กระบี่อัคคีล้างปฐพี

เงาสะท้อนของพี่ชาย



เงาสะท้อนของพี่ชาย

ลานฝึก ตำหนักยินหลุน

เสียงกรีดกระบี่ที่หวีดหวิวดังขึ้นเป็นระยะๆ ที่แท้เป็นเหล่า ศิษย์แห่งตำหนักยินหลุน กำลังฝึกซ้อมวิชากระบี่กันอยู่ แต่ละคน หน้าตาเขม็งตึงเครียดกันอย่างเอาจริงเอาจัง

หวังก็กำลังร่ายรำกระบี่อยู่เช่นกัน แต่รายกระบี่ได้กลางคัน ก็หยุดลง มือถือกระบี่ปล่อยห้อยตกลงข้างกาย ในใจเขาตอนนี้ กำลังระส่ำระส่าย เนื่องจากเป็นห่วงศิษย์น้องเล็กของเขา หวง เฉินฟง

{ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ) หวังยืนนิ่งครุ่นคิด อย่างเหม่อลอย

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วงไป ศิษย์น้องเล็กไม่เป็นไรหรอก” หลู่ซุนซึ่งกำลังกรีดกระบี่อยู่เห็นหวังยืนเหมื่อลอยจึงกล่าว

“ใช่ๆๆ ยังไงซะตอนนี้อาจารย์ก็รับเขาเป็นศิษย์แล้ว” กงซุน เจ๋อหยุดมือจากการฝึกมาพูดบ้าง “ข้าเกรงว่า อาจารย์จะไม่คิดถ่ายทอดวิชาให้เฉินฟงน่ะสิ”

หวังอี้พูดพลางทอดถอนใจ

“เอาเถอะ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ไปถ่ายทอดวิชาให้ศิษย์น้องเล็กก็ได้” เจิ้งซูเจี้ยนกล่าว

“พวกเจ้าไม่ต้อง เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ยิ่งมากคนยิ่งมากความ

“ศิษย์พี่ใหญ่ มาลองรับข้าซักสามกระบวนท่า” ตั้งเซียนหวังจะ กระตุ้นความคิดฝึกวิชาของหวังอี้ จึงท่าเปลี่ยนเรื่อง

“ได้ งั้นมาให้ศิษย์พี่คนนี้รับรู้ความรุดหน้าของฝีมือเจ้าหน่อย” หวัง พลันถือกระบี่ขึ้นมา ตรงไปยังติงเซียน

ใบไม้บนพื้นที่อยู่รอบตัวหวัง พลันสั่นไหวขึ้นมา…

ห้องครัว ตำหนักยินหลุน

เพลง !!!

เสียงจานชามตกแต่งดังแว่วเข้ามาจากในห้องครัว

{แย่ล่ะสิ} หวงเฉินฟงอุทานอย่างแตกตื่น ในใจเขาก้มดูเศษ จานชามที่แหลกละเอียดอยู่ที่พื้น จากนั้นรีบหันซ้ายหันขวา สำรวจรอบข้างอย่างหวั่นใจ เนื่องจากหากหยางเก่าเพิ่งมาเห็น เข้า เกรงว่าบนร่างของเขาคงจะเพิ่มรอยแส้อีกหลายสายเป็นแน่

แต่ทว่าสิ่งที่หวงเฉินฟงหวาดกลัวกลับไม่ได้เป็นดั่งที่คิด ภายในห้องครัวที่ทั้งเล็กและสปรก ใครเล่าที่จะอยากย่างกราย เข้ามา

{โชคยังเข้าข้างเรา หวงเฉินฟงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขา เอามือทั้งสองข้างกลบเศษจานชามที่ตกแตก แล้วโยนเข้าไปใน กองพื้นที่อยู่ข้างนอกประตู
เมื่อเขาหันหน้ากลับมามองภาชนะที่เหลือกองเท่าภูเขาอีกกอง หนึ่ง จึงได้แต่หลับตาลงอย่างท้อใจ…

ปาจื่อหลิน หลังเขาคุนหลุน

เวลานี้เป็นยามเย็นแล้ว ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนแรงลง ป่า จื่อหลินเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และเงียบสงบแห่งหนึ่งบนภูเขาคน หลุน ถึงแม้ป่าจื่อหลินจะมีอาณาบริเวณอยู่ที่ด้านหลังเขาคุนหลุน แต่ว่าป่าแห่งนี้อยู่คนละเส้นทางกับเขตหวงห้ามที่หวงเฉินฟงกับ ตู้กหงลงไปตักน้ำในบ่อน้ำเก่าแก่ด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่เป็นการผิ ดกฎของสำนักนภาสวรรค์หากจะมีเหล่าศิษย์หรือคนในสำนัก ย่างกรายเข้ามาที่ป่าแห่งนี้

ตึก ตึก ตึก

ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่เงียบสงบ กลับมีเสียงฝีเท้า ของคนวิ่งเข้ามา ฝูงนกที่เกาะตามกิ่งไม้ต่างแตกตื่น โบยบินขึ้น ท้องฟ้า

ผู้ที่มากลับเป็นหวังฉือี้ !!

หวัง หลังจากฝึกวิชากับศิษย์น้องคนอื่นๆเสร็จ ก็คิดจะมาหา หวงเฉินฝูงที่ห้องครัว แต่ทันทีที่มาถึงห้องครัว กลับไม่พบเงา ร่างของหวงเฉินฟงแล้ว เมื่อถามคนในตำหนักยินหลุน จึงได้ ทราบว่าหวงเฉินฟงหลังจากทําความสะอาดภาชนะเสร็จ ก็โดน ใช้ให้ไปตัดฟืนที่ป่าจื่อหลินด้านหลังเขาแห่งนี้ เขาจึงได้ตามมา ทันที

“เฉินฟง เฉินฟง” หวังตะโกนเรียกหาหวงเฉินฟง หลังจากที่เข้ามาในเขตป่าจื่อหลิน

หวังตะโกนเรียกหาอยู่นานหลายคำ กลับไม่พบเสียงขา

นรับแต่อย่างไร หวัง พลันกังวลขึ้นมาทันใดว่า เด็กน้อยที่ ชะตาอาภัพผู้ที่เปรียบเสมือนน้องชายของเขาคนนี้ จะเป็นอะไร ไป แต่ขณะที่หวังอีกำลังใจคอระส่ำระส่ายอยู่นั้น หูของเขาพลัน

ได้ยินเสียงอะไรแว่วมาตามสายลม

ปีก ปีก

หรือนั่นมิใช่เสียงคนกำลังตัดไม้อยู่หรือ หรือหวงเฉินฟงจะอยู่ ที่นั่น

ทันทีที่หวังฉือได้ยินเสียงดังกล่าว ความกังวลภายในใจของ เขาก็ได้คลายลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังต้น เสียงอย่างรีบเร่ง

และในที่สุดหวังฉีก็ได้มาถึงต้นทางของเสียงนั้นแล้ว!!

เบื้องหน้าสายตาของเขาพบกับ เด็กหนุ่มอายุราวแปดถึงสิบปี คนหนึ่งสวมใส่ชุดสีขาวพาดคอปกสีฟ้าซึ่งเป็นชุดของศิษย์สำนัก นภาสวรรค์ กำลังขมักเขม้น ในการตัดต้นไม้จนหลั่งเหงื่อโซม กาย ซึ่งเด็กหนุ่มคนนั้นคล้ายกับยังไม่รู้การมาของหวัง

“เฉินฟง” หวังฉีอี้ตะโกนไปยังเด็กหนุ่มผู้นั้น

ในที่สุดเด็กหนุ่มผู้นั้นจึงได้หยุดมือจากการจับขวานผ่าต้นไม้ แล้วหันหน้ามาตามเสียงเรียกอย่างสงสัย
“ศิษย์พี่ใหญ่” สุ่มเสียงที่ดีใจได้เปล่งออกมาจากปากเด็กหนุ่ม

ผู้นั้น

ซึ่งเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือหวงเฉินฟงนั่นเอง “ศิษย์พี่ใหญ่ท่านมาได้ยังไงกันเนี่ย

“เฉินฟง ลาบากเจ้าแล้ว”

“ไม่ศิษย์พี่ ไม่ลำบากเลย ข้ารู้สึกดีออก ได้ฝึกกำลังแขนด้วย” หวงเงินฟงหัวเราะอย่างอื่นๆ

หวัง มองดูสีหน้าการหัวเราะที่ขัดกันของหวงเฉินฟงแล้วก็

ทอดถอนใจ

“ข้าคิดไว้แต่แรกแล้วว่าอาจารย์ขาคงไม่รับเจ้าเป็นศิษย์อย่าง ง่ายดายเป็นแน่”

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แต่ก็ช่างมันเถอะขอเพียงแค่เขาไม่เอาแล้มาฟาดข้าอีกก็พอ ฮ่าๆๆ”

“ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง เฉินฟงเจ้าไม่สงสัยบ้างเลยเหรอ”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ความสงสัยในหัวข้ามันเยอะเกินไปแล้ว ข้าเพียง คิดแต่ว่าจะมีชีวิตอยู่รอดเพื่อวันต่อไปได้ยังไง” หวงเฉินฟงก้ม หน้าพูดด้วยท่าทีที่สลดใจ

“นั่นเป็นสาเหตุที่ข้ามาหาเจ้าที่นี่ไง” หวังเดินเข้ามาจับบ่า ของหวงเฉินฟงอย่างเอ็นดู
“ท่านคงไม่ได้คิดจะ…”

“ใช่แล้ว ข้าจะถ่ายทอดวิชาให้เจ้า

“ไม่ได้นะ ศิษย์พี่ใหญ่ หากอาจารย์เข้า ท่านเองก็จะพลอย ลำบากไปด้วย”

“เฉินฟง รับกระบี่” หวังฉือล้วงมือไปในแขนเสื้อโยนกระบี่มา ให้หวงเฉินฟงเล่มหนึ่ง

หวงเฉินฟงได้แต่รับกระบี่อย่างมึนงง

“ศิษย์พี่ใหญ่ข้าว่าอย่าดีกว่า อีกอย่าง ข้ายังตัดไม้ไปผ่าฟืนไม่ เสร็จเลย” หวงเฉินฝูงเริ่มร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าไม่ต้องกังวล เรื่องพวกนี้หลังจากข้าถ่ายทอดวิชาให้เจ้า เสร็จ ข้าจะทำแทนเจ้าเอง”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้า..”

“หากเจ้ายังกล่าวอีก แสดงว่าเจ้าไม่เห็นศิษย์พี่คนนี้อยู่ใน

สายตา”

หวงเฉินฟงจึงได้แต่หุบปากไปอย่างไม่มีอะไรจะโต้แย้ง จาก นั้นหวัง พลันสอดมือไปในแขนเสื้ออีกข้าง ชักกระบี่ของตนเอง ออกมา

“เฉินฟง วันนี้ข้าจะสอนกระบวนท่าพื้นฐานที่สำคัญสามทําให้ กับเจ้า” หวัง พลันกลายเป็นมีสีหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

“” หวงเฉินฟงพลันบังเกิดความตื้นตันใจ จนไม่สามารถจะพูดค่าใดๆออกมาได้

ทันใดนั้น ภาพหวังฉือที่เบื้องหน้าในสายตาของหวงเฉินฟง พลันสลายหายไป จากนั้นกลายเป็นภาพอีกบุคคลหนึ่งปรากฏ แทนที่เบื้องหน้าหวงเฉินฟง

หวงอวถัง!!!! เป็นใบหน้าหวงอวถังที่กำลังหันมายิ้มให้เขา อย่างเอ็นดู

ในยามซาบซึ้งใจ ความคิดของหวงเฉินฟงได้เหม่อลอยออก ไป ความรู้สึกที่ได้รับจากหวัง ราวกับได้ที่รับจากหางอวถังเลย ก็ไม่ปาน

ช่างคล้ายกันนัก…

“เฉินฟง เจ้าดูให้ดีนะ ท่าที่หนึ่ง ลมหวนเมฆา” จากนั้นหวัง จึงกรีดกระบี่ลงกับพื้น แสดงกระบวนท่าที่หนึ่งให้หวงเฉินฟงดู อย่างช้าๆ

ทันทีที่หวงเฉินฟงได้ยินหวัง พูด เขาจึงได้ตื่นจากห้วงภวังค์ ภาพหวงอวี้ถังพี่ชายของเขาจึงได้สลายหายไป

ภาพที่เบื้องหน้าเหลือเพียงแต่ หวังที่กำลังแสดงกระบวน

ท่ากระบี่ให้เขาดูอย่างช้าๆ

หวงเฉินฟงเห็นดังนั้น จึงไม่รีรอ เขาได้กรีดกระบี่ ร่ายกระบวน ท่าตามหวังอย่างเก้ๆกังๆ

“ดีเฉินฟง เจ้าลองทำท่าลมหวนเมฆาอีกรอบซิ”
“ครับ ศิษย์พี่ใหญ่” จากนั้นหวงเฉินฟงจึงวาดกระบวนท่าที หวังอี้สอนให้ดูอีกครั้งอย่างช้าๆ หวังจ้องมองดูศิษย์น้องเล็กที่เสมือนน้องชายคนนี้ฝึกกระบี่

อย่างมีความสุข

ทันใดนั้น หวังฉือสีหน้าพลันเกิดความสงสัยต่ออากัปกิริยา ของหวงเฉินฟง เนื่องจากหวงเฉินฟงยังวาดกระบวนท่ายังไม่ทัน จบ มือเท้าพลันแข็งเกร็งไม่กล้าวาดกระบวนท่าต่อ

หวัง พลันสังเกตสีหน้าของหวงเฉินฟง จึงพบกับความแตก ตื่นตกใจราวกับพบเห็นปีศาจบนใบหน้าของหวงเฉินฟง

หวัง จึงหันมองไปตามสายตาที่แตกตื่นพรั่นพรึงของหวง เฉินฟงอย่างช้าๆ ทันใดนั้น สีหน้าของเขาจึงปรากฏความแตกตื่นพรั่นพรึงไม่

แพ้กัน

เนื่องจากบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา

หยางเกาเชิง…..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ