลังจะส่งยาเข้าปาก ทันใดนั้น ในส่วนลึกของจิตใจ พลันบังเกิดความรู้สึกที่แปลก ประหลาดอย่างหนึ่งขึ้น เหมือนกับว่าความรู้สึกที่ได้รับนี้ จะเคย ได้รับจากที่ไหนมาก่อน

ดรุณีชุดขาว!!! หวงเฉินฟงนึกออกแล้ว

ยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ไร้ซึ่งอาหาร และกำลังจะอดตาย นาง กลับหยิบยื่นหมั่นโถวลูกนึง ให้แก่เขา หมั่นโถวนั้นถึงแม้จะเป็น แค่ของกินดาดๆบ้านๆ แต่สำหรับหวงเฉินฟงแล้ว หมั่นโถวลูก นั้นยังมีค่ามากกว่าอาหารจานเด็ดบนเหลาที่ขึ้นชื่อซะอีก เมื่อ เปรียบเทียบกับน้ำใจที่ดรุณีชุดขาวมีให้

ใบหน้าที่เป็นซาปานน้ำแข็งของนางได้ผุดขึ้นมาในห้วงสมอง ของหวงเฉินฟงทันที หวงเฉินฟงพลันกลายเป็นเหม่อลอยและยิ้ม อย่างไม่รู้สึกตัว

ทันใด เขาก็รู้สึกว่า

ความรู้สึกที่ได้รับขวดยานี้จากเหล่าศิษย์ทั้งหลา หลาย ก็ไม่ต่าง

หวงเฉินฟงกินยาธาราไหลรินลงไปแล้ว จากนั้นจึงล้มตัวลง นอนแล้วนึกถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา
“ท่านพ่อท่านแม่ พ่อถัง ม่ออิง…หงเอ๋อ…” หวงเฉินฟง เนื่องจากร่างกายบอบช้ำมาอย่างมาก บวกกับฤทธิ์ของยาธารา ไหลริน ทำให้เขาหลับสนิทไปอีกรอบ

ยามนี้ ดวงตะวันเริ่มคล้อยไปทางตะวันตกแล้ว..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ