กระบี่อัคคีล้างปฐพี

เหนือความคาดหมาย



เหนือความคาดหมาย

ณ ห้องพักศิษย์ ตำหนักบินหลุน

เวลานี้ดวงอาทิตย์ได้ตกดินแล้ว ภายในห้องพักศิษย์เล็กๆ ห้องหนึ่ง มีเงาร่างเงาหนึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ซึ่งเงาร่าง นั้นก็คือ หวงเฉินฟงนั่นเอง

หลังจากที่ได้รับฤทธิ์ของยาธาราไหลรินเข้าไป ก็ทำให้หวง เฉินฟงหลับอย่างสนิทไปหลายชั่วยามเลยทีเดียว ยามนี้หวง เฉินฟงเริ่มขยับเปลือกตาและค่อยๆลืมตาขึ้น หวงเฉินฟงลุกขึ้น นั่งบนเตียงจากนั้น หันหน้าไปนอกหน้าต่างอย่างมึนงง

{แย่แล้ว นี่ขาหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ) หวงเฉินฟงตกใจ เนื่องจากนอกหน้าต่างนั้นท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว

หวงเฉินฟงเริ่มลุกขึ้นเดินสำรวจรอบห้องเล็กๆนั้น แต่ปรากฏ

ว่าห้องที่ทั้งเล็กทั้งเหม็นอับนี้กลับไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่เลย

จ๊อก จ๊อก

เสียงของความหิวโหยดังขึ้นมาจากท้องของหวงเฉินฟง

(จริงสิ วันนี้ทั้งวันเรายังไม่ได้กินอะไรเลย หวงเฉินฟงพึ่งนึก ได้ จากนั้นเขาก็กำลังจะเดินเปิดประตูออกไป

เอี๊ยด

เสียงเลื่อนประตูดังขึ้น

มิคาดกลับมีมือข้างหนึ่งซึ่งเปิดประตูเข้ามาก่อนหวงเงินฟง หวงเฉินฟงจึงได้แต่หยุดชะงัก รอดูว่าผู้ มาเป็นใคร

“ศิษย์พี่ใหญ่” หวงเฉินฟงอุทาน

ที่แท้ผู้ที่เปิดประตูมากลับเป็นหวัง ศิษย์พี่ใหญ่แห่งตำหนัก ยินหลุนนั่นเอง

“เฉินฟง เจ้าตื่นแล้วเหรอ ข้าคิดว่าเจ้าคงจะหิวแล้วล่ะสิ” หวัง

ฉือพูดจาอย่างยิ้มแย้ม

“ใช่ ข้า… ขากำลังจะไปหาของกินอยู่พอดี” หวงเฉินฟงพูด พลางลูบท้องของตัวเอง

“ฮ่าๆ เจ้าไม่ต้องไปแล้ว ข้าหยิบของกินมาให้เจ้าแล้ว” หวัง หัวเราะ พร้อมล้วงไปในแขนเสื้อ หยิบถุงที่ใส่หมั่นโถวมาถุง หนึ่งพร้อมกับยื่นให้หวงเฉินฟง

“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” หวงเฉินฟงเมื่อรับถุงมาแล้วจึงรีบแกะ

ถุงล้วงหมั่นโถวขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วกินอย่างมูมมาม

“เจ้าไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้ ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” หวังฉี อี้ยิ้มอย่างเอ็นดู

“เฉินฟง แล้วบาดแผลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“แผลข้าเหรอ… ดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอบคุณยาธาราไหลริน นั่น” หวงเฉินฟงหยุดกินครู่หนึ่งตอบหวังฉือ จากนั้นก็ก้มหน้าก้ม ตากินต่อ
“ข้าไม่เข้าใจอาจารย์ช้าเลยจริงๆ ในเมื่ออาจารย์รับเจ้าเข้า ยินหลุนแล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์” หวังพูดพลาง ทําท่าครุ่นคิด

“เรื่องนี้ไม่ต้องให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นกังวลหรอก ข้าไม่เป็นไร

“เรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่ เฉินฟงเจ้าพอจะเล่าให้ข้าฟังได้ ไหม”

หวงเฉินฟงถึงกับหยุดกินหมั่นโถวที่เหลืออยู่ในมือ มองไปยัง หวังฉี

ชั่วเวลานี้นับจากครอบครัวเพื่อนสนิทที่ล้วนจากไปแล้ว ก็มี หวังอี้และเหล่าศิษย์ทั้งหลาย ที่เปรียบเสมือนพี่น้องกับเขา หวงเฉินฟง ใคร่ครวญดูจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังหวงอี้ จึงเล่า เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ศิษย์พี่คนนี้ฟัง

หลังจากหวังฉือฟังหวงเฉินฟงเล่าเรื่องจนจบ จึงยิ่งเกิดความ เอ็นดูหวงเฉินฟงมากขึ้นกว่าเดิม

“เจ้าช่างน่าสงสารนัก” หวังพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นได้” หวงเฉินฟง ตอบอย่างเลื่อนลอย

“เฉินฟงเจ้าวางใจ ข้าจะต้องสืบหาพวกฆาตกรชุดดำพวกนั้น มาล้างแค้นให้เจ้าแน่”

“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”
“แต่ถ้าคิดว่า ข้าพอจะรู้สาเหตุแล้วล่ะ ที่อาจารย์ขาไม่ยอมรับ เจ้าเป็นศิษย์ และอคติกับเจ้า”

“เพราะเหตุใดเหรอ”

“เนื่องเพราะเจ้ากับหลิวม่ออิงถูกอาจารย์อาซึ่งเหยียนพาเข้า นภาสวรรค์มาน่ะสิ”

“นี่มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร” หวงเฉินฟงยังคงไม่เข้าใจ

“อาจารย์ข้ากับอาจารย์อาสิ่งเหยียนนั้นน่ะ แต่ไหนแต่ไรมาก็ ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ยิ่งเมื่ออาจารย์อาสิ่งเหยียนจะรับเจ้ากับหลิว ออิงเป็นศิษย์สังกัดเขาทั้งสองคน อาจารย์ขาคงรู้สึกว่าโดนทำ เกินหน้าเกินตาล่ะมั้ง…บางทีที่เขาปากบอกรับเจ้าเป็นศิษย์ต่อ หน้าเจ้าสำนัก แต่ที่จริงก็เพื่อที่จะยั่วยุอาจารย์อาสิ่งเหยียนเสีย มากกว่า”

หวัง พูดพลางทอดถอนใจ

“ถือว่านั่นคือโชคชะตาของข้า” หวงเฉินฟงพลันมีสีหน้า หม่นหมอง

“ไม่ นี่ไม่ใช่โชคชะตาของเจ้า ในเมื่อข้ารับเจ้าเป็นศิษย์น้อง เล็กแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”

“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” หวงเฉินฟงมองดูหมั่นโถวที่ถืออยู่ใน มือพร้อมตอบรับอย่างเลื่อนลอย

“ไม่เป็นไรถึงอาจารย์ข้าจะไม่สอนวิชาให้เจ้า แต่ว่าข้าจะสอนให้เจ้าเอง”
“นั่นมันไม่ผิดกฎสำนักเหรอ แอบสอนวิชาที่อาจารย์ไม่อนุ ญาติ”

“เฉินฟงเจ้าอย่าไปสนใจเลย เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ อีกอย่างข้าเองก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนน้องชายข้าคนนึง เจ้าอย่าได้ เกรงใจไปเลย”

“ศิษย์พี่ใหญ่นี่..”

“เจ้าเรียกข้าศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า หวงเฉินฟงรู้สึกเกรงใจหวัง จึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก

“ศิษย์พี่ใหญ่ รอยแผลเป็นบนหน้าท่าน” หวงเฉินฟงอดสงสัย

รอยแผลเป็นเส้นเล็กเรียวยาวที่ฝังไว้กับใบหน้าอันมีเมตตาของ หวัง อี้ไม่ได้ “เฉินฟง ตอนข้าเข้าสังกัดมาเป็นศิษย์คนแรกของอาจารย์ช้า นะ ขายังโดนมามากกว่าเจ้าเยอะ” หวังฝืนยิ้มราวกับไม่มี

เรื่องราวใดๆ

“นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวเจ้ากินเสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ เช้าเจ้าก็ไปร่วมกินข้าวกับพวกเราที่ห้องโถงใหญ่”

“เช่นนี้ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวอาจารย์ท่านจะโมโหเอาได้”

“เจ้าวางใจ นี่เป็นอาจารย์กำชับขาให้มาบอกกับเจ้าเอง”

“ได้ยังไงกัน” หวงเฉินฟงถึงกับคาดไม่ถึงว่าหยางเกาเซ็งถึง กลับเชิญให้เขาไปร่วมทานอาหารเช้าด้วย
“นั้นข้าไปก่อนนะ” หวัง ตบบ่าพร้อมเดินจากไป ทิ้งให้หวัง เฉินฟงยังคงตะลึงงันกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้

{ม่ออิง ตอนนี้เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้างนะ) หวงเฉินฟงทอดถอน ใจ มองไปยังนอกหน้าต่างที่มืดมิด…

เช้าวันใหม่ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ยามนี้แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของหวงเฉินฟง หวงเฉินฟงที่ตอนนี้ยังหลับใหลอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกถึงแสงสว่าง ชอนไชไปยังนับตา จึงยกมือมาขยี้ตา แล้วลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

{อะไรกันเนี่ย) หวงเฉินฟงถึงกับอุทานในใจ

เนื่องจากเมื่อเขามองไปรอบๆห้องพบว่า สภาพห้องเล็กนี้ เมื่อ วานที่ทั้งสกปรกทั้งเหม็นอับ ตอนนี้กลับกลายเป็นห้องที่ทั้งหอม ทั้งสะอาดสะอาดน่าอยู่ห้องหนึ่ง

{หรือว่า….}

ครีม

เสียงเปิดประตูอย่างรวดเร็วดังขึ้น

“ศิษย์น้องเล็กเจ้าตื่นแล้วเหรอ” กลับเป็นติงเซียน ศิษย์พี่สาม คนนั้นนั่นเอง

“ศิษย์พี่ สภาพห้องนี้ทั้งหมด…..

“เจ้าไม่ต้องตกใจ ข้าเป็นคนทำเองแหละ ข้าทนเห็นเจ้าอยู่ใน ห้องที่ทั้งเหม็นอับทั้งสกปรกไม่ได้หรอก”
“ขอบคุณศิษย์พี่…”

“ศิษย์พี่ใหญ่เอ็นดูเจ้าข้าเองก็เหมือนกัน เจ้าไม่ต้องขอบคุณ ข้าหรอก” ติงเซียนแย้มยิ้มกล่าว

“เฉินฟง เจ้ารีบล้างหน้าแต่งตัวเถอะ ที่ข้ามานี้ก็เพื่อตามเข้าไป กินมื้อเช้าที่ห้องโถงใหญ่กัน หากเจ้าชักช้าข้าเกรงว่า อาจารย์

“แย่แล้ว ข้าต้องรีบแต่งตัวก่อน” หวงเฉินฟงรีบลุกพรวดขึ้น มาจากเตียงทันที พอนึกถึงหน้าของหยางเกาเชิง เขากลับรู้สึก ขนลุกทุกที

ห้องโถงใหญ่ ตำหนักบินหลุน

เวลานี้ ทุกคนต่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน นั่งประจำที่โต๊ะกิน ข้าวของแต่ละคนหมดแล้ว ขาดก็แต่ หวงเฉินฟง…… หวังอี้หันไปมองหน้าตั้งเซียนอย่างอุ่นเคือง ติงเซียนทำ

สีหน้าประมาณว่า ข้าไปตามมาให้แล้วนะ

“เจ้าเด็กแซ่หวง ช่างบังอาจนัก ข้าอุตส่าใจดีให้มันมาร่วมโต๊ะ ด้วย” น้ำเสียงที่โมโหของหยางเกาเชิงดังขึ้น

“อาจารย์ ศิษย์คิดว่าเฉินฟงเขาคงกำลังมาอยู่” หวัง หวังจะ ลดเพลิงโทสะของหยางเกาเชิง

“ฉีดูเจ้าจะสนิทกับเจ้าเด็กนั่นเป็นพิเศษเลยนะ” หยางเกาเชิง ถลึงตาใส่
หวัง จึงได้แต่สงบปากคำ เหล่าศิษย์คนที่เหลือก็ไม่กล้าพูด มากกความ ต่างก้มหน้าก้มตา ภาวนาไม่ให้อาจารย์พวกเขาเอา เรื่องกับหวงเฉินฟงอีก

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าเร่งดังเข้ามา ตรงมายังห้องโถงใหญ่ “ข้ามาแล้ว” หวงเฉินฟงตะโกน

ทุกคนต่างหันมองไปยังต้นเสียง เห็นหวงเฉินฟงกำลังวิ่งอย่าง รีบร้อนเข้ามาในห้องโถงใหญ่

เมื่อหวงเฉินฟงเดินเข้าห้องโถง ใหญ่มาถึงกับต้องหยุดชะงัก เนื่องจากสีหน้าท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของหยางเกาเซ็ง หวงเฉินฟงก็ ไม่กล้าเคลื่อนไหว จึงยืนรอรับคำอนุญาติของหยางเกาเชิง

“เจ้าเด็กแซ่หวง หรือเจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา” หยางเกาเชิง พูดด้วยน้ำเสียงที่เนิบนาบ

“ข้า…ข้าผิดไปแล้ว ท่านหยางโปรดอภัยด้วย” หวงเฉินฟง พูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นจบจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้น

{เมื่อวานมีคนของเจ้าสำนักมาตรวจตรา ถ้าหากพวกเขารู้ว่า ข้าทำอะไรกับเจ้าเด็กนี่ลงไป ข้าคงต้องโดนศิษย์พี่เจ้าสำนักลง โทษเป็นแน่

หยางเกาเชิงครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ที่แท้ ที่เขาเชิญ หวงเฉินฟงมาร่วมมื้อเช้าที่ห้องโถงใหญ่นี้ ก็เพื่อกลบเกลื่อนคน จากตำหนักใหญ่นั่นเอง
“เจ้าเด็กแซ่หวง ข้าเองก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำกับเจ้าถึงกับให้เจ้า อดตาย อีกทั้งเจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อยสิบขวบ ข้าจะไม่ถือสาเจ้า หวงเฉินฟงพอได้ฟังน้ำเสียงคำพูดเช่นนี้ อดสงสัยในใจไม่ได้ ว่าบุคคลตรงหน้านี้ ใช่หยางเกาเชิงคนเดิมกับเมื่อวานหรือไม่

“…” หวงเฉินฟงยังคงไม่กล้าลุกขึ้น

ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายต่างหันไปมองหน้ากัน เนื่องจากพวก เขาเองก็คาดเดาความคิดของหยางเกาเชิงไม่ออก

“พอแล้ว จะคุกเข่าอีกนานแค่ไหน ไปนั่งที่

“ASU…”

หวงเฉินฟงยังคงไม่เชื่อสิ่งที่ตนเห็นเบื้องหน้า เขาค่อยๆลุกขึ้น เดินไปนั่งยังโต๊ะเตี้ยของเขาอย่างหวาดระแวง

“พวกเจ้ายังรออะไรกัน คนครบแล้วก็กินสิ”

หยางเกาเชิงพูดอย่างมีน้ำเสียง

ทุกคนรวมทั้งหวงเฉินฟงจึงเริ่มลงมือกินมื้อเช้ากันอย่าง เอร็ดอร่อย

{เกอะซิ่งเหยียน เจ้าคงจะไปบอกศิษย์พี่เจ้าสำนักให้มาตรวจ ตราเจ้าเด็กน้อยนี่สินะ หึ ข้าจะไม่ยอมเปิดช่องโหว่ให้เจ้าเอาผิด ข้าได้หรอก

หยางเกาเชิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์คิดอยู่ในใจ

หลังจากทุกคนกำลังตักกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยครู่หนึ่ง
เสียงตบโต๊ะพลันดังขึ้น

เหล่าศิษย์ทั้งหลายพากันหยุดมือจากการกิน มองไปยังหยาง เกาเชิง

หวังอี้รู้สึกเป็นห่วงแทนหวงเฉินฟง เขาหันไปมองหยางเกา เชิง เมื่อเห็นสายตาของหยางเกาเชิงจ้องมองไปยังหวงเฉินฟง เขาจึงรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

แต่คนที่ตกใจหวาดหวั่นมากที่สุด ก็คือหวงเฉินฟงนั่นเอง ใน ที่สุดความหวาดระแวงของเขาก็เป็นจริงแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอก ที่หยางเกาเชิงจะเกิดใจดีกับเขาขนาดนี้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ หวง เฉินฟงเหงื่อตก จ้องมองตอบหยางเกาเซ็งด้วยสายตาที่ หวาดหวั่น

“อาจารย์…กับข้าวไม่ถูกปากท่านหรือ” หลู่ซุน ศิษย์พี่รอง เอ่ย ปากทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียด

“เจ้าหุบปากไป” หยางเกาเชิงตวาดหลู่ซุนจึงได้แต่สงบปากคำไปตบตบเสียงสั่นสะท้านการเต้นของหัวใจหวงเฉินฟงดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะ

{เอาเถอะ ข้าพร้อมยอมรับชะตากรรมแล้ว) หวงเฉินฟงฝืนยิ้มในใจ

หยางเกาเชิงกับหวงเฉินฟงจอมมองหน้ากันครู่หนึ่ง ราวกับว่า

เวลาในห้องโถงนี้ถูกหยุดเอาไว้ราวกับภาพวาดก็ไม่ปาน “เจ้าเด็กแซ่หวง วันนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าอย่างเป็นทางการ”

เสียงที่ออกมาจากปากของหยางเกาเพิ่งกลับกลายเป็นน้ำ

เสียงที่ราบเรียบ ไม่มีวี่แววจะเกิดความขุ่นเคืองแม้แต่น้อย

หวงเฉินฟงพลันงงงันยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก

ไม่เพียงแค่หวงเฉินฟง เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็หันไปมอง หน้ากันอย่างงุนงงเช่นกัน ..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ