ตอนที่ 107 คนต่ำต้อยที่น่าเศร้าใจ
ตอนที่ 107 คนต่ำต้อยที่น่าเศร้าใจ
จิดาภาเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความผิดอะไรแต่ดันไป อยู่ท่ามกลางพายุใหญ่นั่น และในสถานการณ์เช่นนี้ เธอยัง สามารถเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ญาณินีนอกจากชื่นชมในความ สามารถทางการแสดงของเธอแล้วนั้น ยังชื่นชมคุณสมบัตินี้ใน ตัวเธอด้วย
มองพวกเธอคุยกันอย่างสนุกสนานเช่นนี้ คมสรถึงกับต้อง
ปาดเหงื่อ
เขาไม่รู้เลยว่าจิดาภาต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่เขาจะยอม ให้เป็นเช่นนั้นต่อไปไม่ได้เกิดเรื่องที่เขาปิดบังไว้ ญาณินี้รู้เข้า
ล่ะก็…
คิดได้ดังนั้นแล้ว เขาจึงเข้าร่วมบทสนทนาของพวกเธอทั้ง
สองคนด้วย
“ผมยังจำที่คุณญาณินีเป็นผู้มองรางวัลให้คุณจิดาภาที่งาน
เทศกาลภาพยนตร์คิมโก้ได้อยู่เลยครับ”จากนี้ของคุณจะดียิ่งขึ้นไปนะคะ”
คมสรพยักหน้าเห็นด้วย
ขณะนั้นคุณธรรศก็นั่งอยู่ทางด้านข้างญาณินี หากยังคุยกัน ต่อนั้น คงจะสร้างความไม่พอใจให้กับKBนัก ญาณินีจึงยิ้มแล้ว หันกลับไปสนใจตรงหน้าเวทีแทน
จิดาภาเพิ่งสัมผัสได้ว่าจริงๆแล้วคมสรมีเจตนาที่จะขัดขวาง
การสนทนาของพวกเธอ
เขาอยากจะหยุดการพูดคุยกันระหว่างพวกเธอ ขัดขวางเพื่อ ไม่ให้เธอได้เข้าใกล้ ญาณินี แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ เธอจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
โอกาสเช่นนี้ หากมากเกินไป อาจจะทำให้ญาณินี้ไม่พอใจ
ก็ได้
โทรศัพท์มือถือของเธอสั่น เป็นจิรภาสที่ส่งข้อความมาหา
เธอ
“ความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
จิดาภาตอบกลับเป็นการแสดงอารมณ์ผิดหวังไป แล้วสูดลม
หายใจเข้าลึกๆ
ผ่านไปไม่นาน ญาณินีลุกไปเข้าห้องน้ำ
จิดาภาเห็นว่าคมสันกำลังจะลุกขึ้น เธอจึงเอ่ยเรียกเขาไว้ ก่อน “คุณจะไปหาคุณญาณินีหรือคะ?”
คมสรมองเธอ แล้วกลับที่นั่งของตัวเอง “คุณจิดาภา โอเลได้ ตอบกลับคุณไปแล้ว คุณไม่เหมาะที่จะเข้ามาอยู่ที่โอเลหรอก ครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรที่ส่งผลต่อคุณญาณินีอีกเลย”
“แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเรื่องที่ฉันจะเข้าโอเล คุณญาณินีดู เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะคะ”
จิดาภาเอ่ยออกมา อารมณ์ที่ส่งผ่านแววตาลึกซึ้งดัง
มหาสมุทร
เวลานั้น คมสรเองก็รู้สึกอับอาย “จริงๆแล้วคุณญาณินีมีเซ็น ลงในความคิดเห็นของคุณ แต่ผมรู้สึกว่าคุณไม่เหมาะสม ผม ไม่ได้กังวลสิ่งที่คุณคุยกับคุณญาณินีหรอกนะครับว่าสุดท้าย แล้วจะเป็นอย่างไร ผมเพียงแค่รู้สึกว่า ในสถานการณ์แบบนี้ หากความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมาจริงๆ เกียรติของคุณทั้งสองคนต่างหากครับที่จะเสียหาย”
“คุณขวางทางคนอื่น เข้ามาที่โอเลก็ไม่มีใครสนับสนุนคุณ
อยู่ดี”
“ใช่หรือคะ? ไม่นึกเลยนะคะว่าผู้จัดการของโอเลจะมีความ สามารถเช่นนี้ ปิดบังประธานบริษัทแล้วทำตามอำเภอใจเช่นนี้” ในใจของเธอนั้นรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้าของเธอ ไม่ได้แสดงออกมาเช่นนั้นเลย
“เรื่องของคุณกับคุณจงกลผมพอได้ยินมาบ้าง ผมกับเธอ เราไม่ได้เดินเส้นทางเดียวกัน แต่เรื่องนี้ผมยอมรับการตัดสิน ใจของเธอ อีกอย่างคุณสมบัติคุณเองก็ไม่สอดคล้องกับกฎ ของstar plan จริงๆครับ”
“เงื่อนไขของคุณตอนนี้ก็ไม่เลวนี่ครับ มีโอกาสที่จะได้เซ็น สัญญากับบริษัทอื่นๆอีกหลายบริษัท KBเองก็ไม่ใช่ว่าต้องการ ตัวคุณอยู่หรือ?”
“คุณอย่าคิดเลยครับ โอเลไม่เปิดประตูรับคุณหรอก”
ที่เขาพูดออกมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะให้จิตาภาเลิกหวังโอกาสเช่นนี้แน่ มิเช่นนั้นเธอจะกลายเป็นตัวตลกขึ้นมาทันที
คมสรยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ แต่เขารู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่า จิดาภาไม่ได้แสดงอาการผิดหวังหรือกังวลอะไรออกมาเลย กลับมีแต่ความสงบนิ่งเพียงเท่านั้น
“คุณกับคุณจงกลไม่ได้เดินทางเดียวกันจริงๆแหละคะ เพราะ คุณไม่เหมือนเธอ เธอเกลียดฉัน ที่ฉันไปขวางทางของศิลปิน ที่เธอเป็นคนดูแลอยู่ จึงวางแผนใส่ร้ายฉัน ในวงการนี้มันคง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…แต่สิ่งที่คุณทำทั้งหมดนี้มันแย่ยิ่งกว่า เสียอีกค่ะ คุณทำลายความเชื่อใจที่คุณญาณินีมีต่อคุณ”
“ใช้ถ้อยคำที่สวยงามมาอวดอ้างคนที่ด้อยกว่าตัวเองแบบนั้น
ช่างน่าเศร้าใจที่สุดเลยนะคะ”
คมสรจ้องหน้าจิดาภา แต่กลับโต้แย้งเธอกลับไปไม่ได้
“ฉันจะทำให้คุณเห็นว่าฉันสามารถเข้าไปยังโอเลได้ หลังจาก
นั้น เราค่อยมาคิดบัญชีกันแล้วกันนะคะ คุณคมสร”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้คมสรถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่ คิดเลยว่าจิดาภาจะแข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ มิน่าจงกล
ถึงจะตัดทุกโอกาสของเธอให้ได้แบบนั้น
หากเธอเข้ามายังโอเลจริงๆล่ะก็ สถานการณ์ต่อจากนี้คงจะ ยากที่จะคาดเดานัก
คมสรไม่ได้คุยอะไรกับจิดาภาต่ออีก หลังจากที่ญาณินึกลับ มาแล้วจนจบงานเดินแบบนั้น พวกเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก แล้วแขกที่มาร่วมงานก็ค่อยทยอยกับออกจากงานไป
จิรภาสมองจิดาภาอยู่ไกลๆ แล้วนำไปที่ลานจอดรถก่อน
ในเมื่อวันนี้ไม่ราบรื่นนัก ก็ต้องคิดหาวิธีใหม่
จิดาภารู้ เธอจึงเลี่ยงออกมาหาเขาอีกทางด้านหนึ่ง
คมสรเห็นจิดาภาเดินขึ้นบันไดไปแล้ว จึงรู้สึกโล่งใจ ดูแล้วจ ดาภาจะเป็นศัตรูตัวเก่งของพวกศิลปินหญิงคนอื่นจริงๆ
“คุณญาณินีครับ ผมไปขับรถออกมาก่อนนะครับ” คมสรกล่าว แล้วรีบเดินออกไปทางประตูข้าง
พอดีกับที่ญาณินีค่อยๆเดินออกมา แล้วพบกับคุณธรรศที่เดิน ตามหลังเธอออกมาพอดี ตลอดงานนี้พวกเขาแทบไม่ได้พูด คุยอะไรกันเลย
“คุณธรรศคะ ฉันคุยกับคุณจิดาภามากไปเสียหน่อย คุณคงจะ
ไม่ว่าอะไรนะคะ?”
“ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้วครับ” เขามองเธออย่างมีความหมาย “คุณอยากจะเซ็นสัญญากับเธอหรือครับ?”
หากเปรียบกับโอเลแล้ว ความสามารถของKBนั้นห่างจาก
บริษัทนี้ไปมากจริงๆ
“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่ได้ยินมาว่าคุณจิ ดาภาจะเซ็นสัญญากับทางKBแล้ว สุภาพชนคงไม่แย่งของรัก ของคนอื่น หวังว่าพวกคุณจะทำงานด้วยกันอย่างราบรื่นนะคะ”
“คุณจิดาภา? ” คุณธรรศมองคนขับรถที่ขับรถมา จึงสายหน้า ปฏิเสธ “น่าจะมีอะไรเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ คุณจิดาภาปฏิเสธที่ จะเซ็นสัญญากับทางKBแล้วนะครับ”
แล้วหลังจากนั้นเขาก็ขึ้นรถจากไป
ญาณินีมองรถที่ขับไปไกล แล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
แล้วสักพักหนึ่ง คมสรก็ขับรถมา เธอเปิดประตูขึ้นรถ แล้ว พลางคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง “คุณคมสร ข่าวที่ว่าจิดาภาเซ็นสัญญากับทางKBนี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ ยืนยันแน่ชัดแล้วครับ” คมสรปาดเหงื่อ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ญาณินีถึงเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้น
“คุณลองไปพยายามชิงตัวเธอมาหน่อย ดูว่าจะทำให้เธอมา เซ็นสัญญากับบริษัทเราได้ไหม?”
“คุณญาณินีครับ หากเป็นเช่นนั้นแล้วความสัมพันธ์ระหว่าง เรากับKBคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดน่าดู เพื่อเพียง แค่จิดาภาเพียงคนเดียว มันจะคุ้มกันหรือครับ?”
เธอไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่สายตานั้นแสดงออกถึงอารมณ์ โมโหของเธอ เธอรู้ดีถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ระหว่างคมสรและ จงกล และก็รู้เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นภายในบริษัทด้วยเช่นกัน เดิมทีเธอคิดว่าคมสรจะซื่อสัตย์ต่อเธอ แต่ดูเหมือนตอนนี้ เขา กลับทำให้เธอผิดหวังยิ่งกว่าจงกลเสียอีก
ระหว่างทาง จิดาภาดื่มชาที่จิรภาสได้เตรียมไว้ให้เธอ
“วันนี้อากาศเย็น ถ้าวันนี้รู้เร็วกว่านี้ว่าจะไม่สำเร็จล่ะก็ ผมจะ ไม่ให้คุณมา” เขาเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกเสียใจ “ผมเห็นว่าคุณนั่งใกล้ๆกับคุณญาณินี ไม่มีโอกาสเลยหรือ?”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ” เธอใช้มือถูไปมาที่แก้วชานั้น “ลูกน้อง ของคุณญาณินี คนที่เป็นผู้จัดการคนนั้น ที่ชื่อคมสร พอฉันคุย กับคุณญาณินีที่ไรเขาก็จะเข้ามาขวางไว้ตลอด…ฉันเลยมารู้ที หลังค่ะ ว่าที่คุณช่วยส่งประวัติของฉันไปที่โอเล เป็นเขากับคุณ จงกลที่เป็นคนคัดออก”
“หากคำนวณตามเวลาที่ถูกตอบกลับไปนั้น อาจจะเป็นไปได้ ค่ะว่าคุณญาณินีไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย”
“ถึงแม้ว่าฉันจะอธิบายทุกอย่างกับเธอไป ในสถานการณ์ แบบนั้น ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะเชื่อฉันหรือเปล่า ก็เลย ปล่อยลูกน้องคนนั้นของเธอไป อีกอย่างฉันก็ไม่อยากทำให้ ความสัมพันธ์มันวุ่นวายด้วยค่ะ ดีไม่ดีสุดท้ายแล้วคุณคมสรนั่ นอาจจะพูดใส่ร้ายฉันอีกก็ได้”
จิรภาสพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณคิดถูกแล้วล่ะ”
เขาโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด “คุณวางใจเถอะ คนคนนี้ ผม
จำเขาไว้แล้วล่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ