กระบี่อัคคีล้างปฐพี

ข้างบ่อน้ำใต้แสงจันทร์



ข้างบ่อน้ำใต้แสงจันทร์

ณ บ่อน้ำเก่าแก่ เชิงเขาคุณหลุน

ยามนี้ดวงจันทราได้ลอยขึ้นส่องแสงสีเหลืองส่องประกายบน ท้องฟ้าแล้ว ลมเย็นจากเทือกเขาคุนหลุนได้พัดมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ข้างๆ บ่อน้ำเก่าแก่นั้น มีเงาร่างสอง สายกำลังนั่งเคียงข้างกัน

“ศิษย์พี่ ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าเหตุใดเส้นทางหลังเขา ถึงเป็นเขตหวงห้ามล่ะ” หวงเฉินฟงซึ่งยามนี้นั่งหลังพิงข้างบ่อ ได้เอ่ยถาม

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน… ข้ารู้เพียงแต่ท่านพ่อได้ออกกฎนี้ต่อ เหล่าศิษย์ในสํานักทุกคน” ตู้กูหงทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง แต่ก็ไม่ ได้ค่าตอบ

“แต่ท่านเองก็ยังแอบเข้ามา” หวงเฉินฟงพูดพลางหันหน้าหัน

มายิ้มให้ตู้กูหง “เจ้าเด็กบ้า เจ้ากล้าล้อเลียนข้า” ตู้กหงหน้าแดง ตบฉาดไปที่ บ่าของหวงเฉินฟงเบาๆ

“หรือว่า เส้นทางนี้ เมื่อก่อนมีเหตุการณ์ที่พิเศษเกิดขึ้น มิเช่น นั้นทำไมเจ้าสำนักถึง….

“พอแล้ว ท่านพ่อข้ารู้ดีแหละน่าว่าควรทำเช่นไร พวกเราที่ยัง เป็นเด็กอย่าไปสนใจให้มากความเลย”
ทันใดนั้นจู่ๆ หวงเฉินฟงก็ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเหมือ ลอย และมองไปยังแสงจันทร์ที่ส่องสว่างเพียงดวงเดียว ตกหง เห็นดังนั้น จึงรู้สงสงสัย

จึงสะกิดถาม

“เฉินฟง เจ้าใช่กำลังคิดถึงใครอยู่ ใช่หรือไม่”

“ข้ากำลังคิดถึง ครอบครัวของข้า ท่านพ่อท่านแม่..ท่านพี่ พริบตานั้นหวงเฉินฟงได้ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

ตู้กูหงเห็นดังนั้นจึงอดสงสารไม่ได้ จึงยื่นมือไปลูบหลังหวัง เฉินฟงอย่างเอ็นดู

หวงเฉินฝูงใจสั่นสะท้าน ความรู้สึกอันแปลกประหลาดพิเศษ นั้นบังเกิดขึ้นอีกครา หวงเฉินฟงได้เหลียวหน้าช้าๆไปสบตากับ กูหง พริบตานั้นในความคิดของเขา มีเพียงกหงเท่านั้นที่ สามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นจากโลกมนุษย์ที่แสนโหดร้ายได้

“ศิษย์พี่” หวงเฉินฟงเรียกตู้กหงด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ศิษย์น้อง เจ้าไม่ต้องกลัว เจ้ายังมีข้าอยู่” ตู้กหงได้รวบหวง เฉินฟงมากอดไว้ ในยามนั้นใบหน้าของกูหงได้มีประกายน้ำตา ขึ้นมาบ้างแล้ว

หวงเฉินฟงรู้สึกว่าความอบอุ่นที่ได้รับนี้ มีค่ามากกว่าสิ่งใดๆ

ทั้งหมด

เด็กน้อยสองคนได้โอบกอดกันอย่างแนบแน่นภายใต้แสง จันทร์ ท่ามกลางความหนาวเหน็บของลมภูเขา
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง

หวงเฉินฟงได้คลายมือที่โอบกอดกหง ค่อยๆนั่งตัวตรงที่เดิม ส่วนกหงก็ได้มองหวงเงินฟงด้วยประกายน้ำตา

“เฉินฟง หรือว่าครอบครัวของเจ้า…”

“พวกเขาตายหมดแล้ว… ล้วนเป็นฝีมือของพวกคนชุดดำ” หวงเฉินฟงกัดฟันพูดอย่างใจเย็น

“พวกคนชุดด่าเหรอ แล้วเจ้าเห็นหน้าตาพวกมันหรือไม่ ข้าจะ ได้ไปบอกท่านพ่อให้ล้างแค้นให้เจ้า

“ข้าไม่ได้เห็นหน้าตาพวกมัน เพราะว่าพวกมันทุกคนล้วนใส่ หน้ากาก”

ตู้กูหงมองดูหวงเฉินฟงอย่างเวทนา นางมีความรู้สึกว่าเด็ก ชายคนนี้มีชะตากรรมอันโหดร้ายเกินไปแล้ว

หวงเฉินฟงเห็นกหงมองตนเช่นนั้น จึงฝืนยิ้มแล้วจึงเล่าเรื่อง ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้นางทราบ ตู้กูหงฟังแล้วก็อดทอดถอน ใจไม่ได้

“เอวถัง เขาเสียสละชีวิตเพื่อให้ข้ากับม่ออิง…

“นี่แล้วทำไมเจ้ากับหลิวม่ออิงถึงไม่ได้เป็นศิษย์ร่วมสังกัด เดียวกันล่ะ”

“เรื่องนี้…ข้าขอไม่ตอบท่านได้ไหม”

“ตามใจเจ้าสิ ใครจะอยากสนเรื่องของเจ้ากัน” ตู้กูหงทำท่าอนใส่

“เกรงว่าพรุ่งนี้ ….”

“เรื่องของพรุ่งนี้ เจ้าจะคิดไปทำไม เจ้าวางใจมีศิษย์พี่คนนี้อยู่ ไม่มีใครทําอะไรเจ้าได้หรอก พวกเรานอนกันเถอะ” ตู้กูหงพูดจบ ก็ทิ้งตัวลงนอนที่ข้างบ่อน้ำนั้น

หวงเฉินฟงเห็นดังนั้นก็อดฝืนยิ้มไม่ได้ เขาจึงได้ล้มตัวนอนบ้าง หวงเฉินฟงนอนเอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากแล้วหลับตาลงอย่าง

ช้าๆ

ราตรีนี้ช่างยาวนานนัก

เช้าวันใหม่ แสงอาทิตย์สาดส่องบนท้องฟ้า

หวงเฉินฟงลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วกวาดตาไปด้านข้าง ทันใดนั้นหวงเฉินฟงก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาจากพื้น พร้อมทำท่าทาง ลุกลนเหมือนกำลังหาใคร ที่แท้กหงที่นอนข้างๆเขาได้ อันตรธานหายไปแล้ว

“ศิษย์พี่!!! ศิษย์พี่!!!” หวงเฉินฟงตะโกนร้องเรียกหา

ทันใดนั้นที่ตาของเขาก็ได้ถูกปิดด้วยมือคู่หนึ่ง เป็นมือที่นุ่มนิ่ม และหอมหวน

“ให้ทายข้าเป็นใคร” เจ้าของเสียงกลับเป้นตู้กูหงเอง พริบตา นั้นหวงเฉินฟงภายใน ใจบังเกิดความยินดีเป็นอย่างมาก

“ท่าน.. ท่านเป็นใคร” หวงเฉินฟงแกล้งทำเป็นตกใจ ไม่รู้ว่าผู้ที่ปิดตาเขาคือใคร

ทันใดนั้นมือข้างนั้นก็ได้ชักกลับ เปิดแสงสว่างให้กับดวงตา ของหวงเฉินฟง

หวงเฉินฟงเหลียวหลังหันไปมอง แล้วทำท่าทางตกใจ

“ศิษย์พี่ ที่แท้เป็นท่าน!!”

“ศิษย์น้อง เจ้านี่ทีมจริงๆเลย แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นข้า” ตู้กูหง ยกมือปิดปากหัวเราะอย่างมีความสุข

ในใจหวงเฉินฟงรู้สึกยินดีสุดจะบรรยาย เนื่องเพราะเขารู้ว่า

มีแต่ทำแบบนี้เท่านั้น ตู้กูหงถึงจะมีความสุขได้

“ศิษย์ ท่าน …ท่านงามมาก” หวงเฉินฟงพูดเสียงแผ่วเบา โดยแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้สึกตัว

“เจ้าว่าอะไรนะ” ตู้กูหงทำหน้าสงสัย

หวงเฉินฟงค่อยรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์ของตน

“ฮะ เปล่าๆๆ ข้าแค่บอกว่า ข้ากันมาก” หวงเฉินฟงพูดพลาง

ทําท่าเกาแขน

“เจ้านี่นะ ข้าเองก็นอนกับเจ้าทั้งคืน ทำไมข้าไม่เห็นโดนแมลง กัดเลย”ตู้กูหงหัวเราะด้วยท่าทางอ่อนหวาน

“นั้น..นั่นสินะ”

“ศิษย์น้อง ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกเราก็ควรไปกันได้แล้วล่ะ” ตู้กูหงพูดพลางวิ่งไปหยิบถังที่ใส่น้ำมาให้หวงเฉินฟง
พริบตานั้นหวงเฉินฟงพลันมีสีหน้าที่เด็ดเดี่ยว ยื่นมือไปรับถัง ใส่น้ำที่เต็มถังจากหง

“ไปกันเถอะ ศิษย์พี่” หวงเฉินฟงพูดพลางก้าวเดินไปอย่าง

ช้าๆ

“รอด้วยศิษย์น้อง” ตู้กูหงวิ่งไล่ตามไป

สายลมพัดผ่าน เด็กน้อยทั้งสองคนได้ขึ้นเขาจากไปแล้ว ทิ้ง ไว้เพียงแต่ความทรงจำอันสวยงามที่บ่อน้ำเก่าแก่แห่งนี้

ณ ตำหนักบินหลุน

“อ้า ศิษย์หลานหงเอ๋อของข้านี่เอง เรื่องนี้ทำเจ้าลำบากแล้ว หยางเกาเชิงกล่าวรับด้วยความยินดี

“อาจารย์อา เป็นข้าไม่ดีเอง มิเช่นนั้นเฉินฟง เขาคงกลับมา ก่อนตะวันตกดินเมื่อวานแล้วล่ะ” ตู้กูหงกล่าวด้วยท่าที่น่าสงสาร

“ไม่เป็นไรๆ อาจารย์อาเข้าใจเจ้า เรื่องที่เจ้ากับศิษย์ของข้า ล่วงล้ำเข้าไปในเขตหวงห้ามหลังเขานั้น อาจจะไม่บอกกับพ่อ ของเจ้า”

“ขอบคุณค่ะ อาจารย์อาเกาเชิง” ตู้กูหงคำนับตามมารยาท

พริบตานั้นกหงหันไปมองหวงเฉินฝูงที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ด้วย สายตาที่สงสาร หยางเกาเซ็งเห็นเช่นนั้น จึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“หงเอ๋อเจ้าวางใจ สำหรับเรื่องของเฉินฟงข้าจะไม่ตำหนิเขา อย่างแน่นอน” หยางเกาเชิงยิ้มกล่าวให้กับตู้กูหง
“เช่นนี้ศิษย์หลานก็วางใจ ขอบคุณมากค่ะอาจารย์อาเกาเชิง

“เจ้าก็กลับตำหนักไปหาท่านพ่อของเจ้าเถอะ เจ้าหายไปทั้งคืน ข้าว่าเวลานี้ เขาคงกำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่นะ”

“ศิษย์หลานทราบแล้ว” ตู้กูหงคารวะพลางถอยกายไป และเมื่อตกหงเดินผ่านข้างกายหวงเฉินฟง ก็ได้เรื่องมอง มายังหวงเฉินฟง พร้อมฝากคำพูดที่ว่า

“ศิษย์น้อง เจ้ารักษาตัวด้วย”

หวงเฉินฟงรู้สึกมีกลิ่นกายอันหอมหวนมาแตะที่ปลายจมูก แต่ ชั่วเวลานั้นเขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวหน้าไปมองนาง เนื่องจาก ยังมีผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขา หยางเกาเชิง……

ตู้กูหงจากไปแล้ว เวลานี้ภายในตำหนักยินหลุน เหลือเพียง หวงเฉินฟงกับหยางเกาเซ็ง สองอาจารย์ศิษย์กำมะลอ กำลังยืน ประจันหน้ากันอยู่

“อาจา…ย์” หวงเฉินฟงพูดมาถึงกลางคันถึงกับต้องหยุดพูด เนื่องจากใบหน้าที่ถลึงตึงของหยางเกาเชิงได้จ้องมาที่เขาอย่าง กับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ท่านหยาง ข้า…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” หวงเฉินฟง พลันเปลี่ยนคำเรียกหา แล้วโค้งกาย พร้อมกำลังจะถอยออกจาก ห้องโถงตำหนัก

“เจ้าเด็กแซ่หวง หยุดเดี๋ยวนี้” หยางเกาเซิงตวาดใส่
หวงเฉินฟงจึงหยุดตามเสียงตวาดนั้น พร้อมกับทอดถอนใจ

” ข้าบอกว่าข้าจะไม่ตำหนิเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้า จะไม่ลงโทษเจ้า” เสียงอันกระหยิ่มยิ้มย่องของหยางเกาเชิงดัง มาจากด้านหลัง

หวงเงินฟงหลับตาลง เนื่องจากเขารู้แล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้น ต่อจากนี้

พอถึง…..ข้าคิดถึงพี่เหลือเกิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ